webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

554

บทที่ 554 รวดเร็ว

ทั้งสองต่างยุ่งอยู่กับงานของตนเอง ครึ่งปีมานี้เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันน้อยกว่าเวลาที่แยกจากกัน ปกติติดต่อกันผ่านโทรศัพท์ วินาทีที่เผยอี้เห็นเจียงเซ่อ ก็ยืดตัวตรงและเดินก้าวเท้ายาวเข้าไปหาเธอทันที

เจียงเซ่อยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกเขากอดเอาไว้เสียแล้ว

ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานและปัญหาที่เฝิงหนานสร้างให้ในช่วงนี้ ล้วนถูกเธอเก็บซ่อนเอาไว้ท่ามกลางความนิ่งสงบ พอมาถูกเผยอี้กอดแบบนี้ เจียงเซ่อรู้สึกเหนื่อยจนพูดไม่ออกขึ้นมาทันที

ความสูงของเขาเข้ากับเธอเป็นอย่างดี เพียงแค่เธอเอียงหัวเล็กน้อย ก็พิงบนไหล่ของเขาอย่างสบาย

“เซ่อเซ่อ”

มือทั้งคู่ของเขากอดเธอเอาไว้ ทั้งยังประสานมือเอาไว้ ราวกับกลัวว่าเธอจะล้มลงและเป็นอันตราย

ความจริงตอนนี้เธอผอมมาก รวมทั้งออกกำลังกายบ่อย ไขมันน้อยมาก เมื่อเทียบกับคนปกติแล้ว อุณหภูมิในร่างกายของเธอต่ำกว่าอยู่บ้าง แม้จะสวมเสื้อไหมพรม แต่มือทั้งคู่ของเธอกลับเย็นเยียบราวหยก

เขาก้มหน้าลงจูบหน้าผากของเธอ เธอเงยหน้าขึ้นอย่างว่าง่าย ทำให้ริมฝีปากของเขาไล่จากหน้าผากลงมาที่ตา จมูกและริมฝีปากของเธอ

“คิดถึงผมไหม”

น้ำเสียงของเขาดูต่ำ สายตาแฝงความอันตราย ที่จอดรถในสนามบิน มีรถผ่านไปมา มีเสียงพูดคุยและเสียงฝีเท้าดังมาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งสองยืนอยู่ในมุม รถออฟโรดของเผยอี้บดบังสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นของคนนอก เห็นเพียงรางๆ ว่ามีคู่รักคู่หนึ่งกำลังกอดกันอย่างแนบชิดและพูดคุยกัน

“คิดถึงมาก” เธอพยักหน้าอย่างแรง คำตอบนี้ทำให้เผยอี้เผยรอยยิ้มอันเบิกบานออกมา ก่อนจะก้มลงไปจูบริมฝีปากเธอ

“ผมก็คิดถึง” น้ำเสียงของเขาไม่ชัดเจน พลันกัดริมฝีปากของเธอเบาๆ แลกเปลี่ยนลมหายใจและความอบอุ่นจากเธออย่างแนบชิด

ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้น แผ่นหลังของเจียงเซ่อได้พิงอยู่บนรถแล้ว ลิปสติกที่ทาอยู่บนริมฝีปากของเธอถูกเขาเลียจนสะอาด ริมฝีปากเล็กๆ เห่อแดงดูชุ่มชื่น ราวกับถูกเขาประทับตราเอาไว้

เผยอี้เอามือดันประตูรถเอาไว้ ร่างอันน่าเย้ายวนที่อยู่ในอกราวกับไร้กระดูก เธอพยายามกลั้นหายใจ เขาฟังแล้วราวกับเป็นสิ่งยั่วยวนที่งดงามมากที่สุด เพียงพอที่จะทำให้เปลวไฟในใจของเขาลุกไหม้ขึ้นมาได้

เขาเปิดประตูรถ และผลักเจียงเซ่อเข้าไปนั่ง ท่อนบนโน้มเข้ามาหาทันที

“มีคนมา”

ท่าทางของเขาทำให้เจียงเซ่อตกใจ เขายื่นหูออกฟัง ราวกับมีคนกำลังเดินมาทางนี้

“ไม่มี”

ตอนที่เผยอี้โน้มตัวเข้าไปจะจูบเธอ เธอก็อดกัดเขาทีหนึ่งไม่ได้

“มีคนเดินมา!”

มีคนเดินมาทางนี้จริงๆ นอกจากเสียงพูดคุยกันแล้ว ยังได้ยินเสียงฝีเท้า เผยอี้จึงจำต้องปล่อยเธอ และมองดูเธอที่ยกขายาวทั้งสองข้างเข้าไปในรถอย่างเขินๆ แล้วปิดประตูรถ

เขาอ้อมไปที่นั่งคนขับ ตอนที่เปิดประตูรถและนั่งลงไปก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินมาทางนี้จริงๆ

ตอนที่เผยอี้ขับรถออกจากที่จอดรถชั้นใต้ดิน เธอยังคงหน้าแดงอยู่บ้าง หลับตาไม่กล้าหันไปหาเขา

เขากัดริมฝีปากตนเองหลายที และกลั้นยิ้ม

“เซ่อเซ่อ ไม่คิดว่าตอนถูกกดดัน พี่จะกัดคนอื่นเป็นด้วย”

ทันทีที่เขาพูดจบ ใบหน้าของเจียงเซ่อก็แดงก่ำมากขึ้นกว่าเดิม ฝืนทำเป็นนิ่ง และแกล้งหันออกไปทางหน้าต่าง “เปล่าสักหน่อย!”

เธอปฏิเสธเสียงอ่อนคำหนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า

“ตอนนี้หลังจากลงเครื่อง เจอนักข่าวข้างนอกเลยต้องออกมาช้าไปหน่อย ส่วนกระเป๋าของฉันเดี๋ยวอานฉีจะเอาไปไว้ที่บ้าน...”

เธอพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องออกมาหลายประโยค ท้ายที่สุดก็อดไม่ได้ จึงหันกลับไป และถามเบาๆ ว่า

“เจ็บหรือเปล่า”

เธอไม่รู้ว่าเธอในตอนนี้น่ารักมากเพียงใด ใบหน้ายังคงแดงก่ำ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยประกายวิบวับ มีทั้งความเขินอายที่เขาสร้างขึ้น และมีความห่วงใยที่เกิดขึ้นเพราะเขา

ตอนที่อายจนทำอะไรไม่ถูก เธอมักจะพูดเรื่องอื่นเพื่อจงใจเบี่ยงเบนความสนใจจากเขา แต่ก็กังวลว่าจะกัดเขาแรงเกินไป จึงวกกลับมาพูดเรื่องเดิมเสียเอง

“เจ็บสิ” เขาพลางขับรถ พลางหันไปมองเธอ

“จูบผมหน่อย”

เธออยากมองค้อนเขาสักทีหนึ่ง แต่เพราะสองแก้มที่แดงก่ำ สายตาแบบนั้นกลับเหมือนเป็นการอ้อน ทำให้เผยอี้หลงหัวปักหัวปำ และยิ้มเขินจนอยากจะจอดรถแล้วดึงเธอเข้ามากอด

“ขับรถดีๆ” เขาชับช้ามาก รถข้างหลังแซงไปหลายคันแล้ว เจียงเซ่อเตือนเขา หลังจากหยอกล้อกันเสร็จแล้ว เผยอี้ก็ถามเธอว่าจะกลับบ้านเลยไหม เจียงเซ่อส่ายหน้า

“ฉันอยากไปบ้านคุณปู่ก่อน”

เฝิงจงเหลียงปฏิเสธที่จะไปร่วมพิธีเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ กับเธอ อาจจะเป็นเพราะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น

เธอออกนอกประเทศไปนานแล้ว ก่อนหน้านี้เสี่ยวหลิวโทรมาบอกว่าหลังจากเทศกาลตรุษจีน เฝิงจงเหลียงก็ติดเชื้อหวัด ต้องกินยาจีนตลอด และยังมีอาการไออยู่

เจียงเซ่อกังวลว่าเหตุผลที่เฝิงจงเหลียงปฏิเสธเธออาจจะเป็นเพราะไม่สบาย จึงไปอยู่ที่คนเยอะๆ ไม่ได้หรือเปล่า

พอพูดถึงเรื่องจริงจัง แววตาของเธอก็แฝงความกังวล แม้กระทั่งความผ่อนคลายที่ถูกเผยอี้แกล้งก็ถูกความกังวลเข้ามาแทนที่

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

เผยอี้ชอบเธอมาหลายปี สังเกตทุกรายละเอียดจากการทุกแสดงออกของเธอ ในใจของเธอคิดอะไรอยู่ เขาสามารถเดาได้อย่างง่ายดาย

“หลังจากกลับมา ผมได้ยินคุณปู่บอกว่า คุณปู่เฝิงดีขึ้นมากแล้ว”

เรื่องแบบนี้ เผยอี้ไม่มีทางสร้างเรื่องมาโกหกเธอ เจียงเซ่อรู้สึกสบายใจขึ้น และรู้สึกแปลกใจขึ้นมา

ถ้าไม่ได้เป็นเพราะไม่สบาย ทำไมเฝิงจงเหลียงถึงปฏิเสธการไปร่วมพิธีเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ นะ หรือว่าเขาไม่อยากดูหนังเรื่องนี้

ในใจเธอมีคำถามมากมาย ตอนที่ไปถึงบ้านตระกูลเฝิง ก็สองทุ่มกว่าแล้ว

เฝิงจงเหลียงราวกับเดาออกตั้งแต่แรกแล้วว่าหลังจากลงเครื่องเธอจะมาหาทันที จึงให้เสี่ยวหลิวไปเฝ้าอยู่หน้าประตู ตอนที่เผยอี้ขับรถเข้ามา ประตูเปิดเอาไว้ ทำให้ขับรถเข้าไปได้ทันที

เผยอี้เตรียมจะเข้าไปจอดรถในที่จอดรถก่อน เจียงเซ่อถูกเขาสั่งให้ลงรถตั้งแต่หน้าประตู ตอนที่เสี่ยวหลิวเห็นเจียงเซ่อ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความดีใจ

“คุณหนูเจียง คุณท่านบอกว่าคุณกับคุณชายเผยจะมาเลยให้ผมมารอที่นี่ แล้วคุณกับคุณชายเผยก็มาจริงๆ!”

เขาใส่เสื้อกันหนาวสีน้ำตาล และชี้ไปที่ทิศใดทิศหนึ่ง

“คุณท่านอยู่ในสวนดอกไม้ จะรอทานข้าวพร้อมคุณๆ ให้ได้ ทนหิวจนตอนนี้ยังไม่ได้ทานอะไรเลยครับ”

นี่เป็นนิสัยดื้อดึงตามแบบของเฝิงจงเหลียง เจียงเซ่อได้ยินแบบนี้ ก็โล่งใจ

“ลุงหลิว ช่วงนี้คุณปู่ดีขึ้นบ้างหรือยังคะ”

“ยังไออยู่บ้าง แต่ดีขึ้นมากแล้ว แต่พูดถึงคุณทุกวัน อยากให้คุณกลับมา”

พูดถึงตรงนี้ เสี่ยวหลิวก็รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก

ความสัมพันธ์ระหว่างคนจะต้องพึ่งโชคชะตาจริงๆ เฝิงจงเหลียงกับลูกหลานความสัมพันธ์จืดจาง ไม่สนิทกับใครเลย ก่อนหน้านี้ดูชอบคุณหนูเฝิงมากเป็นพิเศษ แต่หลายปีมานี้ก็ห่างเหินกันไปมาก ไม่คิดว่าเจียงเซ่อจะเป็นคนที่เข้าตาเขามากเป็นพิเศษ และมักจะพูดถึงอยู่บ่อยๆ จนเห็นเจียงเซ่อเป็นหลานสาวแท้ๆไปแล้ว

“คุณปู่คิดถึงฉันไหมคะ?”

เธอถามเบาๆ เสี่ยวหลิวพยักหน้า

ปฏิกิริยาของเฝิงจงเหลียงไม่เหมือนโกรธเธอ เธอยิ่งไม่เข้าใจ จึงถามอย่างอดไม่ได้ว่า

“ลุงหลิว ลุงก็รู้ว่าใช่มั้ยคะว่าหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ของฉันจะมีพิธีเปิดรอบปฐมทัศน์วันที่ยี่สิบเก้า ก่อนหน้านี้ฉันโทรมาถามคุณปู่ว่าจะไปดูไหม แต่ท่านก็ปฏิเสธ บอกว่ามีธุระ ฉันคิดว่าคุณปู่โกรธฉัน ไม่สนใจฉันแล้วเสียอีก”

ทันทีที่เธอพูดจบ ท่าทางของเสี่ยวหลิวก็ดูสับสนขึ้นมา

โกรธเธอที่ไหนกันล่ะ เห็นเธอเป็นหลานสาวแท้ไปแล้วชัดๆ ทั้งยังนัดเจียงจื้อหยวนด้วยตัวเองอีก

ความสัมพันธ์ระหว่างเจียงจื้อหยวนและตระกูลเฝิง เจียงเซ่อไม่รู้ด้วยซ้ำ เรื่องทั้งหมดที่เฝิงจงเหลียงทำ แม้เสี่ยวหลิวจะไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาทำเพื่อเจียงเซ่อ!