บทที่ 562 เดินเล่น…
วินาทีนี้เจียงจื้อหยวนและเฝิงจงเหลียงราวกับรู้ใจอีกฝ่ายโดยไม่ต้องพูดอะไร เฝิงจงเหลียงมองเขาที่เลี้ยวออกจากมุม พลันเปิดประตูแล้วเดินออกไป
เสียงพูดคุยข้างนอกดังเข้ามาทันที เจียงจื้อหยวนเดินผ่านผู้คน แล้วลงบันไดหนีไฟไป
หลังจากออกจากโรงหนัง เจียงจื้อหยวนก็หยิบบุหรี่ที่ถูกเขาดับออกจากกระเป๋าเสื้อสูท แล้วจุดไฟอีกครั้ง
ในมุมมืด เขาจ้องแสงไฟบนบุหรี่ที่สว่างขึ้น ในขณะที่มันจะดับก็เป่าลมใส่มัน แสงไฟจึงสว่างและติดไวขึ้น
ท่ามกลางแสงไฟ ใบหน้าของเขาดูสงบนิ่ง จนกระทั่งไฟลามไปถึงก้นบุหรี่
ได้ข่าวว่าคืนนี้เจียงเซ่อโปรโมทหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ อยู่บนชั้นหก เขาเงยหน้าขึ้นมองบนตึกแวบหนึ่ง เขาอยู่ในชุดสูทเก่าๆ เหมือนถูกกีดกันไม่ให้ออกจากอดีต เมื่อเทียบกับตึกใหญ่อันหรูหรานี้แล้วช่างดูไม่เข้ากันเอาเสียเลย
ลูกสาวของเขาอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ แต่เขากลับไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้
สำหรับเจียงเซ่อแล้ว เขาเหมือนบุหรี่ที่ถูกจุด แม้จะร้อนแรงมากเท่าไหร่ แต่ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำร้ายเธอมากเท่านั้น
เธอยิ่งมีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเปิดเผยไม่ได้ว่ามีพ่ออย่างตนเอง
ท่าทางของเขาดูเย็นชา นิ้วมือยังคงจับบนบุหรี่ที่ถูกเผาไหม้ ความปวดแสบกระจายออกจากปลายนิ้ว ราวกับได้ยินเสียง ‘ซือซือ’ หลังจากผิวหนังสัมผัสของร้อน และส่งกลิ่นเหม็นไหม้ แต่ทว่า เขาราวกับไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด หลังจากบีบไฟจนดับ ก็วางมันลงในกระดาษที่พับเอาไว้ก่อนหน้านี้อย่างระมัดระวัง ก่อนจะใส่เข้าไปในกระเป๋าของเขาอีกครั้ง
เฝิงจงเหลียงถามเขาว่า ‘ชอบซุนหงอคงไหม’
เขาชอบ เพราะเขามีสามารถแปลงกายได้เจ็ดสิบสองอย่างและยังมีความสามารถสะท้านฟ้าสะเทือนดิน แต่สุดท้ายมีรัดเกล้าทองที่ปราบเขาลงได้
ไม่ว่าเธอจะรู้หรือไม่ว่ายังมีพ่อคนนี้ ไม่ว่าเธอจะยอมรับเขาหรือไม่ เธอก็ยังคงเป็นลูกสาวของเขา และเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เขายอมตกอยู่ภายใต้อำนาจของคนอื่น
ถ้าความไม่เกรงกลัวฟ้าดินของเขาเป็นเหมือนหนามที่จะทิ่มแทงให้ลูกสาวบาดเจ็บ ถ้าอย่างนั้น เขาก็ยอมที่จะสลัดมันออก ขอเพียงให้เธอมีความสุข
เฝิงจงเหลียงนั่งอยู่ในโรงหนังนานมาก เจียงจื้อหยวนออกไปตั้งนานแล้ว แต่เขายังคงจ้องบนหน้าจอ ไม่อยากลุกขึ้น
จนกระทั่งเสี่ยวหลิวที่กระวนกระวายและเป็นห่วงความปลอดภัยของเขาโทรมา เฝิงจงเหลียงจึงรู้สึกตัว
“คุณท่าน ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
น้ำเสียงของเสี่ยวหลิว แฝงความห่วงใยที่เก็บไม่อยู่
ครึ่งปีนี้ที่ผ่านมา เฝิงจงเหลียงเป็นคนที่เคร่งครัดมาก ไม่เพียงแค่เคร่งในกฎระเบียบ ในขณะเดียวกันก็ตั้งความหวังกับคนรอบข้างเอาไว้สูงมากเช่นกัน
ช่วงบั้นปลาย เพราะผิดหวังกับคนในตระกูลเฝิง นิสัยของเขาเปลี่ยนไปจนคนอื่นๆ อาจจะไม่เข้าใจ เขาห่างเหินกับครอบครัวและดูเลือดเย็น
คนจำนวนมากกลัวเขา คนที่เคารพเขาก็มีไม่น้อย แต่คนที่เป็นห่วงเขากลับเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“จะเป็นอะไรได้ล่ะ”
เขาตอบอย่างเรียบนิ่ง น้ำเสียงกลับไม่เย็นชา
“เจียงจื้อหยวนล่ะครับ”
เสี่ยวหลิวได้ยินเสียงของเขา พลันถอนหายใจ ปล่อยให้เฝิงจงเหลียงอยู่กับเจียงจื้อหยวนโดยลำพัง เขาไม่ไว้ใจเลยจริงๆ แต่ทำไมคุณท่านถึงดื้อรั้นขนาดนี้นะ เสี่ยวหลิวไม่รู้จะทำอย่างไรกับเขาเลยจริงๆ
ตอนที่ทั้งสองดูหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เขากระวนกระวายเหงื่อตกจนเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่เปียกชุ่มไปหมด
“ไปแล้ว”
เฝิงจงเหลียงตัดสินใจว่าจะดูหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ อีกรอบ ตอนที่เขาดูรอบที่แล้ว ก็เพื่อรำลึกความหลังกับเจียงเซ่อ ทำความเข้าใจความรู้สึกในตอนนั้นของเธอ และที่เขาจะดูอีกรอบก็เพื่อชื่นชมฝีมือการแสดงของหลานสาว
เขาบอกกับเสี่ยวหลิว ก่อนจะสั่งเขาว่า
“อีกเดี๋ยวช่วยโทรบอกคุณหนูเจียง หลังจากจบพิธีเปิดแล้ว ให้เธอไปส่งฉันที่บ้านด้วย” เขาพูดถึงตรงนี้ได้หยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสั่งว่า
“เธอกลับไปก่อน ไม่ต้องรอฉันแล้ว”
“ได้ยังไงกันครับ”
เสี่ยวหลิวได้ยินคำพูดของเขา ก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
ช่วงนี้คุณท่านเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ เขายังไม่ได้ตอบ เฝิงจงเหลียงก็วางสายแล้ว ไม่ให้เขาได้มีโอกาสบ่น
พอเสี่ยวหลิวโทรหาเขาอีกครั้ง เฝิงจงเหลียงก็ไม่รับสายเขา ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ เขาจึงทำให้เพียงแค่โทรหาเจียงเซ่อตามคำสั่งของเฝิงจงเหลียง
ตอนนี้เจียงเซ่อคงจะอยู่ในพิธีเปิด โม่อานฉีผู้จัดการของเธอเป็นคนรับสาย รอบข้างมีเสียงฉายหนังรอบปฐมทัศน์ดังแทรกเข้ามาในสาย
เสี่ยวหลิวรายงานคำสั่งของเฝิงจงเหลียง โม่อานฉีรับปากว่าจะบอกเจียงเซ่อทันที เมื่อเสี่ยวหลิววางสายไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่กล้าไปไหน ตัดสินใจว่าจะให้บอดี้การ์ดขับตามรถของเจียงเซ่อตามพวกเขาไป
หลังจากฉายหนังรอบปฐมทัศน์เสร็จ ก็ได้รับเสียงปรบมืออันล้นหลามจากผู้ชมในงาน
ถ้าจะบอกว่าที่เฉิงเจี้ยนกั๋วกลับใจและช่วยนางเอกในตอนท้ายเป็นการหักมุมเหมือนเอาเหล้าใหม่มาใส่ในขวดเดิม แต่ทว่า จางจิ้งอานมีจุดประสงค์อื่นกับเหล้าใหม่นี้
ยังไม่ต้องพูดถึงการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของนักแสดงนำหญิงและชายสองคนที่ลงตัวกันเป็นอย่างมาก สำหรับนักวิจารณ์หนังมืออาชีพแล้ว การแสดงของเจียงเซ่อในหนังเรื่องนี้ เหนือกว่าจางยวี่ฉินในเรื่อง ‘Evil’ มากเลยทีเดียว
เธอนำเสนออารมณ์ในทุกๆ ช่วงของถังจิ้งออกมาได้เป็นอย่างดี ทั้งไม่ใส่ความรู้สึกของตนเองออกมาโดยพลการและตีบทแตกในทุกฉากสำคัญ
สำหรับซูเพ่ยเอินแล้ว หนังเรื่องนี้ การแสดงของเธอไม่สามารถใช้คำว่าฝีมือการแสดงมาบรรยายได้อีกแล้ว
แม้คนที่อายุมากอย่างเขา ทั้งสมาธิ สายตา ล้วนเสียประสิทธิภาพไปบ้างแล้ว แต่ทว่า ในฉากสำคัญหลายฉาก สายตาและภาษากายของถังจิ้ง กลับสามารถทำให้ซูเพ่ยเอินเข้าถึงหนังได้อย่างง่ายดาย และคล้อยไปตามความรู้สึกของเธอในตอนนั้น
จนหนังจบ จนหน้าจอมีชื่อของทีมงานและผู้สนับสนุนปรากฏขึ้นเพื่อขอบคุณ ซูเพ่ยเอินและผู้ที่มาร่วมพิธีเปิดรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ จึงกลับสู่โลกแห่งความจริง ทำให้ทุกคนรู้สึกตัวว่าตนเองเพียงแค่ดูหนังอยู่ ไม่ได้ร่วมโดนทำร้ายจากการลักพาตัวไปพร้อมกับถังจิ้งจริงๆ
สามารถนำเสนอหนังออกมาได้ขนาดนี้ ซูเพ่ยเอินก็พอจะเดาออกแล้วว่าหลังจากหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เข้าฉายรอบปฐมทัศน์ตอนเที่ยงคืน เจียงเซ่อจะกลายเป็นประเด็นที่คนพูดถึงมากขนาดไหน
“เซ่อเซ่อ”
เสียงปรบมือในงานยังคงดังต่อเนื่อง เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ กำลังจะเข้ามามีอิทธิพลในตลาดหนังอีกครั้ง ถึงขั้นที่ว่าอาจจะกวาดรายได้และกลายเป็นปรากฏการณ์ของรายได้หนังในปีนี้เลยด้วยซ้ำ
ท่ามกลางเสียงปรบมือที่ดังก้องปานฟ้าร้อง โม่อานฉีเดินเข้ามาหาเจียงเซ่อและกระซิบเรื่องที่เสี่ยวหลิวโทรมาบอกก่อนหน้านี้
“…ลุงหลิวบอกว่า คุณท่านเฝิงบอกว่าหลังจบงานแล้ว ให้รอก่อน ท่านอยากให้เธอไปส่งท่าน”
“คุณปู่อยู่ที่โรงหนังเหรอ”
ในขณะที่เจียงเซ่อปรบมือพร้อมกับผู้คน หลังจากได้ยินคำพูดของโม่อานฉีเธอก็อดถามไม่ได้
ตอนแรกเธอคิดว่า เฝิงจงเหลียงปฏิเสธไปร่วมงานพิธีเปิดกับเธอ เขาก็คงจะไม่มาดูหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ แล้ว
แต่ทว่า เธอไม่คิดว่า เฝิงจงเหลียงจะแอบมาเองและยังบอกว่าจะกลับพร้อมเธออีก
เธอจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปบ่นเบาๆ กับเผยอี้ที่อยู่ข้างๆ
“ในเมื่อคุณปู่มาแล้ว ทำไมไม่ไปร่วมงานพิธีเปิดกับฉันนะ”
เธอไม่ค่อยเข้าใจ เผยอี้บีบมือเธอเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“หนังบางเรื่อง คุณปู่เฝิงอาจจะอยากมาดูตามลำพังก็ได้”