webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

535-2

บทที่ 535-2 พบเจอ

สำหรับเฝิงหนานแล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้วจนมาถึงปีนี้หล่อนช่างโชคไม่ดีเลยจริงๆ ที่จริงแล้วหล่อนตั้งใจที่จะรับเล่นหนังเรื่อง ‘Suspect’ แต่ก็โดนเถาเฉินแย่งมันไปเสียก่อน เมื่อสิ่งที่วางแผนเอาไว้มันพัง เฝิงหนานที่โมโหสุดขีดก็เพิ่งจะค่อยๆ ทุเลาลงเมื่อไม่นานมานี้เอง

แต่หล่อนนั้นก็ไม่ได้คิดที่จะยอมแพ้ง่ายๆ ทันทีที่รู้ว่าฐานะและคุณสมบัติของตัวเองในวงการบันเทิงนั้นมันยังน้อยไป อีกทั้งก็ไม่ได้มีเฝิงจงเหลียงคอยหนุนหลังอยู่แล้ว หล่อนก็ปรับความคิดของตัวเองขึ้นมาในทันที หล่อนไม่ได้มัวแต่มองไปที่หนังที่จะได้ยอดขายสูงๆ หรือหนังที่ได้รับแต่คำวิจารณ์ดีๆ อีก

เหมือนว่าหล่อนพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว ความทรงจำต่างๆ ในชาติที่แล้ว หนังที่ได้ยอดขายดีและได้รับคำวิจารณ์ดีๆ นั้นส่วนมากก็มีผู้กำกับที่ดีและบทหนังที่ดี กับหนังที่มีต้นทุนที่ดีแบบนั้น ส่วนใหญ่ล้วนแล้วตกเป็นของซื่อจี้หยินเหอ ผ่านการคัดการเลือกจากคนข้างในมาก่อนถึงจะมีเหลือตกลงมา

ขอดียังไงคนอื่นก็ต้องเห็น คงไม่มีทางตกมาถือมือหล่อนได้แน่ๆ

ตอนนี้หล่อนอายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว แต่กลับยังไม่ไม่ผลงานในวงการบันเทิงเป็นชิ้นเป็นอันเสียที ที่ดูจะดีที่สุดก็เป็นบท ‘คุณหนูเอกุชิ’ ในเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ของจางจิ้งอานในตอนนั้น แต่ในหลายๆ ปีที่ผ่านมานี้ บทบาทนี่ก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตหล่อนเจริญขึ้นเลยสักนิดเดียว

ตอนนั้นหล่อนเองก็ไม่ได้คว้าโอกาสเลือกเข้าบริษัทต้นสังกัดดีๆ เพื่อที่จะได้มีพี่พึ่งพิงดีๆ กลับมา แต่จะมาเลือกเอาตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว

ในเมื่อไม่สามารถที่จะเลือกต้นทุนดีๆ ได้ หล่อนก็เหลือแค่ต้องลดมาตรฐานของตัวเองลงมา ไม่มัวแต่ไปมองหนังที่เคยได้ดิบได้ดีในชาติที่แล้วอีก แต่หันไปสนใจกับหนังที่ตอนแรกๆ ไม่มีใครสนใจ แต่กลับมียอดขายที่ไม่เลวในภายหลังดีกว่า

หนังหลายๆ เรื่องก็เป็นเหมือนเรื่อง ‘Revenge’ ผู้กำกับตอนแรกก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมากมาย แต่สุดท้ายหลังจากที่ถ่ายทำหนังเสร็จแล้วก็ได้รับคำชมไปมากมาย และนั่นก็กลายเป็นเป้าหมายใหม่ของหล่อน

หล่อนยังมีข้อได้เปรียบที่ว่า ความทรงจำในชาติก่อนได้กลายมาเป็นสิ่งที่ทำให้หล่อนได้เปรียบกว่าคนอื่น และสามารถใช้ความได้เปรียบนี้ได้ ในต้นปีนี้เฝิงหนานได้เล็งหนังที่น่าสนใจและกำลังอยู่ในช่วงการเตรียมตัวเอาไว้แล้วถึงสองเรื่อง บวกกับเงินค่าจ้างต่างๆ จากการรับเล่นหนังในปีที่แล้ว จากที่ตอนแรกตั้งใจจะเอาไปลงทุนกับเรื่อง ‘Suspect’ ก็เอามาเป็นทุนในการแลกกับการเป็นนางเอกในสองเรื่องนั้นแทน

หลังจากที่หนังทั้งสองเรื่องนั้นถ่ายทำเสร็จและออกฉายแล้ว ถึงแม้ว่ายอดขายจะเทียบไม่ได้กับหนังฟอร์มใหญ่ แต่อย่างน้อยก็น่าจะทำเงินให้หล่อนได้สักจำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปต่อยอดในเรื่องต่อๆ ไป

แต่ว่าถึงแม้เฝิงหนานจะลดมาตรฐานของตนเองลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมแพ้ต่อสิ่งที่ตัวเองเคยคาดหวังเอาไว้

ดังนั้นหลังจากที่ได้ยินว่าเชี่ยซ่าเหลยและทีมงานจะมาที่หัวเซี่ย หล่อนก็พยายามเป็นอย่างมากในการหาข่าวเกี่ยวกับการเดินทางของเชี่ยซ่าเหลย สุดท้ายแล้วก็เลือกที่โรงหนัง รอให้หนังรอบแรกฉายจบไปแล้วดูว่าจะสามารถรั้งตัวเชี่ยซ่าเหลยเอาไว้ได้หรือไม่

คนที่คิดจะทำเหมือนเฝิงหนานก็มีไม่น้อยเหมือนกัน ทำให้บริเวณที่เป็นแขก VIP นั้นมีคนนั่งอยู่เต็มไปหมด เหล่าผู้ช่วยต่างก็กำลังช่วยกั้นพื้นที่เล็กๆ ให้กับเฝิงหนาน และหล่อนยังได้สั่งให้ไต้เจียคอยสอดส่องบริเวณโรงจอดรถเอาไว้ด้วย ถ้าทีมงานของหนังเรื่อง ‘The Lost City’ เข้ามาเมื่อไหร่ ก็ให้แจ้งมาที่เฝิงหนานทันที เพื่อให้หล่อนได้สร้างสถานการณ์บังเอิญ

หล่อนรู้สึกวุ่นวายใจไม่น้อย หล่อนกำลังก้มหน้าเล่นมือถือ แต่ใจไม่ได้จดจ่ออยู่ที่มือถือเลยสักนิดเดียว

ตอนที่เจียงเซ่อมาถึงที่โรงหนัง ก็ยังเหลือเวลาอีกมาก เธอลงรถที่โรงจอดรถ และสังเกตเห็นไต้เจียตั้งแต่ไกลๆ

หล่อนยืนอยู่กลางลิฟต์ ท่ามกลางแสงไฟแบบนี้ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเจียงเซ่อกำลังจะขึ้นลิฟต์จึงต้องเงยหน้าขึ้นไปละก็ เธอเองก็คงไม่มีทางที่จะสังเกตเห็นหล่อนแน่ๆ

ไต้เจียอยู่ในชุดสีดำทั้งตัว เรือนผมยาวถูกรวบขึ้น แต่งหน้าอ่อนๆ ที่หูก็สวมหูฟังเอาไว้ด้วย สายตาของหล่อนจ้องมองมาที่เจียงเซ่อที่มีผู้ช่วย เซี่ยเชาฉวินและคนติดตามอื่นๆ เดินตามมา

ประตูลิฟต์ยังคงถูกเปิดค้าง เธอสวมชุดคลุมขนเป็ดสีขาวเอาไว้ ยังคงเปล่งประกาย ท่ามกลางแสงไฟสีผิวของเธอนั้นขาวราวกับหยก งดงามราวกับบุปผา

ในตอนที่ทั้งสองคนนั้นเดินสวนกัน เจียงเซ่อเหลือบเห็นเพียงแค่ครึ่งท่อนบนของหล่อน หล่อนเงยหน้าขึ้นมา สายตาประสานกับเจียงเซ่อแวบหนึ่ง สุดท้ายแล้วก็เม้มปาก และก้มหน้าลงไป เหมือนกำลังพูดกับใครบางคน

“เจียงเซ่อมาถึงแล้ว”

หล่อนน่าจะกำลังติดต่อหาใครบางคน หลังจากที่ประตูลิฟต์ปิดลงแล้ว โม่อานฉีก็หันไปมองเจียงเซ่อเล็กน้อย และรู้สึกประหลาดใจมาก

โม่อานฉีรู้ว่าเจียงเซ่อและไต้เจียนั้นรู้จักกัน ทั้งสองคนเรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ตอนนั้นที่ไต้เจียถูกใส่ร้ายอย่างไม่เป็นธรรม ก็ยังได้เจียงเซ่อช่วยหล่อนหาทนายความมาให้ สุดท้ายแล้วอยู่ในเรือนจำอีกแค่ไม่กี่ปีก็ได้ออกมา

ตอนที่ไต้เจียออกมาจากเรือนจำ เจียงเซ่อเองก็ยังเคยถึงขั้นอยากจะให้หล่อนมาเป็นผู้ช่วยอีกคน แต่สุดท้ายก็ถูกเซี่ยเชาฉวินปฏิเสธไป

และทั้งๆ ที่ทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนกัน เวลาที่เจอหน้ากันก็ไม่น่าที่จะเย็นชาใส่กันแบบนี้ไม่ใช่หรือ แต่ตอนที่เจอกันก่อนหน้านี้ ไต้เจียกลับไม่ทักทายเจียงเซ่อเลยแม้แต่น้อย!

ไต้เจียทำตัวเฉยชาก็ไม่เท่าไหร่ แต่ปฏิกิริยาของเจียงเซ่อเองก็แปลกไปเหมือนกัน เธอทำเหมือนกับว่าไม่ได้สนิทกับไต้เจีย เหมือนกับว่าแค่เจอคนแปลกหน้าอย่างไรอย่างนั้นแหละ

โม่อานฉีสะบัดหัว ลิฟต์ได้เลื่อนมาถึงชั้นระดับวีไอพีแล้ว เมื่อประตูเปิดออก เหล่าสื่อนักข่าวและนักวิจารณ์หนังต่างๆ ที่ยืนรออยู่ในห้องโถงใหญ่ก็หันหน้ามามองทันที

ในตอนที่ทุกคนเห็นเจียงเซ่อนั้น หลายๆ คนก็เกิดอาการตะลึงงันไปในทันที

ความสัมพันธ์ระหว่างเจียงเซ่อและเชี่ยซ่าเหลยนั้นดีไม่น้อย เหล่าสื่อของหัวเซี่ยก็รู้กันดี

ในงานเทศกาลหนังภาพยนตร์ฝรั่งเศสในปีก่อน เชี่ยซ่าเหลยก็ไม่ได้แค่เอ่ยชื่นชมตัวหนัง ‘Evil’ แต่ยังชื่นชมไปถึงเจียงเซ่ออีกด้วย และพูดเองว่าคงจะได้ร่วมงานกับเจียงเซ่อ และปีที่แล้วชื่อของเจียงเซ่อก็ได้ไปปรากฏอยู่บนรายชื่อนักแสดงเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ของเชี่ยซ่าเหลย

ในงานแบบนี้ การที่เชี่ยซ่าเหลยได้เชิญเจียงเซ่อมาเข้าร่วมงานด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่สิ่งที่ทำให้หลายๆ คนเกิดความตื่นเต้นขึ้นมาก็คือ เจียงเซ่อมาที่นี่แล้วจริงๆ

ก่อนหน้าที่จะมีการเริ่มการถ่ายทำหนังเรื่อง ‘The Lost City’ นั้นก็มีคนในวงการหลายๆ คนพูดกัน และสิ่งที่พวกเขาพูดถึงกันมากที่สุดก็คือ ในตอนที่มีการเตรียมตัวหนังเรื่อง ‘The Lost City’ นั้น ที่จริงแล้วดาราสาวชาวหัวเซี่ยที่เชี่ยซ่าเหลยสนใจที่จะเชิญให้ไปเล่นหนังก็คือเจียงเซ่อที่ได้รับรางวัล ‘นักแสดงสมทบหญิงดีเด่น’ ในงานหนังภาพยนตร์หัวเซี่ยจากเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ จนถึงขั้นเดินทางมาที่หัวเซี่ยด้วยตัวเอง เพื่อมาเจอกับเจียงเซ่อ และพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องตัวบท

และตอนนั้นข่าวที่ว่าเชี่ยซ่าเหลยได้นัดเจียงเซ่อออกไปทานอาหารและพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ด้วยกันนั้นก็เป็นข่าวฮือฮากันอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นเซี่ยเชาฉวินต้องลงมือจัดการ ถึงจะลบข่าวเหล่านั้นออกไปได้

และมีคนบอกว่าเพราะมีข่าวนี้ออกมาจึงทำให้เชี่ยซ่าเหลยไม่พอใจ จนทำให้เจียงเซ่อหมดโอกาสจากหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ไป และสุดท้ายก็เป็นเถาเฉินที่ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทำ

ไม่ว่าข่าวนั้นมันจะเป็นเนื่องจริงหรือไม่ แต่ความขัดแย้งนะหว่างดาราสาวที่อยู่ในบริษัทซื่อจี้หยินเหอเหมือนกันนั้น ไม่ว่าจะตอนไหนก็สามารถเห็นได้ทั้งนั้น

บวกกับเรื่องที่เซี่ยเชาฉวินผู้จัดการมือทองได้ถอนตัวออกจากการดูแลเถาเฉิน แล้วหันมาให้ความสนใจกับเจียงเซ่อแทน นั่นมันก็สามารถทำให้ดาราสาวทั้งสองเกิดความขัดแย้งจนเกิดเรื่องราววุ่นวายได้แล้ว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแข่งขันกันระหว่างเจียงเซ่อและเถาเฉินในงานเทศกาลหนังภาพยนตร์ของฝรั่งเศส กับการที่ทั้งสองคนได้มีชื่อเข้าชิงรางวัล ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ นั้น ทำเอาแฟนคลับของทั้งสองฝ่ายต่างก็พากันออกมาสนับสนุนศิลปินของตัวเอง ปะทะกันไม่หยุด

การที่เจียงเซ่อมาปรากฏตัวอยู่ในงานฉายหนังรอบแรกของเรื่อ ‘The Lost City’ นั้น ก็คงจะเป็นเพราะเชี่ยซ่าเหลยเชิญมา แต่ทว่าเถาเฉินเองก็อยู่ ในงานหนังรอบแรกงานนี้ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องที่น่าสนใจเยอะทีเดียว

สื่อกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้าไป โม่อานฉีช่วยกันตัวเจียงเซ่อเอาไว้ทันที หล่อนกางแขนปกป้องเธอเอาไว้ ก่อนที่เจียงเซ่อจะออกจากลิฟต์นั้น ก็ได้ถอดเสื้อคลุมออกเรียบร้อยแล้ว

ในคืนนี้เธอสวมเป็นมินิเดรสคอกลมสีขาวลายจุดสีเหลืองมา ดูแล้วสดใสไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ต้องการที่จะมาแย่งซีนจากนักแสดงหลักในวันนี้

“คุณเจียงมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับผู้กำกับเชี่ยซ่าเหลย ถึงได้มาเข้าร่วมการฉายหนังครั้งแรกของเรื่อง ‘The Lost City’ ใช่ไหมคะ’

นักข่าวของหัวเซี่ยจือซวิ่นรุดหน้าเข้ามา เป็นเพราะว่ายังไม่ได้ถึงเวลาการสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ และในคืนนี้ก็ไม่อนุญาตให้มีการถ่ายรูปในห้องวีไอพีด้วย ดังนั้นนักข่าวจึงไม่ได้มีการถือที่อัดเสียง ไม่มีกล้องถ่ายรูป ส่วนใหญ่ก็แค่มาทักทายเท่านั้น

“เซ่อเซ่อ ขอถามหน่อยนะครับ วันนี้ที่มาดูการฉายหนังรอบแรกของ ‘The Lost City’ เป็นเพราะว่าเชี่ยซ่าเหลยเชิญมา หรือเพราะตั้งใจมาดูการแสดงของคุณเถาครับ?”

“ที่จริงแล้วก็ทั้งสองอย่างเลยค่ะ ฉันต้องขอบคุณเชี่ยซ่าเหลยมากๆ ที่ได้ให้โอกาสฉันมาดูการฉายหนังรอบแรกของเรื่อง ‘The Lost City’ และรอคอยที่จะได้เห็นการแสดงของคุณเถาในเรื่อง ‘The Lost City’ ด้วยค่ะ”

เจียงเซ่อตอบกลับไปอย่างง่ายๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาให้สัมภาษณ์จริงๆ ทางโรงภาพยนตร์เองก็ได้จัดเตรียมหน่วยรักษาความปลอดภัยเอาไว้ด้วย และพวกเขาก็กำลังมองมาทางนี้ เหล่านักข่าวทั้งหลายที่เหมือนมีเรื่องที่ยังอยากจะถาม แต่ก็ได้แต่มองเจียงเซ่อเดินเข้าไปในห้องรับรองแขก

คืนนี้มีเชี่ยซ่าเหลยเป็นตัวหลัก แต่เวลาที่อยู่ต่อหน้าสื่อนั้น เขามักจะเป็นคนพูดน้อย ท่าทางเงียบขรึมและสง่า แต่ว่าเขาก็ยังสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม คำถามต่างๆ ที่นักข่าวถามกัน ส่วนใหญ่ก็เป็นเกี่ยวกับตัวหนังทั้งสิ้น น้อยคนนักจะถามเรื่องการแย่งบทกันระหว่างเถาเฉินและเจียงเซ่อในตอนแรก

ในตอนที่เชี่ยซ่าเหลยพูดถึงสิ่งที่ทำให้เขาสนใจที่จะถ่ายหนังเรื่อง ‘The Lost City’ นั้น นักข่าวที่อยู่ในโถงก็พากันก้มหน้าก้มตาจดในสิ่งที่เขาพูด เถาเฉินเองก็นั่งยิ้มตั้งใจฟังในสิ่งที่เชี่ยซ่าเหลยพูดอยู่ข้างๆ พลางหันไปมองเจียงเซ่อเป็นพักๆ