webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

567

บทที่ 567 ความขัดแย้ง

เรื่องที่เฝิงหนานสร้างขึ้นในโลกโซเชียล เพราะการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าของเซี่ยเชาฉวิน ข่าวที่ในตอนแรกสามารถกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งได้ ก็จบลงราวกับเป็นการสร้างกระแส

นอกจากทำให้คนที่คิดไม่ซื่ออยู่แล้วติดตาม ชาวเน็ตและผู้ชมราวกับจะไม่สนใจเรื่องที่เฝิงหนานเอามาเปิดโปงเลย

แต่เจียงเซ่อต่างหากที่เห็น ID ‘นกฟีนิกซ์ในกองเพลิง’ ก็เดาว่าเป็นเฝิงหนาน

เผยอี้จงใจจัดการกับเฝิงหนาน แต่ทว่า เจียงเซ่อกลับนึกถึงเฝิงจงเหลียง

เธอไม่หวังให้เฝิงจงเหลียงเห็นเธอกับเฝิงหนานทะเลาะกัน

ไม่ว่าตอนนี้เฝิงหนานจะเป็นใคร แต่ร่างกายเนื้อหนังยังคงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเฝิง เธอรู้ว่าการมีตัวตนอยู่ของเฝิงหนาน สร้างความกดดันให้เธอเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะถ้าหล่อนสืบจนความสัมพันธ์ของตนเองกับเจียงจื้อหยวน ยิ่งเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่เอาแน่เอานอนไม่ได้

แต่ทว่า นั่นเป็นอดีตของ ‘ตนเอง’ ไม่เหมือนกับคนแปลกหน้าทั่วไป

แม้เผยอี้จะไม่ไว้ใจเรื่องนี้ แต่เขารู้ว่าเจียงเซ่อลังเล จึงทำเพียงแค่ให้คนไปจับตาเฝิงหนานเอาไว้ชั่วคราว ควบคุมทุกการกระทำของเธอ ให้เธอไม่มีเวลาว่างพอไปสร้างปัญหาให้เจียงเซ่อ

หลังจากวันพักร้อนที่ลาเพราะจะมาดูหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ หมดลง เผยอี้บินกลับคิวชู เจียงเซ่อเองก็ยุ่งอยู่กับงานอีกครั้ง

เพราะคำชื่นชมจากสื่อสำนักใหญ่ๆ และนักวิจารณ์หนังที่มีต่อหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ รวมทั้งการโปรโมทของจางจิ้งอานและนักแสดงนำทั้งสอง ทำให้รายได้ของหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ พุ่งทะยานมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากเข้าฉายได้หนึ่งสัปดาห์ รายได้ก็มากถึงหนึ่งพันล้าน ในขณะเดียวกันทางโรงหนังก็กำลังจัดรอบฉายของหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’

“ถ้าตัวเลขยังรักษาระดับแบบนี้ต่อไป รายได้ของหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ อาจจะสามารถทำลายสถิติของหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ได้”

เซี่ยเชาฉวินเข้ามาพร้อมข้อมูลที่เก็บจากโรงหนัง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ฉันไปหาข้อมูลมาแล้ว หนังที่เข้าฉายในปีนี้ กระแสอยู่ที่กลางๆ ตลอด แม้จะมีอันที่โดดเด่นบ้าง แต่รายได้ก็คงไม่ต่างกันมากนัก ถ้าทำลายสถิติของหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ได้ คาดว่าหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ จะเป็นหนังที่ทำรายได้มากที่สุดในปีนี้เลย”

หนังเรื่อง ‘The Lost City’ เป็นผลงานของเชี่ยซ่าเหลย เพราะมีเถาเฉินร่วมแสดง จึงเป็นหนังที่ได้รับความนิยมในหัวเซี่ย

รวมทั้งเนื้อเรื่องที่น่าตื่นเต้น ครบรส การนำเสนอของเชี่ยซ่าเหลยยังคงที่ หนังเพิ่งจะเข้าฉายก็ได้รับทั้งคำชมและรายได้ที่สูงมาก หลังจากภาคแรกเข้าฉายในเดือนกุมภาพันธ์ เพราะผลลัพธ์ที่น่าพอใจ รวมทั้งในช่วงนั้นไม่มีหนังเรื่องใดที่เป็นคู่แข่ง จึงได้เปรียบตอนจัดอันดับ

เพราะทางโรงหนังได้ผลประโยชน์ จึงยืดเวลาฉายไปถึงสิ้นเดือนมีนาคม ท้ายที่สุดก็สามารถทำรายได้ทั่วหัวเซี่ยได้ทั้งหมดสองพันแปดร้อยล้าน ซึ่งถือว่าสูงมากแล้ว

“ถ้าอย่างนั้น ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เธอกับเถาเฉินจะถูกเอามาเปรียบเทียบกันอีกครั้ง”

หลายปีมานี้ เจียงเซ่อมีการพัฒนาเป็นอย่างมาก ตอนนี้เธออยู่ในระดับเดียวกันกับเถาเฉิน ไม่แปลกที่คนจะเอาไปเปรียบเทียบกันในด้านต่างๆ

เพราะผ่านงานแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ Federer หลังจากนี้ทั้งสองอาจจะมีการแย่งงานกัน นอกจากหนัง โฆษณา แบรนด์แอมบาสเดอร์และงานแฟชั่นต่างๆ ล้วนเป็นเป้าหมายการแย่งชิงกันของทั้งสอง

เพื่อให้เจียงเซ่อได้เตรียมใจเอาไว้ เซี่ยเชาฉวินถึงอธิบายว่า

“ตอนนี้รายได้ของหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ยังคงนำอยู่ หนังเรื่องนี้ต้นทุนสูงกว่า ‘PROOF OF LIFE’”

แต่ว่า การที่หนังเรื่อง ‘The Lost City’ สามารถทำรายได้ในหัวเซี่ยได้มากถึงสองพันแปดร้อยล้าน นอกจากชื่อเสียงของเชี่ยซ่าเหลยแล้ว ส่วนหนึ่งก็เพราะการแสดงของเถาเฉินด้วย

การที่เถาเฉินได้เป็นส่วนหนึ่งในหนังของผู้กำกับระดับโลกแบบนี้ทำให้ผู้ชมในประเทศต่างภาคภูมิใจในตัวเถาเฉิน เพราะฉะนั้น คนจำนวนหนึ่งที่ตอนแรกไม่คิดจะไปดูหนังในโรงหนัง ต่างก็เข้าโรงหนังไปเพราะเหตุผลนี้

ในสองพันแปดร้อยล้าน นอกจากมาจากชื่อเสียงของเชี่ยซ่าเหลยแล้ว การสนับสนุนที่คนในหัวเซี่ยมีต่อเถาเฉินก็คงมีอย่างน้อยห้าร้อยล้าน

ในทางกลับกัน หนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ที่ในตอนนี้มีแววจะทำรายได้ได้สูง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะมากกว่าหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ในที่สุด แต่ว่า เธอร่วมงานกับหลิวเย่และผู้กำกับก็เป็นจางจิ้งอาน ไม่ว่าการแสดงของเธอจะโดดเด่นมากเพียงใด แต่คนที่หนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ในเทศกาลหนังฝรั่งเศสสนับสนุนคือจางจิ้งอานไม่ใช่เธอ จึงเป็นผลกระทบอย่างมากสำหรับเจียงเซ่อ

ตอนนี้นักวิจารณ์หนังในประเทศส่วนมากชื่นชมหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ นักวิจารณ์หนังที่มีชื่อเสียงของหัวเซี่ยก็เอ่ยชมเจียงเซ่อโดยมีซูเพ่ยเอินเป็นคนแรก แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้ว เพราะอายุและประสบการณ์ในวงการของเธอ ทางการตลาดก็จะยกความสำเร็จให้เป็นของผู้กำกับและพระเอก ทำให้ลดอิทธิพลจากตัวเจียงเซ่อลงไปอย่างไม่รู้ตัว

“หลายปีมานี้หนังที่เธอเลือกไม่เลวเลย ผลงานรายได้ก็ดีมาก”

แต่ว่า เพราะโชะตา เจียงเซ่อจึงยังไม่ได้รางวัลใหญ่ที่สามารถการันตีฝีมือของเธอเสียที

จนถึงตอนนี้ รางวัลเดียวของเจียงเซ่อก็คือรางวัล ‘นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม’ ของเทศกาลหนังหัวเซี่ย จากบทโต้วโค่ว ในหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping'

หลังจากนั้น หนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ‘Evil’ รวมทั้ง ‘PROOF OF LIFE’ ที่เพิ่งเข้าฉายไป เพราะเวลาและโชคชะตา เธอจึงพลาดรางวัลทั้งหมด

ซึ่งก็ทำให้เจียงเซ่อที่ได้รับการยอมรับจากวงการและผู้ชม แต่ยังไม่ได้รางวัล ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ ในประเทศเสียที ในเรื่องนี้ เมื่อเทียบกับเถาเฉินที่กวาดแทบทุกรางวัลใหญ่ในประเทศมาแล้ว เธอยังถือว่าด้อยกว่า

“ปลายเดือนพฤษภาปีนี้ งานประกาศรางวัลไป๋ฮวาจะมาจัดที่เซี่ยงไฮ้ ฉันได้คุยกับทางจางจิ้งอาน ตอนนี้เขาได้ส่งหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เข้าไปแล้ว”

ในเทศกาลหนังฝรั่งเศส เจียงเซ่อเพียงแค่มีชื่อเข้าชิง แต่ในประเทศ การแสดงของเธอในหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ดีพอที่จะได้รับรางวัล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงงานที่ทางบริษัทมีการวางแผนเอาไว้แล้ว

งานประกาศรางวัลไป๋ฮวาแม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนเทศกาลหนังหัวเซี่ยที่จัดขึ้นทุกๆ สามปี แต่ถ้าเจียงเซ่อได้รับรางวัลก็เท่ากับเป็นการการันตีฝีมือของเธอและเป็นผลดีกับตัวเธอในทุกๆ ด้าน

“ถึงตอนนั้นเธอก็ไปออกงานซะ”

เจียงเซ่อพยักหน้า พลันเปิดดูตารางงานของตนเอง นอกว่าโปรโมทหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ในเดือนเมษายน งานสำคัญในเดือนพฤษภาคมคืองานประกาศรางวัลไป๋ฮวา งานอื่นๆ ที่เหลือเจียงเซ่อก็มองข้ามไป และสังเกตเห็นว่าตารางงานเดือนมิถุนายนของเธอมีการเปลี่ยนแปลง

ก่อนหน้านี้เธอเซ็นสัญญากับหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ ที่เป็นหนังเรื่องใหม่ของหลินซีเหวิน จะเริ่มถ่ายทำสิ้นเดือนมิถุนายน ครั้งนี้เจียงเซ่อรับบทหนัก แสดงเป็นสองตัวละครทั้ง ‘แม่นางเหมย’ และ ‘หลิวซื่อ’ ในเรื่อง ‘เซียนหยวน’ ส่วนพระเอกหลังจากทางซื่อจี้หยินเหอได้หารือกับผู้สนับสนุนและหลินซีเหวิน จึงได้ดึง ชุยซิ่งมาร่วมงาน

เมื่อก่อนเจียงเซ่อเคยร่วมงานกับชุยซิ่งในเรื่อง ‘99 Love Letter’ ตอนนั้นชุยซิ่งเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มวัยรุ่น ตอนแรกซื่อจี้หยินเหอจะปั้นให้เขาเป็นหลิวเย่คนที่สอง

ชุยซิ่งเองก็มีความพยายาม แต่เขายังขาดโอกาสที่จะได้รับบทที่ดีและผู้กำกับเก่งๆ แม้ซื่อจี้หยินเหอจะสนับสนุนเขามาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่มีผลงานที่โดดเด่น ข้างบนเขาก็ยังมีหลิวเย่ที่เป็นรุ่นพี่ ทำให้หลายปีมานี้เขาไม่มีการพัฒนา

ตอนนั้นเขาเป็นพระเอกในหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ เจียงเซ่อเป็นเพียงแค่ตัวประกอบที่ไม่มีตัวตนในหนังเรื่องนี้เท่านั้น

แต่ทว่าตอนนี้เจียงเซ่อได้ร่วมงานกับหลิวเย่และก้าวหน้าไปเรื่อยๆ แต่เขายังคงอยู่กับที่ ไม่มีหนังที่ทำรายได้โดดเด่น ค่าตัวของเขาก็ไม่ถือว่าต่ำ แต่หนังไม่มีความสามารถในการทำรายได้ ทางผู้สนับสนุนจึงไม่ค่อยใช้งานเขา ยอมจ้างนักแสดงหนุ่มที่ค่าตัวถูกมากกว่า จึงทำให้ชุยซิ่งอึดอัดมาก

หลังจากเจียงเซ่อรับหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ เอาไว้ ซื่อจี้หยินเหอก็อยากจะดันชุยซิ่งอีกครั้ง ถ้าหนังเรื่องนี้ทำรายได้ไม่เลว หลังจากได้ร่วมงานกับเจียงเซ่อก็จะเป็นการผลักดันเขา

เพราะเรื่องนี้ทางบริษัทอาจจะสร้างข้อตงลงบางอย่างกับหลินซีเหวินเอาไว้ แต่เจียงเซ่อไม่ได้อยากรู้

เธอรู้เพียงแค่ว่าหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ ถ่ายทำประมาณร้อยกว่าวันเพื่อหนังเรื่องนี้เซี่ยเชาฉวินควรจะเว้นตารางงานเดือนมิถุนายนถึงตุลาคมเอาไว้

แต่ทว่า ในตารางงาน เวลาถ่ายทำได้ถูกเปลี่ยนเป็นเดือนกรกฎาคมถึงพฤศจิกายน เดือนมิถุนายนถูกเว้นเอาไว้ เธอชี้ตาราง แล้วถามด้วยความสงสัย

“พี่เชาฉวิน ที่พี่เว้นเดือนมิถุนาเอาไว้ เพราะจะให้ฉันหยุดหนึ่งเดือนใช่ไหม”

ทันทีที่สิ้นคำถามของเธอ เห็นเพียงเซี่ยเชาฉวินหันมามองด้วยสายตาอันเย็นเยียบ แม้เธอจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในสายตากลับเหมือนกำลังบอกว่า ‘ฝันไปเถอะ’

“เธอทำความดีอะไรมา ฉันถึงต้องหาวันหยุดให้เธอ”

เซี่ยเชาฉวินยกมุมปาก เผยรอยยิ้มที่ดูก็รู้ว่าแสร้งทำขึ้นมา

ใบหน้าของผู้ช่วยที่อยู่กับเจียงเซ่อยังไม่นานก็ดูหวาดกลัว และมองเจียงเซ่อด้วยความเห็นใจ

“แล้วเดือนมิถุนา พี่จัดตารางให้ฉันยังไงบ้าง”

เจียงเซ่อสะบัดผมทีหนึ่ง เซี่ยเชาฉวินพลันมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง สายตานั่นทำให้เจียงเซ่อขนหัวลุกขึ้นมา เธอจึงหัวเราะ ‘เหอะ เหอะ’ สองที

“เธอคิดว่าที่ฉันพูดถึงความสามารถของเธอกับเถาเฉินตั้งนาน คือคุยเล่นฆ่าเวลาหรือยังไง”

“ไม่ใช่เหรอคะ”

ตอนนี้แม้กระทั่งฝืนยิ้มเซี่ยเชาฉวินยังไม่อยากทำ จึงอธิบายไปตามตรงว่า

“เว้นเดือนมิถุนาเอาไว้ ฉันคิดว่าจะให้เธอไปถ่ายโฆษณา”

“โฆษณาหรือ”

โม่อานฉีที่อยู่ข้างๆ พูดแทรกเข้ามา “กระเป๋าที่พี่เซี่ยตกลงเอาไว้ก่อนหน้านี้หรือคะ”

เซี่ยเชาฉวินมองเธอแวบหนึ่ง โม่อานฉีเงียบ เธอจึงพูดต่อว่า

“ตอนที่ฉันกลับประเทศครั้งก่อน ได้นัดกินข้าวกับผู้จัดการ ELYSEES ในเอเชีย บริษัทของเขากำลังจะเปิดตัวรถสปอร์ตใหม่ กำลังหาแบรนด์แอมบาสเดอร์”

ทันทีที่เธอพูดถึงรถสปอร์ต โม่อานฉีและผู้ช่วยอีกสองคนต่างเบิกตาโต

ยี่ห้อ ELYSEES มีประวัติศาสตร์มานานกว่าสองร้อยปี มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก ทั้งความทันสมัยของรูปลักษณ์ภายนอกและคุณสมบัติล้วนมีชื่อเสียงระดับโลก

รถทุกรุ่นของยี่ห้อนี้ล้วนราคาสูง รถเก่าที่เป็นของสะสมตอนนี้ไม่มีในท้องตลาดแล้ว ทุกครั้งที่มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่มีจำนวนจำกัด ล้วนเป็นสิ่งที่คนรักรถไม่สามารถพลาดได้

เจียงเซ่อจำได้ว่า ทั้งเผยอี้ เนี่ยต้านและคนอื่นๆ ต่างมีรถสปอร์ตหลายคันของ ELYSEES เป็นของสะสม ตอนเป็นวัยรุ่นถือว่าขับบ่อย แต่พออายุมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่เคยเห็นอีกเลย

รถทุกรุ่นของ ELYSEES ราคาขั้นต่ำยังมากกว่าหกเจ็ดล้าน ถือว่าเป็นรถหรูในบรรดารถยี่ห้อต่างๆ จึงมีคนจำนวนไม่น้อยติดตามรถยี่ห้อนี้

แต่ทว่า ทั้งหมดล้วนไม่เพียงพอที่จะทำให้โม่อานฉี เจียงเซ่อและคนอื่นๆ ตกตะลึง เพราะหลังจากได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของนาฬิกาข้อมือ Federer เจียงเซ่อก็ได้รับงานโฆษณาของแบรนด์ระดับสูงจำนวนมาก โอกาสที่จะได้รับงานแบรนด์แอมบาสเดอร์ก็สูงขึ้น

แต่ทว่า แบรนด์ ELYSEES กลับไม่เหมือนแบรนด์อื่น เพราะหลังจาก ELYSEES เข้าสู่หัวเซี่ยเมื่อสิบปีที่แล้ว ผู้แทนในเอเชียก็เลือกเถาเฉินเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในหัวเซี่ยทันทีและเถาเฉินก็เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์นี้มาเป็นสิบปี

สามารถพูดได้อย่างไม่เกรงใจว่า สำหรับคนจำนวนมาก ถ้าคิดถึงแบรนด์ ELYSEES ก็จะคิดถึงเถาเฉินเป็นอันดับแรก ทุกคนคุ้นชินกับการที่เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ ELYSEE

และหลายปีมานี้แบรนด์ ELYSEES เองก็ไม่ได้เปลี่ยนแบรนด์แอมบาสเดอร์ เหตุผลหนึ่งก็เพราะเถาเฉินเป็นที่ชื่นชมมาโดยตลอด หลายปีมานี้ก็ยังคงตำแหน่งนักแสดงแถวหน้าของหัวเซี่ย ไม่มีข่าวฉาว ไม่มีข่าวในด้านลบ มีภาพลักษณ์ที่ดี สามารถร่วมงานกับ ELYSEES อย่างราบรื่น

ระหว่างนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนอยากเป็นส่วนหนึ่งของ ELYSEES แต่ยากที่จะโค่นตำแหน่งของเถาเฉินได้ ตอนนี้เซี่ยเชาฉวินกลับอยากร่วมงานกับรถของ ELYSEES เซี่ยเชาฉวินคิดอยากจะแย่งงานส่วนหนึ่งในมือของเถาเฉินจริงๆ

โม่อานฉีเบิกตาโต

“พี่เซี่ย Piech จะตอบตกลงไหม”

การที่เซี่ยเชาฉวินจะแย่งสิ่งที่อยู่ในมือเถาเฉินมาได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย

หลายปีมานี้เถาเฉินรักษาความสัมพันธ์อันดีกับ Piech ผู้จัดการของ ELYSEES ในเอเชียมาโดยตลอด สามารถพูดได้เลยว่า การที่เถาเฉินได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ELYSEES หลายปีติดต่อกันแบบนี้ นอกจากความสามารถและฐานะของเธอในหัวเซี่ยที่สามารถทำให้รถ ELYSEES ดูแพงและเพิ่มยอดขายได้แล้ว ยังเป็นเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างเธอกับคุณ Piech ทำให้ผู้เป็นสมาชิกตัวสำคัญของ ELYSEES ประทับใจในตัวเธอ

“ได้ข่าวว่าเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนที่หนังเรื่อง ‘Evil’ เข้าฉาย หลังจากหลิวเย่ได้รับรางวัล ‘นักแสดงนำชายยอดนิยม’ ในเทศกาลหนังฝรั่งจากบทลั่วเซิ่นในเรื่อง ‘Evil’ ตอนนั้นหยางป๋อซีหาคว้าตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ของรถออฟโรดยี่ห้อ ELYSEES ให้เขา แต่กลับถูก Piech ปฏิเสธอย่างเย่อหยิ่ง”

โม่อานฉีเป็นคนร่าเริง ชอบสืบข่าวเล็กข่าวน้อยในวงการบันเทิง และเรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่ความลับ ถ้ามีใจอยากสืบ ยังไงก็รู้

หลังจากเรื่องนี้ ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงฐานะของเถาเฉิน แม้กระทั่งหลิวเย่ที่ได้รับรางวัล ‘นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม’ ก็ยังยากที่จะโค่นตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ELYSEES ได้ และทำลายความฝันที่ของดารามากมายที่อยากเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์นี้

เซี่ยเชาฉวินดูนาฬิกาแวบหนึ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าตนเองมีเวลามาคุยเล่นอีกสักพักจริงๆ

เธอไม่ได้พูดถึงหยางป๋อซีในด้านไม่ดี และไม่สนใจเรื่องที่หลิวเย่ถูก ELYSEES ปฏิเสธ แต่กลับพูดว่า

“ตอนมหาวิทยาลัยฉันเรียนที่เดียวกันกับ Piech เคยมีติดต่อกันอยู่” ทั้งสองล้วนมาจากตระกูลที่มีฐานะ ล้วนเป็นผู้หญิงที่มากความสามารถ คงจะเห็นใจกันบ้าง

หลังจากเรียนจบ ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้แย่ ยังคงติดต่อกันอยู่บ้าง ตอนที่เถาเฉินได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์โฆษณา ELYSEES เหตุผลหลักๆ เป็นเพราะมนุษย์สัมพันธ์ของเซี่ยเชาฉวิน

แต่ทว่า เถาเฉินเองก็เป็นคนฉลาด ท้ายที่สุดจึงใช้ความสัมพันธ์กับเซี่ยเชาฉวินเป็นเครื่องมือในการสร้างมิตรภาพกับ Piech จึงได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ELYSEES สิบปีติดต่อกัน

“แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ แต่ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าเซ่อเซ่อจะได้ถ่ายโฆษณานี้”

อาจจะเป็นเพราะเซี่ยเชาฉวินไม่ได้รู้สึกไม่พอใจกับ ‘ข่าวลือ’ นี้ โม่อานฉีจึงรวบรวมคำกล้าพูดขึ้นมา เซี่ยเชาฉวินมองเธอแวบหนึ่ง ซึ่งมันทำให้เธอตกใจจนคอหด เจียงเซ่อที่อยู่อีกด้านอดยิ้มไม่ได้ เซี่ยเชาฉวินจึงพูดว่า

“มีความเป็นไปได้สูงมาก”