webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

564

บทที่ 564 ความรู้สึก...

รอยยิ้มของเจียงเซ่อค่อยๆ มีความเศร้าแฝงเข้ามา ระหว่างเธอกับ ‘เฝิงหนาน’ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันมากขนาดนั้นแล้ว

นอกจากความทรงจำในอดีตแล้ว ตอนนี้ก็ได้ขีดเส้นแบ่งที่ทำให้เธอยากที่จะก้าวเข้าไปในตระกูลเฝิงได้แล้ว

เธอไม่ได้แซ่เฝิงและไม่ได้ใช้ร่างนั้นอีกต่อไป พ่อแม่ ญาติพี่น้อง หน้าที่และความรับผิดชอบก็ไม่ใช่ของเธออีกต่อไป เธอกลายเป็นเจียงเซ่อ มีภาระหน้าที่และชีวิตใหม่ของตนเอง

เรื่องนี้ ความจริงเธอรู้อยู่แล้ว แต่ก็เพิ่งจะได้เผชิญหน้ากับมันจริงๆ ตอนนี้

เธอรู้สึกหัวใจหวิวๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในขณะที่โล่งอกแล้ว แต่กลับยังเศร้า

เจียงเซ่อไม่เข้าใจว่าตนเองเสียใจอะไร เฝิงจงเหลียงจับมือเธอ “ทำไมหรือ เปลี่ยนไปแซ่เจียง ก็จะไม่ยอมรับปู่ ไม่มาเยี่ยม ไม่มาคุยเป็นเพื่อนและกินข้าวกับปู่แล้วใช่ไหม”

“ไม่ใช่แน่นอนค่ะ!” เธอรีบปฏิเสธ

เฝิงจงเหลียงรู้ดีว่าเธอจะไม่ทำแบบนั้น แต่พอเห็นท่าทางตื่นตระหนกของเธอ ก็แกล้งพูดว่า

“งานแต่งของเธอกับอาอี้ในอนาคตก็คงจะไม่ให้ปู่ไปร่วมแล้วล่ะสิ”

“จะเป็นไปได้ยังไงคะ!” เธอควงแขนเฝิงจงเหลียงเอาไว้

“งานแต่งของหนู คุณปู่จะต้องไปตัดชุดแต่งงานเป็นเพื่อนหนู คุณปู่ต้องจับมือหนูและต้องขู่อาอี้ไม่ให้รังแกหนู”

“เธออย่าไปรังแกเขาก็พอ”

เฝิงจงเหลียงเห็นว่าใบหน้าของเธอเริ่มแดง ซึ่งดูดีกว่าใบหน้าที่ขาวซีดก่อนหน้านี้หลายเท่า เธอรีบตอบ

“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”

เธอพูดจบ ก็เห็นเฝิงจงเหลียงมองเธอด้วยรอยยิ้ม สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดู

วินาทีนี้เอง เจียงเซ่อก็พอจะเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเฝิงจงเหลียงแล้ว

“การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ไม่ได้หมายความว่าจิตสำนึกในใจจะเปลี่ยนตาม”

เฝิงจงเหลียงพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน

“เธอดูสิ ตอนนี้เธอคือเจียงเซ่อ แต่ถ้าคิดถึงปู่ เธอก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อกลับมา สำหรับปู่ ช่วงปลายของชีวิต ขอเพียงก็มีหลานรักอยู่เคียงข้าง ปู่ก็พอใจแล้ว”

ความสัมพันธ์แบบนี้ สำคัญกว่าชื่อ ฐานะและสายเลือดที่ผูกมัดกันเสียอีก

“อาอี้ไม่เปลี่ยนใจเพราะฐานะที่เปลี่ยนไปของเธอ เธอก็จะไม่กลายเป็นเด็กไม่ดีเพราะฐานะที่เปลี่ยนไปเช่นกัน”

เธอยังคงเป็นเด็กผู้หญิงที่แข็งแกร่งและฉลาดหลักแหลมคนนั้น ในที่สุดก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ตนเองต้องการคืออะไร

“อืม!” เจียงเซ่อพยักหน้าอย่างแรง

สองปู่หลานเดินไปตามแนวฝั่งแม่น้ำอยู่นาน ตอนที่เจียงเซ่อไปส่งเฝิงจงเหลียงที่บ้านตระกูลเฝิง ก็เกือบตีสี่แล้ว

เสี่ยวหลิวยังคงรออยู่หน้าประตูและชะเง้อมองหา ตอนที่รถของเจียงเซ่อกลับมาถึง เขาพลันถอนหายใจยาวและถูฝ่ามือ

“ลุงหลิวยังรอคุณปู่อยู่เลยนะคะ”

เจียงเซ่อจอดรถ เสี่ยวหลิวรีบไปเปิดประตู พลางขอบคุณเจียงเซ่อที่มาส่งเฝิงจงเหลียง พลางปวดหัวกับคุณท่าน

“คุณท่านครับ ดึกขนาดนี้แล้ว ท่านยังไออยู่...”

เฝิงจงเหลียงลงจากรถ แล้วหันไปเตือนเจียงเซ่อ

“ดึกแล้ว ขับรถกลับมันอันตราย นอนที่บ้านสักคืนดีไหม พรุ่งนี้ฉันจะให้เสี่ยวหวังแต่งห้องให้เธอใหม่”

“ช่วงนี้ทำงานทุกวัน หลังจากเสร็จงานช่วงนี้แล้ว หนูค่อยมาอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ดีกว่าค่ะ”

เจียงเซ่อส่ายหน้า เฝิงจงเหลียงเองก็ไม่ตื้อ

แล้วกำชับให้เจียงเซ่อขับรถดีๆ ไม่ว่างานจะยุ่งมากแค่ไหนก็ต้องดูแลสุขภาพ แล้วจึงเข้าบ้านไปเพราะเสี่ยวหลิวเร่งด้วยสายตา

เขาอยากคุยกับหลานสาวนานกว่านี้ แต่พรุ่งนี้เจียงเซ่อยังต้องทำงาน เธอผอมมากพอแล้ว นอนดึกไปกว่านี้คงไม่ไหว

หลังจากเฝิงจงเหลียงหันหลังเดินเข้าบ้านไปก็สั่งเสี่ยวหลิวว่า

“พรุ่งนี้เธอออกไปคุณหมอโภชนาการให้คุณหนูสักคน” เขาหยุดคิดครู่หนึ่ง “ไม่อย่างนั้นก็ให้เสี่ยวหวังไปดูแลเธอ ฉันเห็นว่ารอบข้างเธอมีแต่สาวๆ ที่ทำอะไรไม่เป็น ถึงได้อดอาหารจนผอมแบบนี้”

เสี่ยวหลิวพยักหน้ารับ

เจียงเซ่อมองเฝิงจงเหลียงเข้าประตูจนลับสายตา พักใหญ่จึงขับรถออกจากเขตที่พัก ปกติเวลานี้เธอนอนตั้งนานแล้ว แต่ทว่าคืนนี้ได้พูดคุยกับเฝิงจงเหลียงถึงเรื่องราวมากมาย เธอจึงไม่รู้สึกง่วงเลย

ในขณะที่เธอขับรถออกจากบ้านตระกูลเฝิงประมาณสองร้อยเมตร ก็เห็นข้างทางมีรถคันหนึ่งจอดอยู่และเปิดไฟเอาไว้ ซึ่งก็คือเผยอี้ที่นั่งอยู่บนกระโปรงหน้ารถและมองไปทางบ้านตระกูลเฝิง วินาทีที่เธอขับรถออกมา เขาก็เห็นทันที

เจียงเซ่อเหยียบเบรคและจอดรถเอาไว้ข้างทาง พอลงจากรถไปเห็นเผยอี้ก็ตาเป็นประกาย

“อาอี้ นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงน่ะ”

เขานั่งอยู่บนกระโปรงหน้ารถ มองหญิงสาวที่ใส่ส้นสูงวิ่งเหยาะๆ เข้ามาหาตนเอง จึงเตือนว่า

“อย่าวิ่งสิ”

“นายบอกว่ารีบไปธุระไม่ใช่หรือ”

เจียงเซ่อรู้สึกแปลกใจจริงๆ หลังจากพิธีเปิดหนังรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เผยอี้บอกว่ามีธุระด่วน จะรีบไปก่อน ตอนนี้กลับมาอยู่ที่บ้านตระกูลเฝิง ใบหน้าของเธอเผยความสงสัย เผยอี้จึงพูดพร้อมรอยยิ้มว่า

“เสร็จธุระแล้วก็เลยมาน่ะ”

เธอยืนอยู่ตรงหน้าเผยอี้ หน้าท้องพิงอยู่บนรถ ใบหน้าถูกเขาพยุงเอาไว้ ได้ยินคำพูดแบบนี้จากเขา สายตาก็มีรอยยิ้มแฝงเข้ามาทันที

“โกหก”

เจียงเซ่อในคืนนี้ดูเป็นตัวของตัวเองมากกว่าตัวเธอที่ดูเคร่งขรึมเหมือนปกติ ราวกับภูเขาที่ทับอกเธออยู่ถูกยกออก แม้กระทั่งรอยยิ้มก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาก

“นายไม่มีธุระอะไรหรอก”

เธอไม่รู้ตัวหรอกว่า ตอนที่เธอพูดคำๆ นี้น้ำเสียงมันอ่อนโยนมากแค่ไหน เหมือนกำลังอ้อนเขา ตอนที่พูด แก้มแดงก่ำ ตาสองข้างยังบวมแดง ดวงตาถูกน้ำตาชำระล้างจนสุกใสและเป็นประกาย

เผยอี้รู้สึกปวดใจ เขาเอามือประคองใบหน้าของเธอเอาไว้ นิ้วโป้งลูบไล้เปลือกตาของเธอเบาๆ เธอหลับตาลงอย่างอ่อนโยน ขนตาอันหนาและยาวที่กวาดผ่านนิ้วมือของเขา ยังให้ความรู้สึกเหมือนเพิ่งร้องไห้มา

เธอยื่นแขนออกไปกอดเอวคู่หมั้นเอาไว้ เอาหน้าถูบนฝ่ามือของเขาทีหนึ่ง

“จะให้เวลาฉันคุยกับคุณปู่ แล้วมารอฉันที่นี่ใช่หรือเปล่า”

เธอน่ารักมาก ปลายนิ้วของเผยอี้สัมผัสอยู่บนใบหน้าของเธอ ความร้อนรนของเขาตอนรอเธอหายไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เบิกบานดั่งดอกไม้ของเธอ

เสียงหัวใจเต้น ‘ตุบตุบตุบ’ อย่างควบคุมไม่ได้กลับมาอีกครั้ง เขาก้มหน้าลง จูบเธอทีหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

“อืม”

เขาพยักหน้ายอมรับ มองสายตาของเธอที่เป็นประกาย รอยยิ้มของเธอเบิกบานจนเผยให้เห็นฟันขาวดั่งเปลือกหอยและกอดเขาแน่นมากขึ้น

“อาอี้น่ารักจังเลย”

เธอเงยหน้าขึ้น เขย่งขาขึ้นไปจูบเขา “รอนานแล้วใช่ไหม”

เขาสวมเสื้อเชิ้ต เสื้อไหมพรหมตัวหนึ่งถูกเขาเอามาคลุมไหล่ แม้ใบหน้าจะเย็นไม่น้อย แต่สายตากลับอ่อนโยนมาก

“ไม่หรอก” เขาเอาเสื้อกันหนาวของตนเองลงมา คลุมให้เธอ

“ห่วงว่าพี่จะร้องไห้”

เขารู้ว่าคืนนี้เฝิงจงเหลียงนัดเจียงจื้อหยวนออกมาดูหนัง เฝิงจงเหลียงเลือกที่จะคุยกับเธอตอนนี้ เรื่องที่คุยกัน คงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่เฝิงหนานถูกลักพาตัวเมื่อหลายปีก่อน

เขาไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่ก็กังวลว่าเธอจะร้องไห้

ความรู้สึกแบบนั้นยากจะเปรียบเทียบ เขารู้ว่าบางอย่างหลังจากพูดให้เคลียร์จะเป็นผลดีกับทั้งเฝิงจงเหลียงและเจียงเซ่อ แค่เพียงไม่อยากให้เธอต้องเสียน้ำตา

“ถ้าฉันร้องไห้จริงๆ นายจะทำยังไง”

เธอพิงอยู่บนหน้าอกของเขา อยากจะขึ้นไปนั่งบนกระโปรงหน้ารถกับเขา แต่เพราะวันนี้ใส่กระโปรง ลองคิดหลายครั้งแล้ว แต่ก็คิดท่านั่งที่ดูดีไม่ออก

เขาขมวดคิ้วทีหนึ่ง ท่าทางดูเคร่งขรึมมาก

“ง้อให้เซ่อเซ่อยิ้ม”

“ง้อยังไง”

เธอถามอีกคำถาม เผยอี้กระโดดลงมา กอดเอวของเธอเอาไว้ อุ้มเธอไปนั่งบนหน้ารถอย่างง่ายดาย และไปไม่ถูกเพราะคำพูดของเธอ

ง้อยังไง เขาจับผมของเธอขึ้นมาเล็กน้อย ช่วงชีวิตยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาของเขา จากประสบการณ์การจีบสาวทั้งหมดที่ผ่านมาล้วนเกี่ยวข้องกับเธอ ความสุขและความทุกข์ต่างแบ่งปันกัน ประสบการณ์การง้อผู้หญิงมีไม่มากจริงๆ

“ผมจะโทรหาชิวจี๋!”

เขาลงมือทำตามคำพูดทันที หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเซี่ยงชิวจี๋ เจียงเซ่อไม่ห้ามเขา มองเขาที่กำลังกดโทรหาเซี่ยงชิวจี๋

“ต้าชิว ฉันจะง้อภรรยาฉันยังไงดี”

เขาบอกจุดประสงค์ของตนเองออกมาตรงๆ อีกฝั่งเซี่ยงชิวจี๋ที่ถูกปลุกให้ตื่นกลางดึก ได้ยินเขาถามคำถามไร้สาระแบบนี้ ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง”

“ขอร้อง ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันจะนอน...โทรหาชิวหรานเถอะ เขาอาจจะว่าง...”

“ตู๊ดๆๆ...” วางสายไปแล้ว

เผยอี้โทรกลับไปอีกครั้ง เซี่ยงชิวจี๋ก็ปิดเครื่องเหมือนรู้ทัน

เขากัดฟัน แล้วโทรหาเซี่ยงชิวหราน

ในโทรศัพท์ น้องชายเหมือนคนกำลังจะตาย น้ำเสียงราวคนป่วยหนัก

“ดอกไม้ เทียน...ของขวัญ...”

“ของขวัญอย่างนั้นหรือ” ตอนขอแต่งงาน แม้กระทั่งแหวนเจียงเซ่อยังเป็นคนเตรียม เรื่องนี้ทำให้เผยอี้อึดอัดใจมาโดยตลอด “หลักๆ แล้วมีอะไรบ้าง”

“กระเป๋า เพชร…”

พูดยังไม่ทันจบ เสียงก็หายไป เผยอี้อดถามไม่ได้

“มีอะไรอีก”

อีกฝั่งมีเสียงหายใจเบาๆ ดังขึ้น รู้เลยว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว

เขายังไม่ยอมแพ้ วางสายแล้วโทรกลับไปอีกครั้ง หลังจากรบกวนคนอื่นจนตื่น แล้วจึงวางสายไปอย่างสบายใจ

เจียงเซ่อเห็นเขาโทรไปรบกวนพวกของเนี่ยต้านทีละคน เฉิงหรูหนิงที่อยู่ในสายพูดอย่างไม่กลัวตายว่า

“พี่อี้ ถ้าพี่ยังทำแบบนี้ต่อไป จะไม่มีเพื่อนคบนะ!”

เธอกัดริมฝีปาก มองท่าทางโทรศัพท์อย่างจริงจังของเผยอี้ พร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ

เขายังคงจริงจังกับการขอวิธีง้อเธอกับเพื่อนๆ แต่กลับไม่รู้ว่าเขาที่กำลังโทรศัพท์อยู่นี้ทำให้เธอชอบมากเพียงใด

ขายาวของเขาอิงอยู่บนหน้ารถ มือหนึ่งถือโทรศัพท์ อีกมือกอดเอวของเธอเอาไว้ กลัวเธอตกลงมา ความจริงใจแบบนี้มีค่ามากกว่าของขวัญเสียอีก

เผยอี้ยังคงโทรต่อไป เจียงเซ่อกอดแขนเขาเบาๆ เขาจึงหันกลับมา

“เหนื่อยแล้วหรือ”

เจียงเซ่อส่ายหน้า เขาถามอีกว่า

“หนาวไหม เซ่อเซ่อ”

“ไม่หนาว อยากคุยกับนาย”

ในสายเนี่ยต้านยังคงด่า เขาวางสายอย่างรวดเร็ว เอามือดันรถแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งข้างเธอด้วยท่วงท่าอันสวยงาม

“คืนนี้คุณปู่ขอโทษฉัน”

เธอพิงศีรษะลงบนไหล่ของเขา แล้วหรี่ตาลง ไม่ได้ดื่มเหล้าแท้ๆ แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกตัวลอยๆ เหมือนเพิ่งดื่มเหล้า

“คุณปู่บอกว่า ตอนนั้นหลังจากรู้ว่าฉันถูกลักพาตัว ท่านไม่เคยทิ้งฉัน”

เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เธอพูดราวกับมีความสุขมาก

“แต่ตอนนั้นท่านยังไม่เข้าใจว่าญาติมิตรและครอบครัวสำคัญกว่าวิสาหกิจจงหนาน ท่านบอกว่าท่านได้เรียนรู้มันตั้งแต่ตอนนั้น”

อาจจะเป็นเพราะในอดีต เขาไม่ได้เป็นปู่ที่ดี แต่เขาก็พยายามฝึกการอยู่ร่วมกันหลานสาว

ในขณะที่เธอโตมาเรื่อยๆ และเรียนรู้ชีวิตมาเรื่อยๆ กลับลืมไปว่าทุกคนล้วนไม่หยุดที่จะเรียนรู้ฐานะใหม่ของตนเอง การเป็นพ่อแม่เป็นปู่ ไม่ใช่บทบาทที่ติดตัวทุกคนมาตั้งแต่เกิด

เธอชอบที่คุณปู่พูดกับเธอแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาก

“หลายเรื่องในอดีต ฉันเข้าใจมันแล้ว”

แต่ทว่า ปัญหาบางอย่างที่ถูกผูกปม ไม่ว่าจะผูกแน่นแค่ไหน จับแล้วก็ยังคงรู้ว่ามีปม คำพูดของปู่กลับทำให้คลายปมในใจของเธอออกได้

เธอไม่ได้ถามว่าตอนนั้นเฝิงชินหลุนและภรรยาทำอะไรอยู่ พวกเขาสนใจเรื่องที่เธอหายตัวไปหรือไม่ บางทีทุกคนล้วนรู้คำตอบอยู่ในใจ แต่ทว่า เธอไม่สนใจมันแล้ว

เหมือนวิวอีกฝั่งของแม่น้ำที่คุณปู่พาเธอไปดู ทิวทัศน์ที่นั่นเปลี่ยนไปมาก เธอเองก็เปลี่ยนไป อาจจะเพราะคิดได้แล้วว่าควรใช้ชีวิตของตนเองต่อไป

ปลายเท้าของเธอแกว่งไปมาอยู่ตรงหน้าไฟหน้ารถ มองเงาบนพื้นที่ส่ายไปมาเพราะการกระทำของตัวเอง

“ตอนเราแต่งงาน คุณปู่บอกว่าจะจูงมือฉันและไม่ให้นายรังแกฉันได้”

เธอเอียงศีรษะ สายตาแฝงความเขินอาย อยู่ๆ เผยอี้ก็นึกถึงภาพเธอในวัยเยาว์

ตอนนั้นเธอยืนอยู่หน้าห้องสมุดของนักเรียนมัธยมต้น แล้วพูดกับกำแพงที่เต็มไปด้วยไม้เลื้อยว่า บ้านในอนาคตของเธอก็ต้องมีกำแพงด้านหนึ่งที่เต็มไปด้วยไม้เลื้อยแบบนี้

เธอเอามือไขว้หลังเอาไว้ เผยให้เห็นรูปร่างอันผอมบาง ตอนที่หันกลับมา สายตาแฝงความเขินอาย

เขายังจำน้ำเสียงชวนอันหลงใหลที่เต็มไปด้วยความหวังและการรอคอยของเธอได้ นัยน์ตามีสีเขียวจากไม้เลื้อยบนกำแพงสะท้อนอยู่ รอยยิ้มตอนวัยเยาว์ของเธอได้ปรากฏขึ้นในใจของเขา ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก และไม่ทันได้ตั้งตัว จึงยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้

ตอนนี้แม้เธออยากได้ดวงดาว พระจันทร์ เขาก็จะพยักหน้าอย่างไม่ลังเล

“ได้....”

เขายังจำได้ว่าในหัวใจและในสายตาของเขามีเพียงเธอ หัวใจเต้นผิดจังหวะ จนลืมแม้กระทั่งวิธีการอ้าปากพูด แต่กลับยังจำรอยยิ้มในตอนนั้นของเธอได้ จำสิ่งที่เธอขอได้ หลายปีผ่านมาจึงแอบเสียใจที่ไม่ได้รับปากเธอตั้งแต่ตอนนั้น ทำให้อายุยิ่งมาก ยิ่งไม่กล้าพูด

ตอนนี้เธอขอร้องอีกครั้ง เขาค่อยๆ กลืนน้ำลายทีละนิด พยักหน้าอย่างหนักแน่น และรับปากว่า “จะไม่รังแกเซ่อเซ่อ”

“ฉันรู้แล้ว” เธอนั่งตัวตรง และจงใจแกล้งเขา “ถ้านายรังแกฉัน ฉันก็จะไม่แต่งงานกับนายด้วย”

“ไม่ได้นะ” เขาจับมือเจียงเซ่อแน่น “อีกครึ่งปีพี่ก็จะเป็นคุณผู้หญิงเผยแล้ว”

“อืม!” เจียงเซ่อพยักหน้ารับ

เผยอี้เตรียมจะส่งเธอกลับบ้าน ทั้งสองต่างขับรถมา เจียงเซ่อจึงจอดรถไว้ข้างทางเสียเลย ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ถูกยึดไปก็ให้โม่อานฉีมาขับกลับไป

เธอกลับพร้อมรถของเผยอี้ แต่ทว่า ตอนนี้บ้านตระกูลเฝิงกลับมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือน

ตอนที่เฝิงจงเหลียงถูกเสี่ยวหลิวพยุงเข้าบ้าน เฝิงหนานก็มารออยู่ที่บ้านตระกูลเฝิงห้าหกชั่วโมงแล้ว

หลังแต่เธอย้ายออกจากบ้านตระกูลเฝิง การจะกลับมาก็ไม่ได้ง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เรื่องเฝิงจงเหลียงไม่อยากเจอเธอ คนใช้ในบ้านตระกูลเฝิงต่างรู้ดี

ปกติเธอไม่ค่อยไปมาหาสู่กับเฝิงจงเหลียง แต่ทว่า คืนนี้ทันทีที่เฝิงหนานกลับมาก็พยายามจะเข้าบ้านให้ได้

ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังได้ชื่อว่าเป็นหลานสาวแท้ๆ ของเฝิงจงเหลียง เมื่อเธอยืนยันว่าจะมา ถึงแม้เฝิงจงเหลียงไม่อยู่บ้าน แม่บ้านหวังและคนอื่นๆ ก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง

ทันทีที่กลับไปถึง เธอก็ถามหาเฝิงจงเหลียง หลังจากที่รู้ว่าเฝิงจงเหลียงออกไป ก็นึกขึ้นได้ทันทีว่า คืนนี้มีพิธีเปิดรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เฝิงหนานเดาว่าเฝิงจงเหลียงอาจจะไปดูหนังของเจียงเซ่อ

ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ ในใจของเฝิงหนานก็ลุกเป็นไฟ

เธอได้ยินเสียงรถดังมาจากข้างนอก ไม่เพียงแค่ไม่มีท่าทีที่จะลุกขึ้นไปรับ แต่กลับนั่งอยู่ในห้องรับแขก มองเสี่ยวหลิวที่พยุงเฝิงจงเหลียงเดินเข้ามาทีละก้าวๆ เธอกอดอก ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้น แม่บ้านหวังและคนอื่นๆ ยืนอยู่ข้างหลังเธออย่างอึดอัด

ตอนที่เฝิงจงเหลียงเห็นเธอ ใบหน้าแฝงความรู้สึกสงสัย ก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว

“เธอมาได้ยังไง”