webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

540

บทที่ 540 เรื่องในอดีต

เฉิงเซ่าตามมาครึ่งเดือนและสืบจนทั่วเฉิงซีซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจียงเซ่อตามเบาะแสที่เฝิงหนานให้มา สืบมาตั้งนานแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

“แม่ของเธอเคยเกี่ยวพันกับผู้ชายที่ชื่อเจียงจื้อหยวนจริงๆ และผมก็ไปตามหาสืบที่มาของภาพถ่ายตามที่คุณบอกแล้ว!”

แต่ทว่า คนๆ นั้นกลับเหมือนมีคนมาเตือนเอาไว้ก่อนแล้ว จากคำพูดของเฉิงเซ่า เรื่องนี้เหมือนมีคนมาทำลายหลักฐานไปก่อนแล้ว ไม่สามารถสืบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้เลย

เรื่องที่เขาสืบมาได้ บางทีอาจจะน้อยกว่าที่เฝิงหนานบอกเขาเสียด้วยซ้ำ

เรื่องพวกนี้เฝิงหนานรู้อยู่แล้ว ทำไมยังต้องให้ตนเองไปสืบอีกเล่า เขาวิ่งวุ่นมาครึ่งเดือนแล้ว น้ำเสียงจึงไม่ดีนัก

“แต่ไม่มีใครยอมรับสักคน สุดท้ายต้องยอมเสียเงิน เขาจึงบอกว่า ภาพถ่ายภาพนั้นมีคนเอาไปแล้ว”

เฝิงหนานได้ยินคำนี้พลันดูเคร่งขรึมขึ้นมา

“ใครเอาไป”

ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวของเธอคือเจียงเซ่อเป็นคนเอาไป แต่ทว่า เวลานี้เมื่อชาติที่แล้ว เธอยังสามารถได้ข้อมูลของเจียงเซ่อมาอย่างง่ายดายอยู่เลย แล้วเหตุใดชาตินี้ กลับมีคนมาตัดหน้าไปเสียนี่

คิดถึงการเปลี่ยนแปลงของเจียงเซ่อหลังจากเกิดใหม่ คิดถึงตอนที่เจอเจียงเซ่อก่อนหน้านี้ ที่ตนเองข่มขู่เธอแต่กลับถูกเธอย้อนถามจนจนมุม เฝิงหนานพลันถอนหายใจอย่างเย็นเยียบ

“ไม่รู้ บอกว่ามีชายคนหนึ่งมาถามและยังเอาเงินปิดปาก หลังจากนั้นเจียงจื้อหยวนเองก็ไปที่นั่น”

เพราะเห็นแก่เงิน สุดท้ายคนๆ นั้นก็ยอมเปิดปาก และยังเน้นย้ำว่าอย่าบอกใคร เฉิงเซ่าลังเลครู่หนึ่ง

“เห็นแก่เงินสามแสนนั่น คุณเฝิง ผมขอเตือนคุณจากใจจริง ถ้าไม่ใช่ความแค้นอันยิ่งใหญ่อะไร คุณหยุดสืบเถอะ คนแซ่เจียงไม่ใช่คนที่ควรจะเข้าไปหาเรื่องด้วย”

เขาไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เลย แต่เคยเจอเจียงจื้อหยวนมาก่อน ผู้ชายคนนั้นที่เจอดูเป็นคนที่สันโดษ เย็นชา ไม่คบเพื่อนฝูง ทำงานตามเขตก่อสร้าง ไม่ไปมาหาสู่กับใคร แถมไร้ญาติมิตร

ตอนที่ตามสืบเรื่องของเจียงจื้อหยวนแรกๆ เขารู้ผ่านเพื่อนว่า หลังจากเขากลับจากฮ่องกงมาที่ตี้ตูเมื่อสองปีที่แล้ว เคยลักพาตัวครอบครัวของโจวฮุ่ย ‘ภรรยาเก่า’ แต่สุดท้ายเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ เรื่องจึงเงียบไป

คดีนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ท้ายที่สุดก็ถูกคนปิดเงียบไป

จากที่เพื่อนในสถานีตำรวจบอก ตอนที่โจวฮุ่ยและสามีมาแจ้งความ พวกเขาบอกว่าตอนแรกเจียงจื้อหยวนคิดจะมาฆ่าพวกตนยกบ้าน แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าวางมือด้วยเหตุใด

เมื่อเชื่อมโยงหลักฐานที่เฉิงเซ่าได้มา บวกกับภาพความทรงจำของเขาที่มีต่อเจียงจื้อหยวน เขาจึงรู้สึกว่าคนๆ นี้โหดเหี้ยมมาก

ทั้งสองเคยเจอกันแล้ว สายตาของเจียงจื้อหยวนนั้นเหมือนหมาป่าและเขาก็ไม่มีจุดอ่อน อย่างที่เฝิงหนานบอกว่าเขาเป็นคนที่เคยก่อคดี เดินอยู่บนเส้นทางชั้นต่ำสีเทาแบบนี้ ถ้าไม่ระวังตัวอาจจะเป็นเรื่องได้

“เพื่อนบางกลุ่มสมัยก่อนที่เขาเคยคบ ล้วนอยู่ในวงการมาได้อย่างสบาย”

เฉิงเซ่าอ้ำๆ อึ้งๆ พูดมากไปก็ไม่ดี

เฝิงหนานไม่ฟังคำเตือนของเขา ชายที่ก่อคดีลักพาตัวไม่สำเร็จและเคยติดคุก มีค่าเพียงพอให้เฉิงเซ่ามาเตือนซ้ำๆ ซากๆ ขนาดนี้เชียวหรือ

เธอพยายามคิดหลักฐานที่ได้มาเมื่อชาติที่แล้ว เธอจำได้ว่าเจียงจื้อหยวนหายตัวไปตั้งแต่เจียงเซ่อคลอดได้ไม่นาน แล้วไปก่อเหตุที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นคดีลักพาตัว...

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เฝิงหนานจึงรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ

“เดี๋ยวก่อน...”

เธอคิดถึงเรื่องบางเรื่อง เธอจำได้รางๆ ว่า เมื่อสองปีที่แล้ว อยู่ๆ เสี่ยวหลิวที่อยู่ในบ้านตระกูลเฝิงโทรหาเธอ ตอนนั้นเสี่ยวหลิวเคยเตือนเธออย่างเป็นนัย ว่าห้เธอระวังตัวเวลาออกจากบ้าน ถ้ารู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติก็ให้ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลเฝิง

ตอนที่เสี่ยวหลิวโทรไป จุดประสงค์หลักเพราะเฝิงจงเหลียงคือระงับทรัพย์สินส่วนตัวของเธอ ทำให้เฝิงหนานโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตอนที่เสี่ยวหลิวโทรไป เฝิงหนานรู้สึกว่าเขาเหมือนกำลังแช่งตนเอง จึงไม่ได้ใส่ใจ

จนกระทั่งหนังเรื่อง ‘Revenge’ ของเธอเข้าฉาย เธอเชิญเฝิงซือหย่งให้มาเป็นหน้าม้าโปรโมทให้ตนเอง ทั้งสองจึงพูดถึงเรื่องนี้ด้วยความบังเอิญ

เธอเอาแต่บอกว่าเสี่ยวหลิวประสาท แต่สิ่งที่เฝิงซือหย่งตอบกลับมาคือ

“ตอนนั้นเธอเคยถูกลักพาตัว หรือเธอลืมไปแล้ว”

ในโรงหนัง เฝิงซือหย่งถามเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย เฝิงหนานกลัวว่าถ้าพูดมากไปจะเป็นการเปิดเผยความลับของตนเองเพราะฉะนั้นพอเฝิงซือหย่งถาม เธอจึงเพียงแค่หัวเราะแล้วเปลี่ยนเรื่อง

หลังจากนั้น เธอก็ยุ่งอยู่กับการแย่งงานแบรนด์แอมบาสเดอร์ ถ่ายหนัง เธอเกลียดเจียงเซ่อ ทั้งยังต้องคอยระแวงว่าเฝิงจงเหลียงจะรู้ว่าตนเองเปลี่ยนไป เพราะมีเรื่องให้คิดมากเกินไป จึงเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ตอนนี้เฝิงหนานกลับรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

วิสาหกิจจงหนานของตระกูลเฝิงมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ฮ่องกง เกิดใหม่มานานขนาดนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนตอนที่เจอเผยอี้แต่ไม่รู้จัก เฝิงหนานจึงได้ท่องชีวประวัติของตนเองโดยคร่าวๆ รอบหนึ่ง ‘ตนเอง’ เกิดที่ฮ่องกง ถูกเฝิงจงเหลียงพามาอยู่ที่ตี้ตูตอนอายุเจ็ดแปดขวบและอยู่ยาวมาจนถึงตอนนี้

พูดถึงเรื่องลักพาตัวที่เจียงจื้อหยวนก่อเหตุที่ฮ่องกง เป้าหมายต้องเป็นคนมีฐานะแน่

‘ตนเอง’ ก็ถือว่าเกิดในตระกูลที่มีฐานะ อาจจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายของเจียงจื้อหยวนในตอนนั้น และตอนนั้น ‘เธอ’ ก็ยังเด็ก การจะเป็นเป้าหมายของพวกคนร้ายลักพาตัว เป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้สูง

“ลักพาตัว...”

เธอพึมพำ เฉิงเซ่าได้ยินเธอพูด จึงอดถามไม่ได้

“คุณพูดว่าอะไรนะ”

“นายช่วยสืบให้ฉันทีว่า คนที่เจียงจื้อหยวนลักพาตัวที่ฮ่องกงคือใคร แซ่อะไรและเข้าคุกเมื่อไหร่”

เธอจะโทรกลับไปถามที่ฮ่องกงอีกครั้ง จะล้วงความลับจากปากเฝิงซือหย่ง เธอสังหรณ์ใจว่าสองเรื่องนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกัน

ถ้าคนที่เจียงจื้อหยวนลักพาตัวคือ ‘ตนเอง’ ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เจียงเซ่อและพ่อติดค้าง ‘ตนเอง’ ก็ช่างมากมายเหลือเกิน!

เฉิงเซ่าวางสายและเตรียมจะกลับไปสืบเรื่องของเจียงจื้อหยวน

ในสถานที่ก่อสร้างแห่งหนึ่งในเฉิงซี เจียงจื้อหยวนฉวยโอกาสตอนว่างจากงาน มาหามุมนั่งยองๆ ลงไป หยิบบุหรี่ห่อหนึ่งออกจากกระเป๋า พลันดึงออกมาคาบไว้ในปากหนึ่งมวน

บุหรี่ก็เหมือนกฎหมาย ถ้าทำตามก็จะรักษาเอาไว้ได้ แต่ถ้าแหกกฎไปแล้ว ก็ยากที่จะหันหลังกลับ

มือข้างหนึ่งของเขากำไม้ขีดไฟเอาไว้ ยังไม่ได้จุดไฟ พลางหยิบภาพถ่ายภาพหนึ่งออกจากชุดทำงาน ในภาพเฉิงเซ่ากำลังคุยกับใครคนหนึ่ง เขาไม่รู้ตัวว่าโดนแอบถ่ายเลยแม้แต่น้อย ภาษากายที่แสดงออกมาดูผ่อนคลายมาก

เจียงจื้อหยวนจ้องอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยสายตาจดจ่อ เย็นเยียบ ราวกับอยากจำคนในรูปให้แม่น จนกระทั่งมีคนเดินมา เขาจึงยัดภาพถ่ายกลับไปในกระเป๋า

“พี่เจียง เอาไฟแช็กไหม”

คนที่เดินเข้ามาคือเด็กร่วมงานหนุ่มคนหนึ่ง สายตาที่มองเขาแฝงความสงสัยและพินิจ ทั้งยังแฝงความหวาดกลัว

มนุษย์มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด การแสดงของเจียงจื้อหยวนถึงจะแนบเนียนมากเพียงใด แต่ทว่า ความอันตรายแบบนั้นกลับไม่สามารถหลอกใครได้

เขาไม่ค่อยพูดและไม่ค่อยเข้าพวก ทำแต่งานของตนเอง ในไซต์งานทุกคนมักจะนัดกันออกไปดื่มเหล้า กินข้าว ไปผ่อนคลาย เขาล้วนไม่ร่วมด้วย ดูโดดเดี่ยว

“ไม่ต้องล่ะ”

เจียงจื้อหยวนส่ายหน้า พลันลุกขึ้นยืน แล้วยัดบุหรี่ที่คาบอยู่ในปากกลับไปไว้ในห่อบุหรี่ ก่อนจะหันหลังและเดินจากไป

เจียงเซ่อถึงฝรั่งเศส ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์

เซี่ยเชาฉวินรับงานไว้ให้เธอหลายงาน นอกจากคว้าโอกาสขึ้นปกนิตยสารชื่อดังของฝรั่งเศส ‘Metropolis’ ให้เธอแล้ว ยังมีสัมภาษณ์อีกหลายสำนัก เพื่อเตรียมโปรโมทหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ที่กำลังจะไปร่วมเทศกาลหนังฝรั่งเศส

จากนั้นต้องอยู่ที่ฝรั่งเศสต่อเพื่อเจรจาสัญญาแบรนด์แอมบาสเดอร์กับแบรนด์นาฬิกาข้อมือ Federer หลังจากกลับจากฝรั่งเศส เจียงเซ่อก็ยุ่งอยู่กับงานมาโดยตลอด

หลายปีมานี้ เธอก็เริ่มเป็นที่รู้จักในเมืองนอก นอกจากแบรนด์ Federer ประกาศว่าเธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในหัวเซี่ยอย่างเป็นทางการ จนเป็นที่ฮือฮาของวงการแฟชั่นทั่วโลกแล้ว สิ่งที่ช่วยให้ชื่อเสียงของเจียงเซ่อดังไกลไปถึงยุโรปและอเมริกามากที่สุดคือ การร่วมงานของเธอกับผู้กำกับอันดับต้นๆ อย่างเชี่ยซ่าเหลย

เธอได้เป็นส่วนหนึ่งในหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ ของเชี่ยซ่าเหลย ในเรื่องเดียวกันนี้พระเอกเป็นถึงระดับสมบัติชาติอิตาลีอย่างโดนัลด์ แม้กระทั่งตัวประกอบจำนวนหนึ่งในหนังก็ยังเป็นดาราฮอลลีวูดที่มีชื่อเสียง

เรื่องที่เชี่ยซ่าเหลยยืนยันว่าจะให้เจียงเซ่อเป็นหนึ่งในนักแสดงของเรื่องนี้ สร้างความฮือฮาไปทั่วทุกมุมโลก

รวมทั้งในเทศกาลหนังฝรั่งเศสเมื่อสองปีที่แล้ว หนังเรื่อง ‘Evil’ ของเจียงเซ่อได้รับถึงสองรางวัลใหญ่ และตัวเธอเองก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในสาขา ‘นักแสดงหญิงยอดเยี่ยม’ เพราะฉะนั้นผู้ชมมากมายในต่างประเทศล้วนคุ้นเคยกับเธอ

ปีนี้เจียงเซ่อได้ร่วมงานกับจางจิ้งอานในหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ คนมากมายในวงการรู้ข่าวแล้ว คณะกรรมการหลายคนในเทศกาลหนังฝรั่งล้วนชื่นชมหนังเรื่องนี้ ซึ่งปีนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่เธอจะได้รับรางวัล

ดังนั้น งานจำนวนมากในฝรั่งเศสของเจียงเซ่อก็ราบรื่นขึ้นมา สื่อที่มีชื่อเสียงหลายสำนักล้วนเข้ามาขอสัมภาษณ์เธอ ส่วนเซี่ยเชาฉวินก็กำลังจัดตารางงาน

หลังจากเสร็จจากงานตลอดทั้งวัน เจียงเซ่อก็กลับโรงแรม เธอเพิ่งจะล้างเครื่องสำอางออกและลงมาสก์หน้า โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

ผู้ช่วยที่รับมาใหม่ดูโทรศัพท์ของเธอแวบหนึ่ง เห็นว่าเป็นโทรศัพท์ส่วนตัวของเจียงเซ่อ ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน เจียงเซ่อกำลังมาสก์ตายังนอนนิ่งอยู่

“คุณเจียงคะ โทรศัพท์ของคุณมีคนชื่อ ‘ไต้เจีย’ โทรมาค่ะ”

เจียงเซ่อจำได้ว่าเกือบหนึ่งเดือนที่แล้ว เธอเจอไต้เจียตอนไปร่วมพิธีเปิดรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่อง ‘The Lost City’

จะว่าไปแล้วทั้งสองก็เป็นเพื่อนกัน แต่กลับไม่ค่อยได้คิดต่อกันเป็นการส่วนตัว

ผู้ช่วยรับโทรศัพท์และใส่หูฟังให้เธอ เธอทักทายด้วยรอยยิ้ม

“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง”

ไต้เจียที่อยู่ในสายเงียบไป ครู่ใหญ่จึงตอบกลับว่า

“ตอนนี้ฉันทำงานให้เฝิงหนาน”

เจียงเซ่อพยักหน้า ความจริงเรื่องนี้เธอรู้ตั้งนานแล้ว

โม่อานฉีมีแหล่งข่าวมากมาย รวมทั้งเมื่อก่อนไต้เจียกับเจียงเซ่อเคยมีปฏิสัมพันธ์กัน เหตุผลหลักที่ไต้เจียออกจากคุกมาได้ก็เพราะความช่วยเหลือจากเจียงเซ่อ หลังจากออกจากคุกกลับไปทำงานให้เฝิงหนาน โม่อานฉีเองก็เคยแอบบ่นเรื่องนี้

“ทำงานสนุกไหม”

เธอถามเพียงคำเดียว ไต้เจียก็ตอบกลับมาว่า

“ก็ดี ความลับของเฝิงหนานเยอะมาก มีความสามารถมากมายเหลือเชื่อ”

คำพูดของไต้เจียมีความหมายแอบแฝง เจียงเซ่อคิดทบทวนครู่หนึ่ง เธอจึงพูดต่อว่า

“หนังหลายเรื่องยังไม่ทันเข้าฉาย แต่เฝิงหนานราวกับมั่นใจแล้วว่ามันจะดัง ได้ข่าวว่าสิ่งที่น่าแปลกมากที่สุดคือ เมื่อตอนหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ของเธอ ยังไม่ทันได้วางตัวละคร กระทั่งรายได้จะได้เท่าไหร่เธอก็สามารถคาดการณ์ได้แล้ว”

คำพูดของเธอทำให้เจียงเซ่ออึ้ง แต่ไต้เจียกลับเปลี่ยนเรื่อง

“เฝิงหนานเหมือนจะจงเกลียดจงชังเธอมาก ช่วงนี้กำลังให้คนตามสืบเรื่องของเธอ ตั้งแต่พิธีเปิดรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ที่เธอโดนชายคนหนึ่งชน ก็เกิดสงสัยว่าชายคนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ” ไต้เจียพูดถึงตรงนี้ ทำให้เจียงเซ่อรู้สึกแปลกใจมาก และคิดถึงภาพที่เฝิงหนานถูกชนในวันนั้น แต่เธอยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก ไต้เจียก็พูดต่อว่า

“เฝิงหนานโอนเงินสามแสนให้คนที่ชื่อเฉิงเซ่า ช่วงนี้คนๆ นี้กำลังตามสืบเรื่องของผู้ชายแซ่เจียงคนหนึ่ง ที่เหลือเธอลองให้คนไปสืบดูนะ”

เจียงเซ่อไม่คิดว่าจะรู้ข่าวแบบนี้จากปากไต้เจีย เธอพลันขมวดคิ้ว

“เธอเองก็ระวังตัวด้วยนะ”

ไต้เจียได้ยินคำเตือนจากเธอแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง ท้ายที่ก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง

“ฉันรู้ดี”

เฝิงหนานเป็นคนเจ้าเล่ห์ และในตอนนี้เฝิงหนานกำลังจ้องเธออย่างไม่คลาดสายตา ไต้เจียรีบวางสาย เพราะคำพูดนี้ของเธอกลับทำให้เจียงเซ่อตกอยู่ในห้วงความคิด