webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

573

บทที่ 573 การโค่นล้ม

ที่เปียโนตัวนี้ของ Steinway ถูกเอามาไว้ในงานเลี้ยงการกุศลในค่ำคืนนี้ วัตถุประสงค์หลักๆ ก็เพื่อเป็นการแสดงภาพลักษณ์ของแบรนด์

คนของ Steinway คิดไม่ถึงเลยว่า เปียโนอันนี้จะได้ใช้ในงานเลี้ยงครั้งนี้ ทีมงานตั้งไมโครโฟนให้เจียงเซ่อ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนในงานจะได้ยินเพลงที่เธอกำลังจะเล่น

“คุณเถาครับ…”

ซ่งอี้นั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าเถาเฉินและเอ่ยเรียกเธอเบาๆ ทีหนึ่ง นัยน์ตาเหมือนกำลังบอกว่า ‘ตอนนี้ควรจะทำยังไงต่อไป’

ตั้งแต่ต้นฉบับของ Amadeus สร้างความฮือฮาให้กับงาน การแย่งชิงระหว่างเถาเฉินและเจียงเซ่อก็ไม่เคยคลาดจากสายตาของทุกคนในงานเลย

ไม่ว่าจะเป็นเถาเฉินที่เสนอราคาที่สูงมาก จนในที่สุดเจียงเซ่อก็ต่อสู้อย่างไร้เหตุผลจนได้ต้นฉบับโน้ตเพลงนี้มา ทั้งหมดล้วนอยู่ในการคาดการของเถาเฉินมาตลอด

การลุกขึ้นมาพูดของเถาเฉิน ยิ่งเป็นการแสดงออกถึง ‘ชัยชนะ’ ที่เจือไปด้วยการเสียดสี

แต่ว่าซ่งอี้กลับคิดไม่ถึงว่า ในสถานการณ์แบบนี้ เจียงเซ่อจะลุกขึ้นมาเล่นเปียโนของ Steinway

เธอคิดว่าเรื่องในคืนนี้ยังไม่ใหญ่พออีกเหรอ อยากให้ประเด็นข่าวในวันพรุ่งนี้ร้อนแรงมากกว่านี้หรือไง

เจียงเซ่อคิดจะทำอะไรกันแน่ ตอนนี้ไม่เพียงแค่ซ่งอี้ที่แอบถามตนเองในใจ แต่ยังเป็นเรื่องที่แขกผู้มีเกียรติในงานสงสัยกันมากที่สุดด้วย

เซี่ยเชาฉวินมองเจียงเซ่อที่กำลังวางโน้ตเพลงและนั่งลงหน้าเปียโน แขกที่มางานเลี้ยงการกุศล ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ มีเยอะมากและมีนักข่าวจำนวนไม่น้อย แต่ว่า ทุกกิริยาของเธอยังคงไม่เร่งไม่รีบ ถึงขั้นที่เลือกเพลงๆ หนึ่งออกมาอย่างพิถีพิถัน หายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง แล้วค่อยๆ กดปลายนิ้วลงไป

‘ตึง’ เสียงอันไพเราะดังผ่านไมโครโฟนออกมาและกระจายไปทั่วทั้งงาน

คนจำนวนมากล้วนเงียบลงและมองไปที่เจียงเซ่อ เธอสวมชุดราตรีสีครีมแขนกุด พอนั่งลงหน้าเปียโน ภาพของเธอก็ปรากฏขึ้นบนจอหน้าบนเวทีที่พิธีกรยืนอยู่ทันที

วินาทีนี้ ภาพที่เกิดขึ้นในหัวคือหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ เมื่อหลายปีก่อน ที่เธอปรากฏตัวในจอในฐานะ ‘หญิงสาวในฝัน’ เป็นครั้งแรก

เมื่อเปรียบกันแล้ว เจียงเซ่อในตอนนี้ดูโดดเด่นกว่าสาวน้อยผู้บริสุทธิ์และไร้เดียงสาในตอนนั้นอยู่มาก

ปลายนิ้วของเธอค่อยๆ สัมผัสลงบนคีย์บอร์ด ตอนแรก เธอเหมือนกำลังทำความคุ้นเคยกับเปียโนตัวนี้ ไม่ได้เล่นตามกฎมากนัก ตอนที่แสงเปียโนที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ดังขึ้น คนจำนวนมากต่างขมวดคิ้ว

“คุณ Chapman คะ” ใบหน้าของผู้ช่วยหญิงที่นั่งข้าง Chapman เต็มไปด้วยความจนปัญญาและพูดขึ้นเบาๆ ว่า

“จะห้ามเธอหรือเปล่าคะ”

เปียโนตัวนั้นเป็นงานฝีมือทั้งหมด ช่างจำนวนมากของ Steinway เสียทั้งกำลังกายและกำลังใจไปไม่น้อย ถือเป็นผลงานที่แสดงถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ Steinway ตอนที่ทีมงานขนย้ายเข้ามาวาง ก็ระมัดระวังเป็นอย่างมาก กลัวเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้เปียโนเกิดความเสียหาย

แต่ว่า ตอนที่เจียงเซ่อเล่น กลับเหมือนไม่ให้ความสำคัญเลย และยังดูผ่อนคลาย ดีดโน้ตมั่วๆ ออกมาโน้ตหนึ่ง ทำให้ผู้ช่วยสาวทนฟังต่อไปไม่ไหว

ถ้าห้ามเจียงเซ่อตอนนี้ เธอก็จะเสียหน้าเป็นอย่างมาก แม้ว่า Chapman จะไม่ชอบความเย่อหยิ่งตอนเจียงเซ่อแย่งโน้ตเพลง แต่ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า

“ถ้าเธอยังจะเล่นแบบนี้ต่อไป ก็ห้าม...”

คำว่า ‘เธอ’ ยังไม่ทันออกจากปาก เจียงเซ่อก็หยุดชะงัก เสียงเพลงเงียบลงอย่างกะทันหัน

จิตใจที่เป็นกำลังตื่นเต้นของแขกผู้มีเกียรติผ่อนคลายลง ใบหน้าของโม่อานฉีที่นั่งอยู่ข้างหลังเต็มไปด้วยความสงสัย เธอกัดปลายนิ้ว พลางเงยหน้าขึ้นและถามเบาๆ ว่า

“เล่นจบแล้วหรือ”

เซี่ยเชาฉวินมองเธออย่างเรียบนิ่งแวบหนึ่งและอธิบายการคาดหมายของโม่อานฉี

“รีบอะไรล่ะ เพิ่งจะเริ่มเอง”

เธอเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็ก นี่เป็นวิชาที่ผู้หญิงในสังคมชั้นสูงทุกคนต้องเรียน

หลายปีมานี้เพราะยุ่งอยู่กับงาน จึงไม่ค่อยได้ฝึกฝน แต่ว่า บางครั้งเพื่อให้มีหัวข้อสนทนาร่วมกันกับลูกค้า ดังนั้นหากพูดถึงเรื่องความรู้แล้วเซี่ยเฉาชวินมีค่อนข้างจะหลากหลายเชียวล่ะ

อย่างที่เธอคิดเอาไว้ หลังจากเจียงเซ่อหยุดไป เมื่อวางปลายนิ้วครั้งต่อไป อารมณ์ของเธอก็เปลี่ยนไปด้วย

‘ติ๊งติ๊งตึงตึง’ เสียงโน้ตเพลงดังออกจากปลายนิ้วของเธอพร้อมการกระทำ เซี่ยเชาฉวินหรี่ตาลงฟังครู่หนึ่งก็รู้แล้วว่า เพลงที่เจียงเซ่อเลือกคือเพลงอะไร

เพลงที่เธอเลือกคือ ‘Feeling of summer night’ หนึ่งในผลงานเพลงที่มีชื่อเสียงของ Amadeus ทำนองไพเราะและอ่อนโยน

วินาทีที่ปลายนิ้วสัมผัสลงบนคีย์บอร์ด ราวกับเกิดแสงประกายอันงดงาม

คิ้วของ Chapman ที่ในตอนแรกขมวดแน่น ก็ค่อยๆ คลายออก เพลง ‘Feeling of summer night’ ที่ในตอนแรกแฝงความเจ็บปวด ตอนนี้กลับถูกเจียงเซ่อถ่ายทอดออกมาให้ดูสงบและผ่อนคลาย

ราวกับว่า ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในงานที่เต็มไปด้วยผู้คนและไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์การประมูลในงานเลี้ยงการกุศล แต่ได้ไปอยู่ในบรรยากาศของค่ำคืนๆ หนึ่งในฤดูร้อน ไปพร้อมกับเพลง

ท่วงทำนองเพลงที่ยาวนานนี้ทำให้รู้สึกได้ถึงความสุนทรีย์ขั้นสูงสุด โน้ตเพลงที่กดลงไปแต่ละตัวนั้น ราวกับเสียงก้องของน้ำที่ไหลออกมาจากหุบเขา แต่ละหยดค่อยๆ หยดลงมาและไหลผ่านเข้าไปในจิตใจ

เถาเฉินรู้ว่าเจียงเซ่อเล่นเปียโนเป็น ข้อเรียกร้องของเซี่ยเชาฉวินนั้นเข้มงวดมาก ตอนที่เถาเฉินอยู่กับเซี่ยเชาฉวิน ก็เคยถูกจัดให้เรียนวิชาแบบนี้ เปียโนและการเต้นเป็นเพียงแค่หนึ่งในนั้น แต่ว่า เธอคิดไม่ถึงว่า ฝีมือของเจียงเซ่อจะสุดยอดมากขนาดนี้

เพลง ‘Feeling of summer night’ เล่นไม่ง่ายเลย จังหวะที่หลากหลายถูกเธอควบคุมไว้อย่างเชี่ยวชาญ

Chapman คุ้นเคยกับเนื้อหาในต้นฉบับทั้งสามใบนี้ของ Amadeus เป็นอย่างมาก เขาสังเกตเห็นว่า บางโน้ตเจียงเซ่อบรรเลงออกมาได้ลึกซึ้งมาก

ไม่ได้เป็นเพราะว่าเธอเล่นเปียโนได้ไม่ชำนาญพอ ตั้งแต่ตอนที่เธอกล้าเลือกเพลง ‘Feeling of summer night’ Chapman ก็รู้เลยว่าเธอเคยทุ่มเทกับเปียโนมากเพียงใด

ในโน้ตเพลงมีหลายตอนที่ต้องเปลี่ยนคีย์ให้ไม่สะดุด แต่เธอก็สามารถจัดการได้เป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้เพิ่งฝึกเปียโนมาแค่ช่วงสั้นๆ

ที่เธอเล่นผิด อาจจะเป็นเพราะเธอจงใจ

เพลง ‘Feeling of summer night’ นี้เป็นโน้ตเพลงเพลงหนึ่งที่เขียนโดย Amadeus และเป็นหนึ่งในต้นฉบับทั้งสามใบที่ Steinway เอามาประมูลในค่ำคืนนี้

โน้ตที่เจียงเซ่อเล่น ไม่ใช่ ‘Feeling of summer night’ ที่ Amadeus แก้ไขแล้ว แต่เป็นงานต้นฉบับช่วงแรกของ Amadeus เป็นความรู้สึกที่มาจากจิตวิญญาณ

เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ Chapman มองเจียงเซ่อเปลี่ยนไปแล้ว

เธอมีความละเอียดอ่อนและเข้าถึงความรู้สึกเป็นอย่างมาก

ตอน Amadeus เขียนโน้ตเพลง เขาอยู่ในช่วงวัยรุ่นและมีชื่อเสียง เพลง ‘Feeling of summer night’ ที่โด่งดังไปไกลทั่วโลก เป็นช่วงที่เขาเริ่มเขียนเพลงใหม่ๆ ยังไม่ได้สมบูรณ์แบบและเชี่ยวชาญเหมือนผลงานอื่นๆ หลังจาก Amadeus ชำนาญในด้านนี้

แต่ว่า เจียงเซ่อกลับรวมทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งแสดงให้เห็นถึงความไร้เดียงสาในอดีตของ Amadeus ผู้เป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่และผสมผสานกับความโรแมนติกที่ ‘Feeling of summer night’ ต้องการจะสื่อ

จงใจเล่นผิดเพื่อแสดงความไร้เดียงสาที่ซ่อนอยู่ออกมาแทนที่ความเจ็บปวดจางๆ แล้วสร้างอารมณ์ใหม่ให้มัน ทำให้คนฟังรู้สึกผ่อนคลาย

เธอค่อยๆ กดโน้ตตัวสุดท้ายลงไปในช่วงท้าย Chapman ถึงขั้นรู้สึกอยากฟังต่อด้วยซ้ำ

เขาไม่รู้ว่าสำหรับเถาเฉิน โน้ตสามใบนี้จะมีความหมายว่ายังไง ทำให้ก่อนหน้านี้เธอต้องมาแย่งกับเจียงเซ่อ แต่ว่า ตอนนี้หลังจากที่เจียงเซ่อแสดงความรู้สึกอันลึกซึ้งแบบนี้ออกมาแล้ว Chapman กลับรู้สึกว่า การที่มีเธอเป็นผู้เก็บสะสมโน้ตเพลงสามใบนี้ เป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุดแล้ว

บางที Amadeus เองก็คงจะดีใจที่ผลงานแบบนี้ได้ว่าอยู่ในมือของคนที่เข้าใจในด้านนี้จริงๆ สามารถแสดงพลังของมันออกมา ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ ดีกว่าคนจำนวนมากที่เพียงเก็บสะสม วางเอาไว้เฉยๆ มากนัก