webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

577

บทที่ 577 เขย่าบัลลังก์

บางทีอาจเป็นเพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทุกคนต่างเห็นสิ่งที่เซี่ยเชาฉวินทำเป็นเรื่องปกติไปแล้ว รวมทั้งในอดีตที่เธอปั้นเถาเฉินมากับมือด้วย ทุกคนล้วนคิดว่าสิ่งที่เซี่ยเชาฉวินทำนั้นเป็นเรื่องที่ดีที่สุดและสมควรที่สุดอยู่แล้ว สิ่งที่เธอทุ่มเทมาทั้งหมดก็ล้วนเป็นสิ่งที่เธอควรทำ มิเช่นนั้น เธอจะถูกขนานนามว่าเป็นผู้จัดการมือทองอันดับหนึ่งของซื่อจี้หยินเหอได้ยังไงและจะมีสิทธิ์อะไรที่จะได้ร่วมงานกับนักแสดงหญิงอย่างเถาเฉิน จนลัวหยิ่นต้องยกหุ้นส่วนให้เธอ

เบื้องหลังสิ่งที่เธอทุ่มเทมาทั้งหมดนั้น ทุกคนล้วนรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ แม้กระทั่งเซี่ยเชาฉวินเองยังรู้สึกคุ้นชินไปกับมันแล้ว

แต่ว่า คำขอบคุณของเจียงเซ่อในวันนี้ ทำให้เซี่ยเชาฉวินค้นพบว่ามันมีความหมายกับตัวเธอมากเพียงใด

จางฉือไปส่งเธอที่บ้าน ตอนแรกคิดว่าหลังจากผ่านเรื่องคืนนี้ เจ้านายดูยังไม่ค่อยได้สติ คงจะไม่ทำงานต่อแล้ว

เขากำลังคิดว่าคืนนี้ไม่แน่ว่าอาจจะได้เลิกงานก่อนเวลา ใครจะรู้ว่าเขาเพิ่งจะจอดรถและเปิดประตูรถให้เซี่ยเชาฉวินก็เห็นเจ้านายที่ก่อนหน้านี้ดูเหม่อกลับมาเคร่งขรึมและมีไหวพริบเหมือนเดิม ตอนลงรถยังสั่งให้เขาหอบเอาเอกสารลงมาอีกด้วย

“หา?”

เขาอดไม่ได้ ความสงบนิ่งที่ได้รับการขัดเกลามาจากการอยู่กับเซี่ยเชาฉวินมานานหลายปีเกิดเป็นรอยร้าวขึ้นมา

“คุณเซี่ยยังจะทำงานต่อหรือครับ”

สายตาของเซี่ยเชาฉวินบ่งบอกว่าเขาพูดจาไร้สาระ “งานคืนนี้เยอะมาก นอกจากจะเจรจากับนักข่าว ถ้าให้ดีที่สุดจะต้องรู้ว่าข่าวพรุ่งนี้จะส่งผลเสียต่อเจียงเซ่อหรือเปล่า และยังต้องเตรียมเอกสารเพื่อใช้ประชุมที่บริษัทในวันพรุ่งนี้อีก”

ถ้าทำอย่างที่เธอพูด จางฉือคิดว่าคืนนี้ตนเองคงไม่ได้นอนแล้ว

เซี่ยเชาฉวินเก็บความตกตะลึงก่อนหน้านี้ไปแล้ว ตอนนี้ร่างกายเหมือนเต็มไปด้วยพลัง คำพูดของเจียงเซ่อไม่เพียงแค่ทำให้เธอหยุดอยู่ที่เดิม แต่ยิ่งทำให้เธออยากเดินไปข้างหน้าให้เร็วกว่าเดิม

สำหรับหลายคน คืนนี้อาจจะเป็นคืนที่ไม่อาจข่มตาหลับ

นอกจากเซี่ยเชาฉวินที่กำลังยุ่งอยู่กับงาน นักข่าวจำนวนมากก็กำลังต่อสู้กับหัวข่าวของวันพรุ่งนี้ คนจำนวนไม่น้อยยังคงพูดถึงงานเลี้ยงการกุศล ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ ที่จัดขึ้นในค่ำคืนนี้อย่างไม่ขาดปาก

ไม่ว่าจะเป็นการแย่งชิงระหว่างเจียงเซ่อและเถาเฉิน หรือหลังจากเจียงเซ่อบรรเลงเพลงจบแล้วมอบต้นฉบับมูลค่าห้าล้านให้เถาเฉิน ล้วนเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างต่อเนื่อง

เถาเฉินเองก็นอนไม่หลับ เธอเข้าวงการมานานหลายปี มีภาพลักษณ์ที่ดี หลังจากมีชื่อเสียงขึ้นมา คนจำนวนมากล้วนเอาใจเธอ ทางบริษัทก็สนับสนุนเธอ เธอไม่ได้เสียเปรียบใครเหมือนคืนนี้มานานแล้ว

หลังจากเสร็จจากการให้สัมภาษณ์กับนักข่าว จากนั้นก็ติดต่อกับ Chapman ตัวแทนจาก Steinway เสนอว่าจะซื้อเปียโนที่เจียงเซ่อเล่นคืนนี้ เสร็จจากการติดสินบนนักข่าว พอกลับถึงบ้านก็เกือบตีสามแล้ว

ผู้ช่วยและซ่งอี้ต่างตามเธอเข้าบ้านไป เธอเปลี่ยนรองเท้า ผู้ช่วยหญิงถอดถุงเท้าให้เธอ จึงพบว่า เท้าของเถาเฉินเป็นตุ่มน้ำหลายตุ่มแล้ว บางตุ่มแตกและมีเลือดซึมออกมา ดูแล้วชวนปวดใจมาก

รองเท้าที่ใส่คืนนี้ เป็นรองเท้าใหม่จากแบรนด์ที่เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ส้นเข็มสูงมากกว่าห้านิ้ว เธอใส่ยืนมาหลายชั่วโมงเลยโดนกัดจนเป็นแผล แน่นอนว่าไม่ใช่แผลที่เพิ่งเกิด แต่เธอกลับอดทนโดยไม่บ่นสักคำ

ตอนนี้หลังจากถอดรองเท้า สีหน้าของเธอยังคงปกติ ดูไม่ออกว่าเจ็บปวด

ผู้ช่วยพลางใส่รองเท้าให้เธอ พลางฟังเธอสั่งซ่งอี้

“คืนนี้เธอจ้องข่าวจากสื่อต่างๆ เอาไว้ พยายามสืบเนื้อหาข่าวก่อนที่พวกเขาจะเผยแพร่และนัด Chapman ให้ฉันวันพรุ่งนี้ ภารกิจหลักคือจะต้องได้ครอบครองเปียโนที่บริษัทเขาเอามาโชว์ในคืนนี้ให้ได้”

เจียงเซ่อมอบ ‘ของขวัญชิ้นใหญ่’ ให้กับเธอ ถ้าเธอไม่ขอบคุณ บางทีเธออาจจะต้องจมน้ำลายของแฟนคลับของเจียงเซ่อตายแน่

สำหรับเถาเฉินแล้ว คืนนี้ถือว่าเสียเปรียบมาก

เปียโนตัวที่บริษัท Steinway มีเพียงตัวเดียวในโลก และเป็นงานฝีมือที่ไม่สามารถคัดลอกได้ เรื่องมูลค่านั้น แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลังจากเถาเฉินขอซื้อเปียโนตัวนั้นกับ Chapman ในงานคืนนี้ แต่ว่าChapman กลับปฏิเสธอย่างไม่ลังเล

เธอจะต้องได้เปียโนตัวนั้นมาครอบครอง สิ่งที่ต้องเสียไปไม่ใช่เพียงเงินทอง แต่ยังต้องใช้สินบนที่ตนเองเคยติดเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้ นี่ต่างหากที่สำคัญที่สุด

พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ ในใจของเถาเฉินก็ลุกเป็นไฟ

ตอนที่เธอนั่งลงบนโซฟา ซ่งอี้ยังคงสังเกตสีหน้าของเธออย่างระมัดระวัง

ผู้ช่วยยกน้ำชาร้อนมาให้เธอ เธอยกแก้วน้ำชาขึ้นมา หลับตาลงเพื่อพักผ่อน ไม่มองซ่งอี้อีก ราวกับว่าเดาออกว่าเขาอยากพูดอะไร

“เธออยากถามอะไร”

“คุณเถาครับ วันนี้ท่านประธานลัวโทรมา บอกว่าคุณลัวไม่พอใจมาก”

ทันทีที่เถาเฉินได้ยินคำพูดนี้ก็ลืมตาขึ้นมาทันที วินาทีนี้เธอเก็บซ่อนความเหนื่อยล้าและความกังวลทั้งหมดไว้ในใบหน้าที่ถูกดูแลเป็นอย่างดี

ตีสามกว่าแล้ว วันนี้ผ่านเรื่องราวมามากมาย เถาเฉินคงจะเหนื่อยมากแล้ว แต่เธอยังคงอดทน เพื่อแก้ปัญหาที่ตนเองก่อเอาไว้

“ลัวอ้าวเป็นคนโทรมาหรือ”

ดูเธอจะให้ความสำคัญกับจุดนี้มาก ซ่งอี้พยักหน้า เห็นว่าเธอวางแก้วในมือลง ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวหัวเราะเสียงเย็นแล้วพูดว่า

“คุณลัวไม่พอใจแล้วจริงๆ แม้กระทั่งคนที่โทรมาแจ้ง ยังเป็นลัวอ้าว!”

ก่อนจะแย่งกับเจียงเซ่อ ความจริงเถาเฉินก็เดาออกแล้วว่าตนเองจะทำให้ลัวหยิ่นโกรธ แต่ว่าเสือสองตัวไม่สามารถอยู่ถ้ำเดียวกันได้

ในตอนที่ชื่อเสียงและฐานะของเจียงเซ่อกำลังค่อยๆ มากขึ้น ทั้งงานแบรนด์แอมบาสเดอร์และหนังแต่ก็มีเพียงเท่านี้ ในสถานการณ์ที่คนล้นงานแบบนี้ เธอจะวางมือได้ยังไง

เห็นได้ชัดว่าทางบริษัทจะให้การสนับสนุนเจียงเซ่อ ถ้าเธอไม่แย่ง อาจจะถูกคนอื่นเข้ามาแทนที่ หลายปีหลังจากนี้ ในวงการบันเทิงจะยังมีที่ยืนสำหรับเธออีกเหรอ

เธอรู้ว่าลัวหยิ่นจะไม่พอใจ แต่เธอก็ได้คิดทบทวนดูแล้ว ถ้าเจียงเซ่อกลายเป็นดาวดับ ไม่ว่าทางบริษัทจะไม่พอใจกับทางกระทำของเธอมากเพียงใด อย่างมากก็แค่พักงานเธอสักระยะ ถ้าเธอไม่มีคู่แข่งคนนี้ เธอก็จะยังเป็นเถาเฉิน

เธอมีผลงาน มีฐานแฟนคลับ มีฝีมือการแสดง มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

แต่ว่า ตอนนี้ทุกไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้ ทำให้ทางบริษัทโกรธ ถึงขั้นที่ลัวหยิ่นไม่ยอมโทรหาเธอด้วยตัวเอง นี่เป็นการยืนยันว่าเธอได้ถูกบริษัทลอยแพไปแล้วหรือเปล่า

“แต่ว่า ได้ข่าวว่าฝั่งของเจียงเซ่อเองก็โดนทางบริษัทลงโทษเหมือนกัน”

ซ่งอี้เห็นว่าใบหน้าของเธอนิ่งขรึมดั่งสายน้ำ จึงรีบปลอบใจเธอ

“โจวเซิงโทรมาบอกผมแล้วว่า คุณลัวโทรหาเจียงเซ่อและบอกแล้วว่าจะลงโทษเจียงเซ่อยังไง”

คำพูดของเขาไม่ได้ทำให้เถาเฉินดีใจขึ้นมา ในห้องผู้ช่วยทั้งหลายไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจเสียงดัง และซ่งอี้ยังคงพูดต่ออีกว่า

“นั่นแสดงว่า คุณลัวก็ยังเห็นความสำคัญของคุณอยู่มาก…”

การกระทำของโจวเซิงที่เป็นถึงผู้ช่วย หลายข่าวอาจจะสามารถสืบมาได้ แต่บางข่าวถ้าหากว่าลัวหยิ่นไม่อยากพูดถึง เขาก็ไม่มีทางรู้

โดยเฉพาะการลงโทษเจียงเซ่อ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณลัวจงใจพูด เขาก็ไม่มีทางมาบอกเถาเฉินได้ไวขนาดนี้

นี่เป็นการยืนยันว่า ลัวหยิ่นเองก็ได้แสดงออกถึงความไม่พอใจต่อตนเองที่เป็นคนก่อเรื่องขึ้นมา สายนี้ลัวอ้าวเป็นคนโทรมา ก็ถือว่าเป็นการตักเตือนแค่เล็กๆ น้อยๆ ในขณะเดียวกันก็ใช้โจวเซิงเป็นคนมาบอกเถาเฉินว่าเจียงเซ่อเองก็โดนลงโทษ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการปลอบใจเถาเฉินแบบอ้อมๆ

แต่ในอีกด้านหนึ่ง ลัวอ้าวเป็นคนโทรหาเถาเฉินและทางเจียงเซ่อแม้จะโดนลงโทษเหมือนกัน แต่ลัวหยิ่นเป็นคนโทรหาด้วยตนเอง ซึ่งก็ชัดเจนแล้วว่า ใครสำคัญใครไม่สำคัญ

“เห็นความสำคัญเหรอ ไม่...” เถาเฉินส่ายหน้า พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดในใจ “เรื่องนี้แสดงให้เห็นเพียงแค่ว่า คุณลัวให้ความสำคัญกับเจียงเซ่อมากกว่า”

เพราะให้ความสำคัญกับการพัฒนาในอนาคตของเธอเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้เธอมีจุดบกพร่องเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะชื่อเสียงหรือข่าวในด้านลบ คุณลัวจึงเป็นคนไปถามไถ่ด้วยตัวเอง

ซ่งอี้ไม่เข้าใจ เถาเฉินจึงหันมองเขาแวบหนึ่ง

“รักมากเลยเป็นห่วงมาก เธอไม่เข้าใจหรือ”

พอเธอพูดแบบนี้ ซ่งอี้ก็เข้าใจทันที

“แต่โจวเซิงบอกว่า บทลงโทษของคุณลัว นอกจากบทหนังที่เจียงเซ่อรับเล่นไว้แล้วอย่าง ‘เซียนหยวน’ และการการถ่ายโฆษณาของรถสปอร์ต ELYSEES แล้ว งานทุกอย่างของเธอจะต้องหยุดเอาไว้ก่อน และบังคับให้เธอรับหนังเรื่อง ‘Suspect’ ที่คุณรับเอาไว้ โดยแสดงเป็น ‘จงฉี’ ซึ่งเป็นนางรอง ถือว่าเป็นการชดเชย ‘ความผิด’ ของเธอในคืนนี้”

ทางบริษัทแก้ไขปัญหาแบบนี้ สำหรับซ่งอี้แล้วอาจจะดูเข้าข้างเถาเฉิน ไม่ได้ทำเพียงเพราะต้องการรักษาเจียงเซ่อไว้เท่านั้น

แม้ว่าคนที่โทรบอกเถาเฉินจะเป็นลัวอ้าว แต่ลัวอ้าวเพียงบอกว่า ‘ตักเตือน’ ไม่มีบทลงโทษที่แน่ชัดกับเถาเฉิน ซ่งอี้รู้สึกว่าแบบนี้เหมือนบริษัทต้องการปกป้องเถาเฉินมากกว่า

เถาเฉินนวดขมับ คืนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ตอนนี้จิตใจของเธอยังคงกระวนกระวาย ข้างกายยังมีผู้จัดการที่ต้องคอยให้เธอสอนอีก

ตอนนี้ อยู่ๆ เธอก็คิดถึงเซี่ยเชาฉวิน เธออยู่กับเซี่ยเชาฉวินมานานหลายปีและร่วมงานกันอย่างราบรื่น ไม่ว่าปัญหาจะใหญ่แค่ไหน เมื่ออยู่ในมือของเซี่ยเชาฉวินแล้วก็ล้วนเหมือนมีมีดมาคอยตัดปัญหาออกอย่างรวดเร็วเสมอ และสามารถแก้ไขปัญหาไปได้อย่างง่ายดาย

ตอนนั้นเธอเพียงแค่ต้องจดจ่อกับงานการแสดง รักษาเรื่องภาพลักษณ์ของตนเองและความสัมพันธ์กับเจ้าของแบรนด์เท่านั้น ไม่เคยรู้สึกว่าต้องมีเรื่องแบบนี้เข้ามากวนใจมาก่อน

เรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับทางบริษัท เซี่ยเชาฉวินเป็นคนจัดการและประสานงาน ความสัมพันธ์กับสื่อต่างๆ เซี่ยเชาฉวินก็เป็นคนรับผิดชอบ เมื่อเทียบกันแล้ว เธอในตอนนั้นรู้สึกผ่อนคลายกว่ามาก

เสียดายที่สุดท้ายเซี่ยเชาฉวินเลือกที่จะวางมือและเธอก็ไม่ได้ห้าม

สำหรับเถาเฉินในตอนนั้น การที่เซี่ยเชาฉวินทิ้งตนเองแล้วเลือกนักแสดงหน้าใหม่ สำหรับเธอเป็นการทำให้เธอขายหน้าและความอวดดี เธอคิดว่าการเลือกของเซี่ยเชาฉวินในตอนนั้นวู่วามเกินไป เธอเองก็ไม่มีความจำเป็นต้องลดตัวลงไปอ้อนวอน

จนถึงตอนนี้ เมื่อเถาเฉินมองย้อนกลับไปแล้ว ถ้าตอนนั้นตนเองไม่เย่อหยิ่ง ยื้อเซี่ยเชาฉวินเอาไว้ จุดจบในของวันนี้คงไม่เหมือนตอนนี้

แต่ว่า จนถึงตอนนี้ ตอนที่มีความคิดแบบนี้เกิดขึ้นในหัวของเธอ เธอถึงค่อยค้นพบว่าถึงแม้ตนเองอยากจะยื้อเซี่ยเชาฉวินเอาไว้ ถึงแม้ทั้งสองจะอยู่ด้วยกันมานานหลายปี แต่ก็ยังไม่ใช่เพื่อน แม้จะอยากยื้อเธอเอาไว้ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะใช้เหตุผลอะไร

“จัดการเรื่องนักข่าวให้เรียบร้อย แล้วค่อยนัดคุณ Chapman ให้ฉัน กำหนดเวลาร่วมทานอาหารของฉันกับ Chapman ให้เร็วที่สุด” ส่วนเรื่องที่ทางบริษัทให้เธอถ่ายหนังเรื่อง ‘Suspect’ กับเจียงเซ่อ เถาเฉินหรี่ตา นี่ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่ให้เธอได้ ‘ร่วมงาน’ กับเจียงเซ่อดีๆ สักครั้ง ความแค้นที่ตนเองแพ้ในคืนนี้ ยังต้องเอาคืนให้สาสมจากหนังเรื่องนี้

ในเมื่อวิธีทั้งหมดนี้ไม่สามารถทำให้เธอเสียเปรียบได้ ถ้าอย่างนั้น ก็ใช้หนังในการ ‘สั่งสอนบทเรียนชีวิตให้เธอ’ และให้ทางบริษัทและแฟนหนังได้เห็นว่า ใครกันแน่ที่ดีที่สุด!

“ได้ครับ” ซ่งอี้พยักหน้า มองเถาเฉินที่เข้มแข็งได้อย่างรวดเร็ว ความพ่ายแพ้ของเธอหยุดอยู่ในสายตาของเธอเพียงไม่นาน เธอก็กลับไปเป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานคนเดิม

“เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดี”

ถ้าคิดในทางที่ดี อย่างน้อยเพราะเรื่องคืนนี้ เถาเฉินก็ได้สานสัมพันธ์กับ Chapman เมื่อก่อนถ้าต้องการติดต่อกับเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ยังไงก็ตาม บริษัท Steinway ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับคนในวงการบันเทิงมาก่อนและอยู่กับศิลปะเสียมากกว่า สามารถฉวยโอกาสนี้สร้างมิตรภาพอันดีกับบริษัท Steinway ได้ เมื่อก่อนเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เถาเฉินเครียดมาก ตอนนี้ทั้งโอกาสและข้ออ้างก็ล้วนอยู่ตรงหน้าเถาเฉินแล้ว ถ้าสามารถใช้โอกาสนี้คว้าผลงานที่เกี่ยวข้องกับ Steinway มาได้ ฐานะของเถาเฉินก็จะสูงขึ้นกว่าตอนนี้อีกมาก

ศักดิ์ศรีที่เสียไปในคืนนี้ เมื่อเทียบกับโอกาสเหล่านี้แล้ว ถือว่าเล็กน้อยมาก

ผู้คนมักจะจดจำแค่ผู้ชนะเท่านั้น ขอแค่สามารถจดจำความสำเร็จในอนาคตของเธอได้ ก็จะไม่มีคนมาคอยจับจ้องเรื่องน่าขายหน้าในคืนนี้อีกต่อไป

เถาเฉินเข้าวงการมานานหลายปี จึงเข้าใจปัญหานี้อย่างรวดเร็ว

วันต่อมา ข่าวหน้าแรกของสื่อต่างๆ มีเรื่องที่เจียงเซ่อกับเถาเฉินแย่งต้นฉบับโน้ตเปียโนกันในงานเลี้ยงการกุศลเมื่อคืนจริงๆ

แต่ว่า เพราะเถาเฉินควบคุมได้ทันเวลา คำพูดจากสื่อต่างๆ จึงล้วนดีขึ้นมาก

ตอนที่เจียงเซ่อกำลังกินข้าวเช้า โม่อานฉีก็นำไอแพดมาเปิดข่าวให้เธออ่าน “‘พี่น้องรักใคร่ปรองดอง เจียงเซ่อเสียห้าล้านประมูลต้นฉบับของ Amadeus ให้เถาเฉิน ลบล้างข่าวลือเรื่องความขัดแย้งทั้งหมด’ อะไรกันเล่า นักข่าวพวกนี้กล้าเขียนทุกอย่างจริงๆ เขียนซะเหมือนจริงเลย!”

ผลลัพธ์แบบนี้โม่อานฉีเดาออกตั้งแต่แรกแล้ว โชคดีที่ข่าวดูเข้าข้างเถาเฉินเป็นพิเศษ แต่สำหรับเจียงเซ่อก็ไม่ถือว่าเป็นข่าวด้านลบ เพราะฉะนั้นเธอเพียงบ่นไปหลายคำ แล้วก็อดกลั้นไว้

เจียงเซ่อเลื่อนดูหลายข่าว ล้วนมีเนื้อหาเหมือนกัน มีเพียงแค่เว็บไซต์ของหัวเซี่ยจือซวิ่นเท่านั้นที่ทำให้เธอหยุดสายตาลงทันที

ไม่ใช่เหตุผลอื่นใด เพราะเนื้อหาในพาดหัวข่าวของหัวเซี่ยจือซวิ่นมันเปลี่ยนไปแล้ว!

หนึ่งนาทีก่อนหน้านี้ เจียงเซ่อมั่นใจมากว่า ข่าวหน้าหนึ่งของหัวเซี่ยจือซวิ่นนั้นเขียนเกี่ยวกับเรื่องที่เธอประมูลต้นฉบับโน้ตเปียโนแล้วมอบให้เถาเฉิน แต่หลังจากที่เธอเลื่อนอัปเดต ข่าวนี้กลับกลายเป็นข่าวที่ตรงข้ามกับ ‘พี่น้องรักใคร่ปรองดองลบล้างข่าวความขัดแย้ง’ ก่อนหน้านี้ แต่กลายเป็นพาดหัวข่าว ‘เจียงเซ่อกับเถาเฉินเกิดการแย่งชิงกัน’ ขึ้นมาแทน

“ใครเป็น ‘พี่น้องรักใคร่ปรองดอง’ กับเธอกันล่ะ ‘ควักเงินห้าล้านเพื่อประมูลต้นฉบับให้ผู้รู้ใจ’ อี๋! ข่าวนี้...” โม่อานฉียังบ่นอยู่ แต่ก็สังเกตเห็นท่าทางของเจียงเซ่อหลังจากเลื่อนไปเจอข่าวพวกนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วหางตาเธอก็เหลือบไปเห็นข่าวจากหัวเซี่ยจือซวิ่นที่แสดงอยู่บนหน้าจอทันที

ข่าวนี้เป็นข่าวที่เพิ่งเผยแพร่ออกมา ก่อนหน้านี้พาดหัวข่าวของหัวเซี่ยจือซวิ่นก็แถมั่วเหมือนสำนักอื่นๆ

พอเจียงเซ่อคลิกเข้าไป ก็เห็นรายละเอียดในข่าวทันที

ในงานเลี้ยงการกุศลที่ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ จัดขึ้น เจียงเซ่อพูดคุยอย่างสนิทสนมกับผู้ดูแล ELYSEES ในประเทศ สงสัยว่าอาจจะกำลังมีโอกาสได้ร่วมงานกัน!

เพียงแค่เนื้อหาของหัวข่าว เจียงเซ่อก็สามารถจินตนาการได้เลยว่า จะสร้างความฮือฮาให้กับชาวเน็ตที่เฝ้าดูสถานการ์มากเพียงใด

หลายปีมานี้ ในสายตาของคนในหัวเซี่ย แบรนด์แอมบาสเดอร์ที่แสดงภาพลักษณ์ของ ELYSEES ควรจะเป็นของเถาเฉินแต่เพียงผู้เดียว ถ้าเจียงเซ่อร่วมงานกับ ELYSEES ก็ถือว่าเขย่าบัลลังก์ของเถาเฉิน ข่าว ‘พี่น้องปรองดอง’ ของเธอกับเถาเฉิน ก็แน่นอนว่าจะต้องจบไป ไม่แปลกที่หัวเซี่ยจือซวิ่นจะพาดหัวข่าวว่า ‘เกิดการแย่งชิง’ แบบนี้ออกมา