webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

533

บทที่ 533 เปรียบเทียบ

“คุณเถาครับ คุณโจวของทางซื่อจี้หยินเหอโทรมา บอกว่าทางฝั่งของเจียงเซ่อ ได้มีการรับเล่นหนังเรื่องใหม่แล้วครับ และค่าตัวก็อยู่ที่หลักนี้”

ซ่งอี้หันหน้าไปทางเถาเฉิน แล้วทำมือเป็นเลข ‘แปด’ เถาเฉินก็ไม่ได้พูดอะไร

หล่อนรู้ว่าการที่ซ่งอี้พูดเกริ่นมาแบบนี้ จะต้องยังมีเรื่องอื่นพูดอีกแน่ๆ

หนังเรื่อง ‘The Lost City’ นั้นจะมีการออกฉายอย่างเป็นทางการในวันที่สามในเดือนกุมภาพันธ์ เถาเฉินที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นตัวละครที่สำคัญอะไรมากมาย แต่เป็นเพราะว่าหลายปีมานี้ยอดขายบัตรของหัวเซี่ยนั้นถือว่าได้เป็นกำลังสำคัญแล้ว ดังนั้นหล่อนจึงได้ตามทีมงานไปโปรโมทหนังตามที่ต่างๆ ด้วย ถือว่าเป็นการได้สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในยุโรปและอเมริกาด้วย

จนกระทั่งตอนนี้ พึ่งพาชื่อเสียงของเชี่ยซ่าเหลยทำให้หล่อนได้สามารถทำความรู้จักกับผู้สร้างหนังและนักลงทุนของฮอลลีวูดมากมาย และได้นามบัตรของคนในวงการหนังมาอีกไม่น้อย ถ้าหนังเรื่อง ‘The Lost City’ เข้าฉายเมื่อไหร่ ถ้าหากว่ายอดขายบัตรหนังทั่วโลกมันดีละก็ ได้กลายเป็นซีรีย์ IP ฐานะของเถาเฉินก็จะสูงขึ้นไปอีก ถึงตอนนั้นหล่อนจะเข้าวงการของยุโรปอเมริกาก็คงจะง่ายขึ้นไม่ใช่น้อย

และเพราะว่าเป็นแบบนั้น ทำให้ในการโปรโมทหนังในครั้งนี้ เถาเฉินจึงมีการแสดงออกที่ดีมากๆ ตอนที่โจวเซิงติดต่อมา หล่อนก็ยังคงอยู่ในอเมริกาเหนืออยู่เลยด้วยซ้ำ ติดตามทีมงานไปโปรโมทหนังเรียบร้อยแล้วก็เพิ่งจะได้กลับมาถึงที่โรงแรม

ผู้ช่วยของหล่อนกำลังช่วยเช็ดเครื่องสำอางออกให้ ที่จริงหล่อนรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะพูดอะไรกับใครแล้ว แต่เป็นเพราะว่ามันเกี่ยวกับเจียงเซ่อ จึงทำให้เถาเฉินพยายามเรียกสติกลับคืนมา และฟังในสิ่งที่ซ่งอี้กำลังจะพูดต่อ

“นอกจากค่าตัวที่เพิ่มขึ้นเป็นแปดสิบล้านแล้ว เซี่ยเชาฉวินยังได้เจรจาขอส่วนแบ่งจากยอดขายบัตรอีกด้วยนะครับ”

พอซ่งอี้พูดขึ้นมาแบบนั้น คิ้วของเถาเฉินก็ขมวดเข้าหากันทันที

เบื้องต้นค่าตัวของเถาเฉินในหัวเซี่ยนั้นถือว่าทิ้งห่างจากดาราคนอื่นๆ มาก ภาพยนตร์ของหัวเซี่ย ค่าตัวที่ได้มาถึงมือเธอก็เกือบจะแตะร้อยล้านอยู่แล้ว

ถ้าหากว่าเกิดสนใจในยอดขายของบัตรหนังขึ้นมาละก็ หล่อนก็ต้องยอมที่จะลดค่าตัวลงเพื่อไปเอาส่วนแบ่งของยอดขาย

แต่ถ้าหากอยากจะได้ส่วนแบ่งของยอดขายบัตรหนังละก็ การเจรจาเรื่องค่าตัวก็ไม่มีทางที่จะขึ้นสูงได้ถึงแปดสิบล้านแน่ๆ

“เชาฉวินเป็นคนเสนอเงื่อนไขนี้ออกมางั้นหรือ?”

ผู้ช่วยที่กำลังช่วยหล่อนเช็ดเครื่องสำอางอยู่ชะงักไปเล็กน้อย เถาเฉินจ้องเขม็งไปที่ซ่งอี้

“แล้วทางผู้ลงทุนตกลงหรือเปล่า?”

เจียงเซ่อนั้นได้แสดงหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ของเชี่ยซ่าเหลยและยังได้ประกบคู่กับดาราชายอย่างโดนัลด์ ทำให้ได้ยกฐานะให้สูงขึ้นมาอีกหน่อย ถ้าหนังเรื่องต่อไปที่รับเล่นจะเพิ่มค่าตัวไปเลยร้อยล้านก็ถือว่าเยอะแล้ว และไม่มีทางที่จะสูงถึงขนาดนั้นแน่ๆ

อย่างไรเสียหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ก็ยังไม่ได้เข้าฉาย เรื่องยอดขายที่จะได้หรือจะเป็นคำวิจารณ์ต่างๆ ก็ยังไม่มีความแน่นอนอะไรเลยสักอย่าง

“เป็นหนังแบบไหนกัน ที่ทำให้หล่อนกล้าที่จะยื่นข้อเสนอที่เกินตัวขนาดนั้นออกมาได้?”

นิสัยของเซี่ยเชาฉวินเถาเฉินเองก็รู้ดีอยู่แล้ว เรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้หล่อนก็คงไม่มีทางที่จะสะเพร่าทำลงไปแน่ๆ

ถ้าหากว่าเจียงเซ่อยกตัวเองให้ขึ้นสูงขนาดนั้น สุดท้ายแล้วก็คงยากที่จะถอยลงมา และจะกลายเป็นที่น่าอึดอัดกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียแทน ถึงตอนนั้นถ้าหากว่าค่าตัวของเจียงเซ่อมันขึ้นไปถึงจุดนั้นจริงๆ ในประเทศก็คงไม่มีนักลงทุนคนไหนที่อยากจะจ่ายเงินค่าจ้างให้กับเธอแน่ๆ ถ้าเจียงเซ่อจะตั้งค่าตัวเองไว้สูงขนาดนั้น ก็ถือว่าสูงเกินมาตรฐานของตัวเองไปแล้ว

เซี่ยเชาฉวินเองก็ไม่ใช่ผู้จัดการที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ๆ ไม่มีทางที่จะทำเรื่องแบบนั้นแน่ๆ

นอกเสียจากว่าเซี่ยเชาฉวินนั้นเซี่ยเชาฉวินนั้นมั่นใจแล้วว่าสามารถเรียกราคานี้มาจากผู้สร้างหนังได้ อีกทั้งยังมั่นใจว่าทางอีกฝ่ายจะต้องยอมจ่ายให้แน่ๆ หล่อนถึงได้ทำแบบนั้น

ถ้าหากว่าเรื่องค่าตัวของเจียงเซ่อนั้นเจรจาสำเร็จแล้ว ในอนาคตทั้งฐานะกับค่าตัวก็คงจะเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล

“หนังเรื่องนั้นก็ไม่ใช่หนังฟอร์มใหญ่อะไร ผู้กำกับก็เป็นแค่หลินซีเหวินเท่านั้นเองครับ”

ซ่งอี้ถอนหายใจออกมา ท่าทางเหนื่อยหน่ายใจไม่น้อย

“แต่ว่าบริษัทที่ลงทุนให้กับหนังเรื่องนี้คือหัวอิ่ง แถมผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของหัวอิ่ง ก็เป็นถึงคู่หมั้นของเจียงเซ่ออีก”

ดังนั้นเงื่อนไขที่เซี่ยเชาฉวินได้เสนอไปนั้น ยังไงหัวอิ่งก็จะต้องตกลงอยู่แล้วแน่ๆ

สำหรับคนที่เคยได้ร่วมงานกับทางหัวอิ่งมีเดียมาแล้วนั้น เรื่องความสัมพันธ์นั้นสำคัญกว่าเรื่องเงินมากๆ ที่จริงแล้วการที่เจียงเซ่อขอส่วนแบ่งยอดขายแบบนี้ สำหรับเผยอี้แล้วก็เหมือนส่งเงินจากมือซ้ายเข้ามือขวาก็เท่านั้นเอง

แต่สำหรับเจียงเซ่อนั้นไม่เหมือนกัน ซ่งอี้สังเกตเห็นแล้วว่าเถาเฉินกำลังกำหมัดแน่น เลยกดเสียงให้เบาลงอีกนิด

“โจวเซิงบอกว่า ตัวสัญญาของเจียงเซ่อนั้นใกล้จะหมดแล้ว และเมื่อหลายวันก่อนคุณลัวก็ได้นัดเจอเธอด้วยนะครับ”

พอเขาพูดจบ ก็ขยับตัวเข้าไปใกล้เถาเฉินอีกนิด

“คุณลองเดาดูสิว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน?”

พอซ่งอี้พูดจบ ก็พบว่าไม่ได้คำตอบจากหล่อนเสียที

เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ แต่ก็พบเข้ากับแววตาของเถาเฉินที่เหมือนจะยิ้มก็ไม่ใช่จะไม่ยิ้มก็ไม่เชิงจ้องมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เกิดอาการทำตัวไม่ถูกขึ้นมาเล็กน้อย

ที่จริงตอนแรกซ่งอี้แค่อยากจะแสดงให้เถาเฉินเห็นว่าตัวเองตั้งใจทำงานและทำออกมาได้ดีขนาดไหน แต่แววตาของเถาเฉินกลับเหมือนรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว

“ฉันก็ว่าว่าทำไมจู่ๆ เชาฉวินถึงได้ตั้งค่าตัวเอาไว้สูงขนาดนั้น ที่แท้ก็รอเรื่องนี้นี่เองหรือ”

พอหล่อนพูดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกแย่ขึ้นมาไม่น้อย

สัญญาระหว่างเจียงเซ่อและซื่อจี้หยินเหอใกล้จะหมดเวลาแล้วจริงๆ เรื่องที่ลัวหยิ่นนัดเธอไปพูดคุยกันก็แทบจะไม่ต้องให้เขาช่วยคิดแทนหรอก เพราะมันต้องเป็นเรื่องการต่อสัญญาแน่นอน

อยู่ในวงการนี้มาก็หลายปี เถาเฉินเองก็พอที่จะเข้าใจความคิดความอ่านและการตัดสินใจของบริษัทนี้ดี

เบื้องต้นตอนนี้ค่าตัวของเจียงเซ่อนั้นสูงมาก ทุนยุโรปอเมริกานั้นถือว่าหนาและแน่นกว่าของหล่อนมาก ในประเทศก็กำลังก้าวขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญก็คือ เรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงานกับทายาทของตระกูลเผย ซื่อจี้หยินเหอจะต้องพยายามรั้งเธอไว้แน่ๆ

แต่เมื่อคุยกันเรื่องตัวสัญญาแล้ว มันจะต้องไม่ใช่แค่พูดคุยกันแค่สองสามประโยค เจอกันแค่ครั้งสองครั้งก็ยังกำหนดออกมาได้เลย มันจะต้องมีการหยั่งเชิงกันทั้งสองฝ่าย และค่อยปรึกษาหารือกันอีก ถึงจะค่อยทำสัญญาออกมา

ครั้งแรกที่เจียงเซ่อได้ไปพบกับลัวหยิ่นนั้น จะต้องเป็นแค่การพูดคุยถึงข้อกำหนดทั่วๆ ไปในสัญญาแน่ๆ ยังมีรายละเอียดในสัญญาอีกหลายอย่างที่ยังคุยกันไม่สำเร็จ หลังจากนั้นทางบริษัทยังจะต้องมีการพิจารณากันอีก

และถ้าหากว่าเจียงเซ่อจะใช้จุดยืนและฐานะของตัวเองในตอนนี้มาเดิมพัน สามารถทำให้ลัวหยิ่นเกิดความลังเลขึ้นมาได้ นอกจากตัวหุ้นแล้ว เถาเฉินก็นึกอะไรไม่ออกอีก

เจียงเซ่อเป็นดาราที่มีความทะเยอทะยานสูง ตอนนี้สิ่งที่สามารถดึงดูดเธอได้ จะต้องไม่ใช่ส่วนแบ่งของทางบริษัทอีกต่อไป ถ้าหากว่าเธอบอกกับลัวหยิ่นไปว่าต้องการหุ้นของซื่อจี้หยินเหอ แล้วค่อยมาคิดอีกทีว่าอยากจะต่อสัญญาอีกหรือเปล่า ทำแบบนั้นเถาเฉินเองก็คงไม่รู้สึกแปลกใจอะไรนัก

ถ้าหากว่าพูดถึงเรื่องหุ้นจริงๆ มันก็ถือว่าได้กระทบเข้ากับลัวหยิ่นแล้ว เรื่องๆ นี้จะต้องมีการประชุมผู้บริหาร ทั้งลัวหยิ่นและทีมงานลูกน้องต่างๆ จะต้องช่วยกันคิดให้ดี สุดท้ายแล้วถึงค่อยมาตกลงกันว่าจะยอมแบ่งหุ้นให้เจียงเซ่อหรือไม่ และถ้าให้จะแบ่งให้เท่าไหร่

ในเวลานี้ก็เหมือนกับว่าบริษัทกำลังทำสงครามโต้ตอบลองเชิงกับเจียงเซ่ออยู่ เพื่อรอดดูว่าใครจะประนีประนอมก่อนกัน

แต่หนังเรื่องใหม่ที่เซี่ยเชาฉวินได้รับให้เจียงเซ่อนั้น มันก็เป็นเรื่องที่ทำให้ต้องขบคิดกัน

ดูแล้วเซี่ยเชาฉวินคงไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากการเซ็นสัญญาในครั้งนี้เลย ยังคงทำงานเหมือนเดิม หาหนังให้เจียงเซ่อเล่น แต่จริงๆ แล้วหล่อนกำลังหาช่องทางที่จะเพิ่มค่าตัวให้เจียงเซ่ออยู่ต่างหาก เพื่อเพิ่มแต้มต่อให้กับเจียงเซ่อในการเจรจากับซื่อจี้หยินเหอ

เมื่อลองๆ คิดดูแล้ว ถ้าหากว่าค่าตัวของเจียงเซ่อคือแปดสิบล้าน บวกกับส่วนแบ่งจากยอดขายบัตรหนัง เงินที่เธอจะได้จริงๆ ก็ถือว่าเกินที่เถาเฉินได้ไปไม่น้อยแล้ว

ในหลายปีที่ผ่านมานี้เจียงเซ่อได้เล่นหนังที่มียอดขายดีๆ ไปตั้งหลายเรื่อง ถ้าหากว่าคิดจากยอดขายบัตรหนึ่งพันล้าน อย่างนั้นรายได้ทั้งหมดที่เจียงเซ่อได้จากหนังเรื่องนี้ ก็คงจะสร้างกำไรให้กับซื่อจี้หยินเหอได้อย่างมากจริงๆ

เรื่องการเจรจาเรื่องค่าตัว ทั้งชื่อเสียงและจุดยืนของเจียงเซ่อที่อยู่ในระดับดี ในวงการต่างประเทศก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเชี่ยซ่าเหลยอีก หนังฟอร์มใหญ่ที่ถ่ายไปก็ยังเป็น ‘The second coming of Jesus Christ’ บวกกับเหตุผลอีกหลายอย่างมากมาย การที่ลัวหยิ่นจะยอมแบ่งหุ้นให้กับเจียงเซ่อ เพื่อแลกมากับการที่เธอจะต่อสัญญาก็มีความเป็นไปได้สูง

ถ้าหากว่าเจียงเซ่อได้หุ้นมาถือไว้ในมือละก็ ฐานะของเธอที่เป็นแค่ดารานักแสดงของซื่อจี้หยินเหอ คงเปลี่ยนไปเป็นผู้ร่วมถือหุ้นอย่างแน่นอน

ถึงตอนนั้นแล้วหล่อนยังจะเทียบอะไรเธอได้? จะเอาอะไรไปสู้ได้อีก?