webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

543

บทที่ 543 จุดอ่อน

เผยอี้เงียบฟังสาวน้อยพึมพำ เธอยังคงรู้สึกอึดอัดใจ

“ฉันคิดมาตลอดว่า การเกิดใหม่ของฉันมันเป็นเพราะอะไร”

อาการในฤดูใบไม้ผลิที่คิวชูยังคงหนาวเย็นเล็กน้อย ลมกลางคืนพัดเข้ามาพร้อมสายฝนในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ผ้าม่านปลิวไสว ความเย็นจึงกระจายเข้ามาทั่วห้อง

เขาพิงอยู่ข้างหน้าต่าง ฟังเธอที่โทรมาดึกๆ ดื่นๆ และบ่นไม่หยุดด้วยรอยยิ้ม

ข้างหูได้ยินเสียงฝนกระทบลงบนพื้นหญ้าดัง ‘ซ่าๆ’ และเสียงพูดอันอ่อนโยนของเธอ ผสมผสานกัน ทำให้ค่ำคืนอันน่าเบื่องดงามขึ้นมา

เผยอี้รู้ว่า แม้ภายนอกเธอจะดูอ่อนแอ แต่ภายในกลับมีจิตใจที่แข็งแกร่ง เธอรู้ดีว่าตนเองต้องการอะไร เพราะฉะนั้นหลังจากเกิดใหม่ อยากเข้าวงการก็เข้าเลย แม้แต่เฝิงจงเหลียงยังห้ามการตัดสินใจของเธอไม่ได้

น้อยครั้งมากที่เธอจะทุกข์ใจแบบนี้ เวลาที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน ส่วนมากคนที่พูดคือเขา เธอมักจะเป็นผู้ฟัง

ตอนนี้เธอเองก็มีมุมที่ไม่เข้าใจโลกแล้ว เขาถึงขั้นฟังเธอพูดด้วยจิตใจที่แฝงความสุขอย่างบอกไม่ถูก

“ฉันคิดมาตลอดว่า ที่เกิดใหม่เพื่อชดใช้ความผิดพลาดในอดีต ทำให้ฉันได้มารู้จักกับนายอีกครั้ง รู้จักตัวเอง ไม่พลาดความสัมพันธ์ระหว่างเรา ทบทวนความสัมพันธ์ของฉันกับคุณปู่”

เพราะเธอไม่เข้าใจว่าทำไมทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้ น้ำเสียงที่พูดจึงเต็มไปด้วยคำถาม

“ฉันคิดว่าการเกิดใหม่ เป็นการชี้ทางสว่างให้กับฉัน ทำให้ฉันเข้าใจว่า ชีวิตไม่ได้มีทางเลือกเพียงแค่ทางเดียว”

เธอคิดว่า การที่เธอเกิดใหม่ เป็นโอกาสที่ฟ้าประทานให้เธอ ทำให้เธอค้นพบว่า ทั้งชีวิตของเธอ นอกจากเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ ทำตามหน้าที่ของตนเอง กินข้าวกับจ้าวจวินฮั่น ออกเดตและหมั้นกับเขาเพื่อให้ทั้งสองบริษัทได้ร่วมงานกันอย่างราบรื่นในที่สุด

อนาคตกลายเป็นภรรยาของจ้าวจวินฮั่น นอกจากใช้ชีวิตเหมือนแม่บ้านแล้ว มีความเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง ไม่ใช่การใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางที่คนอื่นวางไว้ไปตลอดชีวิต

จากคุณหนูตระกูลเฝิง ไปเป็นคุณผู้หญิงตระกูลจ้าว

แต่ทว่า เพราะมีเจียงจื้อหยวน มีเฝิงหนาน ทำให้เจียงเซ่ออดไม่ได้ที่จะคิดหาความเป็นไปอย่างอื่น

ในคดีลักพาตัวเมื่อครั้นยังเด็ก เจียงเซ่อได้สัมผัสกับเจียงจื้อหยวนในระยะเวลาสั้นๆ เขาเคยพูดถึงลูกสาวของเขา ด้วยน้ำเสียงที่แฝงดูทะนุถนอนและเต็มไปด้วยความรัก บางทีคนที่ดูเหี้ยมโหดแบบนี้ ในส่วนลึกของหัวใจอาจจะยังคงมีความอ่อนโยนที่มีไว้ให้ลูกสาวผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาก็ได้

เจียงจื้อหยวนทำร้ายเธอในวัยเด็ก ทิ้งปมในใจให้กับเธอ ดังนั้นหลายปีให้หลัง เธอเลยได้รับฐานะของเจียงเซ่อ กลายมาเป็นลูกสาวของเขา

นี่เหมือนเป็นเวรกรรมอย่างหนึ่ง เหมือนเป็นการชดใช้และความยุติธรรมที่ฟ้าประทานมาให้

ถ้าจะบอกว่า ที่เจียงจื้อหยวนติดคุกสิบเก้าปี เป็นเพียงแค่ได้รับบทลงโทษอย่างเป็นธรรมทางกฎหมาย ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่เขาต้องเผชิญในตอนนี้ เป็นโอกาสที่ฟ้าประทานให้เธอลงโทษเขาด้วยตนเองใช่หรือไม่

จะให้อภัยเขาหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา แล้วไม่ใช่สิ่งที่กฎหมายจะตัดสินได้ มันขึ้นอยู่กับความรู้สึกในใจของตนเองต่างหาก

การตัดสินความผิดในครั้งนั้น เพิ่งจะเริ่มขึ้นอย่างแท้จริง

“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ” เธอถอนหายใจ “ถ้าการเกิดใหม่ของฉัน ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ แต่เพราะโชคชะตา แล้วเฝิงหนานมีส่วนเกี่ยวข้องกับอะไรกับฉัน”

เผยอี้จึงพูดออกมาว่า

“อาจจะเกี่ยวข้องกับจ้าวจวินฮั่น”

เขาคิดถึงตอนที่ตนเองรู้ความลับของเจียงเซ่อ ครั้งหนึ่งตอนพาเธอกลับบ้าน บังเอิญเห็นภาพที่จ้าวจวินฮั่นและเฝิงหนานกอดกัน ดูก็รู้ว่าคงจะมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งต่อกันมาตั้งนานแล้ว

แต่พอคิดดูแล้ว ตอนนั้นเฝิงหนานตัวจริงยังรู้จักกับจ้าวจวินฮั่นไม่นานนัก ความสัมพันธ์ของทั้งสองกลับพัฒนาอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้อาจจะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง

เผยอี้นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเจียงเซ่อไม่มีทางคิดอะไรกับจ้าวจวินฮั่น แต่พอคิดถึงเรื่องนี้ ก็อดเคืองไม่ได้

“ตอนที่เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นกับพวกพี่สองคน หล่อนก็แทบจะรอไม่ได้ที่จะคบกับจ้าวจวินฮั่น มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นอย่างที่พี่คิด ทั้งสองอาจจะมีอะไรกันตั้งแต่ก่อนเกิดใหม่แล้วก็ได้”

และจากการคาดเดาของเจียงเซ่อ ถ้าเรื่องการเกิดใหม่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับทั้งสอง เฝิงหนานยังคงเป็นเฝิงหนาน ส่วนเจียงเซ่อยังคงเป็นเจียงเซ่อ เรื่องราวทุกอย่างพัฒนาไปตามเดิม เฝิงหนานอาจจะทำตามความต้องการของผู้ใหญ่ในบ้าน กินข้าวกับจ้าวจวินฮั่น เพื่อการร่วมงานกันของบริษัทของทั้งสองฝ่ายและอาจจะถึงขั้นหมั้นหมายกัน

เจียงเซ่อก็ยังคงเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง แต่ด้วยนิสัยตามความเป็นจริงของเธอแล้ว คงยากที่จะยืนอยู่บนตำแหน่งเดียวกับเจียงเซ่อในตอนนี้ได้

ถ้าอย่างนั้น เฝิงหนานก็จะเป็นว่าที่ภรรยาในนามของจ้าวจวินฮั่น แต่ ‘เฝิงหนาน’ ในตอนนี้ ทันทีที่เกิดใหม่ก็ดูสนิทสนมกับจ้าวจวินฮั่นมากขนาดนี้ มีความเป็นไปได้ว่า เธอมีความสัมพันธ์อันคลุมเครือกับจ้าวจวินฮั่นตั้งแต่ก่อนเกิดใหม่แล้ว

จากความรู้ของ ‘เฝิงหนาน’ ในตอนนี้ เธอเข้าใจเกี่ยวกับวงการบันเทิงมากขึ้น รู้จักจวี้เฟิงบันเทิง จึงอยากเป็นดาราดัง ถ่ายหนัง เขียนบทและหลังจากเกิดใหม่ก็เร่งรีบมีความสัมพันธ์กับจ้าวจวินฮั่น เพื่อผูกมัดความสัมพันธ์ของทั้งสองเอาไว้

จากการคาดการณ์ทั้งหมดนี้ เผยอี้เดาว่า อาจจะเป็นไปได้ว่า เมื่อชาติที่แล้ว ‘เฝิงหนาน’ เป็นนักแสดงตัวเล็กๆ ที่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก และมาพัวพันกับจ้าวจวินฮั่นโดยบังเอิญ จึงอยากเร่งรีบเบียดเจียงเซ่อออกไป เพื่อเป็นภรรยาของจ้าวจวินฮั่น

เขาเพียงแค่ลองเดา ก็เดาเกือบถูกทั้งหมดแล้ว

แม้จะเป็นเพียงการคาดเดา แต่เมื่อรู้ว่าเจียงเซ่ออาจจะต้องพัวพันกับคนอย่างจ้าวจวินฮั่นไม่จบไม่สิ้นเพราะตระกูลเฝิง ในใจก็รู้สึกหึงหวงมาก

“แต่ว่า เซ่อเซ่อ” น้ำเสียงของเขาดูอ่อนโยนและพึมพำเบาๆ ว่า

“ลืมเฝิงหนาน ลืมการคาดเดาพวกนั้นและอย่าไปสนใจเจียงจื้อหยวนอีก” เขาพูดถึงตรงนี้ พลันถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมากขึ้นไปอีก

“หรือว่าพี่ไม่ชอบการเกิดใหม่แบบนี้”

เจียงเซ่อเอียงหัวคิด และบอกว่า ‘อืม’

“ฉันชอบ”

ความจริงเธอชอบชีวิตที่มีสิทธิ์เลือกแบบนี้ แม้ระหว่างทางที่ผ่านมาจะยากลำบากกว่าตอนเป็นเฝิงหนานอยู่มาก

นอกจากการเข้าวงการที่เป็นไปอย่างสมเหตุสมผลแล้ว นอกจากนี้ การจัดการความสัมพันธ์ระหว่างเธอโจวฮุ่ยและคนอื่นๆ หลังจากจบมัธยมปลายแล้วจะเรียนต่อที่ไหน ทั้งหมดเธอล้วนต้องวางแผนด้วยตนเอง

แม้กระทั่งความสัมพันธ์ที่พัฒนามากขึ้นระหว่างเธอกับเผยอี้ ก็เป็นความต้องการของตัวเธอเอง ไม่ได้เป็นเพราะครอบครัวและสภาพแวดล้อมที่คอยบีบบังคับ และไม่ได้ไปกินข้าวกับจ้าวจวินฮั่นตามคำสั่งของพ่อแม่ เพื่อการร่วมงานกันระหว่างบริษัทของตระกูลจ้าวและตระกูลเฝิง

เธอเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดเหล่านี้ของเผยอี้ เธอชอบชีวิตตอนนี้ เพราะการเกิดใหม่ เธอกับเผยอี้จึงมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างจากที่เธอคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ มีทั้งคนรักและความสัมพันธ์กับคุณปู่เพราะฐานะที่เปลี่ยนไป ก็เข้าใจกันมากขึ้น

เธอคือเจียงเซ่อ! ยอมรับเรื่องนี้ซะ ในขณะเดียวกัน เธอก็ควรเผชิญหน้ากับปัญหา ไม่ใช่คิดแต่จะเอาผลประโยชน์ แต่กลับไม่พอใจอะไรสักอย่าง

“เรื่องของเฝิงหนานผมจะให้หาคนไปสะกดรอยตามเธอ ช่วงนี้ก็จะหาอะไรให้เธอทำ เพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนให้พี่ในเวลาแบบนี้”

หนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ของเจียงเซ่อกำลังจะเข้าฉาย ตอนนี้จางจิ้งอานมีความคิดที่จะพาหนังเรื่องนี้เข้าสู่รอบสุดท้ายเพื่อชิงรางวัล ในเวลาแบบนี้จะเกิดปัญหาอะไรขึ้นไม่ได้ โดยเฉพาะปัญหาจากฐานะที่แท้จริงของเจียงเซ่อ

ด้วยฐานะของเผยอี้ การทำเรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องยาก

ตอนนี้เขาเพิ่งได้รับตำแหน่งในคิวชู ยังไม่มีผลงาน ถ้าในเวลาแบบนี้ เขาใช้อำนาจของตระกูลเผย ในการจัดการเรื่องส่วนตัว แม้จะสามารถหยุดเฝิงหนานได้ แต่ก็คงหลีกเลี่ยงการถูกคุณปู่เผยต่อว่าไม่ได้

เขาไม่ใช่ชายหนุ่มเลือดร้อนเหมือนตอนนั้นอีกต่อไปแล้ว หลายปีที่ผ่านมานี้ คุณปู่เผยลงทุนลงแรงกับหลานชายคนโตมามากมาย คงไม่พอใจถ้าเขาทำเรื่องแบบนั้นในตอนนี้

เธอยังคงลังเลและไม่พูดอะไร เผยอี้กลับราวกับเดาความคิดของเธอออก

“พี่ไม่ต้องเป็นห่วง จะสร้างความเดือดร้อนให้เฝิงหนานไม่ใช่เรื่องยาก”

น้ำเสียงของเขาแฝงความขัน “ยังไม่ต้องถึงขั้นต้องเชิญคุณปู่ของผมหรอก”

ในเมื่อเผยอี้พูดแบบนี้ เจียงเซ่อก็มั่นใจว่าเขาไม่ได้แค่พูดเล่น

ตอนที่กระวนกระวายแบบนี้ เขาเป็นเหมือนภูผาอันแข็งแกร่งที่อยู่ตรงหน้าตนเอง คอยบังลมพายุที่พัดกระหน่ำเข้ามา

เด็กชายที่เดินจูงมือเธอ วิ่งตามเธอ งอแงร้องไห้โวยวายไม่ยอมให้เธอกลับบ้านตระกูลเฝิง แอบรับจดหมายรักของเธอ และส่งจดหมายปฏิเสธกลับไป ชายหนุ่มที่แอบไปสร้างคฤหาสน์ที่ฝรั่งเศส เพียงเพราะคำพูดเดียวของเธอคนนั้น ตอนนี้ได้เติบโตเป็นคนที่ควรค่าให้เธอได้พึ่งพิงแล้ว

“อาอี้” ในใจเธอรู้สึกหวานชื่น “ฉันรักนายมากจริงๆ นะ”

เธอชอบเขามาก ชอบผู้ชายที่มีเธอในใจมาโดยตลอดตั้งแต่เด็ก ชอบน้ำเสียงของเขาที่ยังคงอ่อนโยนตอนรับสายเธอดึกๆ ดื่นๆ ชอบอ้อมแขนที่ค่อยๆ ใหญ่ขึ้นและแข็งแรงขึ้นของเขา ราวกับพร้อมเป็นที่พักพิงให้เธอตลอดเวลา

การสารภาพรักแบบนี้ ที่ผ่านมาเผยอี้เป็นคนพูดมาตลอด

เขาเคยจินตนาการถึงสถานการณ์ที่เจียงเซ่อภารภาพรักกับตัวเองหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ยังคงเป็นเจียงเซ่อคนเดิม แม้กระทั่งเธอต้องเป็นคนขอแต่งงาน ใบหน้าของเธอก็ยังคงมีรอยยิ้ม

เผยอี้มักจินตนาการว่า หากวันหนึ่ง เจียงเซ่อบอกเขาว่า ‘รักเขามาก’ เขาจะตอบกลับอย่างไร

บางทีเขาอาจจะพูดเพื่อให้ตนเองเหนือกว่าว่า “ผมรักพี่มากกว่า”

บางทีเขาอาจจะซาบซึ้งใจมาก แต่ทว่า แม้เผยอี้จะเคยจินตนาการสถานการณ์มามากมาย กลับคิดไม่ถึงว่า ตอนที่เขาได้ยินเจียงเซ่อพูดแบบนี้กลับหัวใจเต้นเร็วและสัมผัสได้ว่ามีไอร้อนเกิดขึ้นบริเวณลำคอและลามขึ้นไปยังศีรษะ

แม้แต่หูของเขาก็ยังรู้สึกร้อนขึ้นมา รู้สึกเขินอาย ทำอะไรไม่ถูกและพูดอะไรไม่ออก ดวงตาร้อนผ่าว เหมือนมีน้ำตากำลังจะไหลออกมา

ความรู้สึกแบบนี้ บางทีนอกจากเขาแล้ว คงจะไม่มีใครสามารถเข้าใจได้

“ต่อไปพี่จะต้องรักผมมากขึ้น” เขาจูบผ่านโทรศัพท์มือถืออีกทีหนึ่ง เสียดายที่ตอนนี้เจียงเซ่ออยู่เมืองนอก

“เซ่อเซ่อ คราวหน้าพูดเยอะๆ หน่อยนะ ผมชอบให้พี่คุยกับผมแบบนี้”

เขาพูดอ้อนและเจียงเซ่อฝืนรับปากเอาไว้ รอยยิ้มตรงมุมปากของเขาชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

ความจริง ตอนนี้ดึกมากแล้ว แต่เผยอี้กลับไม่ง่วงเลยแม้แต่น้อย คำพูดก่อนหน้านี้เพียงคำเดียวของเจียงเซ่อก็เพียงพอที่จะทำให้เขากระปรี้กระเปร่า จนกระทั่งที่ฝรั่งเศสดึกมากๆ แล้ว เขาจึงดูนาฬิกา

“พรุ่งนี้ยังมีงานต้องทำใช่ไหมครับ”

“อืม” เจียงเซ่อตอบกลับคำหนึ่ง เขาเป็นห่วง จึงสั่งให้เธอรีบนอน ไม่ควรนอนดึกมากนัก

สำหรับเรื่องของเจียงจื้อหยวน หลังจากคุยกับเขาแล้ว เจียงเซ่อก็สงบลงมาก

หลังจากบอกฝันดีและวางโทรศัพท์ เผยอี้ยังคงเอาโทรศัพท์แนบหู จนกระทั่งความร้อนที่เกิดจากการพูดสายกับเจียงเซ่อเป็นเวลานานค่อยๆ เย็นลง เขาจึงถอนหายใจ และโทรหาเนี่ยต้านโดยไม่สนใจเลยว่าตอนนี้เป็นเวลาหลังเที่ยงคืนแล้ว

“อาต้าน พรุ่งนี้ช่วยไปธุระแทนฉันหน่อยสิ”

เนี่ยต้านที่อยู่ในสายด่า

“สองสามีภรรยานี่อะไรกันเนี่ย”

เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว เจียงเซ่อเพิ่งจะโทรมาปลุกเขาจนตื่น เจียงเซ่อเป็นผู้หญิง เป็นอาซ้อ เขาจะโวยวายใส่เธอไม่ได้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาเพิ่งหลับสนิท เผยอี้ก็โทรมาแบบนี้!

“อย่าพูดมาก! ไปหาคลิปที่ฉาวจิ้นเก๋อให้ฉันที”

เนี่ยต้านยังไม่สร่างจากอาการงัวเงีย พอได้ยินคำพูดของเขา จึงลูบหน้าทีหนึ่ง

“คลิปอะไร”

เนี่ยต้านเองก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง ฉาวจิ้นเก๋อเป็นที่ของเผยอี้ ถ้าเขาต้องการคลิป แค่โทรไปก็ได้แล้ว

แต่กลับให้เขาไปทำแทน บางทีอาจจะเพราะไม่อยากโดนผู้ใหญ่ ‘ถาม’

“หลายปีก่อน ตอนที่ฉันพาเซ่อเซ่อไปฉาวจิ้นเก๋อ ชิวจี๋ก็เรียกเฝิงหนานมาด้วย”

เขาพูดถึงเรื่องนี้ ความง่วงของเนี่ยต้านก็หายไปเป็นปลิดทิ้งและรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ

เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้แม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่เนี่ยต้านก็ยังคงจำได้อย่างชัดเจน

เพราะเผยอี้ในตอนนั้นดูแปลกมาก ตอนแรกชอบเฝิงหนาน ตามจีบจะเป็นจะตายมานานหลายปี แถมยังซื้อบ้านที่ฝรั่งเศสให้เธอ แต่กลับไม่กล้าสารภาพรัก

ตอนนั้นเฝิงหนานและลูกชายของบริษัทเจียงหัวดูสนิทสนมมาก ทำให้เขาเสียใจไปครึ่งปี ไม่เป็นผู้เป็นคน เหมือนตายทั้งเป็น เพื่อนๆ ต่างคิดว่าหมอนี่แย่แน่แล้ว

คิดไม่ถึงว่าเผยอี้จะหันมาคบกันเจียงเซ่อและยังเย็นชากับเฝิงหนานอีก

ตอนที่เซี่ยงชิวจี๋ชวนเฝิงหนานไปเที่ยวฉาวจิ้นเก๋อในครั้งนั้น ทันทีที่เธอมาถึง เผยอี้ยังกลั่นแกล้งเธอ ทำให้เธอต้องแพ้พนันหลายสิบล้าน

หลังจากเรื่องนั้น เพื่อนๆ ล้วนรู้ความคิดของเผยอี้ ต่างก็ตีตัวออกห่างเฝิงหนานโดยไม่ได้นัดหมาย

ตอนแรกคิดว่าหลายสิบล้านนี้เป็นบทเรียนที่เผยอี้ให้กับเฝิงหนาน ทำให้ตอนนั้นเธออับอายต่อหน้าทุกคน ตั้งใจทำให้เธอเสียหน้า แต่ตอนนี้เผยอี้พูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าต้องการจะหาเรื่อง

และคิดเชื่อมโยงไปถึงตอนที่เจียงเซ่อโทรมา ให้ตนเองสืบว่าหนังเรื่อง ‘Revenge’ ที่เฝิงหนานถ่ายทำเมื่อหลายปีที่แล้ว เป็นหนังที่ก๊อปมาหรือเปล่า

ทั้งสองมีเรื่องให้ตนเองช่วยสืบพร้อมกัน และเรื่องที่ให้สืบล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเฝิงหนาน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ เนี่ยต้านกล้าเอาหัวตนเองเป็นประกัน!

เขาคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดในหัว ท้ายที่สุดก็เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่ จึงถามความจำเป็นไปว่า

“พี่อี้ พี่บอกฉันสิ ว่าเฝิงหนานทำอะไรให้พี่ไม่พอใจ พี่หาคลิปออกมาเพื่อต้อนเธอให้จมมุมใช่ไหม”

พอสิ้นคำถามของเขา เผยอี้กลับไม่ตอบ ในโทรศัพท์เงียบลงอย่างกะทันหัน เนี่ยต้านตื่นตระหนกขึ้นมา จึงหัวเราะ ‘ฮ่าๆ’ เพื่อเอาตัวรอด

“ฉันก็แค่อยากรู้ ถ้าเฝิงหนานทำให้พี่ไม่พอใจ เราไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ แน่...”

“ความจริงก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรหรอก”

เผยอี้รู้ว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ จึงพูดอย่างเรียบนิ่ง “เราเป็นเพื่อนกันมานาน มีเรื่องเกี่ยวกับตัวฉันเรื่องไหนบ้างที่แกไม่รู้ แต่เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับเซ่อเซ่อ”

เขารู้ว่าที่เนี่ยต้านถามแบบนี้ ความจริงไม่ได้อยากรู้เรื่องส่วนตัวของเขาจริงๆ แต่อาจจะเป็นเพราะเนี่ยต้านไม่สบายใจก็เท่านั้น

อย่างที่เผยอี้พูด พวกเขาโตมาด้วยกัน เมื่อก่อนมักสร้างปัญหากันมาด้วยกัน ยังมีเรื่องเลวร้ายอะไรบ้างที่ยังไม่เคยทำ

โดนทำโทษมาด้วยกัน โดนด่ามาด้วยกัน แต่เพราะอายุที่มากขึ้น ทุกคนต่างเลือกเส้นทางของตนเอง จึงไม่สามารถอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเหมือนในอดีต

คำพูดของเนี่ยต้าน เพียงแค่ต้องการลองใจเขา อยากรู้ว่าเขาเห็นทุกคนเป็นเหมือนพี่น้องหรือไม่

“พี่อี้...” เนี่ยต้านถูกเผยอี้เดาใจออก จึงรู้สึกอาย แต่กลับโล่งอก เผยอี้จึงพูดอีกว่า

“ตอนเด็กเฝิงหนานเคยถูกลักพาตัว หนึ่งในบรรดาคนร้ายที่ลักพาตัวแซ่เจียง เป็นพ่อของเซ่อเซ่อ ติดคุกที่ฮ่องกงมาสิบเก้าปี หลายปีที่แล้วได้กลับมาอยู่ที่ตี้ตู บางทีเฝิงหนานอาจจะสงสัยว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเซ่อเซ่อ ช่วงนี้ก็เลยตามสืบเรื่องของเธออยู่”