webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

557

บทที่ 557 เสือร้าย

ใบหน้าของเฝิงจงเหลียงประดับด้วยรอยยิ้ม แต่คำพูดกลับแทงใจทุกคำ พูดถึงเรื่องในอดีต โดยที่ไม่กลัวว่าเจียงจื้อหยวนจะโกรธ

เขาสูบบุหรี่เข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ซึมซับความรู้สึกที่ควันบุหรี่ถูกสูบเข้าไปในปอดของเขา หลังจากวนเวียนอยู่ในนั้นรอบหนึ่ง ก็ถูกเขาปล่อยออกมา

ท่ามกลางควันบุหรี่ใบหน้าของเขาดูพร่ามัว เฝิงจงเหลียงยกมือขึ้นปัดควันอันฝืดคอออกและดูท่าทางที่กำลังซึมซับความสุขของเขา

“ตอนหนุ่ม กล้าก่อคดีใหญ่สะเทือนฟ้าแบบนั้น” กล้ากระตุกหนวดราชสีห์ตระกูลเฝิง ถูกขังอยู่ในคุกที่มีแต่นักโทษอำมหิตและรอดชีวิตออกมาได้ “ตอนนี้กลับหลบอยู่ในซอกหลืบของตี้ตู” ตอนที่ราวกับกำลังบอกลาช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้ทุกคนคิดว่าเขากลับใจแล้ว เขาก็เหมือนจะก่อคดีขึ้นอีกครั้ง ทำให้คนที่กำลังตามสืบเรื่องของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“การติดคุกมายี่สิบกว่าปี ทำให้นายหลาบจำแล้วใช่ไหม”

เฝิงจงเหลียงหรี่ตา เมื่อเทียบกับเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ตอนนี้เขาดูแก่ชราลงไปมาก หลังก็ค่อมแล้ว แม้กระทั่งเดินก็ต้องอาศัยไม้เท้า แต่ทว่าสายตาของเขายังคงแหลมคม ราวกับสามารถมองทะลุเข้าไปภายในใจของเจียงจื้อหยวนได้

สิ่งที่เขาพูดออกมา ล้วนเสียดสีเจียงจื้อหยวนทุกคำพูด ถ้าเป็นคนอื่น คงหมดความอดทนไปตั้งนานแล้ว

แต่ทว่า สิ่งที่ทำให้เฝิงจงเหลียงต้องขมวดคิ้วคือความนิ่งสงบของเจียงจื้อหยวน เขาไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของตน แต่กลับกำลังดับบุหรี่ที่เหลือเพียงครึ่งมวนอย่างทะนุถนอม ก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาแผ่นหนึ่งด้วยความระมัดระวัง แล้ววางบุหรี่ครึ่งมวนนั้นลงแล้วม้วนเก็บเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ

เขาทำทุกอย่างด้วยจิตใจอันสงบ ตอนที่เงยหน้าขึ้น เห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงของเฝิงจงเหลียง

เขาในตอนนั้นเป็นนักโทษที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับสังคมชั้นสูงในฮ่องกง ช่วงเวลาสิบเก้าปีที่เขาอยู่ในคุกก็เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากพอแล้ว

หลังจากออกจากคุก เขาสามารถใช้ชีวิตให้ดีกว่าเมื่อก่อนได้แน่ๆ เหมือนที่เฝิงจงเหลียงบอก ความจำของคนนั้นสั้น มีเพียงผู้ได้รับความเสียหายเท่านั้นที่จะเก็บความเจ็บปวดเอาไว้นานที่สุด

เฝิงจงเหลียงถึงขั้นรู้สึกอยากจะหัวเราะด้วยซ้ำเพราะตอนที่เขาออกมาจากคุก ยังเคยทำให้เสี่ยวหลิวตื่นตระหนกทุกครั้งที่พูดถึงชื่อของเขามาแล้ว เศรษฐีชั้นสูงมากมายต้องการตัวเขา แต่ทว่า ชายที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนจำนวนไม่น้อยคนนี้ ตอนนี้กลับกำลังม้วนบุหรี่ครึ่งมวนที่เหลืออย่างทะนุถนอมอย่างคนตัดใจทิ้งไม่ลง

จากปฏิกิริยาของเฝิงจงเหลียงในตอนนี้ เจียงจื้อหยวนก็สามารถเดาความในใจตอนนี้ของเขาออก แต่ว่า ถ้าเขาต้องการที่จะโด่งดังล่ะก็ จากคดีลักพาตัวเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว เขาก็ถือว่ามีชื่อเสียงพอสมควรแล้ว

เขาก้มหน้าลงไปเก็บขี้เถ้าบุหรี่ที่ใช้กระดาษทิชชู่รองบนหน้าตัก หลังจากพับเสร็จแล้วก็ใส่เข้าไปในกระเป๋าของตนเอง

“มันจะต่างกันยังไงล่ะ”

เฝิงจงเหลียงถามเขา ตอนแรกคิดว่าเจียงจื้อหยวนจะยังคงเงียบไม่ยอมพูดอะไร ใครจะรู้ว่าหลังจากที่เขาเก็บทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็ลุกขึ้นจัดชุดสูทเก่าๆ ตัวนั้น

“มีสิ่งที่ต่างกันจริงๆ”

รูปร่างอันสูงใหญ่ของเขาสร้างความกดกันให้กับผู้คนได้เป็นอย่างดี ท่ามกลางแสงไฟ เงาที่ยืดยาวของเขาบดบังเฝิงจงเหลียงเอาไว้

“ตอนนั้นคนรวยเป็นของเล่นของฉัน แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากอยู่ภายใต้อำนาจของใคร”

เขาพูดจบก็ค่อยๆ นั่งลงอีกครั้ง หลังจากเห็นว่าเขานั่งลง ความมืดมนบนใบหน้าของเฝิงจงเหลียงก็หายไป แสงกระทบลงบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง

“เสื้อกันหนาวตัวนี้ของนายดูดีเชียว”

เจียงจื้อหยวนลูบแขนเสื้อของตนเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความคิดถึง

“เสื้อกันหนาวตัวนี้ ตอนหนุ่มๆ ฉันสั่งตัดหลังจากลูกสาวฉันคลอดได้ไม่นาน” เขาพูดถึงเจียงเซ่อ ด้วยท่าทางดูอ่อนโยนขึ้นมาก

“ตอนเธอคลอด ฉันมีความคิดที่ว่าไม่ว่าอย่างไร ก็จะต้องจัดงานวันเกิดครบหนึ่งเดือนให้เธอให้ได้”

สิ่งที่คนอื่นๆ มี ลูกสาวของเขาก็ควรมี เพื่อจัดงานมงคลงานนี้ เขาเลยไปสั่งตัดชุดสูทชุดนี้เป็นพิเศษ “ฉันเสียไปร้อยกว่าหยวนเชียว!”

เขาชูนิ้วชี้ขึ้นทำสัญลักษณ์ ท่าทางดูภาคภูมิใจ “ยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ยังคงได้ใช้มัน”

เฝิงจงเหลียงหน้านิ่ง ตอนที่เขาพูดถึงลูกสาว ก็กลายเป็นคนพูดมากขึ้นมา ไม่ได้เงียบขรึมและไม่ยอมพูดจาด้วยเหมือนก่อนหน้านี้ สายตาที่ในตอนแรกสงบนิ่งไร้ซึ่งความรู้สึกของเขาก็ราวกับมีชีวิตขึ้นมา และดูสดใสขึ้นมาก

ตอนที่เขาพูดถึงเรื่องในอดีต กลับไม่ได้ไม่จำยอมที่ต้องตกอยู่ในสภาพนั้น ไม่ได้แสดงความโหดเหี้ยมและโกรธเคือง แต่ดูใจเย็นจนน่าทึ่ง ราวกับกาลเวลาได้พรากความห้าวหาญออกไปจากตัวเขาเสียแล้ว

“ถ้าฉันบอกว่า ฉันเข็ดแล้วจริงๆ ตระกูลเฝิงจะปล่อยฉันไปและไม่สร้างความลำบากใจให้ลูกสาวของฉันอีกได้หรือเปล่า”

เขายิ้มแสดงความอ่อนแอออกมา และกางมือทั้งสองข้างออก

“คุณดูสิ ฉันเองก็อยู่ในสภาพนี้แล้ว”

เขาคุยกับเฝิงจงเหลียงพร้อมรอยยิ้ม ไม่มีท่าทีว่าจะทำร้ายเขาแต่อย่างใด เขาใส่เสื้อผ้าเก่าๆ แล้วก็ทำงานที่ถือได้ว่าลำบากมากที่สุด

เฝิงจงเหลียงขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เสี่ยวหลิวพูดถูก เจียงจื้อหยวนที่เป็นแบบนี้ ดูอันตรายกว่าเมื่อก่อนมากนัก

เขาไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี ไม่มีหลักคุณธรรม สิ่งที่เขายึดถือคือกฎในใจของเขา

อย่างที่เขาบอก ตอนนั้นเขาลักพาตัวเฝิงหนาน เพราะเขาเห็นตระกูลเฝิงเป็นลูกไก่ในกำมือ กลั่นแกล้งพวกเศรษฐีเพื่อเงิน แล้วเขาก็เป็นคนคุมเกม

ตอนนี้มีคนอยากได้ตัวเขา ก็เพื่อจะให้เขารับใช้คนอื่น จะกลายเป็นเขาที่ถูกสั่งการ เขาจึงไม่ยินยอม

ลึกๆ แล้ว ชายคนนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนไปเลย

คนแบบนี้อยากที่จะควบคุม ทั้งคุณธรรมและกฎหมายล้วนใช้ไม่ได้กับเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีลูกสาว เขาจะทำเรื่องอะไรลงไปได้บ้างนั้น ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้เลย

แต่เดิมในใจของเขามีสัตว์ร้ายที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดินอยู่ การถือกำเนิดของลูกสาวได้เพิ่มกรงให้กับสัตว์ร้ายตัวนั้น และขังมันเอาไว้ตั้งแต่วินาทีนั้น ทำให้สัตว์เดรัจฉานตัวนั้นถูกควบคุมไว้

ชะตาฟ้าลิขิตช่างวิเศษนัก ทำอะไรเอาไว้แต่ย่อมได้รับผลอย่างนั้น สิ่งหนึ่งสยบอีกสิ่งได้ หักล้างกันอย่างสมบูรณ์แบบ

เฝิงจงเหลียงหัวเราะออกมา เจียงจื้อหยวนเองก็หัวเราะตาม แสงไฟรอบๆ ถูกดับลง ไฟหน้าจอสว่างขึ้น

เจียงจื้อหยวนนั่งตัวตรงทันที เป็นการบ่งบอกว่าจบการสนทนากับเฝิงจงเหลียงแล้ว

“ไกวเปล ไกวเปล ไกวเปล ไกวไปถึงบ้านคุณยาย คุณยายบอกว่าฉันเป็นเด็กดี...”

เสียงเด็กน้อยดังขึ้น จากนั้นเสียงหายใจหอบที่แฝงความกระวนกระวายของชายคนหนึ่งได้กลบเสียงเด็กคนนั้น ท่ามกลางเสียงฝีเท้า ‘ตึก ตึก ตึก’ ชายคนนั้นตะโกนว่า

“ช่วยด้วย ช่วยลูกสาวฉันด้วย...”

เสียงตะโกนกระวนกระวายนั่นสั่นเทาและแฝงไปด้วยความหวาดกลัว บรรยากาศอันตื่นตระหนกพุ่งทะลักเข้ามาในทันที

เสียงลมหายใจอันแผ่วเบาของเด็กน้อยถูกเสียงพูดคุยของหมอและเสียงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการรักษากลบจนไม่ได้ยินอีก

อีกด้านหนึ่ง ตระกูลถังกำลังใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยหรูหรา

ในขณะที่เฉิงเจี้ยนกั๋ววิ่งเต้นหาเงินค่ารักษาพยาบาล ในตัวเมืองตระกูลถังกลับกำลังเตรียมงานฉลองวันเกิดให้ลูกสาวที่อายุครบสิบแปดปี

เมื่อเทียบกันแล้วต่างก็เป็นคนเหมือนกัน แต่ทว่า ฐานะกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

หน้าจอถูกปรับให้มืดลง ใบหน้าของเฉิงเจี้ยนกั๋วที่รับบทโดยหลิวเย่ดูหมดหวัง ในระหว่างที่ลูกสาวอยู่ในห้องฉุกเฉิน เขาไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว ใบเสร็จที่ทางโรงพยาบาลพิมพ์ออกมาในแต่ละวันยาวเป็นหางว่าว ความกระวนกระวาย ความไม่สบายใจ ความโกรธและความกังวลที่รวมอยู่ในสายตาของเขา ถูกหลิวเย่ถ่ายทอดออกมา

หนังเรื่องนี้เพิ่งจะเริ่มฉาย แต่เนื้อเรื่องต้องการจะสื่ออะไรนั้น เฝิงจงเหลียงและเจียงจื้อหยวนรู้ดีอยู่แก่ใจ