webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

553

บทที่ 553 กลับใจ

การที่เฝิงจงเหลียงปฏิเสธนั้น เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเจียงเซ่อเป็นอย่างมาก ตอนที่หนังเรื่อง ‘Evil’ เข้าฉาย เธอไม่อยู่ในประเทศ หลังจากกลับมาจึงรู้ว่า เฝิงจงเหลียงไปโรงหนังเป็นครั้งแรกและดูหนังของเธอรอบปฐมทัศน์ตอนเที่ยงคืน

จากเรื่องนี้ทำให้เห็นว่าคุณปู่สนับสนุนเธอ ตอนแรกเธอคิดว่า ตอนที่หนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เข้าฉาย ไม่ว่าจะเพราะเนื้อเรื่องและความหมายของหนังเรื่องนี้ เฝิงจงเหลียงคงจะต้องไปดูแน่และไปดูกับเธอ คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วตอนที่เธอเสนอข้อเสนอนี้ เฝิงจงเหลียงกลับปฏิเสธทันที

เฝิงจงเหลียงได้วางสายไปแล้ว เจียงเซ่อถือโทรศัพท์เอาไว้อย่างอึ้งๆ

“เซ่อเซ่อ หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ จะให้ไปส่งที่บ้านหรือบริษัท”

โม่อานฉีหันกลับมา การเดินทางกลับประเทศของเจียงเซ่อในครั้งนี้ไม่ได้เป็นความลับ นักข่าวได้ข้อมูลไปตั้งนานแล้ว เพราะมีข่าวใหญ่ๆ หลายข่าวที่เกี่ยวข้องกับเธอในช่วงนี้ รวมกับการที่มีหนังกำลังจะเข้าฉาย นักข่าวจึงไม่ปล่อยให้โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดเธอแบบนี้ไปง่ายๆ แน่

ช่างแต่งหน้าถือกระเป๋าเข้ามาเติมหน้าให้เธอ หลังจากออกจากสนามบิน อาจจะมีนักข่าวบุกเข้ามา เจียงเซ่อนั่งอยู่บนกระเป๋าเดินทาง ผู้โดยสารที่เดินทางกลับประเทศจำนวนไม่น้อยที่อยู่รอบข้างเห็นแล้วว่าเป็นเจียงเซ่อและต่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป แต่ทว่าเพราะเห็นขบวนคนจำนวนมากทางนี้ จึงยังไม่มีใครกล้าเข้ามารบกวน

“ไม่เป็นไร พวกเธอทำงานของตัวเองต่อเลย อาอี้กำลังขับรถมา”

เจียงเซ่อตัดสินใจแล้วว่า จะไปหาเฝิงจงเหลียงก่อน อยู่ๆ เฝิงจงเหลียงก็ปฏิเสธแบบนี้ เธอไม่สบายใจเลย

นอกสนามบินมีนักข่าวจำนวนมากมารอยู่แล้ว ตอนที่เจียงเซ่อออกมา นักข่าวจากสำนักใหญ่ๆ หลายสำนักที่รู้ข่าวมาตั้งนานแล้วเข้ามาล้อมเจียงเซ่อเอาไว้อย่างรวดเร็ว และยิงคำถามต่างๆ นานา ออกมาอย่างต่อเนื่อง

คำถามส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ ‘ข่าวในด้านลบ’ ของเจียงเซ่อ ตั้งแต่เรื่องที่เธอ ‘อ้วนขึ้น’ ‘เสื้อผ้าไม่สวย’ ในตอนแรก จนถึงเรื่องที่เธอ ‘ทะเลาะ’ กับเซี่ยเชาฉวิน รวมทั้งข่าวที่เธอ ‘แย่งบท’ ของเถาเฉินในช่วงนี้ ทำให้เกิดข่าวลือว่าเกิดความขัดแย้งระหว่างดาราแถวหน้าสองคนของซื่อจี้หยินเหอ

เธอสวมเสื้อไหมพรมเปิดไหล่สีน้ำเงิน ท่อนล่างเป็นกางเกงขาเดฟของแบรนด์ Adeele ที่เธอเป็นแบรนด์พรีเซนเตอร์ ขายาวคู่นั้นทั้งตรงและเรียวเล็ก เอวบางราวกับสามารถจับได้ในกำมือเดียว เห็นได้ชัดว่าหุ่นดี

เกี่ยวกับข่าวลือที่บอกว่า ‘อ้วนขึ้น’ วินาทีที่นักข่าวเห็นเจียงเซ่อ แน่นอนว่ามันชัดเจนโดยไม่ต้องพูดอะไร

ในกล้อง เจียงเซ่อยังคงเอาทุกอย่างอยู่ เธอไม่ได้แต่งหน้าเติมเหมือนตอนเดินพรมแดงที่ฝรั่งเศส ผมยาวถูกถักเปียเป็นหางม้า ปล่อยลงข้างอกซ้าย เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามสมบูรณ์แบบเพียงครึ่งหน้า

ต่างหูขนนกข้างหู ทำให้การแต่งตัวอันแสนธรรมดาของเธอโดดเด่นมากขึ้นไม่น้อย ทำให้ดูเป็นสาวสง่า และไม่ทิ้งเสน่ห์อันโดดเด่น

“ข่าวในช่วงนี้ที่ว่าฉัน ‘อ้วนขึ้น’”

เจียงเซ่อถือไมโครโฟนมากมายของสื่อแต่ละสำนักเอาไว้ และตอบพร้อมรอยยิ้ม

“ฉันเป็นนักแสดง นอกจากฝีมือการแสดงแล้ว การจัดการตัวเอง ดูแลทั้งรูปร่าง ภาพลักษณ์และต้องควบคุมตนเองในด้านต่างๆ ที่จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับแฟนคลับเป็นหน้าที่ของฉัน เพราะฉะนั้น นอกเสียจากว่าวันหนึ่ง มีบทบาทการแสดงที่ฉันต้องเพิ่มน้ำหนัก ไม่อย่างนั้น ฉันจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ไม่ทำให้กลายเป็นแบบที่ทุกคนกังวลแน่ค่ะ”

“เซ่อเซ่อ ทำไมกลับมาครั้งนี้ คุณเซี่ยไม่ได้มาด้วยคะ แล้วคุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับข่าวที่ว่าพวกคุณทั้งสองมีเรื่องบาดหมางกัน”

การกลับจากฝรั่งเศสในครั้งนี้ เจียงเซ่อเดินทางกลับมาโปรโมทหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ก่อน ส่วนเซี่ยเชาฉวินยังอยู่ที่ฝรั่งเศส เพื่อเจรจาเรื่องที่เจียงเซ่อจะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์กระเป๋าผู้หญิงแบรนด์หนึ่งของฝรั่งเศส

เพราะการเซ็นสัญญากับแบรนด์ Federer อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาสามปี และเป็นตัวแทนแบรนด์แอมบาสเดอร์ Federer ในหัวเซี่ย รวมทั้งถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ‘นักแสดงนำหญิงยอดนิยม’ จากเทศกาลหนังฝรั่งเศสถึงสองปีซ้อน ทั้งยังมีคำชื่นชมจากเชี่ยซ่าเหลยที่มีต่อเธอ จนถึงขั้นร่วมงานกันในเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ ในเวลาต่อมา ทำให้เจียงเซ่อเข้าตาสินค้าจำนวนมาก

แต่ทว่า เซี่ยเชาฉวินและเจียงเซ่อไม่ได้กลับประเทศมาพร้อมกัน ในเวลาแบบนี้จึงไม่แปลกถ้าจะกลายเป็นประเด็น และถูกนักข่าวถาม

“เป็นข่าวปลอมค่ะ”

เธอไม่ค่อยอยากตอบคำถามแบบนี้ จึงตอบเพียงไม่กี่คำเพื่อให้จบประเด็นนี้

ท่าทางที่ดูเอาแต่ใจของเธอ ทำให้โม่อานฉีที่อยู่ข้างๆ เอามือกุมขมับ และยิ้มเศร้า

“สองวันก่อน สำนักข่าวใหญ่ๆ หลายสำนักล้วนลงข่าวว่า ตัวละคร ‘ถังจิ้ง’ ของคุณในหนังเรื่อง PROOF OF LIFE’ ความจริงแล้วเป็นบทที่แย่งมาจากเถาเฉิน ข่าวลือแบบนี้สร้างความกังวลให้คุณหรือเปล่าครับ”

“ไม่ค่ะ” เจียงเซ่อพูดจบ โม่อานฉีส่งสายตาให้เธอ คำตอบแบบนี้ ไม่สามารถทำให้นักข่าวเลิกถามได้แน่ เธอจึงฝืนแก้ตัวไปอีกหน่อย

“นักข่าวจากสื่อต่างๆ คงจะเป็นกังวลมากกว่า” สร้างข่าวขึ้นมาก่อน จากนั้นจึงออกมายืนยันความบริสุทธิ์ เธอพูดถึงตรงนี้ ก่อนจะอธิบายอย่างจริงจัง “เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้ดีอยู่แล้ว แต่ไหนๆ ก็ถามแล้ว ฉันขอชี้แจงอีกรอบว่า การได้ร่วมงานกับหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ และผู้กำกับจาง ถือเป็นความโชคดีที่เกินคาดและน่ายินดีของฉัน ฉันเองก็ผ่านการแคสติ้งก่อนจะเซ็นสัญญาตามปกติ”

“ก่อนเปิดกล้องอย่างเป็นทางการ ผู้กำกับจางมีการวางแผนให้เข้าคลาสพิเศษสองเดือน”

และดูจากเวลาแล้ว ตอนนั้นเถาเฉินยังถ่ายหนังเรื่อง ‘The Lost City’ อยู่ และอยู่ในขั้นตอนถ่ายซ่อมซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพราะฉะนั้น จะบอกว่าเจียงเซ่อแย่งบทมาจากเถาเฉินไม่ได้

หลังจากที่ชี้แจงเรื่องนี้จนกระจ่าง ดูไม่ออกจริงๆ ว่านักแสดงสาวสองคนนี้แตกคอกันเพราะแย่งบท แต่นักข่าวบางคนยังไม่ละความพยายาม ถามขึ้นอีกว่าเจียงเซ่อมีอะไรอยากบอกเถาเฉินหรือไม่ เจียงเซ่อพูดพร้อมรอยยิ้มว่า

“ฉันนับถือคุณเถามากค่ะ เมื่อเปรียบกับคำถามที่ว่าฉันอยากบอกอะไรคุณเถาหรือเปล่า ควรช่วยฉันถามคุณเถาว่า ช่วยชี้แนะฉันบ้างได้หรือเปล่าดีกว่าค่ะ”

เธอจบคำถามจากนักข่าวอย่างรวดเร็ว พอออกจากสนามบินก็แยกกับพวกของโม่อานฉี หลังจากหนีพ้นจากนักข่าวที่สะกดรอยตามมา ในบริเวณที่จอดรถเผยอี้มารอเธอตั้งนานแล้ว

เขาพิงอยู่ข้างรถ แสงไฟของที่รอดรถใต้ดินทำให้เงาของเขาดูยาวมาก

หลังจากไปทำงาน รูปลักษณ์ของเผยอี้ดูแตกต่างไปจากเดิมเป็นอย่างมาก ผมสั้นในตอนนั้น ตอนนี้ก็ยาวขึ้นบางแล้วและแนบอยู่บนศีรษะของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ แม้จะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว แต่ไม่ได้ติดกระดุมทุกเม็ดให้ดูเป็นทางการ เหลือไว้สองเม็ดที่ถูกปล่อยเอาไว้ เผยให้เห็นลูกกระเดือก

แขนเสื้อก็ถูกเขาพับขึ้น เผยให้เห็นแขนที่ดูแข็งแรง มือสองข้างล้วงกระเป๋า รูปร่างสูงโปร่งดูโดดเด่น ใบหน้าดูมีความสุข

เขากำลังอยู่ในช่วงอายุที่ดูดีมากที่สุด อยู่ในช่วงระหว่างวัยรุ่นและวัยกลางคน แต่ยังคงแฝงความสมาร์ทแบบวัยรุ่น แต่ก็แฝงความเป็นผู้ใหญ่หลังจากเริ่มทำงาน เจียงเซ่อเหมือนถือแอปเปิ้ลไว้ลูกหนึ่ง แล้วกัดลงไป ความเปรี้ยวอมหวานกระจายไปทั่วปาก ราวกับความกังวลหลังจากโทรหาคุณปู่ก่อนหน้านี้ถูกลบออกจากหัวสมอง และเผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว