webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

574

บทที่ 574 จินตนาการ

หลังจากเจียงเซ่อเล่นจบก็นั่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเก็บโน้ตเพลง

คนในงานเพิ่งจะรู้สึกตัว ในโซนสื่อมวลชนเถาเถาปรบมืออย่างสุดชีวิต จนฝ่ามือแดงและร้อนขึ้นมา

ตอนที่เจียงเซ่อแสดงหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ จ้าวร่างเคยบอกว่าเปียโนที่เธอเล่นในตอนถ่ายทำ เธอเป็นคนเล่นด้วยตัวเอง

ตอนนั้นคนที่เชื่อมีไม่มาก เพราะเชื่อในสิ่งที่เห็นมากกว่าสิ่งที่ได้ยิน

ถ้าไม่ได้เห็นกับตา คนจำนวนมากคงคิดว่านี่เป็นเพียงแค่กลยุทธ์ที่จ้าวร่างสร้างขึ้นเพื่อโปรโมทหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ ส่วนเป้าหมายก็เพื่อผลักดันเจียงเซ่อและกวาดรายได้

“ในหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ ในตอนนั้น ฉันคิดว่าฉาก ‘สาวในฝันหันหลังเล่นเปียโน’ เป็นภาพที่เจียงเซ่อดูงดงามมากที่สุดในชีวิตแล้ว”

แต่ว่า ตอนนี้หลังจากได้ยินเธอเล่นจริงๆ แล้ว ก็เพิ่งจะรู้ว่าเธอสร้างความประทับใจกับผู้คนได้มากเพียงใด

เสี่ยวจางจากหัวเซี่ยจือซวิ่นอุทาน

“อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกเข้าใจหลี่ชิงหยางที่เกือบจะตกหลุมรัก ‘สาวในฝัน’ ที่เล่นเปียโนตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ในหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ แล้วล่ะ”

อวี๋จือหลินพยักหน้าอย่างสุดชีวิต “หลังจากเก็บงานแล้วฉันจะไปรื้อฟื้นหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ อีกรอบ”

คำพูดแบบเดียวกับเสี่ยวจางและอวี๋จือหลินดังขึ้นรอบๆ ตัวเถาเถาอย่างไม่ขาดสาย เธอทั้งประทับใจและภูมิใจ

ความกังวลและความตื่นตระหนกที่เกิดจากการที่เถาเฉินและเจียงเซ่อแย่ง ‘โน้ตเพลง’ กันนั้น ก็เหมือนจะโดนความสามารถอันน่าประทับใจนี้ปัดเป่าจนหายไปหมด

“เถาจื่อ เธอดูเจียงเซ่อสิ”

ซูหมิ่นเอาแขนกระทุ้งเถาเถาเบาๆ ทีหนึ่ง เถาเถามองไปตามสายตาของเธอ เห็นเจียงเซ่อเดินกลับไปบนเวทีพิธีกรอีกครั้ง ในมือข้างหนึ่งยังคงถือต้นฉบับเอาไว้และอีกข้างถือไมโครโฟนเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าเธอยังมีอะไรจะพูด

เธอเพิ่งจะเล่นจบเพียงแค่เพลงเดียว เมื่อเผชิญหน้ากับความตื่นเต้น ความชื่นชม ความสงสัยและสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของคนที่อยู่ด้านล่างเวที ท่าทางของเธอก็ยังคงนิ่งสงบ ราวกับว่าคนที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกชื่นชอบเมื่อครู่นี้ไม่ใช่เธอ ราวกับว่าการแสดงบทเพลงอันแสนไพเราะของเธอเมื่อครู่นี้ทำไปเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น

“สำหรับคืนนี้ ก่อนอื่น ฉันต้องขอบคุณผลงานของท่านอาจารย์ Amadeus ที่ทำให้คืนนี้ฉันได้เล่นเพลงนี้อย่างที่ฝันเอาไว้” เธอพูดด้วยท่าทีเปิดเผย ความจริงคืนนี้ไม่ใช่คืนของเธอ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ได้กลายเป็นงานที่เกิดขึ้นเพื่อเธอเพียงคนเดียวไปเสียแล้ว

ทุกสายตาล้วนจับจ้องเธอด้วยความตื่นเต้น แม้กระทั่งเถาเฉินเองยังไม่มีปัญญาแย่งความสนใจจากเธอมาได้

“ต่อมาฉันต้องขอขอบคุณ คุณ Chapman ผู้ดูแลจาก Steinway ที่ให้ฉันได้มีโอกาสเล่นเปียโนที่งดงามมากถึงขนาดนี้ค่ะ” เธอค้อมเอวลงเล็กน้อยเพื่อคำนับ Chapman ที่นั่งอยู่ในโซนผู้ดูแล หลังจากที่ Chapman เป็นคนเริ่มนำปรบมือ ไม่นานเสียงปรบมือก็ส่งผลกระทบต่อทุกคนที่อยู่ในงาน

เมื่อก่อนเจียงเซ่อเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนมาก เธอไม่ชอบทำตัวเด่น

แต่ทุกคนคิดไม่ถึงว่า ความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ของเธอจะยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้

ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น เสียงปรบมือก็ค่อยๆ เงียบลง วินาทีนี้สิ่งที่เถาเฉินคิดอยู่ในหัวทำให้เธอพลุ่งพล่านไปหมด ‘เจียงเซ่อสามารถทำให้บรรยากาศมันแย่ลงได้ แต่ก็กลับมีความสามารถที่จะพลิกสถานการณ์ให้กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบได้’

“อย่างที่คุณเถาบอก ฉันชอบงานศิลปะมากและชื่นชอบโน้ตเพลงฉบับนี้” เจียงเซ่อยกโน้ตเพลงในมือขึ้น ตอนนี้พอเธอพูดขึ้นอีกครั้ง สายตาที่ Chapman มองเธอก็ดูอ่อนโยนกว่าปกติ ไม่ได้เสียดสีเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

ไม่ว่ายังไง ผู้หญิงที่ทั้งมีความสามารถและฉลาดหลักแหลมก็ชวนให้คนเอ็นดูมากเป็นพิเศษ

เมื่อเถาเฉินฟังถึงตรงนี้กลับรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ลางสังหรณ์ของเธอชัดเจนขึ้นกว่าเดิม

ราวกับว่าการประมูลที่เพิ่งผ่านมาของทั้งสอง ตั้งแต่ที่เจียงเซ่อเสียไปห้าล้านจนได้ครอบครองต้นฉบับสามใบนี้ หล่อนกลับไม่ได้ก้มหน้าด้วยความเสียใจ แต่ตอนที่หล่อนยกกระโปรง และค่อยๆ เดินขึ้นเวทีไปนั้น ทุกอย่างก็ได้อยู่เหนือการควบคุมไปแล้ว

“แต่ว่า นอกจากโน้ตเพลงแล้ว ฉันยังเห็นความดีและความน่านับถือ”

เจียงเซ่อยิ้ม สายตาราวกับมองผ่านเถาเฉินไป

“ต้นฉบับของ Amadeus มีมูลค่าที่ไม่อาจประเมินค่าได้! นี่เป็นความสำเร็จของวงการศิลปะ! นอกจากได้ทำบุญแล้ว การที่มีโอกาสได้บรรเลงผลงานเพลงของผู้อาวุโสแบบนี้ ฉันก็พอใจมากแล้วค่ะ”

เจียงเซ่อกวาดสายตาไปทั่วทั้งงานรอบหนึ่ง เธอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของทุกคนที่นั่งอยู่แถวหน้า และเธอก็มองเห็นเถาเฉินที่นั่งอยู่ในโซนแขกผู้มีเกียรติที่ตอนนี้รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ จางหายไป “อย่างที่คุณเถาบอก สุภาพชนไม่แย่งของรักของใคร ไม่ทำลายความฝันของใคร! ต้นฉบับของ Amadeus ต้องอยู่ในมือของที่คนรักมันจริงๆ จึงจะมีค่ามากที่สุด!”

อยู่ๆ หางตาของเถาเฉินก็กระตุกไม่หยุด ความโกรธมันจุกแน่นที่อกไปหมด รู้สึกกระวนกระวาย ความหวาดกลัวที่ยากจะอธิบายเข้าครอบงำจิตใจของเธอเอาไว้

จะให้เจียงเซ่อพูดต่อไปไม่ได้! เถาเฉินคิดในใจ

เธอควรจะลุกขึ้นมาและขัดจังหวะการพูดของเจียงเซ่อทันที ในหัวมีความคิดแบบนี้เกิดขึ้น ร่างกายก็ขยับไปตามคำสั่งแล้ว

สายตาของทุกคนถูกเจียงเซ่อดึงดูด ไม่มีใครสังเกตว่าเถาเฉินลุกขึ้นมาตอนไหน แม้กระทั่งซ่งอี้เองก็เพิ่งจะได้สติเพราะเถาเฉินลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนเก้าอี้ของเธอขยับ

เขารู้ว่าเถาเฉินกำลังคิดอะไรอยู่ ยังไม่ทันได้ขอไมโครโฟนจากทางผู้จัดงานของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ ก็ได้ยินเสียงของเจียงเซ่อที่ดังขึ้น

“เพราะฉะนั้นฉันจึงตัดสินใจแล้วว่า จะยกต้นฉบับทั้งสามแผ่นนี้ของ Amadeus ให้คุณเถา เพื่อแสดงความเคารพที่ฉันมีต่อคุณเถาค่ะ!”

ทันทีที่สิ้นเสียงของเธอ คนจำนวนมากที่อยู่ในงานก็อ้าปากค้าง ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะพลิกผันมาจนกลายเป็นแบบนี้ได้ ทันใดนั้นข้างล่างเวทีก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น

ท่ามกลางเสียงปรบมือ ‘แปะแปะแปะ’ โม่อานฉีหันไปมองตามสัญชาตญาณ จึงเห็นเซี่ยเชาฉวินมีรอยยิ้มเต็มหน้าไปหมด

ตอนนี้เซี่ยเชาฉวินอารมณ์ดีมาก เธอนำทุกคนปรบมือ โม่อานฉีเหมือนจะกระจ่างทุกอย่างแล้ว จึงปรบมือตามอย่างสุดชีวิต

‘แปะแปะแปะ...’ เสียงปรบมือก็ดังขึ้นทั่วทั้งงานอีกครั้ง

เถาเฉินยืนอยู่ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ วินาทีที่สิ้นเสียงของเจียงเซ่อ เธอแทบจะเสียสติ

แต่ว่า เพราะการฝึกมารยาททางสังคมมานานหลายปี ทำให้เธอยังคงยืนตัวตรง ไม่ได้แสดงอาการให้ใครหัวเราะเยาะ

สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน!

“ต้นฉบับสามารถถูกประมูลได้ แต่ศิลปะและการกุศลไม่สามารถประเมินค่าได้!”

เสียงปรบมือดังขึ้นกว่าเดิม คนจำนวนมากที่นั่งประจำที่อยู่ต่างลุกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

“คุณเถา...คุณเถาครับ...”

เหมือนกับว่าซ่งอี้ยังคงเรียกเธอ เถาเฉินนิ่งไปครู่ใหญ่ จึงรู้สึกว่าวิญญาณที่ล่องลอยออกจากร่างไปเพิ่งกลับคืนสู่ร่างกาย

ขาทั้งสองข้างของเธอเกร็งมาก เพราะใช้แรงบริเวณน่องขามากเกินไป ทำให้เริ่มเป็นตะคริว ความเจ็บปวดพลันฝังลึกเข้าหัวใจ แต่ว่าเถาเฉินยังคงสามารถควบคุมมันได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

เรื่องราวดำเนินมาจนถึงตอนนี้ ก็ได้ผิดไปจากที่เถาเฉินคาดการเอาไว้ในตอนแรกไปแล้ว

ตอนแรกเธอคิดว่า ในสถานการณ์ที่เจียงเซ่อแย่งของกับตนอง หลังจากที่ทำให้ต้นฉบับที่ทาง Steinway เอามาบริจาคต้องตกอยู่ท่ามกลางสงครามการประมูล จะต้องทำให้ Chapman โกรธแน่

เจียงเซ่อในฐานะรุ่นน้องแต่มาแย่งชิงของกับตนเอง นักข่าวไม่ปล่อยข่าวนี้ไว้แน่และสามารถใส่สีตีไข่เพื่อให้มันเป็นข่าวใหญ่ จนทำให้ชื่อเสียงของเจียงเซ่อในประเทศลดลงในที่สุด

เธอคิดมาทุกรูปแบบแล้ว จนถึงขั้นสั่งซ่งอี้แล้วว่าต่อจากนี้ควรจะทำยังไงต่อ

ก่อนหน้านี้เรื่องราวได้ดำเนินไปตามที่เธอวางแผนไว้จริงๆ สิ่งที่เจียงเซ่อทำลงไปยังมากกว่าที่เธอคาดการณ์เอาไว้ด้วยซ้ำ แต่ว่า ไม่ว่ายังไง เถาเฉินก็คิดไม่ถึงเลยว่า เจียงเซ่อจะใช้วิธีแบบนี้ในการพลิกผันสถานการณ์

ต้นฉบับฉบับนั้น ห้าล้านเชียวนะ!

ถึงแม้ว่าเธอจะมาจากตระกูลร่ำรวย หลายปีมานี้ก็ได้รายได้จากงานแสดงและเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับสินค้ามากมาย แต่เถาเฉินก็คิดไม่ถึงเลยว่าเจียงเซ่อจะยอมเสียเงินห้าล้านเพื่อเล่นงานตนเอง

แผนการต่างๆ ที่เธอวางเอาไว้ ตอนนี้ล้วนใช้ไม่ได้ทั้งหมด

หลุมพรางที่เธอขุดไว้ให้กับเจียงเซ่อ ตอนนี้ตนเองกลับตกลงไปเสียเอง

เธอเล่าเรื่อง ‘ตลก’ เกี่ยวกับเปียโนให้ Chapman ฟัง ตอนแรกก็เพื่อจะเสียดสีเจียงเซ่อ แต่ว่า สถานการณ์ในตอนนี้คนที่ถูกเสียดสีก็คือตัวเธอเอง

ที่ตนเองแย่งต้นฉบับกับเจียงเซ่อก็เหมือนเป็นการส่งเสริมเจียงเซ่อให้มีโอกาสแสดงฝีมือการเล่นเปียโนให้ทุกคนได้ฟัง

เธอบรรเลงออกมาได้ไพเราะมาก หลังจากได้หน้าไปจนพอใจแล้ว ก็ค่อยยกต้นฉบับให้ตนเอง เธอควรจะรับเอาไว้หรือไม่ เพราะถ้ารับเอาไว้ นักข่าวก็คงจะมีประเด็นให้เขียนในวันพรุ่งนี้แล้ว!

ข่าวอาจจะเขียนว่า ‘เจียงเซ่อทุ่มเงินให้การกุศล ซื้อต้นฉบับของ Amadeus ในราคาห้าล้าน เพื่อมอบให้เถาเฉินด้วยความรัก’

ถ้าเธอไม่รับเอาไว้ เหตุการณ์ที่เธอแย่งกับเจียงเซ่อก่อนหน้านี้ก็คงจะกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว

นักข่าวอาจจะเขียนข่าวว่า ‘เถาเฉินแย่งต้นฉบับของ Amadeus กับเจียงเซ่อ เจียงเซ่อทุ่มเงินห้าล้านจนชนะการประมูลและมอบให้รุ่นพี่อย่างใจกว้าง แต่เถาเฉินกลับปฏิเสธ’

“ผลงานศิลปะไม่อาจประเมินค่าได้...”

เถาเฉินพึมพำเบาๆ อยู่ๆ ก็คิดอยากจะด่าคำหยาบขึ้นมา

ผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยมคนนี้ คงจะจงใจทำแบบนี้

ถ้าเธอรับ ‘ของขวัญชิ้นใหญ่’ ชิ้นนี้ของเจียงเซ่อเอาไว้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเธอยินดีที่จะรับไว้หรือไม่ บางทีสำหรับชาวเน็ตที่ไม่รู้ความจริง อาจจะรู้สึกสับสนในตัวเธอ

แต่ถ้าเธอไม่รับเอาไว้ การกระทำที่เธอแย่งกับเจียงเซ่อเมื่อครู่ที่ผ่านมา ก็จะเห็นได้ชัดว่าจงใจหาเรื่อง

เส้าฉุนจิ่นเป็นเจ้าของงาน ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะจบลงอย่างเหนือความคาดหมายของทุกคนแบบนี้ ตอนแรกเขากลัวว่าเจียงเซ่อจะถูกเถาเฉินฉีกหน้าต่อหน้าสาธารณชน แต่ตอนนี้ ผลลัพธ์กับดีกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก!

ทีมงานยังคงตะลึง ยังคงไม่สามารถประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ได้ เส้าฉุนจิ่นจ้องเขาแวบหนึ่ง

“ยังไม่รีบขึ้นไปเอาต้นฉบับของ Amadeus ลงมาอีก”

ทันทีเขาพูดจบแล้วเห็นว่าทีมงานยังคงยืนอึ้งจึงเดินขึ้นไปด้วยตัวเอง รับต้นฉบับจากเจียงเซ่อมา แล้ววิ่งเหยาะๆ ไปยื่นให้เถาเฉิน

ไม่ว่าลับหลังสองคนนี้จะแก่งแย่งกันมาเพียงใด แต่อย่ามาทำให้งานนี้พังก็พอแล้ว

แต่ว่า หลังจากเรื่องนี้ ก็ถือว่าทุกคนได้เห็นความจริงแล้วว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนักแสดงหญิงทั้งสองคนของซื่อจี้หยินเหอเป็นยังไง เส้าฉุนจิ่นเก็บซ่อนความคิดในใจเอาไว้ มองเถาเฉินด้วยใบหน้าที่ยังคงมีรอยยิ้ม แล้วพูดเบาๆ ว่า

“คุณเถาครับ”

เขาเข้าไปใกล้เถาเฉิน เห็นว่ารอยยิ้มในตอนนี้ของเถาเฉินดูฝืนมาก มุมปากของเธอยังคงยกขึ้น แต่สายตาไม่ได้มีความสุขเหมือนสีหน้า แต่ว่า เธอยังพยายามควบคุมตนเอง ไม่ได้เสียจริตแต่อย่างใด

คนที่เห็นสถานการณ์ล้วนดูออกว่า คืนนี้เถาเฉินถูกเจียงเซ่อเอาคืนเสียแล้ว และเรื่องนี้ก็ได้สร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งงาน ในงานที่มีดารา ผู้นำด้านแฟชั่นและนักธุรกิจชื่อดัง การที่เถาเฉินแสดงอาการแบบนี้ออกมาก็ถือว่าเข้าใจได้

“คุณเก็บไว้เถอะครับ”

สายตาของทุกคนหยุดอยู่ที่เถาเฉิน เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม

“คุณเจียงเป็นคนประมูลได้ ฉันจะรับไว้ได้ยังไงคะ”

เจียงเซ่อที่ยืนอยู่บนเวทีมองเธอราวกับยิ้มและไม่ยิ้มในขณะเดียวกัน

ความคิดของเถาเฉิน เธอรู้ดีแก่ใจ แผนการของหล่อนนั้นเธอเองก็เข้าใจทั้งหมด

เธอมองเถาเฉินที่กำลังเบี่ยงประเด็นและพูดจาให้ดูดี พยายามปฏิเสธ ‘ของขวัญ’ ที่เป็นของร้อนฉบับนี้ แต่ว่า ตอนนี้ไม่ว่าจะใช้คำพูดที่สวยหรูมากเพียงใด ทุกคนก็สามารถฟังออกถึงความกระอักกระอ่วน

ความจริงจะโทษเถาเฉินที่อยากรีบเหยียบเธอให้จมดินก็ไม่ได้ ข่าวที่เธอรับเล่นหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ ของเชี่ยซ่าเหลย ทั้งยังได้แสดงเป็นนางเอก ตอนนี้ในหัวเซี่ยยังคงลือกันอย่างหนาหู

สำหรับผู้ชมในหัวเซี่ยแล้ว เถาเฉินยังคงเป็นนักแสดงหญิงผู้โด่งดังไปทั่วโลกและเป็นที่ภาคภูมิใจของหัวเซี่ย

แต่ถ้าหากหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ เข้าฉาย ข่าวที่เจียงเซ่อเป็นนางเอกของเชี่ยซ่าเหลยถูกประกาศออกมา ‘ตำนาน’ ที่เป็นของเถาเฉินแต่เพียงผู้เดียวก็คงจะได้รับผลกระทบ

รวมทั้งเจียงเซ่อยังเซ็นสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์ระดับสูงอย่าง Federer ทำลายสถิติเถาเฉินที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เพียงคนเดียวของรถยี่ห้อ ELYSEES ตั้งแต่เข้าสู่ตลาดหัวเซี่ยมานานสิบปี เถาเฉินคงจะรู้สึกถูกเหมือนโดนท้าทายและไม่ปลอดภัย

ข้อได้เปรียบของเธอ อยู่ที่ผลงาน ชื่อเสียงและแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่หลากหลาย สิ่งที่การรันตีฐานะของเธอทั้งหมดนี้ ค่อยๆ ถูกเจียงเซ่อแย่งไป ทำให้เธอต้องรีบเข้าควบคุมมันไว้

โดยเฉพาะการที่เจียงเซ่อรับถ่ายหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ และมีข่าวออกมาว่าเตรียมจะกวาดรายได้แต่เพียงผู้เดียว เถาเฉินก็ยิ่งกระวนกระวาย

หลายปีก่อนหน้านี้เธอได้รับบทบาทสุดท้าทายใน ‘The Incident’ แม้จะถูกเสนอชื่อเข้าชิงในเทศกาลหนังฝรั่งเศสถึงสองรางวัล รายได้ก็สูงมาก แต่ร้ายที่สุดกลับถูก ‘Evil’ โค่นล้ม ไม่ได้เป็นหนังยอดเยี่ยมแห่งปีของปีนั้น

ตอนนี้ทันทีที่เรื่อง ‘เซียนหยวน’ ที่เจียงเซ่อเล่นได้เริ่มทำการโปรโมทตามมาติดๆ รายได้ก็ไม่น้อย อาจจะอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับเถาเฉินเข้ามาแล้ว

ณ ตอนนี้ เถาเฉินยังได้รับเชิญมาเดินฉายเดี่ยวและเดินปิดท้ายในงานการกุศลนี้ ถือว่ายังอยู่เหนือกว่าเจียงเซ่อ หลิวเย่และจางจิ้งอาน แต่ก็ไม่รู้ว่าหลังจากหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ และ ‘เซียนหยวน’ เข้าฉายต่อเนื่องกัน เธอจะยังเป็นที่นิยมเหมือนตอนนี้หรือไม่

เจียงเซ่อเข้าใจเหตุผลดี แต่ว่า ต้องเสียใจด้วยจริงๆ เถาเฉินอยากจะกดเธอ อยากนั่งอยู่บนบัลลังก์นักแสดงหญิงเบอร์หนึ่งของหัวเซี่ยอย่างมั่นคง แต่พอดีว่าเจียงเซ่อเองก็คิดแบบเดียวกัน

ความทะเยอทะยานเธอมันมีอยู่แล้ว เธอเข้าวงการบันเทิงและทุ่มเทมานานหลายปี ไม่ได้ทำเพื่อเป็นบันไดให้เถาเฉินเหยียบ และเป็น ‘รอง’ บรรดานักแสดงของหัวเซี่ย

การที่เถาเฉินต้องอึดอัดมากเพียงนี้ ก็ต้องโทษตัวเธอเองที่ไม่รู้จักอดทนและวู่วามมากเกินไป

เสียดายที่เจียงเซ่อไม่ได้เป็น ‘วัยรุ่น’ ที่วู่วามและอารมณ์ร้อนอย่างที่เถาเฉินจินตนาการเอาไว้ จึงได้เล่นงานเธอกลับและทำให้เธอต้องมาตกหลุมพรางแบบนี้

ท่ามกลางเสียงปรบมือของทุกคน เถาเฉินก็ต้องฝืนเก็บต้นฉบับนั้นเอาไว้ สีหน้าของเธอไร้ซึ่งความดีใจ แต่ราวกับถือหินร้อนก้อนหนึ่งเอาไว้ และมันกำลังเผาไหม้อยู่บนมือ

หลังจากลงจากเวที เจียงเซ่อเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ไม่รู้ว่า ‘ห้าล้าน’ ที่เถาเฉินเป็นคนปั่นราคามันขึ้นมาเองนี้ เธอจะรับเอาไว้ด้วยความยินดีหรือเปล่า

ตอนที่เธอกลับมานั่งที่ หลิวเย่ทำเหมือนเพิ่งรู้จักเธอเป็นครั้งแรกอย่างนั้น

เขายังคงถือกระเป๋าของเจียงเซ่อเอาไว้ ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อชื่อเสียงแบบนี้ การกระทำทั้งหมดของเจียงเซ่อ กลับคลี่คลายสถานการณ์จนสำเร็จ

แม้ว่าการแก่งแย่งชิงดีระหว่างเธอกับเถาเฉินจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่การกระทำที่บ้าบิ่นเช่นนี้ ก็ทำให้หลิวเย่ต้องยอมรับเลยว่า มันดีกว่าการทนอยู่เงียบๆ โดยไม่ลงมือทำอะไรเลย