บทที่ 537-1 เปิดโปง
แค่ดูจากตรงนี้ก็พอที่จะรู้แล้ว ว่าหนทางที่เถาเฉินอยากจะก้าวขึ้นไปอีกนั้นมันยากลำบากแค่ไหน
หนังแนวผจญภัยอันตรายอย่างเรื่อง ‘The Lost City’ นั้นโดดเด่นในเรื่องการต่อสู้มาก เนื้อเรื่องก็กระหน่ำซัดเข้ามาอยู่ตลอดเวลา บวกกับปมความลับที่ค่อยๆ ถูกเปิดออกขึ้นเรื่อยๆ มันก็ยิ่งดึงความสนใจของผู้ชมคนดูได้ดี
เรื่องการเอาใจคนดูนั้น เชี่ยซ่าเหลยเองก็รู้จักลู่ทางเหล่านั้นเป็นอย่างดี มุขขำๆ มักจะมาในตอนที่เหมาะสมอยู่เสมอ และมันก็ช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ที่มันกำลังตรึงเครียดได้เป็นอย่างดี หนังเรื่องนี่สามารถทำให้คนดูรู้สึกได้ว่าอยากจะดูอีกสักครั้ง เหมือนดูเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ
อย่างน้อยก็ในตอนที่หนังจบลง ทั่วทั้งห้องฉายหนังก็กึกก้องไปด้วยเสียงปรบมือชื่นชม
สิ่งที่สื่อในงานนั้นรู้สึกได้ นั่นก็คือหนังเรื่อง ‘The Lost City’ นั้นได้รับผลลัพธ์ที่ดีไม่น้อยเลย หลังจากที่หนังจบลง ทางทีมงานก็ได้เตรียมขั้นตอนสู่ช่วงให้สัมภาษณ์ต่อทันที
ที่จริงแล้วในช่วงช่วงนี้ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเจียงเซ่อเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะว่าเธอและเชี่ยซ่าเหลยนั้นรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ทำให้เจียงเซ่อยังคงนั่งอยู่ด้วยอีกฝั่งหนึ่งและให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้ดูหนังไป
งานฉายหนังรอบแรกได้ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว เหล่าสื่อในงานเริ่มพากันเตรียมถ่ายรูป นอกจากกลุ่มคนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหนังเรื่องนี้ จนไปถึงเชี่ยซ่าเหลย เถาเฉิน และเจียงเซ่อที่ได้ถ่ายรูปเดี่ยวแล้ว ก็มีใครบางคนเสนอขึ้นมา
“คุณเถาครับ ถ่ายรูปกับคุณเจียงสักรูปได้ไหมครับ?”
พอนักข่าวคนนั้นเสนอออกมา สายตาของหลายๆ คนในงานก็หันมาให้ความสนใจเจียงเซ่อและเถาเฉินในทันที เถาเฉินชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็รีบหันไปมองที่เจียงเซ่ออย่างรวดเร็ว ทั้งสองต่างก็ยิ้มให้กัน
ตอนที่เถาเฉินเดินเข้าไป หล่อนก็ยื่นมือไปโอบเจียงเซ่อเอาไว้ทันที
“สวยมากเลยครับ” เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นรัวๆ นักข่าวของหัวเซี่ยจือซวิ่นเห็นแล้วว่าทั้งสองคนงดงามแค่ไหน จึงอดไม่ได้ที่จะชมขึ้นมา
“นี่คงเป็นรูปที่เหล่าแฟนของคุณจะจะต้องกรี๊ดกันมากแน่ๆ เลยนะครับ”
ในกล้องเถาเฉินยกยิ้มมุมปาก ความมั่นใจนั้นเด่นชัดอยู่บนใบหน้า เจียงเซ่อเองก็ยิ้ม ดวงตากลมโตใสสะอาด ถ้าหากพูดได้ บุคลิกนั้นต่างคนต่างก็มีดีเป็นของตัวเอง และพูดได้ว่าสวยมากจริงๆ
“ทั้งสองคนต่างก็เป็นนักแสดงสาวชาวหัวเซี่ยของเชี่ยซ่าเหลยกันทั้งคู่ น่าจะมีความเห็นต่อเชี่ยซ่าเหลยในมุมมองที่ต่างกันไปแน่นอน หวังว่าสักวันหนึ่งจะได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ ได้พูดคุยกับทั้งสองคนนะครับ”
เถาเฉินที่เห็นว่าถ่ายกันพอแล้ว ก็อาศัยจังหวะยกมือเสยผม และปล่อยมือที่กำลังโอบเจียงเซ่อออก หล่อนลูบผมเล็กน้อย พอได้ยินนักข่าวพูดแบบนั้น หล่อนก็ยิ้มขึ้นมา “ได้แน่นอนค่ะ”
สิ้นเสียงของหล่อน เหล่านักข่าวก็พากันยิ้มดีใจเสียยกใหญ่ โม่อานฉีที่ยืนอยู่ไกลๆ นั่นก็เริ่มขมวดคิ้ว จึงหันไปมองเซี่ยเชาฉวิน และกระซิบกับหล่อนว่า
“ยังไม่ทันได้ถามเจียงเซ่อเลยด้วยซ้ำ เถาเฉินตัดสินใจเองแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
เซี่ยเชาฉวินไม่ได้พูดอะไร นักข่าวจึงถามต่อ
“ในหนังเรื่อง ‘The Lost City’ คุณเถาสวยมากเลยนะครับ ชุดกี่เพ้าที่สวมก็ออกมางดงามสมกับเป็นหญิงสาวชาวหัวเซี่ย ดูมีเอกลักษณ์สุดๆ ไปเลย”
พอนักข่าวชายคนหนึ่งพูดขึ้นแบบนั้น ก็ยกนิ้วโป้งให้ จากนั้นก็พูดต่อ
“แต่ว่าการที่ใส่ชุดกี่เพ้าแบบนี้ มันทำให้ผมอดที่จะคิดถึงคุณเจียงในหนังเรื่องหนึ่ง สำหรับคุณแล้ว ระหว่างคุณทั้งสอง ใครกันที่สวมชุดกี่เพ้าได้สวยกว่าล่ะครับเนี่ย?”
เถาเฉินยิ้มแล้วหันไปมองเจียงเซ่อ “คุณเจียงว่ายังไงละคะ?”
ท่ามกลางสายตาของผู้คน คำถามแบบนี้มันไม่ได้น่าตอบเลยสักนิด ถ้าตอบไม่ดีละก็จะต้องกลายเป็นข่าวแน่ๆ ไมค์หลายตัวกำลังจ่อมาที่เจียงเซ่อ เธอจึงยิ้มขึ้น
“คุณทำให้ฉันรู้สึกสับสนนะคะเนี่ย กี่เพ้าที่ฉันและคุณเถาใส่มันไม่ใช่แบบเดียวกันเสียหน่อย จะมาเทียบกันได้อย่างไรละคะ?”
นักข่าวรู้สึกเซ็งอย่างมากที่ถูกปัดคำถาม พอได้ยินเธอพูดแบบนั้น ก็ถามต่อ
“งั้นในมุมมองของคุณเจียง ระหว่างคุณสองคน ใครกันที่สวมชุดกี่เพ้าออกมาได้ดูดีกว่ากัน?”
“คำถามนี้ก็เหมือนกับการเปรียบเทียบหนังนั่นแหละค่ะ นักแสดงแสดงหนัง จะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ชมคนดู ระหว่างฉันและคุณเถาใครกันที่สวมชุดกี่เพ้าออกมาได้ดูดีกว่า ก็คงต้องรอให้พวกคุณเป็นคนตอบถึงจะรู้ค่ะ”
เจียงเซ่อยังคงปัดคำถามออกเหมือนเดิม นักข่าวคนนั้นเริ่มไม่พอใจกับคำตอบที่ได้รับ จึงไล่ต้อนถามต่อ
“งั้นคุณคิดว่า การที่ผู้กำกับเชี่ยซ่าเหลยเลือกคุณเถามาเป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่อง ‘The Lost City’ เป็นการแสดงถึงว่าผู้กำกับเชี่ยซ่าเหลยเห็นว่าคุณเถาสวมชุดกี่เพ้าออกมาได้ดูดีกว่าหรือเปล่าครับ?”
โม่อานฉีเริ้มขมวดคิ้วแน่นขึ้น คำถามของนักข่าวคนนี้มันล่อแหลมเกินไปแล้ว แถมยังแสดงออกอย่างชัดเจนว่าประสงค์ร้าย
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงเซ่ออ่อนลง เจียงเซ่อหันไปจ้องตากับนักข่าวคนนั้นตรงๆ
“เชี่ยซ่าเหลยเองก็อยู่ในงานนี้ ถ้าหากว่าคุณจะสงสัยถึงขนาดนั้น ทำไมคุณไม่ลองไปถามเจ้าตัวเองเลยละคะ?”
นักข่าวคนนั้นพอถูกเธอตอกกลับไป ก็ถึงกับใบ้กิน พูดอะไรไม่ออกอีกเลย
เชี่ยซ่าเหลยที่ฐานะที่สูงไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะเพื่อการโปรโมทหนังเรื่อง ‘The Lost City’ แต่ในขั้นตอนของการให้สัมภาษณ์ ผู้ช่วยของเขาก็ได้ทำการแจ้งกับทางสื่อข่าวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าคำถามที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับหนังเขาจะไม่ตอบ
กับการที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการจะสร้างกระแสแบบนี้ อยากจะหาจุดที่เป็นปัญหามาสร้างกระแสข่าวเขาจะไม่มีทางพูดด้วยเด็ดขาด และนักข่าวเหล่านั้นถูกคนกันออกไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็มีคนเดินเข้าไปถามต่อ
“ทั้งคุณเถาและคุณเจียงต่างก็เป็นดาราที่มีความโดดเด่นแตกต่างจากคนอื่น ถึงได้ถูกผู้กำกับเชี่ยซ่าเหลยเลือกให้ไปแสดงหนังด้วย ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังก็ได้ร่วมงานกับเขาเหมือนกัน นอกจากนี้แล้ว ก็ดูเหมือนว่าทั้งคุณเถาและเซ่อเซ่อเหมือนจะมีโชคชะตาที่ตรงกันเลยนะคะ ได้เซ็นเข้าบริษัทต้นสังกัดเดียวกัน เคยได้เซ็นสัญญากับผู้จัดการส่วนตัวคนเดียวกันด้วย” คนที่ถามนั้นเป็นนักข่าวของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ “การที่ทั้งสองมีโชคชะตาที่ตรงกันขนาดนี้ เคยคิดเล่นๆ บ้างไหมคะว่าอาจจะมีโอกาสได้ร่วมงานหนังกัน? ดิฉันคิดว่านี่คงเป็นสิ่งที่เหล่าแฟนคลับกำลังตั้งตารอแน่ๆ เลยค่ะ”
เถาเฉินที่ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของหล่อนก็ไหววูบไปเสี้ยววิหนึ่ง “ก็ถ้าหากว่ามีโอกาส ฉันเองก็ตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับคุณเจียงเหมือนกันค่ะ”
เจียงเซ่อที่เพิ่งจะเข้าวงการมาได้ห้าหกปี แต่นักข่าวก็ดันเอาทั้งสองคนนี้มาพูดเปรียบเทียบกันแล้ว มันทำให้หล่อนต้องคอยเก็บความหงุดหงิดเอาไว้ในใจและใบหน้าก็ต้องปั้นยิ้มเอาไว้
“ที่จริงแล้วฉันกับคุณเจียงก็อาจจะมีความชอบที่เหมือนกันจริงๆ ก็ได้นะคะ อย่างหนังเรื่อง ‘Suspect’ ที่ฉันได้รับแสดงไป นั่นก็เป็นหนังที่คุณเจียงเองก็ให้ความสนใจและชื่นชอบมากๆ อยู่เหมือนกัน”
จู่ๆ หล่อนก็โพล่งข้อมูลออกมาเสียดื้อๆ ทำเอาโม่อานฉีถึงกับรับมือไม่ทัน สื่อเริ่มพากันหันไปหาเจียงเซ่อเพื่อหาข้อพิสูจน์ ทั้งสายตา และไมค์ที่ล้อมรอบตัวแบบนี้ แน่นอนว่าเจียงเซ่อไม่สามารถที่จะพูดออกไปได้ว่าหนังเรื่อง ‘Suspect’ มันไม่ดี เธอจึงทำแค่พยักหน้าเบาๆ
“ผู้กำกับฮั่วจือหมิงนั้นเป็นผู้กำกับที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองค่ะ นอกจากนั้นเนื้อเรื่องก็ยังมีความโดดเด่นมาก ต้องขอแสดงความยินดีกับคุณเถาด้วยนะคะที่ได้รับเล่นเรื่องนี้”
อย่างไรเสียที่นี่ก็ยังคงเป็นที่จัดงานของหนังเรื่อง ‘The Lost City’ นักข่าวหลายๆ คนที่ถึงแม้จะยังสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเจียงเซ่อและเถาเฉินอยู่ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก
คำถามเริ่มกลับมาเกี่ยวกับเชี่ยซ่าเหลยและตัวหนัง ‘The Lost City’ อีกครั้ง จนกระทั่งผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงการให้สัมภาษณ์ก็จบลง
ทางผู้จัดงานเริ่มเชิญให้นักข่าวกลับ เจียงเซ่อเองก็ช่วยทีมงานของ ‘The Lost City’ อยู่จนจบงาน ในสถานการณ์แบบนี้เชี่ยซ่าเหลยจะต้องปลีกตัวไปทางอื่น ไม่สามารถที่จะออกมาทักทายกับเธอเป็นการส่วนตัวได้ เจียงเซ่อกับโม่อานฉีและเซี่ยเชาฉวินพากันลงลิฟต์ลงไปชั้นล่าง เพื่อที่จะเตรียมตัวกลับกันแล้ว