webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

561

บทที่ 561 ช่วยเหลือ

ที่โรงพยาบาล สภาพที่หญิงสาวที่ตกใจจนควบคุมสติไม่ได้ยังคงย่ำแย่ ครอบครัวตระกูลถังล้อมเธอเอาไว้ ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย กลับยากที่จะทำให้เธอรู้สึกวางใจได้

แม้ครอบครัวจะห้ามแต่เธอก็ไม่ฟัง ยืนกรานว่าจะช่วยลูกสาวของเฉิงเจี้ยนกั๋ว

การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากพักดูอาการที่โรงพยาบาลสักระยะแล้วก็ไม่พบความผิดปกติ ไม่ติดเชื้อและมีอาการอะไรตามมาหลังการผ่าตัด

ตอนที่คุณหมอมาบอกว่าลูกสาวของเฉิงเจี้ยนกั๋วออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ถังจิ้งไปรับเธอด้วยตนเอง คุณหมอเจ้าของไข้ก็บอกถึงข้อควรระวังหลังจากลูกสาวของเฉิงเจี้ยนกั๋วออกจากโรงพยาบาลให้เธอฟัง

สายตาที่คุณหมอเจ้าของไข้มองถังจิ้งแฝงความแปลกใจ เขาเป็นคนเอาหัวใจของเฉิงเจี้ยนกั๋วออกมาและใส่เข้าไปในร่างของลูกสาวของเฉิงเจี้ยนกั๋วด้วยตนเอง แล้วเขาเองก็รู้ฐานะของเฉิงเจี้ยนกั๋วและถังจิ้ง

คนที่ถูกลักพาตัว ท้ายที่สุดยอมมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ลูกสาวของคนร้ายที่ลักพาตัวตนเอง และยังยินดีรับเลี้ยงดูลูกสาวของเฉิงเจี้ยนกั๋ว เรื่องแบบนี้ทำให้เขาแปลกใจมาก

ทั้งสองพูดถึงเฉิงเจี้ยนกั๋วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถังจิ้งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะถามว่า

“เขา เขา...” น้ำเสียงของเธอบางเบามาก พูดออกมาหลายคำ ท้ายที่สุดก็ก้มหน้าลงและถามเบาๆ ว่า “สั่งเสียอะไรไว้หรือเปล่าคะ”

คุณหมอมองเด็กหญิงที่ยังไม่รู้ความที่ถังจิ้งจูงมืออยู่ เธออาจจะพอเดาอะไรออกบ้างแล้ว มือข้างหนึ่งกดอยู่ที่หน้าอก สีหน้าขาวซีด น้ำตาไหลนอง แต่เพราะปัญหาสุขภาพ จึงรับเรื่องที่กระทบจิตใจมากๆ ไม่ได้

“เขาเป็นห่วงลูกสาวจนวินาทีสุดท้าย” คุณหมอเจ้าของไข้เผยรอยยิ้ม พลันโน้มตัวลงเล่นกับเด็กหญิงน่ารัก

“เขาเป็นกังวลเรื่องแหล่งบริจาคหัวใจของลูกสาวมาโดยตลอด”

ตอนนั้นเฉิงเจี้ยนกั๋วก็พอรู้ตัวแล้วว่าตัวเองคงฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว “เพราะฉะนั้น หลังจากนั้นพยาบาลที่อยู่กับเขาเลยเป็นคนบอกผมอีกที” คุณหมอเจ้าของไข้ให้พยาบาลมาจูงเด็กหญิงออกไปเดินเล่น หลังจากเธอออกไปแล้ว จึงหันมองถังจิ้งพลางถอนหายใจ

“เขาบอกว่าเขายังมีหัวใจที่ยังมีสภาพดีอยู่ ยังสามารถใช้ได้”

ประโยคแผ่วเบา ตอนนี้ได้ออกจากปากคุณหมอเจ้าของไข้ แต่ตอนที่เข้าหูของถังจิ้งนั้น มันกลับหนักหน่วงเป็นอย่างมาก

เขายังมีหัวใจ

บนหน้าจอ ท่าทางของถังจิ้งดูเคร่งขรึม เธอไม่ได้ร้องไห้ แต่ใบหน้าของเธอกลับเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนัก ดูแล้วชวนให้คนสงสาร

นอกจอ เฝิงจงเหลียงหันมามองเจียงจื้อหยวนอีกครั้ง ในหนังเฉิงเจี้ยนกั๋วกลับตัวกลับใจกลางคัน เพราะฉะนั้นก่อนตาย เขายังบอกกับพยาบาลอย่างเต็มปากว่า ‘เขายังมีหัวใจ’ แล้วเจียงจื้อหยวนล่ะ

ถังจิ้งจูงมือลูกสาวของเฉิงเจี้ยนกั๋วเดินออกจากโรงพยาบาล

“คุณพ่อของหนูจะกลับมาดูแลหนูอีกไหมคะ”

เสียงเล็กๆ ของเด็กหญิง แฝงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด เหมือนเด็กที่กลัวจะโดนทอดทิ้งและถูกลืม

มือของเธอจับมือของถังจิ้งแน่นขึ้น ราวกับจับขอนไม้ช่วยชีวิตที่ลอยอยู่กลางทะเล

เด็กสาวพยักหน้าเบาๆ และตอบด้วยเสียงเล็กๆ ว่า

“อืม”

เธอไม่ได้โกหกเพื่อปลอบใจ เด็กหญิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามว่า

“ถ้าอย่างนั้น ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้...”

“หลังจากนี้เราจะอยู่ด้วยกัน ฉันจะดูแลเธอแทนพ่อของเธอเอง”

“ทำไมล่ะคะ”

เธอยังรู้สึกกลัวอยู่บ้าง เธอยังเด็ก แต่ทว่าเพราะเสียแม่ไปตั้งแต่เล็กทำให้นิสัยดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุ จริง ทำให้เธอเรียนรู้การอ่านใจคนผ่านแววตา

ช่วงที่อยู่ที่โรงพยาบาล แม้เหล่าคุณหมอจะไม่เคยพูดถึงเรื่องคุณพ่อต่อหน้าเธอ แต่ก็มีคนไข้บางคนพูดถึงเรื่องของเฉิงเจี้ยนกั๋วและถังจิ้งอยู่บ้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอจึงรู้ว่าถังจิ้งเป็นคุณหนูที่ทางบ้านมีฐานะร่ำรวย เป็นลูกของคนที่มีอิทธิพลในเมืองอย่างถังเหว่ยหัว

เด็กหญิงแอบฟังคนไข้บางคนที่เล่าว่า พ่อลักพาตัวถังจิ้ง ทำร้ายเธอจนเกือบตาย ครอบครัวตระกูลถังพาตำรวจไปช่วยเธอออกมา

สำหรับเธอแล้ว พ่อของเธอเป็นคนที่ดีที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่สำหรับคนอื่น เฉิงเจี้ยนกั๋วกลับเป็นคนร้าย เธอจึงไม่สบายใจนัก “พ่อหนูทำร้ายคุณ พ่อเป็นคนไม่ดีใช่ไหมคะ”

เด็กหญิงเอียงหัวครู่หนึ่ง ท่ามกลางสายตาสุกใสและไร้เดียงสาของเด็กหญิง ถังจิ้งก็พูดพร้อมรอยยิ้ม

“เขาทำให้ฉันได้รู้ว่า ฉันก็เป็นคนๆ หนึ่ง ที่มีคนปกป้อง มีความหมายในการมีชีวิตอยู่” ไม่ใช่เครื่องประดับที่สวยงาม หรูหราแต่ไม่ยั่งยืน ไร้คุณค่า

ท่าทางที่พูดพร้อมรอยยิ้ม ทำให้เด็กหญิงแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

เด็กและผู้ใหญ่คู่หนึ่งเดินจูงมือกันไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางแสงอาทิตย์ เงาสูงและต่ำสองเงาแนบชิดกัน ให้กำลังใจกันและกัน เคียงข้างกันก้าวเดินไป

เสียงเพลงจบของหนังดังขึ้น ดวงตาของเฝิงจงเหลียงยังเปียกชื้นอยู่บ้าง สำหรับเขาแล้ว หนังเรื่องนี้มีความหมายมาก ทำให้เขาหวนคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ในอดีต เผชิญหน้ากับปัญหาที่ตอนนั้นตนเองไม่กล้าที่จะยอมรับ

สำหรับเขาแล้ว ช่วงเวลาที่ดูหนังเป็นช่วงเวลาที่วิเศษมาก จากตัวละครอย่างถังจิ้งในหนังเรื่องนี้ เขาราวกับได้ฟื้นฟูสภาพจิตใจของตนเองไปพร้อมกับหลานสาว

อาจเป็นไปได้ว่าเพราะเกิดใหม่และได้เปลี่ยนฐานะใหม่เลยทำให้เธอกล้าที่จะเดินออกจากอดีตและเผชิญหน้ากับความมืดมน

แสงไฟในโรงหนังสว่างขึ้น เจียงจื้อหยวนยังคงนั่งนิ่ง ยังคงจ้องหน้าจอที่ตัวหนังสือค่อยๆ เข้ามาแทนที่เงาคนสูงต่ำคู่นั้น

ความรู้สึกที่กลัวถูกทอดทิ้งของลูกสาวของเฉิงเจี้ยนกั๋ว อาจจะเป็นความรู้สึกเดียวกันกับถังจิ้งตอนถูกลักพาตัว กลัวว่าครอบครัวตระกูลถังจะทอดทิ้งเธอ

ถ้าวันหนึ่ง คนร้ายที่เคยทำร้ายคนอื่น เห็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง แสดงเป็นผู้ถูกทำร้ายต่อหน้าตนก็ไม่รู้ว่าเจียงจื้อหยวนจะรู้สึกอย่างไร

เฝิงจงเหลียงรู้สึกสงสัยเรื่องนี้ แต่เจียงจื้อหยวนกลับเงียบ เห็นได้ชัดว่าไม่มีท่าทีที่จะพูดถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด

คำพูดที่เฉิงเจี้ยนกั๋วพูดก่อนตาย เมื่อไหร่เจียงจื้อหยวนจะสามารถพูดมันออกมาบ้าง

“นายชอบซุนหงอคงไหม”

หนังได้เดินทางมาถึงช่วงท้ายแล้ว ถึงขั้นที่บทขอบคุณผู้สนับสนุนความยาวเก้านาทีจบลง เฝิงจงเหลียงและเจียงจื้อหยวนก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในโรง คิดทบทวนเรื่องราวในหนังที่ดูไป

อยู่ๆ เฝิงจงเหลียงถามคำถามนี้กับเจียงจื้อหยวนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ถ้าเสี่ยวหลิวยังอยู่ตรงนี้ เขาจะต้องมึนงงและไม่เข้าใจคำพูดนี้ของเฝิงจงเหลียงแน่ๆ

ครู่หนึ่ง เจียงจื้อหยวนกลับหัวเราะอย่างไร้เสียง เขามองตามสายตาของเฝิงจงเหลียง พลันพยักหน้าหลายที และตอบอย่างจริงจังว่า

“ชอบ”

ท่าทางอันเคร่งขรึมของเฝิงจงเหลียงราวกับได้รับการรับประกันอะไรบางอย่าง จึงถอนหายใจยาว คิ้วที่ขมวดแน่นของเขาค่อยๆ คลายออกพร้อมรอยยิ้มที่เบิกบานออกมา เมฆดำที่ครอบงำจิตใจของเขาค่อยๆ หายไปพร้อมรอยยิ้มนี้

“ฉันก็ชอบ”

เขาจับที่เท้าแขนของเก้าอี้ในโรงหนังเพื่อพยุงตัวขึ้นยืน พลันหยิบบุหรี่กล่องเดิมออกจากกระเป๋าอีกครั้ง และถามเจียงจื้อหยวนว่า

“เอาอีกไหม”

ชายผู้เงียบสงบลูบหน้าอกข้างซ้ายของตนเองหลายที ท่าทางดูอบอุ่นขึ้นมาก ความเย็นเยียบในสายตาก็ลดน้อยลง เขาส่ายหน้าและปฏิเสธอย่างเรียบนิ่ง

“ไม่แล้วล่ะ”

ในกระเป๋าของเขา ยังมีบุหรี่อีกครึ่งม้วนที่ยังสูบไม่หมด “ว่าจะเลิกแล้ว”

หลังจากอธิบายเสร็จ เขาเองก็ลุกขึ้น มือทั้งคู่ล้วงกระเป๋า เมื่อเห็นว่าเฝิงจงเหลียงเก็บมือที่ยื่นบุหรี่กลับไป พลันหยิบไม้เท้าที่อยู่ข้างๆ เจียงจื้อหยวนจึงก้มสายตาลง

“ไปเถอะ”

ตอนที่พูด เขาไม่หันกลับมามอง พลันก้าวเท้ายาวออกไป

เจียงจื้อหยวนสูงและขายาว เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงทางเดินและเดินลงบันไดไป

“หนังสนุกมาก ฝีมือการแสดงของเจียงเซ่อก็ยอดเยี่ยม”

เสียงของเฝิงจงเหลียงดังไล่หลังเขามา ตอนแรกคิดว่าเขาจะไม่ตอบ แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากเจียงจื้อหยวนได้ยิน เขาจะหยุดเดินไปครู่หนึ่ง พลันพยักหน้าท่ามกลางสายตาของเฝิงจงเหลียง และตอบเบาๆ ว่า

“อืม”