webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

545

บทที่ 545 ชดใช้หนี้

รวมจำนวนเงินต้นและดอกเบี้ยแล้วเป็นเงินทั้งหมดหกสิบล้าน อย่าว่าแต่ตอนนี้เฝิงหนานไม่มีเลย แต่ถึงแม้ว่ามี หากควักเงินออกมามากมายขนาดนั้นในทีเดียว ก็ยังทำให้เธอบาดเจ็บไปไม่น้อยเหมือนกัน

อีกอย่างเผยอี้ยังเร่งรัดขนาดนี้ กำหนดให้เธอใช้หนี้ทั้งหมดในเวลาอันสั้น ตอนนั้นเธอเพียงแค่ลองพนันเล่นๆ แค่อยากเข้าหาคนกลุ่มนี้ก็เท่านั้น ใครจะคิดว่าแค่เล่นไพ่จะต้องจ่ายเงินมากมายเพียงนี้

“อย่ามาล้อเล่นนะ”

เธอปัดของที่อยู่บนโต๊ะทำงาน แล้วนั่งลงด้วยท่าทางอันเย็นเยียบ และเงยหน้าขึ้นเผชิญกับสายตาของทนายไห่อย่างยอมแพ้

“ฉันจะไม่ยอมจ่ายแม้แต่บาทเดียว เล่นตลกอะไรกัน ตอนนั้นก็แค่เล่นไพ่กันสนุกๆ...”

ไต้เจียยืนอยู่หน้าประตู มองภาพที่เฝิงหนานกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ทนายไห่ไม่สนใจคำพูดของเฝิงหนานแม้แต่น้อย หลังจากที่มาส่งสารของเผยอี้แล้ว เขาก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นนานมากนัก

หลังจากเขากลับไป เปลวเพลิงแห่งความโกรธที่เฝิงหนานที่เก็บมานานก็ปะทุออกมา

ของบนโต๊ะถูกเธอโยนลงพื้นทั้งหมด พวกเอกสารและข้อมูลต่างๆ ก็ถูกเธอฉีกทิ้ง เธอระเบิดอารมณ์ออกมา ครู่ใหญ่จึงสงบลง มองไต้เจียที่กำลังเก็บห้องทำงานที่เละเทะไม่เหลือชิ้นดีด้วยสายตาอันเย็นเยียบ

มือซ้ายของเธอดูไม่ค่อยคล่องแคล่ว อาจจะเพราะแขนถูกกระแทกเมื่อครู่ที่ผ่านมา

เฝิงหนานกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เงินหลายสิบล้านที่แพ้พนันไพ่ไปเมื่อหลายปีที่แล้ว สำหรับเผยอี้เขาอาจจะไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเลยก็ได้ แต่ผ่านไปหลายปีเพิ่งมาหาเรื่องตนเองเอาป่านนี้ เห็นได้ชัดว่าจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล

เธอไม่ได้โง่และนึกถึงเรื่องที่ช่วงนี้ตนเองได้หาคนไปสืบประวัติของเจียงเซ่อ เรื่องนี้อาจจะถูกเปิดเผยขึ้นมา จนทำให้เผยอี้โกรธ จึงได้มาหาเรื่องเธอแบบนี้

เฉิงเซ่ารู้ว่า ตนเองกำลังสืบเรื่องของคนระดับไหน เขาจึงหนีและถึงขั้นไม่รับสายตนเอง

การที่เผยอี้ทำแบบนี้ เป็นการยืนยันว่าเฝิงหนานคิดถูกแล้วที่ตามสืบเรื่องของเจียงจื้อหยวนตั้งแต่แรก พ่อของเจียงเซ่อทำความผิดอันร้ายแรงเอาไว้ ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปง เธอจะต้องแย่แน่ๆ

แต่ว่าตนเองก็ยังจะสืบต่อไป เผยอี้แสดงชัดแล้วว่าต้องการช่วยเจียงเซ่อ โดยการหาเรื่องให้หล่อนต้องตกที่นั่งลำบาก

เรื่องไม่จบเพียงเท่านี้ เฝิงหนานยังไม่ทันคิดหาเรื่องอื่นมาต่อรองกับเรื่องคดีนี้ ในอินเทอร์เน็ตก็มีชาวเน็ตที่ใช้ชื่อว่า ‘หลี่ลี่’ โพสต์ถึงหนังเรื่อง ‘Revenge’ ว่าเป็นบทประพันธ์ที่ก็อปงานของเขามา

เขาแนบผลงานฉบับร่างของ ‘Revenge’ เอาไว้ จากฉบับร่างฉบับแรกดูออกว่า เป็นงานเขียนด้วยมือของชาวเน็ตที่ชื่อหลี่ลี่เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ทั้งโครงร่าง เรื่องราวและรายละเอียดเหมือนบทประพันธ์เรื่อง ‘Revenge’ ของเฝิงหนานไม่มีผิด

เรื่องนี้ต้องมีคนคอยชักนำอยู่เบื้องหลังและดึงดูดความสนใจจากชาวเน็ตและสร้างความฮือฮาในเวลาอันสั้น

หลายปีมานี้ เฝิงหนานไม่โด่งดังเสียที เวลาเป็นข่าวในแต่ละครั้งก็ไม่มีคนสนใจ ผลงานก็มีไม่มาก แต่ว่าเรื่องก็อปงานคนอื่นในครั้งนี้นั้น กลับเป็นกระแสไม่น้อย

ชื่อเสียงในทางนี้ กลับไม่ใช่สิ่งที่เธอปรารถนา เวลาที่หลี่ลี่เขียนบทประพันธ์ก่อนหน้าเธอนานมาก เรื่องนี้แม้เธอจะยืนยันว่าตนเองไม่ได้ก็อป แต่คนที่เชื่อเธอก็มีไม่มากนัก

ชาวเน็ตส่วนใหญ่คิดว่าเธอเป็นคนของวิสาหกิจจงหนาน เป็นคุณหนูผู้มีหน้ามีตาในสังคมแท้ๆ และยังมีคู่หมั้นเป็นถึงทายาทบริษัทเจียงหัวกรุ๊ป แต่กลับก็อปงานคนอื่น เอาผลงานของคนอื่นมาเป็นรางวัลให้ตนเอง ช่างเป็นการกระทำที่เลวร้ายนัก

ในขั้นตอนการถ่ายทำและการโปรโมทหนังเรื่อง ‘Revenge’ ใช้ไปถึงสามสิบล้าน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ตอนเข้าฉายไม่สามารถสร้างกระแสได้เลยแม้แต่น้อยแล้วตอนนี้หลี่ลี่ยังออกมาโวยวายอีก จึงทำให้คนจำนวนไม่น้อยต่างเห็นใจเธอ เฝิงหนานรู้ซึ่งถึงคำที่ว่าขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือแล้วจริงๆ

รวมกับหลังจากทนายไห่ตามทวงหนี้ เฝิงหนานจึงพบว่าบัญชีที่เป็นชื่อของตนเองหลายบัญชีถูกระงับ เงินของเธอไม่สามารถใช้ได้แล้ว

ในสถานการณ์แบบนี้ เงินทุนที่รับปากกับฮั่วจือหมิงเอาไว้ก็ไม่สามารถใช้ได้อีก แม้ฮั่วจือหมิงจะไม่ง้อเงินทุนเพียงเท่านี้ของเธอ แต่ผลกระทบจากเรื่องนี้จะทำลายความประทับใจที่ฮั่วจือหมิงมีต่อเธอที่เธอสร้างขึ้นอย่างยากลำบากจนหมดสิ้น

รวมทั้งในช่วงนี้คำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา เกี่ยวกับเธอในอินเทอร์เน็ต จะทำให้ฮั่วจือหมิงสงสัยในนิสัยของเธอ ถึงตอนนั้นจะมีผลอย่างมากต่อการที่เธอจะได้รับบทจงฉีในเรื่อง ‘Suspect’ หรือไม่

ถูกปัญหารุมเร้า และยังต้องกังวลใจเพราะคำวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งยังไม่สามารถโค่นล้มเจียงเซ่อได้ และยังไม่ทันได้แก้แค้น เฝิงหนานก็เริ่มจะหมดความอดทนแล้ว

เธอโทรกลับฮ่องกง อยากถามเรื่องที่ตนเองถูกลักพาตัวในตอนนั้นจากเฝิงซือหย่ง แต่เพราะเฝิงซือหย่งยุ่งเกี่ยวกับเธอในตอนนั้น สุดท้ายก็ต้องถูกเฝิงจงเหลียงต่อว่า หลังจากนั้นก็เข้าบ้านตระกูลเฝิงไม่ได้อีกเลย ทั้งยังเกือบทำให้เสี่ยวหลิวที่ช่วยพูดเข้าข้างตนเองต้องเดือดร้อนอีกด้วย

ตอนที่เฝิงหนานโทรกลับไป เฝิงซือหย่งจึงไม่อยากแม้แต่จะคุยกับเธอด้วยซ้ำ

เรื่องนี้เป็นกระแสมาจนถึงกลางเดือนมีนาคม ในที่สุดเทศกาลหนังฝรั่งเศสก็จะเริ่มขึ้นแล้ว ในขณะเดียวกันหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ก็ถูกกำหนดให้เข้าฉายพร้อมกับทั่วโลกหลังจากปิดงานเทศกาลหนังฝรั่งเศส

ตอนนั้นเพราะเจียงเซ่อรับแสดงหนังเรื่องนี้ของจางจิ้งอาน จึงทำให้เฝิงจงเหลียงสงสัยฐานะที่แท้จริงของเจียงเซ่อ

เพราะฉะนั้นหลังจากที่รู้ว่าเจียงเซ่อแสดงหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เฝิงจงเหลียงพยายามทุกวิถีทางเพื่อได้บทประพันธ์หนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ตั้งแต่ตอนนั้น รอมาสองปีจนในที่สุดก็จะถึงวันที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายแล้ว

ผู้ชมในหัวเซี่ย ได้เตรียมพร้อมที่จะแย่งตั๋วกันมาตั้งนานแล้วเพราะอยากดูหนังของจางจิ้งอาน

เสี่ยวหลิวรู้ว่าเฝิงจงเหลียงชอบเจียงเซ่อ จนทำลายกฎระเบียบว่าจะไม่ดูหนังในโรงไปแล้ว

นึกถึงตอนที่คุณท่านอยากดูหนังเรื่อง ‘Evil’ ของเจียงเซ่อจนแทบจะอดไม่ได้ สำหรับหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เฝิงจงเหลียงเองก็พูดถึงมาตลอดตั้งแต่ต้นปี

เสี่ยวหลิวเข้าใจว่าเฝิงจงเหลียงอยากดูหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ทันทีที่เข้าฉาย จึงปรึกษากับเขาว่า

“หลังจากหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ฉายรอบปฐมทัศน์ รอบแรกคือเที่ยงคืนวันที่ยี่สิบเก้าครับ” จางจิ้งอานไม่ได้ตัดหนังให้สั้นลงเพื่อกระตุ้นรายได้หรือเพื่อให้ได้รอบฉายที่ดี หนังเรื่องนี้มีความยาวหนึ่งร้อยสามสิบแปดนาทีเต็มๆ หลังจากฉายจบก็ประมาณตีสองกว่า เฝิงจงเหลียงอายุมากแล้วนอนดึกแบบนี้อาจะส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพของเขา

“ถ้าอย่างนั้น ผมให้คนไปหาบัตรงานแถลงข่าวรอบปฐมทัศน์มาสักสองใบ ถึงตอนนั้นผมจะไปดูเป็นเพื่อนท่านและจะได้เจอคุณหนูเจียงในงานด้วย”

ตอนแรกเขาคิดว่า ข้อเสนอนี้ของตนเอง เฝิงจงเหลียงจะต้องยอมรับ แต่คิดไม่ถึงว่าพอเสี่ยวหลิวพูดจบ เฝิงจงเหลียงก็เงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่ต้องหรอก”

เสี่ยวหลิวรู้สึกแปลกใจ เดาเหตุผลที่เฝิงจงเหลียงปฏิเสธไม่ออก

เสี่ยวหลิวเห็นว่าเขารอคอยหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ มากเพียงใด และพูดถึงอยู่ตลอดเวลามาหลายเดือนแล้ว ในที่สุดตอนนี้กำลังจะเข้าฉายแล้ว “ท่านไม่ดูเหรอครับ”

จะดูแน่ๆ แต่เฝิงจงเหลียงกลับไม่อยากไปดูรอบปฐมทัศน์

“ที่นั่นคนเยอะ”

ทั้งนักข่าว ทั้งนักวิจารณ์หนัง วุ่นวายเกินไปแล้ว

เขาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ “หนังบางเรื่อง แม้จะให้คนไปเป็นเพื่อน แต่ก็ไม่อยากแบ่งปันกับใคร”

เฝิงจงเหลียงพูดถึงตรงนี้ เสี่ยวหลิวถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขาไม่เข้าใจว่าเฝิงจงเหลียงหมายความว่าอย่างไร เฝิงจงเหลียงกลับเปลี่ยนเรื่องโดยการถามว่า

“ช่วงนี้เจียงจื้อหยวนเป็นยังไงบ้าง?”

หลังจากที่เขารู้ว่าเสี่ยวหลิวรู้เรื่องของเจียงจื้อหยวน จากการสืบเรื่องของเจียงเซ่อก็สั่งคนให้สะกดรอยตามเขามาโดยตลอด สำหรับเรื่องนี้เฝิงจงเหลียงเองก็ทำเป็นหลับหูหลับตา แกล้งทำเป็นไม่รู้มาโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับถามถึงเจียงจื้อหยวนโดยที่เสี่ยวหลิวไม่ทันได้ตั้งตัว รอยยิ้มบนใบหน้าของเสี่ยวหลิวค่อยๆ หายไป ท่าทางดูเคร่งขรึมขึ้นมา ราวกับไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี

จนกระทั่งคุณท่านถามเขาอีกครั้ง เขาจึงฝืนพูดออกมาว่า

“เขา...”

ปฏิกิริยาแบบนี้ คาดว่าช่วงนี้คงจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ แล้ว