บทที่ 535-1 พบเจอ
จากมุมมองของซ่งอี้แล้ว เจียงเซ่อที่มีคุณสมบัติแบบนั้น ก็ควรจะตีเหล็กตอนที่ยังร้อน ควรที่จะรับเล่นหนังของต่างประเทศต่อไปเลย อาศัยชื่อเสียงของเชี่ยซ่าเหลยเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองมากขึ้นไปอีกสิถึงจะถูก แต่เธอกลับทำในสิ่งที่แปลกออกไป ดันกลับมารับเล่นหนังของหลินซีเหวินของเสียอย่างนั้น
“หนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ของหลินซีเหวินก่อนหน้านี้เจียงเซ่อก็ได้ร่วมงานด้วย”
และตัวเจียงเซ่อเองก็ดังมาเพราะบท ‘โต้วโค่ว’ จากเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ด้วย ในงานหนังภาพยนตร์ในปีนั้น เธอเองก็ได้รับรางวัล ‘นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม’ เป็นที่เชิดหน้าชูตา
ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นถือว่าไม่เลว ประกอบกับเรื่องที่หนังเรื่องก่อนหน้านี้ของหลินซีเหวินนั้นไม่สามารถทำยอดขายได้ ซ่งอี้ก็เดาได้อย่างเดียวเลยว่าหลินซีเหวินไปหาเจียงเซ่อก็เพราะอยากจะให้มาช่วยแก้ไขสถานการณ์เหล่านั้น
เขามีความคิดแบบนั้นจริงๆ เถาเฉินเองก็ไม่คิดแปลกใจอะไร เพราะคนในวงการหลายๆ คนเองก็คงจะคิดแบบซ่งอี้เหมือนกัน คิดว่าหลินซีเหวินใช้บุญคุณเก่า ให้เจียงเซ่อช่วยแก้ไขสถานการณ์
แต่หล่อนนั้นเคยได้ทำงานกับเซี่ยเชาฉวินมาหลายปีแล้ว รู้นิสัยของหล่อนดีเสียยิ่งกว่าอะไร พอได้ยินซ่งอี้คิดแบบนั้น เถาเฉินก็เอ่ยขึ้น
“บุญคุณ? ช่วยเหลืองั้นหรือ?”
หล่อนเอนตัวนอนลงไปเหมือนเดิม และปล่อยให้ผู้ช่วยที่ช่วยล้างหน้าจนสะอาดแปะที่มาส์กหน้าให้
“นายกำลังพูดถึงเจียงเซ่ออยู่นะ”
การที่เจียงเซ่อสามารถพัฒนามาถึงจุดๆ นี้ได้อย่างราบรื่น กับการร่วมมือกับเซี่ยเชาฉวิน เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นบทตัวละครธรรมดาๆ และต้องไม่ใช่ว่าไม่เหมาะสมกับคนที่เถาเฉินมองว่าเป็นคู่แข่งด้วย
ซ่งอี้และเถาเฉินนั้นยังมีความห่างชั้นกันอยู่มาก แต่เถาเฉินเองก็ยินดีที่จะแนะนำให้ฟัง
“ตั้งแต่ที่เจียงเซ่อเข้าวงการบันเทิงมา หนังที่เคยได้เล่นตั้งแต่ตอนนั้น กับหนังที่ได้แสดงในทุกวันนี้ นายลองคิดดูสิ”
ตอนแรกก็เป็นแค่ตัวประกอบในเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ‘99 Love Letter’ ‘ฝันที่เป็นจริง’ ทุกเรื่องล้วนแล้วมียอดขายที่ดี หลังจากนั้นมาเธอก็ยังได้แสดงความโดดเด่นในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ และคว้ารางวัลมาได้ แต่สื่อส่วนใหญ่ให้ความสำคัญไปที่ตัวผู้กำกับ ตัวบทและเนื้อเรื่องของหนังก็เท่านั้นเอง
ในเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ความสามารถของเธอก็ยังสามารถกดพระเอกอย่างหังยวีอีได้เลยด้วยซ้ำ
หนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ นั้นก็ได้ยอดขายดีมาก แต่ว่าในช่วงนั้น คนส่วนมากที่ให้ความสนใจก็คือเหล่าคนที่เคยดูหนังเรือง ‘99 Love Letter’ ของจ้าวร่างมา ก่อน และตามมาติดตามที่เรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ใหม่อีกครั้ง
ส่วนเรื่องความสำเร็จของเรื่อง ‘Evil’ ก็คงไม่ต้องพูดถึงอีก นอกจากหนังเรื่อง ‘Evil’ จะได้เข้าชิงในเทศกาลหนังภาพยนตร์ในฝรั่งเศสจนได้รางวัลใหญ่มาถึงสองรางวัลแล้ว ก็ยังมีหลิวเย่ที่ได้มาร่วมงานด้วย ทำให้หนังเรื่องนี้นั้นได้รับความสนใจตั้งแต่ก่อนเริ่มถ่ายทำเลยด้วยซ้ำ
สรุปแล้ว เหล่าผู้ชมล้วนแล้วได้เห็นถึงการพัฒนาการแสดงชองเจียงเซ่ออย่างชัดเจน และสามารถเป็นที่ยอมรับได้ แต่ทว่าหนังที่เธอนั้นเล่นกับตัวหลักของเรื่อง จนไปถึงแรงผลักดันยอดขายนั้นมันยังไม่สามารถเห็นความแตกต่างที่มากพอ
ในตอนนี้ ก็มีหนังเรื่องนี้ของหลินซีเหวินแล้ว
หนังเรื่องก่อนๆ ของหลินซีเหวินล้วนแล้วได้คำวิจารณ์ที่ไม่ดีทั้งนั้น คนดูด่าเขาต่างๆ นาๆ หนังเรื่องต่อไปถ้าหากว่าเจียงเซ่อเป็นนักแสดงหลัก และถ้าผลลัพธ์มันออกมาดีเกินคาด ก็จะทำให้ใครหลายๆ คนคิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนแล้วเป็นการพึ่งแรงอิทธิพลของเจียงเซ่อ ก็จะถือว่าเป็นการสถาปนาว่าเธอมีอิทธิพลต่อยอดขายบัตรหนังได้อย่างดีทีเดียว
ซ่งอี้อ้าปากค้าง “แต่ว่า ทำไมเจียงเซ่อถึงได้มีความมั่นใจได้ขนาดนั้นละครับ?”
เถาเฉินลืมตาขึ้น แล้วมองไปที่เขา
“หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ปิดกล้องไปตอนไหน ลองคำนวณเวลาดูสิ การที่เจียงเซ่อรับเล่นหนังของหลินซีเหวินในเวลานี้ ก็คงจะถ่ายหลังจากที่มีการโปรโมทเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เสร็จแล้วนั่นแหละ”
ในเรื่องของเวลานั้น หนังเรื่องใหม่ที่จะมีการออกฉายก็คงจะเป็นก่อนหรือหลังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ถึงตอนนั้นความร่วมมือกันระหว่างเจียงเซ่อและเชี่ยซ่าเหลย ก็คือเธอเองที่ได้เป็นนางเอกของหนังฟอร์มใหญ่ของยุโรปอเมริกา และเพราะว่ามันเป็นข่าวแบบนั้น มันก็มากพอที่จะทำให้ผู้ชมคนดูในหัวเซี่ยคึกคักเดือดพล่านกันขึ้นมาได้ไม่น้อยแล้ว
หลังจากที่เจียงเซ่อเซ็นสัญญารับเล่นเรื่อง ‘เซียนหยวน’ ไปแล้ว ก็เป็นอย่างที่เถาเฉินคิดเอาไว้ไม่มีผิด ทางหัวอิ่งนั้นได้ตอบรับข้อเงื่อนไขของเซี่ยเชาฉวินอย่างรวดเร็ว และสุดท้ายการเจรจาในเรื่องของค่าตอบแทนของหัวอิ่งก็มีส่วนช่วยในสิ่งที่เจียงเซ่อได้เจรจาเอาไว้กับลัวหยิ่น
เมื่อมาถึงช่วงปลายเดือน ลัวหยิ่นก็ได้แบ่งส่วนแบ่งของซื่อจี้หยินเหอให้เจียงเซ่อเป็น 3.5 ต่อ 6.5 และแบ่งหุ้นของซื่อจี้หยินเหอให้กับเจียงเซ่อเป็น 0.5 เปอร์เซ็นต์ และเจียงเซ่อก็ได้ต่อสัญญากับซื่อจี้หยินเหอเป็นเวลาแปดปี
สัญญานั้นปิดเป็นความลับต่อคนภายนอก แต่ก็หนีไม่พ้นถูกสืบจากพวกที่ตั้งใจมาสืบโดยเฉพาะ ใจใครจะคิดอย่างไรเจียงเซ่อจะไปมีเวลาไปสืบหาได้อย่างไรกัน หนังเรื่อง ‘The Lost City’ ของเชี่ยซ่าเหลยเข้าฉายแล้ว และทีมนักแสดงของเรื่อง ‘The Lost City’ ก็กำลังมีการโปรโมทกันในหัวเซี่ย
ถึงแม้ว่าในเรื่องบทบาทของเถาเฉินจะไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีดาราหญิงชาวหัวเซี่ยมาเป็นส่วนหนึ่งของหนังต่างประเทศ ดังนั้นจึงกลายเป็นจุดสนใจของเหล่าผู้ชมชาวหัวเซี่ยมากขึ้น หนังยังไม่มีการเข้าฉาย แต่ยอดเปิดขายบัตรหนังนั้นก็ได้มาเพราะชื่อเสียงเชี่ยซ่าเหลยส่วนหนึ่งแล้ว บวกกับพระเอกนางเอกของเรื่อง ยอดขายบัตรหนังในหัวเซี่ยก็ได้เกินสามร้อยล้านเข้าไปแล้ว
ถึงแม้ว่าหนังเรืองนี้เจียงเซ่อจะไม่ได้เข้าร่วมแสดง แต่เพราะว่าเชี่ยซ่าเหลยเป็นผู้กำกับของเรื่องนี้ และทั้งสองคนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นในวันแรกของการฉายหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ในหัวเซี่ย เชี่ยซ่าเหลยจึงได้เชิญเจียงเซ่อไปเข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย
การฉายหนังรอบแรกยังคงเป็นที่โรงภาพยนตร์ IMAX เช่นเดิม สถานที่จัดการนั้นกว้างและใหญ่ไม่น้อย เหล่าทีมงานสื่อข่าวต่างๆ จากทั่วประเทศที่ได้ยินข่าวคราวเหล่านั้น ก็รีบรุดมาที่ตี้ตูในทันที
นอกจากจะมีเหล่าคนในแวดวงสื่อและเหล่านักวิจารณ์หนังต่างๆ ที่ได้รับบัตรเชิญแล้ว ที่เหลือก็อยู่ในวงการบันเทิงกันทั้งนั้น
ในโถงโรงหนัง VIP ที่ใหญ่ที่สุดใน IMAX เหล่าสื่อทั้งหลายกำลังวุ่นวายใจอยู่กับการรอหนังฉายอย่างเป็นทางการ
ในบริเวณเขตยืนรอที่ข้างล่างตึกนั้น ก็ถือว่ากำลังคึกคักไม่แพ้กันเลย
นอกจากจะมีเหล่าผู้ชมคนดูที่จะเข้ามาดูการฉายหนังในครั้งนี้แล้ว ก็ยังทีชาวเน็ตอีกกลุ่มหนี่งที่กำลังรอดูความคึกคักในครั้งนี้ด้วย
คืนนี้เป็นการฉายหนังรอบแรกของเรื่อง ‘The Lost City’ คนกลุ่มหนึ่งก็ได้ซื้อตั๋วหนังรอบแรกมาไว้เรียบร้อยแล้ว และกำลังรอที่จะเข้าไปดูฝีมือการถ่ายทำของผู้กำกับเชี่ยซ่าเหลย และยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่รอเข้าไปดูดารานักแสดง
การที่หนังของเชี่ยซ่าเหลยกำลังจะเข้าฉาย ก็มีดาราหลายๆ คนที่ได้แสดงออกว่ากำลังสนับสนุนอย่างชัดเจนด้วยการซื้อบัตรหนังเข้าไปดู เหล่าชาวเน็ตต่างๆ ที่รอดูอยู่บริเวณที่จอดรถนั้น ก็ได้เห็นรถของดารามาตั้งหลายคันแล้ว
แต่ก่อนต้องมองผ่านหน้าจอเท่านั้นถึงจะสามารถเห็นดาราไอดอล แต่ในตอนนี้กลับอยู่ใกล้แค่เอื้อม แค่บอดี้การ์ดและผู้ช่วยดารากั้นเวลาที่จะขึ้นลงโรงภาพยนตร์เท่านั้นเอง
ท่ามกลางกลุ่มคน เฝิงหนานเองก็พาผู้ช่วยส่วนตัวมาด้วย และกำลังนั่งรออยู่ในห้อง VIP รอดูการฉายหนัง
เพราะว่าจุดยืนของหล่อนในวงการบันเทิงนั้นมันยังต่ำเกินไป ทำให้การฉายหนังรอบแรกในคืนนี้ หล่อนจึงไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะได้รับคำเชิญจากเชี่ยซ่าเหลย แต่เฝิงหนานก็ยังคงมีความมั่นใจอยู่เสมอ หล่อนคาดหวังว่าจะได้เจอกับเชี่ยซ่าเหลยโดยบังเอิญ เพื่อที่จะทำอะไรก็ได้เพื่อให้เชี่ยซ่าเหลยเกิดความประทับใจ