webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

560

บทที่ 560 ด้วยตนเอง

จิตใจของเฉิงเจี้ยนกั๋วเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพบว่ายิ่งตนเองจับจ้องถังจิ้งนานเท่าไหร่ก็ยิ่งค้นพบว่า หลังจากเธอถูกลักพาตัวมา เธอก็ไม่ร้องไห้และไม่โวยวายเลย มิหนำซ้ำยังมีท่าทางดูเชื่อฟังมาก

ถ้าเธอแสดงท่าทีก้าวร้าวบ้าง เอาแต่ใจบ้าง บางทีเขาอาจจะไม่ได้รับผลกระทบจากเธอแบบนี้

เหมือนหลายวันก่อน ที่เธอมักจะยื่นมือออกไปนอกหน้าต่างอย่างดื้อรั้น ไม่ใช่อยู่ในสภาพที่เหมือนถูกสั่งสอนจนหลาบจำแล้วแบบนี้

เวลาส่วนใหญ่ถังจิ้งไม่ได้สนใจเขา แต่ทว่าเขาราวกับชินกับการคุยกับถังจิ้งแบบนี้แล้ว แม้เธอไม่ตอบ แต่เขารู้ว่าเธอรับรู้ได้

บางทีเฉิงเจี้ยนกั๋วก็เล่าเรื่องของลูกสาวให้เธอฟังและพูดถึงชีวิตในอนาคตของลูกสาวหลังจากหายจากโรคร้าย

สำหรับที่เงื่อนไขที่จะรักษาลูกสาวจนหายได้นั้น ทั้งสองรู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่มีใครพูดอะไร

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แต่ครอบครัวตระกูลถังก็ยังไม่ติดต่อกลับมา ค่าไถ่ที่โทมัสต้องการก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ เขาหมดความอดทนแล้ว บนใบหน้าเริ่มปรากฏไอสังหารแล้ว

ได้ข่าวว่าช่วงนี้ตระกูลถังยังคงใช้ชีวิตอย่างหรูหราเหมือนเดิม และปิดข่าวที่ถังจิ้งหายตัวไปเอาไว้เป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่า เป็นเพราะกลัวว่าถ้าข่าวที่ถังจิ้งหายตัวไปถูกเผยแพร่ออกไปจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตระกูลถัง

ตระกูลถังไม่ยอมตอบรับเรื่องค่าไถ่เสียที เด็กคนนี้อาจจะเดาอะไรออกตั้งนานแล้ว จึงดูสงบเสงี่ยมมากกว่าเดิม

บางทีเฉิงเจี้ยนกั๋วก็สงสารเธออยู่บ้างจึงอ่อนโยนกับเธอมากขึ้น ไม่ได้ระบายอารมณ์กับเธอเพราะในชีวิตจริงไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป บางทียังปลอบใจเธอว่า

“ถ้าตระกูลถังมาจ่ายค่าไถ่ โทมัสก็จะปล่อยเธอไป”

คำพูดนี้ แม้กระทั่งเขาที่เป็นคนพูดเองก็ยังไม่มั่นใจเลย ท่าทางคลุ้มคลั่งของโทมัสยิ่งมายิ่งควบคุมไม่ได้ ตระกูลถังยังคงถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ ทำให้ความอดทนของชายผู้เลือดเย็นหมดไปจนเหลือไม่มากแล้ว

“ไม่หรอก...” เธอเสียงแหบลงบ้างเพราะไม่ได้พูดมาหลายวัน ดื่มน้ำน้อย รับประทานอาหารไม่เพียงพอและไม่มีแรง เธอเริ่มหายใจติดขัด แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอที่ทำให้เฉิงเจี้ยนกั๋วรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

“ไม่หรอก”

เธอย้ำอีกครั้ง ด้วยเสียงที่ทั้งเล็กและแผ่วเบา

“บางที” เธอค่อยๆ พูดขึ้น “สำหรับพ่อแม่ของฉันแล้ว ฉันคงไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”

เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นหน้าผากขาวซีด

“ขอโทษ ที่ไม่สามารถช่วยลูกสาวคุณได้”

ตอนที่เธอพูดคำนี้ออกมา เฉิงเจี้ยนกั๋วนิ่งอึ้งไปในทันที

ถังจิ้งแทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว แต่ยังเสียใจเพราะลูกสาวของเฉิงเจี้ยนกั๋ว จิตใจที่ดีงามแบบนี้ สร้างความประทับใจให้ผู้คนได้มากกว่าการบรรยายอันยืดยาวเสียอีก

คนที่ตะลึงเพราะคำพูดของถังจิ้ง ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวละครในหนัง แต่ยังมีเฝิงจงเหลียงที่นั่งอยู่ในโรงหนังอีกคน การที่เฝิงหนานกลายเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายหลังจากถูกช่วยจากการลักพาตัว ตอนนี้เขาพอจะรู้เหตุผลบ้างแล้ว

สำหรับเธอแล้ว ความเจ็บปวดที่ฝังลึกมากที่สุด คือเงามืดในใจที่ถูกลักพาตัว หรือว่าเป็นเรื่องหลังจากที่โดนลักพาตัวไปแต่ไม่ได้รับการตอบรับจากตระกูลเฝิงกันแน่

ในใจของเด็กอย่างเธอ จะเหมือนถังจิ้งในหนังหรือไม่ ที่คิดว่าผ่านมานานขนาดนี้แต่ตระกูลเฝิงยังไม่ติดต่อกลับมา เป็นเพราะทอดทิ้งเธอไปแล้ว

ในหนัง ครอบครัวตระกูลถังที่เผชิญกับการเรียกค่าไถ่ของคนร้ายตกอยู่ท่ามกลางการถกเถียง

ฉากนี้ ทำให้เฝิงจงเหลียงอดคิดถึงสถานการณ์ตอนนั้นไม่ได้ เขาปฏิเสธทุกความคิดเห็นรอบข้าง พลางเตรียมเงินค่าไถ่ เพื่อเป็นหลักประกันชีวิตของเฝิงหนาน พลางหาเบาะแสจากสิ่งที่อยู่ในพัสดุ

ด้วยความรอบคอบของเฝิงจงเหลียง ทำให้เขาสามารถสืบหาเบาะแสได้ในเวลาอันสั้น

ตัวอักษรที่บอกที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของคนร้ายล้วนถูกตัดออกมาจากหนังสือพิมพ์ เพราะหนังสือพิมพ์บางฉบับเก่าเกินไป จึงยากที่จะตามสืบที่มาได้

แต่ทว่า คำว่า ‘หนาน’ ใน ‘จดหมายขู่’ กลับถูกเฝิงหนานสืบจนรู้ว่าตัดออกมาจากโบชัวร์แนะนำเมนูอาหารของร้านอาหารเดลิเวอรี่แห่งหนึ่ง

บางจะอาจจะเป็นเพราะมีคนสั่งอาหารเดลิเวอรี่แล้วไม่ได้ทิ้งโบชัวร์ เมื่อเห็นว่ามีคำว่า ‘หนาน’ ที่สามารถใช้ได้จึงตัดออกมา

พอสืบจนรู้ที่อยู่ของร้านอาหารเดลิเวอรี่ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น จนทำให้เชื่อมโยงไปถึงที่พักชั่วคราวของกลุ่มคนร้ายได้

ตอนนั้น เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ พวกเขาได้แบ่งเป็นสองกลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งเฝ้าเฝิงหนานเอาไว้ อีกกลุ่มหาโอกาสติดต่อกับคนในตระกูลเฝิงและดูความเคลื่อนไหวของทางตำรวจ และรายงานข่าวอย่างต่อเนื่อง

ตอนแรกแผนการลักพาตัวนี้ถือว่ารอบคอบมาก แต่พลาดตรงคำว่า ‘หนาน’ จึงทำให้สามารถช่วยเฝิงหนานออกมาได้อย่างปลอดภัยในที่สุด

ตอนที่เธอเพิ่งจะถูกช่วยออกมา เธอก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่ยอมพูดยอมจา เฝิงจงเหลียงซื้อขนมถางปู้ส่วยไปปลอบเธอ หลังจากเกิดเรื่องขึ้น เฝิงชินหลุนโกรธและไล่หวางจือชิวออกไปด้วยตนเอง และพาเฝิงหนานไปพบจิตแพทย์อยู่เป็นเวลานาน หลังจากนั้นเฝิงหนานที่ภายนอกดูเหมือนหายเป็นปกติแล้วก็ออกจากฮ่องกงไปอยู่ไกลถึงตี้ตู

นอกจากที่วิสาหกิจจงหนานมีเรื่องสำคัญที่เฝิงจงหนานเป็นคนตัดสินใจด้วยตนเองแล้ว เรื่องโดยทั่วไปเขาก็ไม่ได้ค่อยสนใจนัก

เขาเป็นคนช่วยเฝิงหนานออกมา ตามหลักแล้ว เขาควรจะวางใจได้แล้ว แต่ทว่า ความจริงในใจของเฝิงจงเหลียงยังคงมีบางอย่างที่เขาไม่กล้าแตะต้อง

กับหลานสาวที่เขาเลี้ยงมากับมือ แต่ทว่า เขากลับไม่กล้าถามว่า ตอนที่เธอถูกลักพาตัว สิ่งที่เกลียดที่สุดคือการที่พวกของเจียงจื้อหยวนทำร้ายเธอหรือหลังจากเธอถูกลักพาตัว แต่ครอบครัวตระกูลเฝิงกลับไม่รู้ตัวว่าเธอหายตัวไปเกือบสิบชั่วโมงแล้วกันแน่

บรรดาคนในครอบครัวตระกูลเฝิง มีนางเฝิงที่ติดพนันไพ่ และเฝิงชินหลุนที่ตอนนั้นมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับหวางจือชิว ส่วนเขาก็เอาแต่คิดถึงแต่ธุรกิจและงานเลี้ยงที่ทำให้มีหน้ามีตาทางสังคม

ตอนนั้นเธอดื้อรั้นจะกินแค่ขนมถางปู้ส่วยถ้วยนั้น สิ่งที่ลืมไม่ลงคือความโหดร้ายหลังจากถูกลักพาตัวหรือความรู้สึกที่ถูกคนในครอบครัวมองข้ามกันแน่

อยู่ๆ เฝิงจงเหลียงก็คิดถึงหลังจากที่หลานสาวมาเกิดใหม่ในร่างของเจียงเซ่อ ตอนที่กลับมาบ้านตระกูลเฝิงก็คิดแต่จะเข้าวงการท่าเดียว

เขาเคยเกลี้ยกล่อมเธอหลายครั้ง ให้เธอตั้งใจเรียนก่อน เรียนรู้ความสัมพันธ์ทางสังคมและงานต่างๆ อีกหน่อยไปเป็นสะใภ้ตระกูลเผย เป็นสามีภรรยากับเผยอี้

แต่ทว่า เธอกลับปฏิเสธมาโดยตลอด แต่เอาแต่อ้างว่าไม่อยากเดินบนเส้นทางเดิมเหมือนในอดีต

ก่อนที่เฝิงจงเหลียงจะมาดูหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เขาคิดมาโดยตลอดว่า ‘เส้นทางเดิม’ ของเธอหมายถึงชีวิตในอดีตของเฝิงหนานที่ไม่เคยแหกกฎ

แต่ทว่า ตอนนี้กลับอดคิดไม่ได้ว่า การที่เธอมุ่งมั่นว่าจะเข้าวงการและต้องเจอกับความลำบากหลากหลายรูปแบบตอนถ่ายหนัง เพื่อแลกกับการเป็นที่จุดสนใจของผู้คนในตอนนี้ เป็นเพราะว่า เธอไม่อยากเป็นเหมือนในอดีต กลัวว่าวันหนึ่งถ้าเธอหายตัวไป แล้วไม่มีใครจำได้ใช่หรือไม่?

หนังเรื่องนี้ ที่เขาชวนเจียงจื้อหยวนมาดู นอกจากอยากให้เขาเห็นว่า ตอนนั้นเขาสร้างความเจ็บปวดให้เฝิงหนานมากเพียงใดและตอนนี้ลูกสาวสุดที่รักของเขาได้เป็นคนถ่ายทอดตัวละครนี้ออกมา นอกจากจะให้เจียงจื้อหยวนได้ทบทวนตนเองแล้ว ความจริงแล้ว มันยังเป็นการลงโทษและทรมานตนเองอย่างหนึ่งของเฝิงจงเหลียงด้วย

หลังจากหลานสาวถูกช่วยออกมา ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องที่โดนลักพาตัวอีกเลย และไม่ถามว่าตอนนั้นทำไมพ่อแม่และครอบครัวไม่สามารถมาช่วยได้ทันเวลา เพราะเธอไม่ถาม เขาไม่พูด แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นกลายเป็นความทรมานทางจิตใจ

หลายปีที่ผ่านมา เขาห่างเหินกับลูกหลานตระกูลเฝิงเป็นอย่างมาก เหตุผลที่หนึ่ง คือเขากำลังคิดทบทวนวิธีการสั่งสอนที่ล้มเหลวในตอนนั้นของตนเอง เหตุผลที่สอง คนที่ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นจริงๆ ล้วนยากที่จะก้าวข้ามผ่านมันมาได้

หนังแบบนี้ เขาไม่ควรไปดูกับเจียงเซ่อ

หนังได้เดินทางมาถึงช่วงท้ายแล้ว เฉิงเจี้ยนกั๋วไม่ได้เห็นถังจิ้งเป็น ‘ยาวิเศษ’ ที่มาช่วยชีวิตลูกสาวเหมือนตอนแรก โทมัสอยากฆ่าคนเพื่อปิดปาก เขากลับมีความคิดชั่ววูบว่าอยากจะปกป้องถังจิ้ง

พอเขารู้ตัวว่าตนเองทำผิดจึงพยายามชดใช้อย่างสุดความสามารถ

เพื่อถังจิ้ง เขาสู้กับโทมัสอย่างสุดชีวิต ตอนที่ตำรวจมาถึง เฉิงเจี้ยนกั๋วก็บาดเจ็บสาหัสแล้ว

เขายังไม่ยอมหลับตา สายตามองไปที่ถังจิ้ง ในที่สุดครอบครัวตระกูลถังก็มาถึง พลันกอดเธอและถามว่าเป็นอะไรหรือไม่ ตอนที่มองเฉิงเจี้ยนกั๋วที่อยู่ในรถพยาบาล สีหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ

หญิงสาวที่ถูกทรมานอย่างแสนสาหัสกลับมองเฉิงเจี้ยนกั๋วพลันขยับปาก

“ฉันเข้าใจ”