webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

566

บทที่ 566 ทำให้เกิด

หลิวเย่อยู่ในวงการมานานหลายปี สามารถสร้างชีวิตใหม่ให้กับตัวละครทุกตัวที่ตนเองได้รับ สามารถเป็นทหารสงครามปฏิวัติผู้กล้าหาญ และสามารถแสดงเป็นลั่วเซิ่นผู้โหดเหี้ยมอำมหิตได้อย่างไม่มีที่ติ การจะแสดงเป็นคนร้ายที่กลับใจเป็นคนดีไม่ใช่เรื่องยากอะไร

สิ่งที่ทำให้ทุกคนกังวลว่าจะเป็นจุดบอด คือเจียงเซ่อต่างหาก

ในหนังเรื่อง ‘Eviil’ จางยวี่ฉินที่เจียงเซ่อถ่ายทอดออกมาได้สร้างความประทับใจอย่างสุดซึ้งให้กับทุกคน คงจะยากที่จะทำให้ทุกคนยอมรับบทบาทอื่นของเธอได้

ในความคิดเห็นของหันรุ่ย คนจำนวนไม่น้อยต่างเห็นด้วยกับประโยคนี้

ความจริงแล้ว ผู้คนมากมายในวงการ รวมทั้งผู้ที่ประทับใจในหัวเจียงเซ่อเพราะหนังเรื่อง ‘Evil’ อย่างซูเพ่ยเอินเองก็เคยกังวลเรื่องนี้ กลัวว่าเจียงเซ่อจะประสบความสำเร็จเพราะเรื่อง ‘Evil’ ในขณะเดียวกันก็กลัวว่าจะล้มเหลวและจบอยู่ที่บทบาทของ ‘จางยวี่ฉิน’ จนไม่สามารถถ่ายทอดมุมมองใหม่ๆ ออกมาได้อีก

แต่ทว่า เจียงเซ่อก็คือเจียงเซ่อ สำหรับข่าวลือมากมายเกี่ยวกับตัวเธอก่อนหนังจะเข้าฉายและความคิดเห็นในแง่ลบของนักวิจารณ์หนังจำนวนหนึ่ง เธอไม่เป็นเดือดเป็นร้อนและไม่ออกมาปฏิเสธ แต่กลับใช้ความสามารถมายืนยันว่าตัวละครที่ชื่อ ‘จางยวี่ฉิน’ ยังไม่ใช่จุดสูงสุดในหน้าที่การงานของเธอ

ในหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ วินาทีที่ ‘ถังจิ้ง’ ที่รับบทโดยเจียงเซ่อถูกนางถังจูงมือลงจากคฤหาสน์ตระกูลถัง คนที่จ้องตาไม่กระพริบ ไม่ใช่แค่เฉิงเจี้ยนกั๋วที่อยู่ในหนังเท่านั้น แต่ยังมีแฟนหนังอีกมากมายในโรงหนัง

ซูเพ่ยเอินโพสต์ลงในคอลัมน์ของตนเองว่า “เธอสามารถเป็นตัวประกอบที่งดงามไร้ที่ติดั่งเทพธิดาผู้ให้กับจ้าวร่างได้ สามารถเป็นคนที่มีความทุกข์ตรม ดูไร้ความสุข ทั้งยังน่ารังเกียจแต่ก็ยังคอยจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเขาในทุกๆ เรื่องใน ‘The Occasion of Beiping' ได้ ยังสามารถเป็นผู้หญิงที่จมอยู่กับความทุกข์หลังจากสูญเสียความรักใน ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ได้ สามารถเป็นแม่ที่อยู่ในเงามืด แต่กลับเดินสู่ทางสว่างใน ‘Evil’ ได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นคุณหนูผู้สูงสง่าใน ‘PROOF OF LIFE’ ได้

วินาทีนี้ ในบทประพันธ์ของจางจิ้งอาน ที่บรรยายยืดยาวเกี่ยวกับตัวละครที่ชื่อ ‘ถังจิ้ง’ ล้วนกลายเป็นความจริงผ่านทุกอิริยาบถที่ถ่ายทอดออกมา

คนสองคนที่ในตอนแรกมีฐานะที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน กลับต้องมาพบกันเพราะคดีลักพาตัว

ตอนแรกในใจของเฉิงเจี้ยนกั๋วเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เพราะอาการป่วยของลูกสาว เพราะความจน ทำให้เขาโกรธแค้นถังจิ้งที่เกิดในครอบครัวดี เป็นคุณหนูที่เพียบพร้อมทุกอย่าง

แต่ทว่า เขาคิดไม่ถึงว่าเป็นคุณหนูก็มีความทุกข์ในแบบของคุณหนู เมื่อคนในครอบครัวที่ถือว่ามีค่าไม่มีสิ่งใดเทียบได้ต้องมาวัดค่ากับเงินทอง เมื่อต้องมาเห็นว่าชื่อเสียง ฐานะชนะความเป็นคน อาจจะเป็นเพราะคำขอโทษอย่างรู้สึกผิดของถังจิ้งในยามที่แม้แต่ตนเองก็เอาตัวไม่รอดก็ได้ที่ทำให้เขาประทับใจ เพราะฉะนั้นคนที่เย็นชาอย่างเขา จึงอดสงสารถังจิ้งไม่ได้

ชายที่ในตอนแรกอยากใช้ชีวิตของถังจิ้งแลกกับชีวิตของลูกสาวตนเอง ในช่วงสำคัญในสุดท้ายกลับมีความเมตตาขึ้นมา

เขาใช้ชีวิตแลกความดีของตนเองกลับคืนมา

ตอนที่เขาหลับตา วินาทีนั้นสวรรค์กลับเปิดประตูต้อนรับเขา

ในหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ความรู้สึกที่ถังจิ้งและเฉิงเจี้ยนกั๋วมีต่อกันมันคืออะไรกันแน่ เห็นได้ชัดว่าจางจิ้งอานอยากให้แฟนหนังคิดกันเอาเอง

แต่ทว่า สำหรับฉันแล้ว นี่เป็นหนังที่พระนางช่วยกันทวงคืนความยุติธรรม เพราะความดีของเฉิงเจี้ยนกั๋ว จึงได้ต่อชีวิตลูกสาวของเธอ ให้จิตใจที่ ‘ดีงาม’ ดวงนั้นได้สืบทอดต่อไป

และปมในใจที่ถูกครอบครัวทิ้งของถังจิ้งก็ได้คลี่คลายเพราะการปกป้องของเฉิงเจี้ยนกั๋ว

เธอจูงมือเด็กหญิง หันหน้าเข้าหาแสงอาทิตย์ เรื่องราวค่อยดำเนินไปถึงตอนจบ ทำให้ฉันคิดถึงตอนเริ่มเรื่อง วินาทีที่แม่เธอจูงมือเธอเดินลงจากตึกอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยท่าทางอันเหมาะสมและงดงาม ให้ความรู้สึกเย็นเยียบและสูงส่ง

ตอนท้ายเรื่อง ในที่สุดนางฟ้าผู้งดงามบริสุทธิ์ก็แฝงกลิ่นไอความเป็นมนุษย์ปุถุชนมากยิ่งขึ้น

ตอนเริ่มและตอนจบของเรื่องไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ สิ่งที่จุดประกายหนังเรื่องนี้คือการกำกับของจางจิ้งอานและการแสดงที่โดดเด่นของนักแสดงนำหญิงและชาย

การแสดงของหลิวเย่และเจียงเซ่อถือเป็นชีวิตของหนังเรื่องนี้ ในเรื่องการแสดงของเจียงเซ่อ ถือได้ว่า เป็นการพัฒนาในอีกขั้น ไม่ได้ดูพยายามเกินไป แต่กลับสามารถทำให้ผู้คนประทับใจจนยากที่จะลืม

สิ่งที่ทำให้ฉันประทับมากที่สุด คือมุมกล้องของจางจิ้งอานที่ใส่ความรู้สึกเข้าไปในทุกมุมอย่างละเอียดอ่อน ซึ่งแฝงเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเขา

เมื่อมุมมองของจางจิ้งอานไม่ใช่เพียงแค่ยกย่องวีรบุรุษ เมื่อพระเอกไม่ใช่ทั้งหมดของจางจิ้งอาน เมื่อการแสดงของพระนางส่งเสริมกัน จึงสร้างตัวละครที่ชื่อถังจิ้งให้ดูมีชีวิต นี่ต่างหากที่เป็นเหตุผลที่หนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ตราตรึงอยู่ในใจของฉัน

ในชีวิตการทำงานของฉัน เจียงเซ่อเป็นนักแสดงหญิงที่มีความสามารถมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบมา

การจับคู่อย่างสมบูรณ์แบบของเธอและหลิวเย่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้หนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ประสบความสำเร็จเช่นกัน

การแสดงที่ดูน้อย แต่สามารถแสดงให้เห็นว่าถังจิ้งได้ชีวิตกลับมาอย่างแนบเนียน ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย แต่ทว่า ความเงียบเหล่านั้น กลับสามารถทำให้คนแก่อายุครึ่งร้อยอย่างฉันซาบซึ้งใจได้

เสียดายที่อยู่ในโรงหนังไม่เหมือนอยู่ที่บ้าน มิเช่นนั้นฉันสามารถชงชาสักแก้ว เปิดเพลงและชื่นชมหนังเรื่องนี้อย่างตั้งใจ

ความทุกข์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง ก็เพื่อให้ตอนจบควรค่าแก่การหวนคิดถึงก็เท่านั้น

บทวิจารณ์ฉบับนี้ของซูเพ่ยเอินที่สัญญาว่าจะเขียนตั้งแต่เทศกาลหนังฝรั่งเศส จนกระทั่งคืนนี้หลังจากหนังพิธีเปิดรอบปฐมทัศน์หนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เสร็จอย่างเป็นทางการ

แฟนคลับที่ติดตามเขามาตลอด พอเห็นเขาโพสต์บนวิจารณ์หนังต่างก็เข้าไปแสดงความคิดเห็นกันทันที——

ชีวิตที่เป็นดั่งภาพฝัน ‘ติดตามอาจารย์ซูมานานหลายปี ตั้งแต่ตอนที่อ่านบทวิจารณ์หนังของอาจารย์ซู แล้วตกหลุมรักหนังเรื่องนั้นๆ จนหลายปีมานี้ บทวิจารณ์หนังของอาจารย์ซูน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้ฉันสงสัยว่าเป็นเพราะอาจารย์ซูอายุมากขึ้น ความสนใจในการวิจารณ์หนังจึงน้อยลงหรือไม่ หลังจากอ่านบทวิจารณ์หนังหลายบทของท่านติดต่อกันจึงค้นพบว่า ไม่ใช่เพราะอายุที่มากขึ้นทำให้ความกระตือรือร้นของท่านหายไป แต่เพราะหนังที่น่าประทับใจน้อยลงเรื่อยๆ ต่างหาก’

แก่มามีที่พึ่ง ‘ความจริง อายุมากขึ้น การแสดงที่ดูพยายามเกินไปไม่สามารถทำให้ฉันประทับใจได้อีกต่อไปแล้ว ตอนที่นั่งอยู่ในโรงหนัง บางทีเห็นการแสดงที่โอเวอร์เอคติ้งของพระนางแล้วรู้สึกไม่อิน’

บนฟ้ามีพระเจ้า ‘หลังจากดูหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ จบ ฉันก็คิดเหมือนอาจารย์ซู พอใจการแสดงของเจียงเซ่อเป็นอย่างมาก ในเทศกาลหนังฝรั่งเศส เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงแต่ไม่ได้รับรางวัล ฉันเองยังรู้สึกเสียดายแทนเธอมาก’

...

ตอนที่เฝิงหนานถึงที่พัก ในโลกโซเชียลเต็มไปด้วยคำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’

เธอรู้ว่าหนังเรื่องนี้จะต้องได้คำชื่นชมเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นในงานเลี้ยงการกุศล ‘หัวเซี่ยเปล่งประกาย’ ที่จัดโดย ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ เธอจึงยอมควักเงินจำนวนไม่น้อย ซื้อลายเซ็นของจางจิ้งอานในตอนนั้นเอาไว้

ตอนนั้นเธอปรารถนาเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ของจางจิ้งอาน เฝิงหนานเองก็คิดว่าตนเองมีความสามารถมากพอที่จะได้รับบทถังจิ้งในเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’

อย่างไรก็ตาม ก่อนเกิดใหม่ เธอเคยได้ยินว่าหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ไม่ประสบความสำเร็จนัก เพราะหลายสาเหตุทำให้เถาเฉินที่ในตอนนั้นแสดงเป็น ‘ถังจิ้ง’ เกือบพลาดจากหนังเรื่องนี้

โชคดีที่ยังท้ายที่สุดเธอยังมีโอกาส หลังจากหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เข้าฉาย เพราะหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ทำให้เถาเฉินสร้างปรากฏการณ์รายได้ครั้งใหม่ การร่วมงานกับหลิวเย่ก็เป็นการการันตีตำแหน่งนักแสดงแนวหน้าของหัวเซี่ยของเธอ

เพราะเฝิงหนานรู้ว่าเถาเฉินเกือบพลาดโอกาสร่วมงานกับจางจิ้งอาน เพราะฉะนั้น หลังจากเกิดใหม่ เธอจึงใช้หนังเรื่อง ‘ปฎิบัติการผู้พิทักษ์’ ในการสร้างความประทับใจให้กับจางจิ้งอาน ดึงจ้าวจวินฮั่นมาร่วมหุ้น จากนั้นก็เสียเงินจำนวนมากซื้อลายเซ็นของจางจิ้งอานในงานเลี้ยงการกุศล เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเคารพที่ตนเองมีต่อจางจิ้งอาน

ชาติที่แล้ว เธอเคยอ่านบทสัมภาษณ์หนึ่งของจางจิ้งอาน และเคยได้ยินคนในวงการบอกว่า จางจิ้งอานมักสนับสนุนวัยรุ่นที่มีความพยายามและเคารพเขา

ตอนแรกคิดว่าตนเองทำการบ้านมามากพอแล้ว คงจะมีโอกาสได้บทในหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ใครจะรู้ว่าเจียงเซ่อกลับโผล่เข้ามา ท้ายที่สุดบท ‘ถังจิ้ง’ จึงหลุดมือเฝิงหนานไป

ถ้าเถาเฉินได้บท ‘ถังจิ้ง’ ก็คงทำให้เฝิงหนานสบายใจมากกว่าเจียงเซ่อที่ได้รับคำชื่นชมจากสื่อใหญ่ๆ และนักวิจารณ์หนังในตอนนี้

เจียงเซ่อมีสิทธิ์อะไรมาเล่นเป็น ‘ถังจิ้ง’ พ่อของเธอเป็นคนร้ายคดีลักพาตัวตัวจริง เธอควรจะโดนต่อว่าไม่ใช่เหรอ

คืนนี้ไปหาเฝิงจงเหลียง อยากขอให้เขาช่วยพูดกับตระกูลเผย แต่กลับต้องกลับมาพร้อมความล้มเหลว

และรู้ด้วยความบังเอิญว่าเฝิงจงเหลียงไปดูหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ของเจียงเซ่อ ตอนนี้ก็มาเห็นคำชื่นชมอันล้นหลามในโลกโซเชียล

หนังเพิ่งจะเข้าฉายได้ห้าชั่วโมง คะแนนใน IMDB ได้มากขึ้นเก้าสิบเอ็ด เพราะจำนวนคนให้คะแนนที่มากขึ้น แต่คะแนนกลับไม่ได้น้อยลง แต่กลับค่อยๆ มากขึ้น

เธอเห็นรายได้รวมในรอบเที่ยงคืนของหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ มากถึงสี่ร้อยล้าน ตัวเลขนี้ได้ทำลายสถิติของรอบปฐมทัศน์ตอนเที่ยงคืนไปแล้ว สื่อแต่ละสำนักต่างพากันพาดหัวข่าวเรื่องนี้

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เพราะการโปรโมทจากสื่อต่างๆ การพูดถึงผู้กำกับจางจิ้งอาน นักแสดงนำทั้งหลิวเย่และเจียงเซ่อ รวมทั้งคำชื่นชมที่เป็นเสียงเดียวกันจากนักวิจารณ์หนัง ทำให้หนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ อาจจะทำกำไรได้มากกว่าความทรงจำของเฝิงหนานเมื่อชาติที่แล้ว!

เรื่องทั้งหมดล้วนทำให้เฝิงหนานไม่พอใจมาก

ท่ามกลางความโกรธแค้น เธอพิมพ์ข้อความบรรทัดหนึ่งในกล่องข้อความแสดงความคิดเห็นในคลังข้อมูลหนัง ‘เจียงเซ่อนั่นแหละเป็นลูกคนร้ายคดีลักพาตัว มีสิทธิ์อะไรมาแสดงเป็นคนถูกลักพาตัว ช่างเป็นคนชั้นต่ำที่หน้าไม่อายเลยจริงๆ!’

แม้จะตีห้าแล้ว แต่ทว่า แฟนหนังที่ติดตามหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ในหัวเซี่ยยังไม่นอน มีคนเห็นข้อความที่เฝิงหนานโพสต์ทันที

William ‘ช่วงนี้เจียงเซ่อไปทำให้ใครไม่พอใจกัน คนพวกต่ำตมเผยแพร่ข่าวปลอมสร้างความเสียหายให้เธออยู่เรื่อย’

ยามดึก ‘ไม่จริง!’

เธอเดินไปข้างหน้า ฉันเดินไปทางขวา ‘ตั้งแต่ตอนแรกที่บอกว่ารูปร่างของเธอเปลี่ยนไป ทำให้หัวเซี่ยขายหน้า แล้วลือกันว่าเธอความคิดเห็นไม่ตรงกับผู้จัดการส่วนตัว จนแยกจากกัน จากนั้นก็บอกว่าเธอแย่งบทของเถาเฉิน ตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ บอกว่าพ่อเธอเป็นคนร้ายคดีลักพาตัว ไม่เหมาะที่จะเป็นตัวละครในหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ขอถามคุณ ‘นกฟีนิกซ์ในกองเพลิง’ หน่อยนะว่าถ้าเจียงเซ่อไม่เหมาะสมกับบท ‘ถังจิ้ง’ หรือว่าคุณเหมาะสม? คุณต่างหากที่เป็นคนต่ำตม!’

สาวผมยาว ‘ใบหน้าอันบิดเบี้ยวที่เต็มไปด้วยความอิจฉาของนกฟีนิกซ์ในกองเพลิงช่างน่าเกลียดเหลือเกิน อาจจะเป็นพวกชั้นต่ำในวงการที่ไม่ประสบความสำเร็จเลยอิจฉาเจียงเซ่อก็ได้’

CCCCC ‘ข้อความขั้นต้นพูดถูก! ข่าวด้านลบออกมาอย่างต่อเนื่องพวกนี้ แม้ไม่ใช่แฟนคลับของเจียงเซ่อยังทนดูไม่ได้ คนที่สร้างเรื่องอยู่เบื้องหลัง ควรจะเอาเจียงเซ่อเป็นตัวอย่าง มีทั้งความสวยและความพยายาม’

ทุกข้อความที่ปกป้องเจียงเซ่อถูกโพสต์ออกมา ล้วนทำให้เฝิงหนานยิ่งแค้น เธออยากจะด่ากลับ แต่กลับถูกข้อความตอบกลับจำนวนมากของชาวเน็ตกลบไปแล้ว

ไม่มีใครสนใจข้อความที่เธอโพสต์ลงไปเพราะอารมณ์โกรธเพียงชั่ววูบของเธอ เพราะ ‘ข่าวเท็จ’ จำนวนมากที่เซี่ยเชาฉวินเผยแพร่ออกไปก่อนหน้านี้ ทำให้แฟนคลับยิ่งอยากออกมาปกป้องไอดอลของตนเอง ทันทีที่มีข้อความด้านลบของเจียงเซ่อถูกเผยแพร่ออกมา ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นในใจของทุกคนคือ ‘ข่าวปลอม!’

ความคิดเห็นที่เฝิงหนานโพสต์ลงไปไม่ได้ผลตามที่เธอต้องการ แต่กลับยิ่งกระตุ้นให้เผยอี้จับจ้องเธอมากกว่าเดิม

ความคิดเห็นของเธอถูกลบออกจาก IMDB ทันที รวมทั้ง ID และ IP ก็ถูกบล็อกไม่ให้แสดงความคิดเห็นในเว็บต่างๆ ทำให้เฝิงหนานโกรธจนปาไอแพดแตกกระจาย

จนถึงขนาดนี้แล้ว เธอก็รู้แล้วว่าเจียงเซ่อสำคัญต่อผู้ชมในหัวเซี่ยมากเพียงใด แม้ว่าสิ่งที่เธอพูดจะเป็นความจริง แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน เธอจึงไม่สามารถทำอะไรเจียงเซ่อได้ กลับยิ่งเป็นการสร้างความอับอายให้ตนเองก็เท่านั้น

คืนนี้เฝิงหนานไม่ได้นอนเลยทั้งคืน หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เธอก็ไม่ไปก่อเรื่องเพราะความโกรธอีก

เธอมองห้องอ่านหนังสือที่ถูกเธอทำลายจไม่เหลือสภาพตอนโมโห แล้วเรียกไต้เจียเข้ามาเก็บ

“ช่วงนี้เจียงเซ่อดังมากใช่ไหม”

เธอถามพร้อมรอยยิ้มอันเย็นเยียบ ไต้เจียที่กำลังเก็บของชะงัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

สิ่งที่เฝิงหนานต้องการไม่ใช่คำตอบจากเธอ เธอเพียงต้องการหาที่ระบายเพื่อให้ตนเองสงบลงก็เท่านั้น

“เอาเถอะ เธอยิ่งดังก็ยิ่งดี” เธอกำหมัด ราวกับกำลังจะเกลี้ยกล่อมตนเอง พลันพึมพำ

“เธอยิ่งโด่งดังมากเท่าไหร่ ถ้าวันหนึ่งฉันมีหลักฐาน…”

จะต้องดึงเธอลงมาจากตำแหน่งในตอนนี้ให้ได้ ถึงตอนนั้นยิ่งเธอมีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ คนที่จะเหยียดหยามเธอก็ยิ่งมากเท่านั้น เธอก็จะเหมือนตายทั้งเป็น!

เฝิงหนานคิดถึงสภาพที่ชื่อเสียงของเจียงเซ่อพังทลาย แล้วรู้สึกดีขึ้นมาก ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา

เธอกลับไม่รู้ว่า คนที่เห็นความคิดเห็นของเธอในโลกโซเชียล นอกว่าชาวเน็ตส่วนน้อยที่เป็นแฟนคลับของเจียงเซ่อและเผยอี้แล้ว ยังมีคนพิเศษอีกคน!

คืนนี้คนที่นอนไม่หลับ นอกจากเฝิงจงเหลียง เฝิงหนาน เจียงเซ่อและเผยอี้แล้ว ยังมีเจียงจื้อหยวนอีกคน

เจียงจื้อหยวนมักจะติดตามทุกความคิดเห็นในข่าวและทุกความเคลื่อนไหวของเจียงเซ่อ โดยเฉพาะหลังจากหนังของเธอเข้าฉาย เขาจะไปดูหนังของเจียงเซ่อเป็นอันดับแรก แล้วค้นหาชื่อเจียงเซ่ออย่างไม่รู้ตัว กลัวว่าจะพลาดทุกความเคลื่อนไหวและข่าวเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ

หลังจากเขาออกจากคุกมาสัมผัสกับอินเทอร์เน็ต นี่เป็นสิ่งแรกที่เขาทำได้

เขาค้นหาคำว่า ‘เจียงเซ่อ’ อยู่นานมาก อ่านทุกข่าวของเจียงเซ่อจบจนด้วยความตั้งใจ แล้วค้นหา ‘เจียงเซ่อ’ อีกครั้ง ทำเรื่องน่าเบื่อซ้ำไปมาแบบนี้ไปเรื่อยๆ ราวกับไม่รู้เบื่อ และเจอข้อความเกี่ยวกับหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ของนักวิจารณ์หนังที่ชื่อหันรุ่ยอย่างรวดเร็ว เขาเพิ่งจะอ่านจบและออกจากหน้านั้น ก็เห็นข้อความที่เฝิงหนานโพสต์ลงเพราะอารมณ์ชั่ววูบทันที

ในขณะที่เฝิงหนานถูกชาวเน็ตรุม จนตอบกลับไม่ทัน ทุกคนล้วนคิดว่าข้อความที่เฝิงหนานโพสต์ไม่ใช่ความจริง แต่พอเจียงจื้อหยวนเห็นข้อความที่ว่า ‘เจียงเซ่อนั่นแหละเป็นลูกคนร้ายคดีลักพาตัว มีสิทธิ์อะไรมาแสดงเป็นคนถูกลักพาตัว ช่างเป็นคนชั้นต่ำที่หน้าไม่อายเลยจริงๆ!’ มือที่วางอยู่บนเมาส์พลันชะงัก หยุดอยู่ที่ ID ที่ชื่อ ‘นกฟีนิกซ์ในกองเพลิง’ แล้วค่อยๆ ยกขาขึ้นไขว่ห้าง

ให้เขาลองเดานะว่า คนที่ชื่อ ‘นกฟีนิกซ์ในกองเพลิง’ คือใครกัน