webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

536-2

บทที่ 536-2 น่าเสียดาย

พอหนังดำเนินเรื่องมาถึงตอนนี้ ก็เหมือนว่าจะได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้เอาไว้หมดแล้ว เถาเฉินที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่อง ‘The Lost City’ นั้น บทบาทที่ได้รับก็คือผู้ช่วยสาวของไบรอันนั่นเอง เป็นหญิงสาสชาวหัวเซี่ยคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาสวยไม่เบา ทั้งเซ็กซี่ โดดเด่น และหวังดีกับไบรอันอยู่เสมอ

ในสายตาของเจียงเซ่อแล้ว ฐานะของเถาเฉิน การที่จะต้องมาแสดงบทบาทแบบนี้ก็ดูน่าขายหน้าอยู่ไม่น้อย 

นี่คือโปรไฟล์ของดาราสาวชาวหัวเซี่ยที่ฮอลลีวูดมองเห็น ถึงแม้ว่าเถาเฉินจะเป็นนักแสดงที่มีความสวยและโดดเด่นขนาดนี้ แต่ก็ห้ามไม่ได้ที่จะต้องมารับบทตัวประกอบในหนัง จริงๆ แล้วก็ดูน่าเสียดายไม่น้อยเลย

ตามเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปเรื่อยๆ ไบรอันได้ค้นคว้าจากการจดบันทึกของพ่อในครั้งก่อน มาเชื่อมกับความทรงจำที่เกี่ยวกับพ่อในหัวของตัวเอง จากนิสัยการพูดการจาของศาสตราจารย์วิลเลียม คาดการณ์ถึงจุดส่งคลื่นสัญญาณลึกลับที่ศาสตราจารย์วิลเลียมได้รับ และผลก็คือเขาสามารถดักจับสัญญาณลึกลับได้อีกครั้ง เมื่อเทียบกับคลื่นสัญญาณที่พ่อของเขาเคยค้นหาได้เมื่อสามสิบปีก่อนแล้ว ดูเหมือนว่าอัตราความถี่ของคลื่นสัญญาณจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่อาณาเขตรัศมี แรงสั่นสะเทือนนั้นยังคงตรงกับคลื่นสัญญาณที่ศาสตราจารย์วิลเลียมได้พบเมื่อสามสิบปีก่อน สัญญาณนั่นจะต้องมาจากที่ๆ เดียวกันแน่ๆ

การค้นพบนั้นทำเอาไบรอันตื่นเต้นไม่น้อย เขารีบลองจับสัญญาณตามตำแหน่งที่มาไป เมื่อลองค้นหาตำแหน่งดูแล้ว ก็สามารถยืนยันได้รวดเร็วว่าเป็นระยะละติจูดเดียวกันกับที่ศาสตราจารย์วิลเลียมได้เจอ

เมื่อได้รับผลลัพธ์แบบนั้นแล้ว มันก็ถือว่าเป็นการก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับไบรอัน เขาได้ยื่นของบประมาณและกองกำลังทหาร เพื่อเตรียมตัวไปลงสำรวจจุดที่ได้รับคลื่นสัญญาณ

ทางองค์กรได้ติดต่อไปยังกองทัพทหารของสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าร่วมการช่วยเหลือในครั้งนี้ อีกทั้งยังมีการเตรียมเรือ อุปกรณ์การถ่ายทำ นอกจากนี้ ทางองค์กรยังได้จัดกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ให้ติดตามไปด้วยอีกหนึ่งกลุ่ม พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านประวัติศาสตร์ที่เก่งมากๆ อีกคนหนึ่งให้กับไบรอัน 

เมื่อสาวสวยผมทองตาฟ้ามาถึง ก็ทำให้ไบรอันถึงกับจิตใจเคลิบเคลิ้มหลงใหลไปในทันที

ฉากเหตุการณ์หลังจากนั้นคือคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินทางไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก และได้ค้นพบกับทางเข้าสู่อีกมิติอย่างราบรื่น และพวกเขาก็ได้เข้าสู่มิตินั่น

สิ่งที่มันไม่เหมือนกับโลกมิติที่สามก็คือ ที่นี่มันไม่ใช่ทะเลมหาสมุทร แต่กลับเป็นเหมือนกำแพงเมืองที่ถูกทิ้งให้รกร้างมานาน เมื่อเรือมาถึง ก็เกยตื้นขึ้นบกทันที

ในขณะเดียวกันหลายๆ คนก็สังเกตได้ว่าที่ที่แปลกประหลาดแห่งนี้นั้นได้ถูกปกคลุมไปด้วยแรงของสนามแม่เหล็ก ทั้งมือถือ นาฬิกาข้อมือ กล้องถ่ายรูปที่เตรียมมานั้นใช้งานไม่ได้สักอย่าง เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดกลายเป็นของไร้ค่า แม้แต่ไฟฉาย ไฟแช็ค และปืนล้วนแล้วไม่สามารถใช้ได้ สิ่งเดียวที่สามารถใช้ได้ นั่นก็คือไมัขีดไฟและมีดผ่าฟืน

ที่นี่เป็นเหมือนเมืองที่ถูกทอดทิ้งให้รกร้างอยู่ในมิติแห่งนี้ ถูกทิ้งให้อยู่นอกโลกแห่งความเป็นจริง 

เมื่อลองตรวจสอบดูแล้ว ไบรอันก็ได้พบว่าที่นี่มันช่างแปลกประหลาดมากจริงๆ และที่นี่ก็ดูไม่เหมือนกับยุคสมัยในประวัติศาสตร์ที่ได้มีการจดบันทึกไว้เลยสักนิด แค่ดูก็รู้แล้วว่าที่นี่จะต้องเป็นอารยธรรมอีกอย่างหนึ่งที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แต่แค่ได้ผ่านวันเวลาที่ไหลไปอย่างยาวนาน และถูกทิ้งไว้ให้รกร้างว่างเปล่า 

ในขั้นตอนการตรวจสอบค้นหา ไบรอันได้เจอกับเรือที่ศาสตราจารย์วิลเลียมและคนอื่นๆ จอดทิ้งอยู่ ก็เหมือนกับพวกเขา ศาสตราจารย์วิลเลียมก็คงจะพบเข้ากับประตูมิติ และเรือก็เข้ามาในนี้ 

พวกเขาเองก็คงพบเจอกับความลำบากเหมือนกันกับพวกเขา แต่ทว่าในตอนนั้นศาสตราจารย์วิลเลียมจะต้องแย่กว่าพวกเขามากแน่ๆ เพราะว่าในตอนนั้นพวกเขาไม่ได้มีการเตรียมพร้อมที่ดีอะไรเลย ทั้งเรื่องงบประมาน อุปกรณ์ก็ไม่ได้พร้อมอะไร แต่ก็รีบที่จะออกไปลงพื้นที่ตรวจสอบแบบนั้น

บนเรือพบแค่เพียงซากโครงกระดูกของมนุษย์คนหนึ่ง และที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจก็คือ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมหรือเปล่า ที่ทำให้โครงกระดูกของคนๆ นี้ดูไม่เหมือนกับคนที่เสียชีวิตมาแล้วกว่าสามสิบปี แต่เหมือนว่าตายมาแล้วกว่าร้อยปี

กับในสถานการณ์ที่ไม่สามารถใช้อุปกรณ์อะไรได้เลยสักอย่าง จึงทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าร่างของคนๆ นี้คือใคร และในตอนนี้ไบรอันและทุกๆ คนก็ได้เริ่มผจญภัยอยู่ในเมืองที่ได้หายสาบสูญไปแห่งนี้แล้ว

เนื้อเรื่องที่เหลือ ส่วนใหญ่แล้วก็เกี่ยวกับฉากและเนื้อเรื่องที่ตื่นเต้นระทึกใจ เชี่ยซ่าเหลยที่โด่งดังมาหลายปี เขาสามารถถ่ายหนังออกมาได้โดยที่ไม่ต้องลงแรงอะไรมากมายด้วยซ้ำ เขาก็สามารถทำออกมาได้ดีในทุกๆ ฉาก คนดูที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ เหมือนว่าเจียงเซ่อเองก็จะได้ยินเสียงอุทานและตกใจของเหล่าคนดูเป็นระยะๆ ด้วย ความสนใจของคนดูถูกตัวละครหลักจับเอาไว้อย่างอยู่หมัด เนื่องจากมีฉากที่ต้องเผชิญกับเรื่องอกสั่นขวัญแขวนอยู่ตลอดเวลา ทำให้บรรยากาศครึกครื้นไม่น้อย

นี่ทำให้สามารถมองออกได้อย่างชัดเจน ว่าถึงแม้มันจะเป็นหนังการตลาด เน้นแค่ฉากผจญภัยสนุกสนาน แต่เชี่ยซ่าเหลยเองก็มีความมั่นใจในความสามารถของตัวเอง เขาเปิดกว้างในการถ่ายทำมากขึ้น ไม่ได้เป็นแค่ฉากผจญภัยเสี่ยงชีวิตแบบเก่าธรรมดาๆ และเพราะอันตรายต่างๆ ที่ไบรอันได้เจอ เขาก็เริ่มที่จะสงสัยกับเมืองที่หายสาบสูญแห่งนี้มากขึ้น บางทีที่นี่อาจจะไม่ได้เป็นเมืองสาบสูญที่ไม่มีบันทึกอยู่ประวัติศาสตร์เหมือนอย่างที่เขาเข้าใจก็ได้

หลังจากที่เขาและศาสตราจารย์สาวสวยช่วยกันค้นคว้าและตรวจสอบ ก็คิดว่าที่นี่อาจจะมีความเก่าแก่ เสียยิ่งกว่ายุคอารยธรรมโบราณเสียอีก

ถึงแม้ว่าเวลามันจะเดินไปเรื่อยๆ แต่ทั้งบ้านและตามกำแพงก็เหมือนว่าจะถูกปกคลุมไปด้วยพืชเถาวัลย์หมดแล้ว แต่ทว่าไบรอันก็ยังพบบางอย่างในร่องรอยเบาะแส อารยธรรมของที่นี่มันอาจจะเป็นหลังจากอารยธรรมที่มีอยู่ในปัจจุบันตอนนี้ไปไกลเลยก็ได้

เมืองนี้อาจจะเป็นเมืองที่อยู่ในโลกอนาคต แต่เพียงแค่ว่ามันได้หายไปในการแตกออกของห้วงเวลา

ดังนั้นมันจึงทำให้ยากที่จะคาดการณ์ว่า ที่นี่คือโลกมิติที่สี่ มันอาจจะไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่นักวิทยาศาสตร์หลายๆ คนคาดการณ์เอาไว้ ทั้งสองโลกมันอาจจะไม่ได้ขนานกัน แต่น่าจะเป็นเพราะอยู่คนละห้วงเวลาเสียมากกว่า

เวลาของมิติที่สี่ เป็นไปได้มันอาจจะผ่านไปแล้วกว่าสิบปี ร้อยปี หรืออาจจะเป็นพันเป็นหมื่นปีเลยก็ได้

การคาดการณ์แบบนี้ มันยิ่งทำให้หนังเรื่อง ‘The Lost City’ ยิ่งมีสาระสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม นี่มันไม่สามารถจะเรียกว่าเป็นแค่หนังป็อบคอร์นแล้ว

นอกจากตัวนางเอกและพระเอกที่เป็นกำลังสำคัญในการกระตุ้นคนดู และคอยส่องประกายไปทั่วหนังแล้ว เจียงเซ่อก็พบว่าในหนังเรื่องนี้มันเต็มไปด้วยความรู้ทางประวัติศาสตร์โบราณที่ล้นหลามและดูเป็นมืออาชีพเป็นอย่างมาก สามารถรู้ได้เลยว่าในระหว่างการถ่ายทำของเชี่ยซ่าเหลยนั้น ในกองถ่ายจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจคอยแนะนำมากมายแค่ไหน

นี่มันก็เหมือนกับที่เธอเคยคาดคิดเอาไว้ ว่าหนังเรื่องนี้จะต้องพึ่งความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์โบราณผสมกับการคาดการณ์เป็นพื้นฐานของหนัง

เธอได้ดูมากว่าครึ่งเรื่องแล้ว และก็เกิดรู้สึกเสียใจขึ้นมาไม่น้อย ถ้าหากว่าตอนนั้นเธอไม่ได้โดนเถาเฉินขัดขาเข้า ถ้าหากว่าบทโจแอนนาที่เถาเฉินแสดงในตอนนี้ยังคงเป็นของเธอ เธอจะแสดงออกมายังไงดีนะ จะดีไซน์ตัวละครตัวออกมายังให้มันออกมาได้โดดเด่นและดีกว่านี้?

เถาเฉินสร้างตัวละครในเรื่องนี้ออกมาได้ธรรมดาเกินไป มันน่าเสียดายที่ทั้งๆ ที่หล่อนมีหน้าตาที่สวยขนาดนั้น มีร่างกายที่ถูกบำรุงดูแลมาอย่างดี อีกทั้งยังมีฝีมือการแสดงที่ดีเยี่ยมขนาดนั้นด้วย

หล่อนไม่เหมือนกับเจียงเซ่อ หล่อนไม่ได้เป็นเหมือนเจียงตั้งแต่ตอนนั้น เพื่อที่จะได้รับบทนี้ในหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ถึงกับตั้งใจเลือกที่จะไปฝึกงานกับคณะโบราณคดี แถมยังเข้าร่วมกับนักศึกษากลุ่มอื่นเพื่อลงไปในหลุมศพ ดังนั้นในหลายๆ ท่าทางและจังหวะที่หล่อนแสดงนั้น มันก็แค่การทำให้เหมือน แต่ความรู้นั้นมันไม่ใช่เลยสักนิด

บทๆ นี้ ความประทับใจที่หล่อนได้ให้ไว้กับเธอ ก็เหมือนกับแค่คนๆ หนึ่งที่สวมชุดกี่เผ้า และรวบผมขึ้น สำหรับชาวยุโรปอเมริกา ก็เป็นแค่แม่พิมพ์สาวงามของชาวตะวันออก มันช่างน่าเสียดายจริงๆ!