webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

538

บทที่ 538 ระวัง

น้ำฝนหยดลงบนใบหน้าของเจียงจื้อหยวน เสื้อกันหนาวที่เขาใส่อยู่เปียกไปด้วยน้ำฝน เส้นผมก็เปียกจนแบ่งออกจากกันเป็นเส้นๆ ท่ามกลางความมืดมนเขาจ้องเจียงเซ่อตาไม่กะพริบ พลางกลั้นหายใจตั้งแต่เธอปรากฏตัว ไม่กล้าหายใจเสียงดัง

แม้ว่าเขาจะรู้ว่า ถ้าหากเขาไอดังๆ หรือหายใจเสียงดัง เธอก็อาจจะไม่สังเกตเห็นตนเองที่หลบอยู่ในมุมก็ตาม

รอบ ๆ โรงหนังเป็นย่านที่คึกคักมาก เต็มไปด้วยฝูงชนที่กางร่มและกำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุข หน้าประตูโรงหนังผู้คนเดินไปเดินมาอย่างไม่ขาดสาย อาจจะไม่มีใครสังเกตเห็นตนเองที่อยู่ตรงมุมด้วยซ้ำ แต่เขากลับกลัวว่าจะทำให้เจียงเซ่อตกใจ กลัวว่าสายตาที่เธอหันกลับมามองเขาจะเหมือนมองคนแปลกหน้าและตื่นตระหนก

เงามืดของป้ายไฟโฆษณาแบ่งความมืดและความสว่างออกจากกันอย่างชัดเจน ทำให้ไม่กล้าก้าวเดินออกไปง่ายๆ

เธอถูกกำหนดให้อยู่ท่ามกลางแสงไฟ แต่เขากลับสมควรอยู่ในที่มืด

ตั้งแต่รู้ว่าเชี่ยซ่าเหลยพูดเข้าข้างเธอ เคยร่วมงานกับเธอ ทั้งยังรู้ว่าคืนนี้หนังเรื่อง ‘The Lost City’ของเชี่ยซ่าเหลยมีพิธีเปิดรอบปฐมทัศน์ เพียงเพราะการคาดเดาของชาวเน็ตที่ว่า : ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเจียงเซ่อกับเชี่ยซ่าเหลย งานแบบนี้เธออาจจะมาร่วม เจียงจื้อหยวนจึงมายืนอยู่ที่นี่เพื่อรอโอกาสอันน้อยนิดที่อาจจะได้เจอเธออยู่นานแล้ว

เขารู้ฐานะของตนเองและรู้ว่าคนของตระกูลเฝิงกำลังจับจ้องเขาอยู่ เพราะฉะนั้น เขาไม่มีทางก่อเรื่องอะไรง่ายๆ แน่ และไม่ไปเจอเจียงเซ่อ ทำให้เธอต้องมาพัวพันกับตนเอง จนเธอต้องเสียชื่อเสียง

แต่ทว่า เรื่องนี้ไม่สามารถห้ามความคิดถึงที่เขามีต่อลูกสาวได้ เขาเพียงแค่ต้องการมองอยู่ไกลๆ สักนิดก็เพียงพอแล้ว

ตอนที่เจียงเซ่อเดินออกมาจากโรงหนัง แม้ว่าเธอจะห่อหุ้มตนเองด้วยเสื้อขนเป็ด แต่เจียงจื้อหยวนกลับจำเธอได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น เธอดูผอมกว่าในทีวี เหมือนเขาตอนสมัยเป็นวัยรุ่นมาก

เธอได้รูปร่างอันผอมสูงจากเขา ทั้งว่านอนสอนง่ายและสงบเสงี่ยม

เขายังจำเธอที่ร้อง ‘อุแว้อุแว้’ ในอ้อมแขนของเขาตอนเพิ่งคลอดได้ คิดไม่ถึงนั่นจะเป็นความทรงจำที่เขาได้ใกล้ชิดลูกสาวของตนเองมากที่สุดในชีวิต

ตอนนี้เขาอิจฉาโจวฮุ่ยมาก เธอสามารถถูกเจียงเซ่อเรียกเธอว่า ‘แม่’ ได้อย่างเปิดเผย มีเบอร์โทรของเธอและได้ยินเสียงเธอได้ตลอดเวลาที่ต้องการ

เจียงเซ่อที่ยืนอยู่ในบริเวณที่ไกลออกไปเหมือนกำลังคุยกับใคร เจียงจื้อหยวนจ้องเธอตาไม่กะพริบ มือล้วงอยู่ในกระเป๋า ในนั้นมีบุหรี่ที่แกะตั้งแต่หลายวันก่อนและตอนนี้ก็เปียกฝนไปเรียบร้อยแล้ว

ความจริงเขาไม่ได้สูบบุหรี่มาหลายวันแล้ว ความชอบนี้อยู่กับเขามาเกือบทั้งชีวิต เขาติดนิสัยแย่ๆ แบบนี้มาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กที่ยังไม่รู้ความแล้ว ตอนอยู่ในคุกทำอย่างไรก็เลิกไม่ได้ คิดหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมา

แม้จะเป็นบุหรี่ที่ถูกที่สุด แต่เขาก็เลิกไม่ได้

หลังจากออกจากคุก เจียงจื้อหยวนตัดสินใจว่าจะเลิกบุหรี่

เขาไม่มีการศึกษา งานที่หาได้ก็เป็นงานใช้แรงงาน รายได้ไม่มาก สำหรับเขาการที่จะเป็น ‘แฟนคลับ’ แม้เขาจะประหยัดมากเท่าไหร่ แต่การสูบบุหรี่ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่น้อยเลย

เขายื่นมือเข้าไปล้วงในกระเป๋า จับซองบุหรี่ที่ชื้นๆ เอาไว้ หลายครั้งที่ทำท่าเหมือนจะเอาออกมา แต่สุดท้ายก็ถูกเขาเก็บไว้ที่เดิม

พอเฝิงหนานพูดประโยคนี้จบก็ทำท่าทางราวกับเป็นผู้ชนะ เชิดหน้าด้วยความได้ใจ

เจียงเซ่อยิ้ม พลันหันไปพูดกับเซี่ยเชาฉวิน

“พี่เชาฉวิน ฉันขอคุยกับเธอสักครู่นะคะ”

เซี่ยเชาฉวินพยักหน้าโดยไม่มองเฝิงหนานแม้แต่เสี้ยวสายตาเดียว ราวกับตรงหน้าไม่มีคนยืนอยู่

ถูกเธอมองข้ามแบบนี้ ทำให้เฝิงหนานไม่พอใจ จึงพูดอย่างเหลืออด

“เธอไม่กลัวฉันทำอะไรเจียงเซ่อหรือเธอคิดว่าฉันไม่กล้าทำ เซี่ยเชาฉวิน”

เจียงเซ่ออดยกมุมปากไม่ได้ ศิลปะการต่อสู้ที่เธออุตส่าห์เรียนมาครึ่งปีกว่าเพื่อหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ แม้สุดท้ายจะเปลี่ยนไปแสดงเป็น ‘บริตนีย์’ และลดน้ำหนักตามความต้องการของเชี่ยซ่าเหลย แต่ก็ไม่ได้หยุดเรียนศิลปะการต่อสู้

แทนที่จะเป็นห่วงว่าเฝิงหนานจะทำอะไรเธอ บางทีสิ่งที่เซี่ยเชาฉวินคงกังวลมากกว่าว่าเธอจะทำร้ายเฝิงหนานจนเป็นข่าว

เซี่ยเชาฉวินไม่อยากสนใจเฝิงหนาน ทั้งสองเดินออกไปหลายก้าว เลือกไปยืนอยู่ในมุมๆ หนึ่ง ในขณะที่เฝิงหนานกำลังจะพูด อยู่ๆ เจียงเซ่อก็แทรกขึ้นมาว่า

“เธอเป็นใครกันแน่”

คำถามนี้ตอนแรกเฝิงหนานเป็นคนถามก่อน และใช้คำถามนี้ข่มขู่เจียงเซ่อ ไม่คิดว่าตอนนี้เจียงเซ่อจะโยนคำถามนี้กลับมา

เธอเหมือนถูกตบจนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าเคร่งขรึม มือที่คีบบุหรี่อยู่ก็เริ่มสั่น ก้นบุหรี่ที่ตกลงไปตกบนแขนที่กอดอยู่ตรงหน้าอกของเธอ ทิ้งเถ้าไว้เล็กน้อยและตกลงในแอ่งน้ำค้างบนถนนที่เป็นหลุมในที่สุด และดับ ‘ฟึบ’ ไปพร้อมกับน้ำ ควันที่ลอยขึ้นถูกฝนที่ตกลงมาดับอย่างรวดเร็ว

เฝิงหนานรับรู้ถึงความเจ็บแสบตรงบริเวณแขน จึงได้สติพลันสะบัดแขนทีหนึ่ง เธอจึงอดต่อว่าไม่ได้

“เธอพูดมั่วซั่วอะไรของเธอ”

“ตอนแรกแนะนำให้เข้าจวี้เฟิงบันเทิง แสดงว่าเธอรู้จักจวี้เฟิงบันเทิงเป็นอย่างดี และคิดจะทำลายอนาคตของฉัน ตอนนั้นร่วมมือกับจูพ่านเพื่อทำร้ายชื่อเสียงของฉัน แสดงว่าระหว่างเธอกับฉันเรามีความแค้นต่อกัน เท่าที่คนในตระกูลเฝิงบอก หลายปีก่อนหน้านี้ นิสัยของเธอเปลี่ยนไปมาก จนกลายเป็นคนละคน”

เจียงเซ่อมองมือที่ยังคงคีบบุหรี่เอาไว้ของเฝิงหนาน “ไม่ได้มีอะไรกระทบหรือทำร้ายจิตใจ แต่กลับไปสูบบุหรี่และดื่มเหล้า ความสัมพันธ์กับจ้าวจวินฮั่นก็กลายเป็นเรื่องจริงไป เข้าวงการมาเอง ทั้งเรื่องราวต่างๆ และคนรอบข้างที่เคยสนิทสนมด้วยล้วนกลายเป็นคนแปลกหน้า”

เฝิงหนานหรี่ตาลงทันที แม้ว่าใบหน้าจะทาแป้งหนา แต่ก็ยากที่จะเก็บสีหน้าที่ดูย่ำแย่ของเธอให้มิดได้

เจียงเซ่อยืนใกล้เธอมาก สามารถรับรู้ได้ว่าร่างกายของเธอสั่น และยังเห็นความหวาดระแวงที่เผยออกมาจากสายตาของเธอ

สิ่งที่เธอคิดว่าเป็นความลับที่สุดในโลก เป็นที่พึ่งที่มั่นคงที่สุด ตอนนี้กลับถูกเจียงเซ่อเปิดโปง ทำให้เธออยากจะยกมือขึ้นปิดหู หลับตาและหลบเข้าไปหลบอยู่ในมุมที่ปลอดภัยตามสัญชาตญาณ

ใบหน้าที่อยู่ตรงหน้า กลายเป็นภาพผู้หญิงพูดจาข่มขู่อย่างคนเสียสติในความทรงจำของเธอ หลังจากเหลือบมองไปก็จะเห็นสองตาที่เบิกโตอย่างเหลือเชื่อราวกับดวงตาของปีศาจ น่ากลัวเหลือเกิน

เฝิงหนานอยากยื่นมือออกไปผลักเธอออก แต่ร่างกายกลับไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ หล่อนคิดไปเองว่าตนเองใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีแล้ว แต่กลับขยับได้เพียงนิ้วมือ

อาจจะเป็นเพราะตื่นตระหนกมากเกินไป หล่อนเคยคิดว่า ‘ตนเอง’ หายไปจากโลกใบนี้แล้ว จะไม่มีใครรู้ความลับของตนเอง แต่คืนนี้กลับมีคนมาเปิดเผยมัน

“คนในตระกูลเฝิงล้วนบอกว่า เธอดูแปลกไปมาก หลายเรื่องของเฝิงหนานเธอไม่รู้ เหมือนไม่ใช่คนเดิม เรื่องในอดีตเธอก็จำไม่ค่อยได้ แท้จริงแล้วเธอเป็นใครกันแน่”

วินาทีนี้ เลือดในร่างกายของเฝิงหนานสูบฉีดอย่างรวดเร็ว ทำให้มือและเท้าของหล่อนเย็นเยียบ หล่อนได้ยินเสียงเส้นเลือดบนหัวที่เต้นอย่างรุนแรงและทำให้หล่อนเวียนหัวทุกครั้งที่มันเต้น

หล่อนเห็นใบหน้าของเจียงเซ่อ แล้วเห็นภาพที่เธอยื่นมือออกมาผลักตนเองซ้อนเข้ามา อยู่ๆ หล่อนก็กรีดร้อง ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมากอดตนเอง วินาทีต่อมาก็มีความคิดที่อยากจะยื่นมือออกไปจับเจียงเซ่อ

สายตาของเจียงจื้อหยวนหยุดอยู่ที่เจียงเซ่อมาโดยตลอด เขาเพียงแค่อยากเห็นเธอใกล้ๆ สักแวบหนึ่ง ไม่ได้คิดจะเข้าไปใกล้เธอมากกว่านี้

แต่ทว่า หลังจากที่เธอเดินตามเฝิงหนานออกไป เจียงจื้อหยวนก็สังเกตเห็นเฝิงหนานที่อยู่อีกข้างทันที

เขาไม่เคยติดตามข่าวในวงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับเจียงเซ่อ แต่เขากลับจำเฝิงหนานได้ นั่นหมายความว่า จำฐานะของเธอได้อีกด้วย

จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้ก็ช่างบังเอิญเสียจริง เจียงเซ่อและเฝิงหนานเคยร่วมงานกันในเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’

นักข่าวเลยอวดอ้างฐานะของเธอ สำหรับผู้ชม ชาวเน็ตและแฟนคลับของเฝิงหนานแล้ว เธอเป็นคุณหนูแห่งวิสาหกิจจงหนาน เป็นคู่หมั้นของจ้าวจวินฮั่นทายาทเจียงหัวกรุ๊ป

แต่ทว่า สำหรับเจียงจื้อหยวนแล้ว เธอกลับเป็นเพียงมดตัวเล็กที่เคยอยู่ในกำมือของเขา เป็นปลาตัวหนึ่งที่เกือบตายคามือของเขา แต่แค่หนีไปได้ก่อน

ตอนที่เธอไปยืนอยู่กับเจียงเซ่อ เจียงจื้อหยวนก็เริ่มระวังตัวแล้ว

เพราะความแค้นระหว่างตนเองและตระกูลเฝิงในอดีต หลังจากออกจากคุก ตระกูลเฝิงจ้างคนมาจับตาดูทุกความเคลื่อนไหวของตนเอง เรื่องนี้ เจียงจื้อหยวนล้วนรู้ดีแก่ใจ

เขาสงบเสงี่ยมมาโดยตลอด หลังจากออกจากคุกก็เลิกไปมาหาสู่เพื่อนเก่าๆ ปฏิเสธหลายคำเชิญชวนที่ชวนให้เข้าแก๊งค์ ตอนนี้ก็อยู่ตัวคนเดียว ไม่ติดต่อกับเพื่อนที่เคยอยู่ในวงการเดียวกัน ตอนเจอเฝิงจงเหลียงก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้น เพื่อสงบศึก

ทั้งหมดที่เขาทำเพื่อแลกกับอะไร คนตระกูลเฝิงรู้ดีแก่ใจ

แต่ทว่า เฝิงหนานมาเจอเจียงเซ่อ หล่อนคิดจะทำอะไรกัน

ในขณะที่เขาพยายามทำทุกอย่างให้อยู่ในสายตาของตระกูลเฝิง ปล่อยให้พวกนั้นจับจ้องความเคลื่อนไหวโดยไม่ตอบโต้ แต่หญิงสาวตระกูลเฝิงที่รอดชีวิตตอนนั้นกลับกำลังกลั่นแกล้งลูกสาวของเขา

เขาพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ พลันล้วงบุหรี่ออกจากกระเป๋า ดึงออกมามวนหนึ่งแล้วคาบเอาไว้ ผมที่ปล่อยยาวลงมาบดบังใบหน้าของเขาเอาไว้ หยดน้ำไหลลงมาจากหางตาของเขา กลิ่นอายของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมขึ้นมา สายตามีความเย็นยะเยือกเหมือนฤดูหนาวเดือนกุมภาพันธ์แทรกเข้ามา มันดูเย็นเยียบ

ไอเย็นรอบตัวเจียงจื้อหยวนเหมือนแช่แข็งทุกอย่างอย่างนั้น เขากัดบุหรี่เอาไว้ พลันถอนหายใจทีหนึ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มและก้มสายตาลง พึมพำเสียงเบาอย่างอ่อนโยน

“อย่าทำให้ฉันต้องโมโห”

เจียงเซ่อเห็นเฝิงหนานที่ราวกับเสียสติ ตอนแรกกรีดร้อง จากนั้นก็กอดตนเอง แล้วยื่นมือมาผลักเธอ

ตอนที่เฝิงหนานยื่นแขนเข้ามา เธอก็ลังเลอยู่สองวินาที ว่าจะเอามือไปผลักหล่อนให้ล้มลงไปดีหรือไม่

ที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนที่เดินผ่านไปมา เธอสวมเสื้อกันหนาวขนเป็ดตัวหนาและแสงไฟก็มืด เป้าหมายของผู้คนที่เข้าออกโรงหนังคือพิธีเปิดรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ในค่ำคืนนี้

คนที่มาที่โรงหนัง ล้วนพุ่งเข้าหาหนังหรือนักแสดงที่มาร่วมพิธีเปิดรอบปฐมทัศน์ ไม่มีใครสังเกตเห็นเธอกับเฝิงหนาน

แต่ทว่า ถ้าเธอกับเฝิงหนานทะเลาะกันไม่แน่ว่าอาจจะมีคนเห็นฉากนี้

สายตาก่อนหน้านี้ของเซี่ยเชาฉวินเธอยังจำได้ ถ้ามีเรื่องกับเฝิงหนานจริงๆ แล้วมีคนถ่ายรูปเอาไว้ก็จะกลายเป็นข่าว

เธอยังคงลำบากใจ วินาทีต่อมาเจียงเซ่อก็ไม่จำเป็นต้องสนเรื่องนี้อีกเลยแม้แต่น้อย

เพราะเธอสัมผัสได้ว่ามีคนแปลกหน้ากำลังเดินมาทางนี้ คนๆ นี้ก้าวเท้ายาวมาก แต่การก้าวเดินมีจังหวะ ตอนที่เท้ากระทบลงพื้นก็ส่งเสียงดังทึบๆ ออกมา เจียงเซ่อถึงขั้นได้ยินเสียงน้ำอันแผ่วเบาที่กระเด็นขึ้นพร้อมรองเท้า

เธอยังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้น คนๆ นั้นก็เดินมาทางนี้แล้ว เธอรู้สึกถึงความผิดปกติตามสัญชาตญาณ จึงเบี่ยงตัวหนี เฝิงหนานที่พุ่งเข้าหาเธอแม้อยากจะหนีแต่ก็หนีไม่ทัน จึงชนกันทันที

เกิดเสียง ‘ตุบ’ ทีหนึ่ง เฝิงหนานรู้สึกเหมือนว่าตนเองชนเข้ากับกำแพงอันแข็งแรง จนหงายหลัง

มือข้างหนึ่งยื่นออกไป จับแขนของเธอไว้เบาๆ “ระวังหน่อย”

เสี่ยงโทนต่ำของชายที่เตือน คำพูดนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนที่เฝิงหนานได้ยิน กลับรู้สึกขนลุกอย่างไม่มีสาเหตุ ไม่เพียงแค่ไม่เหมือนการเตือนเพราะความห่วงใย แต่กลับแฝงน้ำเสียงของการตักเตือน

เธอเงยหน้าขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือสายตาของเจียงจื้อหยวน ดวงตาคู่นั้นมืดมน สงบ เหมือนทะเลที่กว้างสุดสายตาในยามค่ำคืน แฝงความอันตรายที่ยากจะแตะต้อง

ใบหน้านั่นดูคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เธอยังคงขมวดคิ้วคิดเรื่องนี้

หลังจากเจียงจื้อหยวนดึงเธอกลับมายืนตรง ก็ปล่อยมืออย่างรวดเร็วแล้วเอามือล้วงกระเป๋าเหมือนเดิม

เมื่อเขาสัมผัสได้ว่าเจียงเซ่อมองเขาอยู่ เขาจึงก้มหน้าลงและเดินหน้าอย่างรวดเร็ว เงาร่างอันสูงโปร่งหายไปบริเวณทางเลี้ยวประตูโรงหนัง

เจียงเซ่อเห็นด้านข้างของใบหน้าของเขาตอนจับแขนเฝิงหนาน เพียงแต่ว่าเขาก้มหน้าและอยู่ท่ามกลางความมืด จึงเห็นไม่ชัด รู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ขนบนแขนล้วนลุกขึ้นมา ราวกับเป็นสัญชาตญาณเมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย

เธอยื่นมือออกไปลูบแขน พลันรู้สึกว่าปฏิกิริยาของตนเองรุนแรงเกินไปหรือเปล่า

คนๆ นั้นเหมือนคนที่เดินผ่านมาโดยบังเอิญ และโชคดีที่มีเขาเข้ามาขัดจังหวะ จึงทำให้ตนเองไม่ถูกเฝิงหนานทำร้าย

หางตาของเธอเห็นว่าเซี่ยเชาฉวินหันมามองเธอ โม่อานฉีขับรถออกมาจากที่จอดรถ เจียงเซ่อขมวดคิ้ว และไม่สนใจเฝิงหนานที่ตอนนี้ดูไม่ค่อยปกติ พลันวิ่งเหยาะๆ เข้าไปหาเซี่ยเชาฉวิน

“เป็นใครกันแน่นะ”

เธอยังคงคิดถึงคนเมื่อครู่นี้ ความจำของเจียงเซ่อดีมาก คนที่เจอเห็นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจำได้บ้าง

เหมือนครั้งแรกที่เธอเห็นเถาเถาที่ทำงานอยู่ในสำนักข่าวหลงสิง เคยถูกเธอสัมภาษณ์หนึ่งครั้ง หลายปีผ่านไป เมื่อกลับมาพบกันอีกครั้งก็ยังคงจำชื่อเธอได้

ถ้าเธอเคยเห็นผู้ชายคนนั้น เธอจะต้องจำได้ว่าเคยเจอกันที่ไหน

เธอคิดแล้วคิดอีก หวนคิดถึงทุกคนที่เธอเคยเจอหลังจากเกิดใหม่รอบหนึ่ง แต่ก็คิดไม่ออกจริงๆ

เซี่ยเชาฉวินเห็นใบหน้าอมทุกข์ของเธอแล้วคิดถึงเฝิงหนานที่เอะอะโวยวาย จึงอดถามไม่ได้

“เฝิงหนานพูดอะไรหรือ”

“ไม่มีอะไรค่ะ” เจียงเซ่อส่ายหน้า เพียงเฝิงหนานคนเดียวยากที่จะทำให้เธอเป็นกังวลได้ เฝิงหนานในตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะคิดร้ายกับเธอจริง แต่ก็คงได้แค่คิด ไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำอะไรเธอได้

ในสถานการณ์ที่ตนเองคอยระแวงเธอและเฝิงจงเหลียงจำตนเองได้แล้ว แม้ในใจของเฝิงหนานจะมีความกล้าหาญมากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

เธอยังคงนึกถึงชายคนที่เธอเพิ่งจะเห็นรางๆ เพียงเสี้ยวสายตาเดียวก็หันหลังจากไปคนนั้น และรู้สึกถึงความผิดปกติตามสัญชาตญาณ

“พี่เชาฉวิน ครั้งที่แล้วพี่พูดถึงเรื่องที่จะจ้างบอดี้การ์ด...” เจียงเซ่อหยุดคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พูดถึงเรื่องจ้างบอดี้การ์ดกับเซี่ยเชาฉวิน เธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นอันตรายมาก

สำหรับความปลอดภัยของตนเอง เธอระวังเป็นอย่างดีมาโดยตลอด

ฝันร้ายที่ถูกลักพาตัวตอนเด็ก ทำให้เธอยิ่งไวต่อเรื่องเหล่านี้ ทันทีที่สัมผัสได้ว่ามีอะไรผิดปกติ สิ่งแรกที่คิดถึงคือปกป้องตนเองให้ดี เพื่อจะได้ไม่เสียใจในภายหลัง

เซี่ยเชาฉวินพยักหน้าและไม่ได้ถามเหตุผลจากเธอ ขณะเดียวกันเจียงเซ่อยังคงคิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ในรถจึงเงียบลงทันที

ตอนนี้เฝิงหนานรู้สึกไม่ต่างจากเจียงเซ่อ เธอรู้สึกแปลกมากกว่าเจียงเซ่อเสียอีก

คำพูดของผู้ชายคนนั้นและสายตาที่เขามองเธอทำให้เธอขนลุกไปทั้งตัว

คนที่เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็มักจะรับรู้ได้ถึงอันตรายได้ไวเป็นพิเศษ คำพูดของชายคนนั้นดังขึ้นในหัวของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า “ระวังหน่อย”

น้ำเสียงเรียบนิ่งผิดปกติ ไม่มีโทน ยิ่งคิด เฝิงหนานก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังถูกข่มขู่