webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

565

บทที่ 565 จากใจจริง

“หนูมาไม่ได้เหรอ” ใบหน้าอันเรียบนิ่งของเฝิงจงเหลียงถูกเฝิงหนานกระตุ้นให้โกรธทันที “แล้วใครมาได้ คนแซ่เจียงรึไง”

คำพูดของเธอก้าวร้าวมาก เสี่ยวหลิวขมวดคิ้ว พลันหันไปมองเฝิงจงเหลียง กลัวเขาจะโมโหเพราะเฝิงหนาน

แต่สิ่งที่ทำให้เสี่ยวหลิวโล่งอกคือ ถึงแม้กริยาของเฝิงหนานจะไม่ดี แต่เฝิงจงเหลียงทำเหมือนไม่ใส่ใจน้ำเสียงของเธอ กลับหันสั่งแม่บ้านหวังว่า

“ไปเตรียมน้ำให้ฉันอาบ”

เมื่อเฝิงหนานได้ยินคำพูดนี้ของเขาก็ควบคุมตนเองไม่ได้อีกต่อไป

“นี่คุณร้อนตัวรึไง?”

เธอกัดฟัน นัยน์ตามีความโกรธแค้นซ่อนอยู่

“คืนนี้ คุณไปดูหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ มาใช่ไหม คุณดูถูกดารา นอกจากละครร้องและงิ้วแล้ว ก็ไม่เคยดูหนังไม่ใช่หรือไง”

เฝิงจงเหลียงที่กำลังถอดเสื้อกันหนาวชะงัก คนใช้ในบ้านที่ยังไม่นอน พอเห็นสองปู่หลานปะทะคารมกันก็ต่างกลัวจนไม่กล้าส่งเสียง

เสี่ยวหลิวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลัวว่าเฝิงหนานจะทำให้คุณท่านโกรธจนเป็นอะไรขึ้นมา

สองปีที่แล้ว ตอนที่เฝิงหนานกับเฝิงจงเหลียงทะเลาะกันจนมองหน้ากันไม่ติด เขาเคยคิดจะสานสัมพันธ์ของปู่หลานคู่นี้และเคยแอบโทรหาเฝิงหนาน หวังให้เธอกลับมาอยู่กับเฝิงจงเหลียง เพื่อทำให้ท่านรู้สึกอุ่นใจ

แต่ทว่า เพราะเฝิงหนานย้ายออกไปจริงๆ และเป็นห่วงเฝิงจงเหลียงได้ไม่มากเท่าเจียงเซ่อที่เป็นคนนอก เสี่ยวหลิวจึงไม่ค่อยโทรหาเธอแล้ว จนกระทั่งเมื่อสองปีที่แล้วที่เฝิงจงเหลียงสั่งให้ตัดรายได้ที่ให้เฝิงหนานเป็นประจำไป ก็ยิ่งน้อยมากที่จะติดต่อกันอีก

หลายปีมานี้ เฝิงจงเหลียงกับเจียงเซ่อแม้จะไม่ใช่ปู่หลานกัน แต่ก็สนิทกันมากกว่าปู่หลานแท้ๆ เขาเองก็ยินดีที่จะเห็นคุณท่านมีที่พึ่งยามแก่เฒ่า ได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว มีลูกหลานคอยดูแล เสี่ยวหลิวเองก็ดีใจแทนเขา

แต่ทว่า ใจจริงๆ เสี่ยวหลิวก็ยังคงเสียดายความเป็นปู่หลานแท้ๆ ของเฝิงจงเหลียงกับเฝิงหนาน

เขาเป็นลูกน้องที่รับใช้เฝิงจงเหลียงมานานหลายปี เห็นเฝิงจงเหลียงเลี้ยงเฝิงหนานมาจนโตกับตาของตนเอง ตอนนี้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ บางทีเขาก็เป็นห่วง

สำหรับผู้หญิงอย่างเฝิงหนาน เสี่ยวหลิวยังคงเก็บภาพอันอ่อนโยนของเธอในอดีตเอาไว้ แม้ตอนนี้เธอจะเปลี่ยนไปมาก แต่เสี่ยวหลิวก็ยังคงรู้สึกว่าเธอทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

ตอนนี้เธอกลับมาถึงก็โวยวาย เสี่ยวหลิวจึงรีบคลี่คลายสถานการณ์

“คุณหนูเฝิงหนาน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้เถอะ...”

“หุบปาก!” เฝิงหนานจ้องเขาทีหนึ่งและต่อว่าอย่างเหลืออด

เสี่ยวหลิวโดนด่าจนหน้าชา นอกจากอายแล้ว ยังเสียใจมากอีกด้วย

เขาอยู่ที่บ้านตระกูลเฝิงมายี่สิบสามสิบปี แต่คนที่เขาดูแลคือคุณท่านเฝิง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในตระกูลเฝิงล้วนเกรงใจเขาเป็นอย่างมาก ความจริงเขาก็เห็นบ้านตระกูลเฝิงเป็นเหมือนบ้านของตนเอง เขาเห็นเฝิงหนานมาตั้งแต่เด็กๆ แน่นอนว่าต้องรักเธอ ไม่เช่นนั้น ตอนนั้นเขาไม่มีทางจะเสี่ยงพูดถึงเธอต่อหน้าเฝิงจงเหลียงหรอก

แต่ทว่า คำพูดในตอนนี้ของเฝิงหนานกลับไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่นิด มันทำให้เขาเสียใจมาก

“ออกจากบ้านไปตั้งหลายปี อย่างอื่นไม่รู้จักไปเรียนรู้ แต่กลับรู้จักวางมาดแล้วนี่” เฝิงจงเหลียงโบกมือ ส่งสัญญาณให้แม่บ้านหวังและทุกคนออกจากที่นี่ และไปเตรียมน้ำให้เขาอาบ

วันนี้เฝิงหนานกลับมาพร้อมไฟแห่งความโกรธ อาจจะอยากมาหาเรื่อง

ไม่ว่าในร่างกายของเธอจะเป็น ‘ใคร’ แต่ก็ยังเป็นลูกหลานของบ้านตระกูลเฝิง ไฟในไม่นำออก ไฟนอกไม่นำเข้า ถ้ากลายเป็นเรื่องใหญ่ คนที่เสียชื่อเสียงคือคนในตระกูลเฝิง

“ฉันจะไปดูอะไร ก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะมายุ่ง”

คืนนี้เฝิงจงเหลียงอารมณ์ดี เพราะได้ดูหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ และได้คุยกับเจียงเซ่อนานมาก ทำให้ตอนที่เขาเจอเฝิงหนาน จึงดูสงบไม่น้อย

“หนูไม่เข้าใจเลยจริงๆ”

เฝิงจงเหลียงไม่ปฏิเสธ ทำให้สายตาของเฝิงหนานดูโหดเหี้ยมมากขึ้น

“ตอนที่หนูเป็นนักแสดง คุณตำหนิหนู บอกว่าหนูทำให้คนในตระกูลเฝิงขายหน้า”

ตอนที่เธอถ่ายหนังเรื่อง ‘Revenge’ เฝิงจงเหลียงไม่เป็นห่วงเป็นใย เธอวิ่งเต้นไปขอร้องคนอื่นด้วยตัวเองและยังพนันกับต่งหมิงเซิง ตอนที่หนังเข้าฉายก็เงียบเหงา อยากให้คนในครอบครัวช่วยเหลือ ก็ยังต้องโทรไปขอร้องด้วยตัวเอง

ตอนนั้นเฝิงจงเหลียงเองก็ไม่เคยคิดจะไปดูหนังของตน แต่ในวันเดียวกัน ทันทีที่หนังเรื่อง ‘Evil’ ของเจียงเซ่อเข้าฉาย เขาก็รีบไปดูในโรงหนังทันที

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอได้ยินจากปากของเฝิงซือหย่ง บอกว่าลูกน้องในบ้านตระกูลเฝิงหลุดพูดออกมา บางทีเธออาจจะไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ

ไม่ให้ความช่วยเหลือหลานสาวตนเอง แต่กลับไปสนับสนุนคนนอก บางทีเฝิงหนานก็สงสัยว่าเฝิงจงเหลียงคงจะแก่จนเลอะเลือนไปแล้ว

“ตอนนี้กลับไปดูหนังของคนอื่น คุณรู้หรือไม่ว่าเจียงเซ่อเป็นใคร พ่อของมันเป็นคนร้ายที่ลักพาตัวหนูในอดีต!” เธอใส่อารมณ์ไปอย่างเต็มที่ “พวกเขาสองพ่อลูกไม่ใช่คนดี พวกเขาต้องการฆ่าหนู แย่งสิ่งที่ควรเป็นของหนูไป...”

เฝิงหนานอารมณ์เสียจนพูดไม่รู้เรื่อง เสี่ยวหลิวตกใจ ในฝ่ามือมีเหงื่อซึมออกมา

เมื่อก่อนเขาเคยเตือนให้เฝิงหนานระวังตัว แต่ไม่เคยพูดเรื่องของเจียงจื้อหยวน

นึกถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้เฝิงหนานจ้างคนไปสืบเรื่องของเจียงจื้อหยวน เสี่ยวหลิวกระวนกระวาย เฝิงจงเหลียงกลับนิ่งเฉย ตรงกันข้ามกับความโกรธของเฝิงหนานโดยสิ้นเชิง

“ใครบอกเธอว่าพ่อของเจียงเซ่อคือคนที่ลักพาตัวเธอในตอนนั้น”

เฝิงจงเหลียงกำไม้เท้าเอาไว้และถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

เพราะเฝิงหนานไม่ใช่เฝิงหนาน ‘ตัวจริง’ เรื่องตอนที่ถูกลักพาตัว ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวหลิวไปเตือนและเฝิงซือหย่งหลุดพูดออกมา เธออาจจะไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ

เฝิงจงเหลียงสังเกตถึงคำที่เธอพูดว่า ‘สองพ่อลูกต้องการฆ่าเธอ และแย่งของที่ควรเป็นของเธอ’ จึงหันมองเฝิงหนานด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“เจียงเซ่อเคยทำร้ายเธอและแย่งของๆ เธอตอนไหน”

“เขา…”

เฝิงหนานถูกเปลวเพลิงแห่งความโกรธครอบงำ เกือบจะบอกไปแล้วว่าเจียงเซ่อแย่งจ้าวจวินฮั่นกับหล่อน ส่วนเจียงจื้อหยวนก็ขับรถชนตนเองจนเสียชีวิต

แต่ทว่า ในขณะที่เธอกำลังโกรธ กลับเห็นท่าทางของเฝิงจงเหลียง เขาหรี่ตาลง ดวงตาชราทั้งสองข้างแฝงความพินิจ

วินาทีนี้ ทำให้เฝิงหนานนึกถึงเหตุการณ์เมื่อต้นปีนี้ขึ้นมาได้ คืนที่หนังเรื่อง ‘The Lost City’ เข้าฉาย เจียงเซ่อเคยบอกตนเองว่า หลายปีมานี้ตนเองเปลี่ยนไปมาก ทำให้เฝิงจงเหลียงสงสัยเรื่องนี้ พอความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว ก็ทำให้เธอเหงื่อตกทันที

เปลวเพลิงที่เกิดขึ้นเพราะช่วงนี้หน้าที่การงานของเธอไม่ดีนัก สภาพการเงินขัดข้อง ไม่สามารถลงทุนหนังเรื่อง ‘Suspect’ ได้และไม่ได้บทนางรองในเรื่องทั้งยังมีเรื่องที่เฝิงจงเหลียงไปดูหนังของเจียงเซ่ออีก แต่พอเห็นดวงตาคู่นั้นของเฝิงจงเหลียงเปลวเพลิงเหล่านั้นก็หายไปจนหมดสิ้น

“หนูสืบมาแล้ว พ่อของเจียงเซ่อเคยก่อคดีที่ฮ่องกง เคยก่อคดีลักพาตัว เพิ่งติดคุกมา แม้คนที่ถูกลักพาตัวไม่ใช่หนู แต่เขาก็เป็นคนไม่ดีอยู่ดี!”

เธอพูดออกมาอย่างฝืนๆ ทำให้เสี่ยวหลิวเผยความแปลกใจออกมา

เรื่องที่เฝิงหนานถูกเจียงจื้อหยวนลักพาตัวในตอนนั้น ถูกอำนาจของเฝิงจงเหลียงปกปิดเอาไว้ คนธรรมดาไม่สามารถรู้ได้แน่

แต่ในสังคมชั้นสูง เรื่องนี้กลับสร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก อีกอย่างเฝิงหนานเป็นผู้เสียหายที่ถูกเจียงจื้อหยวนลักพาตัว แม้ว่าท้ายที่สุดเพราะคุณท่านจงใจปกปิดเรื่องนี้ ทำให้เธอไม่รู้ชื่อของเจียงจื้อหยวนก็ตาม แต่ในเมื่อเธอจ้างคนตามสืบเรื่องของเจียงจื้อหยวน งั้นก็ควรจะจำคนที่เคยลักพาตัวตนเองได้สิถึงจะถูก

พอคุณท่านถาม เธอกลับกลับคำพูดที่ตนเองพูดเอาไว้อย่างง่ายดาย เหตุการณ์นี้ทำให้เสี่ยวหลิวอึ้งไป

“หึ” เฝิงจงเหลียงรู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์จะต้องเป็นแบบนี้ และขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเฝิงหนาน

คนแบบนี้มาอยู่ในร่างของหลานสาวตนเอง ทั้งยังกลั่นแกล้งเจียงเซ่อตลอด ทำให้เฝิงจงเหลียงยิ่งไม่พอใจเฝิงหนาน จึงพูดตรงๆ ว่า

“เธอไปหาหลักฐานมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาพูด ไม่มีหลักฐานก็อย่ามาพูดจามั่วซั่ว!” เขาหมดความอดทนแล้ว มองใบหน้าอันคุ้นเคยแต่กลับเหมือนเป็นคนแปลกหน้าของเฝิงหนานแล้วเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจยาว

“เธออายุไม่น้อยแล้ว แทนที่จะมาเสียเวลากับเรื่องนี้ ควรจะไปคิดเรื่องของเธอกับเจ้าเด็กตระกูลจ้าวของเจียงหัวกรุ๊ปเสียมากกว่านะ”

เสี่ยวหลิวเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ พยุงเฝิงจงเหลียงขึ้นห้องเพื่อไปอาบน้ำ เฝิงจงเหลียงเดินหน้าไปสองก้าว พลันหยุดและพูดว่า

“การแต่งงานครั้งนี้ เป็นความต้องการของเธอตั้งแต่แรก วันนี้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ ควรจะทำยังไงต่อไปเธอควรคิดให้ดี”

เฝิงหนานไม่อยากฟังคำพูดพวกนี้ เธอและจ้าวจวินฮั่นกลายเป็นคนแปลกหน้ากันไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีทางที่จะอยู่ด้วยกันได้

เธอรู้สึกว่าที่เฝิงจงเหลียงพูดแบบนี้ เป็นการใช้เธอเป็นเครื่องมือเพื่อให้วิสาหกิจจงหนานสามารถร่วมงานกับเจียงหัวกรุ๊ปได้อย่างราบรื่นก็เท่านั้น

“หนูไม่มีทางแต่งงานกับจ้าวจวินฮั่น!”

เธอพูดด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง เฝิงจงเหลียงจึงเผยยิ้ม

“งั้นก็แล้วแต่เธอ”

คำพูดนี้ของเขาไม่เพียงแค่ไม่ทำให้เฝิงหนานรู้สึกดีขึ้น แต่กลับทำให้เธอยิ่งโกรธ

“ก่อนหน้านี้ หนูก่อเรื่องเอาไว้ เผยอี้ให้คนมาระงับบัญชีของหนู ให้หนูคืนเงินเขาหกสิบล้าน หนูอยากให้คุณ...”

เธอยังไม่ทันได้พูดจบ เฝิงจงเหลียงก็แทรกขึ้นมา

“ฉันช่วยเธอไม่ได้หรอก”

เขาเดินขึ้นบันไดไปหลายก้าว ในขณะที่เฝิงหนานได้สติและกำลังจะอ้าปากพูด เฝิงจงเหลียงเหมือนนึกอะไรออก

“เธอไม่ได้เห็นฉันเป็นปู่ ฉันก็คงทำได้แค่ทำเหมือนไม่มีหลานอย่างเธอ ต่อจากนี้เธอไม่ต้องมาบ้านฉันอีก”

ตอนที่เขาถือไม้เท้าขึ้นตึก ส่งเสียง ‘ตึกตึก’ ชวนอึดอัด

ครู่หนึ่งเฝิงหนานจึงเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเฝิงจงเหลียง ตอนที่เธอผลักเฝิงจงเหลียงจนล้มลงกับพื้น แม้เฝิงจงเหลียงจะโกรธเธอ แต่ก็ไม่เคยพูดว่าห้ามเธอมาบ้านตระกูลเฝิงอีก

เธอเห็นเฝิงจงเหลียงถูกเสี่ยวหลิวพยุงขึ้นห้องไป แล้วนึกถึงเรื่องที่มาบ้านตระกูลเฝิงในตอนนี้ เฝิงจงเหลียงยอมเข้าข้างคนนอก แต่ไม่ยอมช่วยเธอ ทางเผยอี้เพียงแค่เขาพูดคำเดียวก็สามารถช่วยเธอได้แล้ว แต่เขากลับทำเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ไม่ยอมแม้กระทั่งช่วยเธอเจรจา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะช่วยเธอจ่ายหกสิบล้านเพื่อจบเรื่องนี้

ความโกรธแค้นในใจจึงมากขึ้นเป็นทวีคูณและยากที่จะสงบลงได้

เธอขับรถออกไปด้วยความโกรธ ในยามค่ำคืนแบบนี้ เสียงล้อรถเสียดสีบนถนนอย่างรวดเร็วส่งเสียงดังแสบหู เฝิงจงเหลียงที่ดูในห้องนอนท่าทางดูเหน็ดเหนื่อย เสี่ยวหลิวเห็นแล้วรู้สึกว่า คุณท่านเหมือนจะแก่ลงไปมาก

“ท่านไม่ต้องใส่ใจนะครับ คุณหนูเฝิงอาจจะทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เด็กล้วนหลงผิดบ้างเป็นธรรมดา...”

เขาปลอบใจเฝิงจงเหลียง บางทีก็รู้สึกว่าคุณท่านน่าสงสารมาก

มีเงินทองแล้วอย่างไร สิ่งที่เงินซื้อไม่ได้คือความจริงใจ สิ่งที่คนในตระกูลเฝิงเป็นห่วงคือ พวกหุ้นส่วนและทรัพย์สมบัติของเขา บางทีอาจจะแอบคิดเอาไว้แล้วว่า หลังจากเขาเสียชีวิต หุ้นส่วนที่จะแบ่งกันมีอะไรบ้าง

ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ ไม่แปลกที่เฝิงจงเหลียงจะตีตัวออกห่างมากขึ้นเรื่อยๆ โชคดีที่หลายปีมานี้มีเจียงเซ่อคอยมาพูดคุยและทำให้เขามีความสุขขึ้นบ้าง

“ฉันเข้าใจดี”

เฝิงจงเหลียงมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาถอดเสื้อกันหนาวไปแล้ว ร่างกายอันผอมบาง ทำให้เสื้อเชิ้ตตัวหลวมของเขาเสียทรง

ท่ามกลางแสงไฟ ผมขาวที่ขมับศีรษะของเขาดูแสบตามากกว่าปกติ เขานิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจยาว

“ช่วงนี้เธอจับตาดูเฝิงหนานเอาไว้และทำลายหลักฐานเกี่ยวกับเจียงจื้อหยวนให้หมด อย่าให้เธอสืบจนได้เบาะแสมา”

จากที่คุยกับเฝิงหนานก่อนหน้านี้ เฝิงจงเหลียงรู้ว่าเธอเพียงแค่เดามั่วเท่านั้น ไม่มีหลักฐานยืนยัน

ถ้าเธอไม่มีหลักฐาน คำพูดมั่วซั่วของเธอ มีตนเอง มีตระกูลเผยและเซี่ยเชาฉวินคอยจับตาดูอยู่ คงไม่มีปัญหาแน่

สำหรับเฝิงหนาน เขากัดฟัน แม้ว่าเธอเกือบทำให้ตนเอง ‘สูญเสีย’ หลานสาวไปอีกครั้ง แต่ตอนนี้เจียงเซ่อก็มีชีวิตที่ดีแล้ว เขาเองก็หวังให้เฝิงหนานมีความสุขใช้ชีวิตของตนเองและเลิกย้ำคิดย้ำทำเสียที

“สิ่งที่เฝิงหนานพูด เธออย่าใส่ใจเลย”

เฝิงจงเหลียงหันกลับมามองเสี่ยวหลิว

“เธอไม่รู้ความ แต่สำหรับฉันแล้ว อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปี แม้จะไม่ใช่ญาติก็เป็นมากกว่าญาติไปแล้ว”

เขารู้ว่าคำพูดของเฝิงหนานทำร้ายจิตใจเสี่ยวหลิว จึงปลอบใจเขาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

“ผมเข้าใจครับ คุณท่านวางใจเถอะครับ”

ความจริงเสี่ยวหลิวเข้าใจทุกอย่างดี แต่ตอนที่ได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากเฝิงจงเหลียง ก็ยังคงทำให้เสี่ยวหลิวซาบซึ้งใจมาก

ในโลกโซเชียลมีคำวิจารณ์ของหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ออกมาบ้างแล้ว หลังจากรอบปฐมทัศน์ตอนเที่ยงคน ก็มีคำวิจารณ์ในทางที่ดีออกมามากมาย

นอกจากซูเพ่ยเอินและนักวิจารณ์หนังที่มีชื่อเสียงมากมายในประเทศที่เขียนบทวิจารณ์หนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ แล้ว ยังมีความคิดเห็นจากแฟนหนังจำนวนหนึ่งด้วย

ใน IMDB คะแนนของหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ มากถึงเก้าสิบคะแนนแล้ว หนังที่ทำคะแนนได้มากขนาดนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉายแบบนี้ เป็นเพียงเรื่องที่สองหลังจากหนังเรื่อง ‘Evil’ ที่เจียงเซ่อเป็นนักแสดงนำ

ใน IMDB นักวิจารณ์หนังที่ชื่อหันรุ่ย เปิดเผยความชื่นชอบตนเองที่มีต่อหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ อย่างไม่ปกปิด

ตอนนี้ฉันพูดได้เพียงแค่ว่า หนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ!

ตั้งแต่จางจิ้งอานกำกับหนังเรื่องแรก ฉันก็เห็นพลังในผลงานที่เขานำเสนอออกมา จากนั้นอีกสิบกว่าปีก็เห็นเขาก้าวไปเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงระดับโลกทีละก้าวๆ

ตอนหนุ่มๆ ฉันได้รับอิทธิพลจากเขาเป็นอย่างมาก สมัยเรียนถึงขั้นเคยอยากเป็นผู้กำกับ สร้างหนังที่ทำให้ผู้คนทึ่งเหมือนจางจิ้งอาน เสียดายที่ในที่สุดเพราะหลายปัจจัย ฉันไม่สามารถเป็นคนควบคุมกล้องได้ จึงหันมาถือปากกาเป็นนักวิจารณ์หนังแทน ในที่สุดก็เกี่ยวข้องกับหนังบ้างแล้ว

ถ้าสังเกตหนังของจางจิ้งอานให้ดี จะเห็นได้ว่า เขามีความสามารถในการควบคุมเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี มุมกล้องของเขา ไม่ด้อยไปกว่าผู้กำกับแถวหน้าในบรรดาผู้กำกับระดับโลก สิ่งที่เขาขาด คือหนังสักเรื่องที่ทำลายสถิติรายได้ของหนัง ให้เขาได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่

ช่วงแรกของการโปรโมทหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ฉันก็เริ่มติดตามหนังเรื่องนี้แล้ว พอรู้เนื้อหาของหนัง ฉันค่อนข้างผิดหวังที่จางจิ้งอานเลือกทำหนังเรื่องนี้

ในหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ซึ่งเป็นผลงานก่อนหน้านี้ของเขา แสดงให้เห็นถึงความรักชาติ รักบ้านเมือง สร้างความประทับใจให้ฉันเป็นอย่างมาก เนื้อเรื่องค่อยๆ เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฉันตื่นเต้นมาก หลายปีผ่านมาแล้ว แต่พอนึกถึงสงครามปฏิวัติและขบวนยุติธรรมของโจวหมิงฉง ก็ยังคงเกิดแรงปรารถนาอันแรงกล้า

ตอนที่เขากำกับเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการ ‘ลักพาตัว’ จากตัวอย่างก่อนๆ ที่ผ่านมา ความจริงฉันเคยกังวล กลัวว่าเขายากที่จะนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ออกมาได้

ก่อนที่หนังจะฉาย พอคิดถึงหลิวเย่ หลายครั้งที่ฉันอดคิดถึงทหารสงครามปฏิวัติผู้กล้าหาญในเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ และภาพ ‘Evil’ ที่ถือบุหรี่และบอกว่าตนเองเป็นคนฆ่าเด็กหญิงอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย พอคิดถึงเจียงเซ่อ สิ่งแรกที่คิดถึงคือจางยวี่ฉินผู้จมอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวดหลังจากสูญเสียลูกสาวจนกลายเป็น ‘Evil’ ในที่สุด