webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

542

บทที่ 542 เบื้องหลัง

เจียงเซ่อจบประเด็นแต่เพียงเท่านี้ เนี่ยต้านเป็นคนฉลาด จึงตอบไปเพียงแค่ว่า

“เข้าใจแล้ว”

เขาพูดจบ ก็ถามขึ้นอีกว่า

“ให้ฉันจับตาดูหล่อนให้ไหม”

เจียงเซ่อลังเลครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ปฏิเสธไป

“ตอนนี้ยังไม่ต้อง บางเรื่องมันซับซ้อนมาก บางทีอาจจะต้องรอให้ฉันกลับประเทศก่อน ถึงจะอธิบายให้เข้าใจได้”

ตอนนึกถึงตอนที่ไต้เจียโทรมา พูดถึงเรื่องสำคัญอยู่สามเรื่อง นอกจากเบาะแสที่มีความเป็นไปได้ว่าเฝิงหนานจะกลับชาติมาเกิดและกำลังสืบเรื่องของตนเองแล้ว ไต้เจียยังพูดถึงอีกเรื่อง นั่นก็คือวันฉายหนังเรื่อง ‘The Lost City’ รอบปฐมทัศน์ ชายที่ชนเฝิงหนานชั้นล่างของโรงหนัง IMAX ไต้เจียบอกว่าเฝิงหนานคิดว่าผู้ชายคนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ

และไต้เจียยังบอกว่าเฝิงหนานเคยให้คนที่ ‘เฉิงเซ่า’ สืบเรื่องของผู้ชายแซ่เจียง ความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนี้เจียงเซ่อเข้าใจดี

แล้วเธอก็นึกถึงผู้ชายที่เคยในคืนนั้น ตอนนั้นเธอไม่เห็นหน้าเต็มของผู้ชายคนนั้น แต่เห็นเพียงด้านข้าง

คืนนี้ฝนตกค่อนข้างหนัก ท่ามกลางแสงไฟมืดสลัว บนถนนก็มีคนมากมาย เธอมองด้วยความแปลกใจรอบหนึ่ง เธอก้มหน้าและเดินหนีอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกอันตรายอันน่ากลัวเหมือนแทรกซึมเข้าขั้วกระดูก จนตอนนี้เจียงเซ่อก็ยังไม่ลืม

หลังจากเจอกับผู้ชายคนนั้น เจียงเซ่อก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงให้เซี่ยเชาฉวินหาบอดี้การ์ดมาคอยดูแลตนเอง

คืนนั้น แม้เจียงเซ่อไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ แต่จากคำพูดของไต้เจียในตอนนี้ ไม่มีเหตุผลที่เธอจะไม่เข้าใจ

เธอหวนคิดถึงตอนที่ถ่ายทำหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ สิ่งที่เผยอี้บอกตนเองตอนมาเยี่ยมกอง เขาบอกว่า เซ่อเซ่อ คนที่ลักพาตัวเธอในตอนนั้นชื่อเจียงจื้อหยวนเป็นพ่อของเจียงเซ่อ

“ฮ่าๆ” เจียงเซ่อหัวเราะออกมาสองคำ ช่างเป็นเวรกรรมต่อกันจริงๆ!

“เรื่องอะไรทำให้เธอมีความสุขขนาดนี้”

ตอนที่โม่อานฉีเสร็จงานแล้วเดินเข้ามาหา ก็เห็นภาพที่เจียงเซ่อถือโทรศัพท์แนบหูและกำลังหัวเราะอยู่พอดี จึงอดถามไม่ได้ เจียงเซ่อไม่แม้กระทั่งจะเงยหน้าขึ้นมา

“คิดถึงเรื่องตลกเรื่องหนึ่งน่ะ”

แม้เธอจะบอกว่าคิดถึงเรื่องตลก แต่ท่าทางกลับเย็นชาและปิดตาอยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เหมือนกำลังคิดถึงเรื่องตลก โม่อานฉีเอามือลูบจมูก และเดินกลับห้องทำงานของตนเองไป

การมาสัมภาษณ์และร่วมงานเทศกาลหนังฝรั่งเศสในครั้งนี้ของเจียงเซ่อ ล้วนมีการแต่งกายที่แตกต่างกัน เสื้อผ้าและเครื่องประดับนี้ ล้วนมีดีไซเนอร์พิเศษของแบรนด์คอยดูแล

เซี่ยเชาฉวินเห็นความสำคัญในด้านนี้ของเธอมาก เพราะชื่อเสียงของเธอที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยเชาฉวินถึงขั้นจ้างดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศสมาประกบเจียงเซ่อถึงสองคน ดูแลตั้งแต่หัวจรวดเท้าของเจียงเซ่ออย่างละเอียดรอบคอบ แม้กระทั่งเล็บก็ยังต้องแต่งแต้มสีสันลงไป

ทีมงานยุ่งมาก หลังจากโม่อานฉีออกไป เจียงเซ่อก็แต่งหน้าเสร็จแล้วก็สั่งให้ผู้ช่วยออกไปก่อน

พอในห้องไม่เหลือใครแล้ว เธอจึงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น

คืนนั้น เธออยู่ใกล้กับผู้ชายที่เคยสร้างความหวาดผวาดอย่างเป็นที่สุดให้ตนเองมากเหลือเกิน

เธอพยายามอดทนต่อความหวาดกลัวในใจ หวนคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ที่เจียงจื้อหยวนโผล่ออกมากะทันหัน มันอาจจะไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ

เขาปรากฏตัวอย่างกะทันหัน พลันชนเฝิงหนานจนกระเด็น นั่นเพราะอะไรกัน

ความจริงแล้วเธอรู้ดี ว่าเป็นเพราะตอนนั้นเฝิงหนานยกมือขึ้นมา เหมือนจะตบเธอ

ผู้ชายอันตรายที่เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว คนที่เคยทำร้ายตนเอง ทำให้เธอกลัวจนฝังใจ ตอนนี้อาจจะกำลังคิดจะปกป้องตนเอง สำหรับเจียงเซ่อแล้ว นี่เป็นการเย้ยหยันเธอมาก

เธอไม่ใช่นกน้อยในกรงทองที่เจียงจื้อหยวนเคยลักพาตัวเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ที่ไม่มีแม้กระทั่งกำลังที่จะตอบโต้เจียงจื้อหยวนคนนั้นอีกต่อไปแล้ว

ความหวาดผวาและอดีตเหล่านี้ เธอได้ก้าวข้ามผ่านมันมาและรักษาบาดแผลจนหายดีแล้ว

เธอเองก็มีการเติบโต ได้ฝึกสมรรถภาพทางร่างกาย ได้เรียนวิชาป้องกันตัวและมีบอดี้การ์ดอยู่ข้างกาย มีคุณปู่ที่คอยจับตาดูเจียงจื้อหยวนทุกฝีก้าวและยังมีเผยอี้ เธอไม่กลัวเจียงจื้อหยวนหรอก!

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็กดโทรออก

ตอนนี้ที่ฝรั่งเศสดึกแล้ว แต่ในประเทศดึกกว่า ความจริงเธอไม่ควรโทรไปรบกวนเผยอี้

เขาเพิ่งจะรับตำแหน่งไม่นาน อายุก็ยังน้อย ทั้งยังแบกความหวังของตระกูลเผยเอาไว้ ที่ต้องมุมานะ ซึ่งมันหนักหนากว่าหน้าที่ของตนเองเสียอีก

แต่ตอนนี้ เธอกลับอยากเอาแต่ใจ เรื่องแบบนี้เธอไม่รู้ว่าควรบอกใครดี หากไม่สืบเรื่องที่อยู่ๆ เจียงจื้อหยวนปรากฏตัวและสืบเบื้องลึกเบื้องหลังของเฝิงหนานให้แน่ใจ คืนนี้เธอก็คงยากที่จะสงบจิตใจลงได้

“เซ่อเซ่อ?”

โทรศัพท์เพิ่งจะดัง เผยอี้ก็รับสายทันที ตอนแรกน้ำเสียงดูตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นดีใจ เขาราวกับตื่นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในสายของเขามีเสียง ‘สวบสาบ’ ดังขึ้น

“รอแปบหนึ่งนะ ฉันไปล้างหน้าก่อน”

ช่วงนี้ทั้งสองแยกกันอยู่คนละที่ เพราะความต่างของเวลาและต่างคนต่างทำงาน จึงไม่ได้คุยกันหลายวันแล้ว

เจียงเซ่อได้ยินเสียงเขาเปิดก๊อกน้ำ น้ำเสียงจึงดูสงบลงบ้าง

ก่อนหน้านี้ยังคงรู้สึกกระวนกระวายใจทุกครั้งที่นึกถึงเจียงจื้อหยวน แต่พอได้ยินเสียงเผยอี้ จิตใจก็ค่อยๆ สงบลง

เธอชอบความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกของการเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของกันและกัน แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและสบายใจ

“เป็นอะไรไป”

เสียงของเผยอี้ค่อนข้างเบา เหมือนตั้งใจใช้เสียงอันอ่อนโยนเพื่ออ้อนเธอ

“คิดถึงฉันใช่ไหม”

“คิดถึงมาก” เธอยอมรับตามความจริง คำพูดนี้เหนือกว่าคำหวานใดๆ ทำให้เผยอี้จิตใจเบิกบานขึ้นมาทันที จูบผ่านโทรศัพท์มือถือไปหลายที จนเสียงดัง ‘จุ๊บๆ’

ความเร่าร้อนนี้ส่งผลกระทบต่อเจียงเซ่อ ทำให้เธอยกยิ้มโดยไม่รู้ตัว

เธอแนบโทรศัพท์มือถือบนแก้ม ฟังเผยอี้นับวันแต่งงานของทั้งสองผ่านโทรศัพท์มือถือ ครั้งสองคุยกันไปพักใหญ่ เจียงเซ่อจึงถามว่า

“อาอี้ เจียง...”

เธอเพียงพูดคำว่า ‘จื้อ’ ออกมาคำเดียว แล้วหยุด แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อเจียงจื้อหยวน แต่เผยอี้รู้จักเธอเป็นอย่างดี และสัมผัสได้ถึงความผิดปกติตามเคย

คืนนี้เจียงเซ่อดูเศร้ามาก คงจะมีเรื่องทำให้เธอเครียด

“เขาโทรไปรบกวนเธอใช่ไหม”

ผู้ชายที่ก่อนหน้านี้ยังดูกระตือรือร้น น้ำเสียงกลับเคร่งขรึมและเหี้ยมโหดขึ้นมาทันที

“เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

“ฉันเห็นเขา” เธอพึมพำ

“วันงานแถลงข่าวของหนังเรื่อง ‘The Lost City’ รอบปฐมทัศน์ ตอนที่ฉันคุยกับเฝิงหนาน เขาเดินเข้ามาชนเฝิงหนาน”

เธอเล่าเรื่องที่ไต้เจียโทรมาและสิ่งที่ตนเองวิเคราะห์ออกมา แล้วไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรต่อ

“เคยผ่านหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE มาได้แล้วแท้ๆ’” เหมือนเธอได้สัมผัสกับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเด็กอีกครั้ง หลังจากเกิดใหม่และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แม้บาดแผลในใจจะลึกแค่ไหน ก็ควรจะดีขึ้นพอสมควรแล้ว

“แต่ทำไมทุกครั้งที่ฉันนึกถึงคนๆ นี้ ถึงยังคงรู้สึกกลัวล่ะ”

เธอไม่ค่อยเข้าใจ และรู้สึกทุกข์ใจ

“ตอนนี้คนที่ควรกลัวคือเฝิงหนานไม่ใช่หรือ แต่ทำไมเป็นฉันที่นอนไม่หลับ”

ถ้าไม่ใช่เพราะรู้นิสัยของเจียงเซ่อ เผยอี้อาจจะขำเพราะคำพูดแบบนี้ของเธอ

เป็นอย่างที่เธอพูดจริงๆ การปรากฏตัวของเจียงจื้อหยวน ยังถือเป็นการเตือนเฝิงหนาน เฝิงหนานไม่รู้เรื่องนี้ จึงไม่กลัว เธอไม่รู้ผลกระทบหลังจากการลักพาตัวในตอนนั้น และไม่เคยถูกเจียงจื้อหยวนลักพาตัวจริงๆ เพราะฉะนั้นเธอจึงกล้าให้คนไปสืบเรื่องของเจียงจื้อหยวน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการเป็นฝ่ายเปิดศึกก่อน

เธอกำลังรนหาที่ตาย เพราะฐานะของตัวเธอ สถานการณ์ในตอนนี้ของเธออันตรายกว่าเจียงเซ่อ เสียอีก แต่คนๆ นี้ก็ยังคงไม่เจียมตัวและมาสร้างความเดือดร้อนให้กับเจียงเซ่อ