webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

531-1

บทที่ 531-1 เซียนหยวน

หลังจากถ่ายทำหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ไปแล้ว ชื่อเสียงของเจียงเซ่อก็จะยิ่งส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตต่อบริษัทมากขึ้นในอนาคต เธอได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มนักแสดงหลักของหนังยุโรปอเมริกา ชื่อเสียงของเธอจะเป็นเหมือนตัวแทนของฐานะซื่อจี้หยินเหอและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ มีหลายเงื่อนไขและหลายข้อเสนอแนะที่สามารถขอเล่นบทพระนางได้ มันจะทำให้เธอกลายเป็นแบบอย่าง ว่าถ้าอยากจะเติบโตต่อในวงการหนังภาพยนตร์ของยุโรปอเมริกา ก็จะต้องเลือกเป็นซื่อจี้หยินเหอ

ซื่อจี้หยินเหอสำหรับเจียงเซ่อนั้น ถ้าเป็นเรื่องผลประโยชน์ของการรับเล่นหนังและการเป็นพรีเซนเตอร์ในแต่ละปีคงไม่ต้องพูดถึง เพราะยังไงเธอก็เป็นถึงดารานางเอกของซื่อจี้หยินเหอ แน่นอนว่าจะต้องสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับซื่อจี้หยินเหอได้แน่นอน มีผลประโยชน์มากมายต่อการเจริญเติบโตของบริษัทขนาดนี้ ลัวหยิ่นรู้และเข้าใจมันดีอยู่แล้ว

“ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันพี่ยวี่หูก็เพิ่งจะนัดฉันออกไปนั่งดื่มชาด้วยกัน พอได้ยินเธอพูดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในปีก่อนๆ แล้ว ก็รู้สึกว่าละอายใจต่อข้ออ้างต่างๆ ที่ผ่านมา เธอเองก็เข้าบริษัทนี้มาหลายปีแล้ว นี่ก็เพิ่งจะครั้งแรกที่ได้ชวนมานี่งดื่มชาและพูดคุยกัน”

ทั้งสองคนต่างก็พูดวนไปวนมาอย่างมีมารยาทกันอยู่สองสามประโยค และไม่ยอมที่จะเข้าประเด็นเสียที เซี่ยเชาฉวินที่นั่งไขว่ห้าง ก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแวบหนี่ง ก่อนจะเตือนทั้งสองออกไปว่ากำลังเสียเวลากันมามากพอแล้ว

หล่อนไม่ได้มีเวลาว่าง หลังจากนี้ยังต้องไปพูดคุยเจรจากับคนของบริษัท Federer อีก เรื่องสัญญาของนาฬิกาข้อมือ Federer ของเจียงเซ่อนั้น ที่จริงมันก็ใกล้ที่จะหมดสัญญาภายในเดือนมีนาคมนี้แล้ว ทำให้ภายในปีนี้เธอจึงไม่มีชิ้นงานอะไรที่จะนำเสนอ ไม่ได้เป็นประเด็นเท่ากับเถาเฉิน ทำให้โอกาสในการต่อสัญญาของ Federer ดูเลือนรางลง

แต่ดีที่โชคยังเข้าข้างเจียงเซ่ออยู่บ้าง หลังจากที่เธอได้คว้าโอกาสจากเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้สำเร็จ และได้บทนางเอกที่เคยเป็นของลาร่ามา จึงได้อาศัยโอกาสนี้ ในการเจรจาต่อสัญญากับ Federer อีกหนึ่งปี

เซี่ยเชาฉวินมีนัดเจรจาการต่อสัญญาในปีหน้ากับ Federer และตอนเย็นก็ยังมีนัดทานข้าวอีก

ลัวหยิ่นที่เป็นคนให้งานหล่อนเองก็น่าจะเข้าใจดีอยู่แล้ว พอเห็นว่าหล่อนเอ่ยทักขึ้นมาแบบนั้น ก็รีบเข้าเรื่องที่ต้องการจะพูดทันที

“ฉันจำได้ว่า สัญญาที่เสี่ยวเจียงได้เซ็นกับเราไป เหมือนว่าใกล้จะหมดเวลาแล้วใช่หรือเปล่า?”

สัญญาระหว่างเจียงเซ่อและซื่อจี้หยินเหอหมดแล้วจริงๆ แต่ว่าปัญหาระยะเวลาของสัญญา เหมือนว่าภายในเองจะมีการจัดการอย่างเข้มงวดมากๆ ดังนั้นถึงได้เพิ่งมาคุยกันตอนนี้ และมันก็เกี่ยวกับการถ่ายหนังของเจียงเซ่อด้วย

เบื้องต้นงานของเธอยังอยู่ในการดูแลควบคุมของซื่อจี้หยินเหอโดยเซี่ยเชาฉวิน ในระหว่างนั้นก็มีลองถามถึงบริษัทต้นสังกัดของเธอแล้ว แต่เท่าที่เซี่ยเชาฉวินพูด ก็ดูเหมือนว่าเจียงเซ่อจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับข่าวคราวนี้เท่าไหร่

เรื่องต่างๆ หลังจากนี้ ก็เหมือนว่าจะชัดเจนแล้วว่าเจียงเซ่อจะต่อสัญญากับซื่อจี้หยินเหอต่อ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ลัวหยิ่นสงบมาโดยตลอด

เขาไม่ได้กลัวว่าเจียงเซ่อจะมีเงื่อนไขอะไร แต่กลัวว่าเจียงเซ่อจะไม่มีเงื่อนไขมากกว่า

เกี่ยวกับการต่อสัญญา เจียงเซ่อนั้นได้ตัดสินใจมาอย่างแน่ชัดแล้ว เธอตั้งใจที่จะต่อสัญญากับ ซื่อจี้หยินเหอจริงๆ แต่ว่าตอนนี้อำนาจในการเซ็นสัญญานั้นอยู่ในมือของเธอแล้ว ไม่ใช่ของซื่อจี้หยินเหออีก แน่นอนว่ามันจะไม่ต้องเหมือนการเซ็นสัญญาเมื่อสองครั้งก่อนแน่ๆ ที่จะต้องให้ลัวอ้าวมาคุยแทน

เชื่อว่าลัวหยิ่นก็รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นในการต่อสัญญาครั้งนี้จึงไม่ให้ลัวอ้าวเป็นคนจัดการ แต่เป็นเขาที่มาเป็นคนคุยแทน

หลังจากที่รู้จักนิสัยของเจียงเซ่อแล้ว ลัวหยิ่นจึงไม่พูดถึงข้อจำกัดของเวลาในการเซ็นสัญญาในครั้งนี้ แต่จะแบ่งเปอร์เซ็นให้เจียงเซ่อถึง 15%

ที่ผ่านมานั้นเจียงเซ่อเซ็นสัญญากับซื่อจี้หยินเหอเป็นครึ่งต่อครึ่งมาโดยตลอด ตอนนี้ตามชื่อเสียงและจุดยืนของเธอที่มีมากขึ้น การแบ่งแบบนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมกับเธอสักเท่าไหร่

นอกจากเงื่อนไขการแบ่งสัดส่วนแล้ว เรื่องตัวเงินอื่นๆ ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก แต่ลัวหยิ่นก็ได้ให้สัญญาว่าจะให้ทุนทรัพย์และงานเธอมากขึ้นแน่นอน พอเขาพูดถึงข้อตกลงของตัวเองจบ เจียงเซ่อก็ยิ้มขึ้นมา

“คุณลัวคะ คุณเองก็รู้ดีอยู่แล้ว ในวงการนี้ ผลงานของฉันยังมีไม่มากเท่าไหร่”

เธอยังไม่ถือว่าเป็นศิลปินนักแสดงที่อยู่ระดับสูงอะไร เข้าวงการมาหลายปีแล้ว แต่หนังที่ได้รับแสดงก็นับเรื่องได้เลย เจียงเซ่อเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงอะไร เพื่อที่จะรับงานให้เยอะขึ้นกว่าเดิม อีกอย่างมูลค่าของตัวเธอที่มีมากขึ้น เธอไม่ได้ต้องการที่จะมาใช้ในการทำอะไรแบบนี้ ถึงเธอจะไม่ต่อสัญญากับซื่อจี้หยินเหอ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจตัวทุนที่จะเพิ่มมากขึ้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นทุนพวกนั้นไม่สามารถที่จะมาเป็นตัวโน้มน้าวเพื่อให้เธอยอมเซ็นสัญญาตามเงื่อนไขเหล่านั้นได้

“ดิฉันยอมที่จะต่อสัญญายาวไปถึงห้าปีได้ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องค่าตอบแทนต่างๆ” เจียงเซ่อเว้นระยะไว้เล็กน้อย ลัวหยิ่นพยักหน้า และรอให้เธอพูดส่วนที่เหลือต่อ

“การแบ่งเปอร์เซ็นต์ก็ให้เป็นไปตามที่คุณเสนอเอาไว้ แต่ว่าสิ่งที่ดิฉันต้องการ ก็คือหุ้นของซื่อจี้ หยินเหอ”

เจียงเซ่อพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมา ลัวหยิ่นเองก็ไม่แปลกใจ และดูเหมือนว่าคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วด้วย

ที่จริงก่อนที่จะเลือกซื่อจี้หยินเหอ เจียงเซ่อเองก็ตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่าต้องการที่จะได้หุ้นของซื่อจี้หยินเหอ

ส่วนแบ่งจะได้เท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับรายได้ที่เธอทำได้ มันยังไม่สามารถเป็นข้อเสนอที่จะทำให้เธอรู้สึกสนใจได้มากพอ ถ้าลัวหยิ่นอยากจะเก็บเธอเอาไว้ ก็ต้องเสนอเงื่อนไขที่จริงใจกว่านี้

ครั้งก่อนเขาสามารถแบ่ง 0.1% ให้กับเซี่ยเชาฉวินเพื่อรั้งหล่อนเอาไว้ได้ ทำให้จากพนักงานธรรมดาอย่างเซี่ยเชาฉวินขึ้นมาเป็นผู้ร่วมถือหุ้นที่ได้รับส่วนแบ่งกำไรในทันที แน่นอนว่าเจียงเซ่อเองก็จะต้องให้ความสำคัญกับจุดนี้ด้วย

ทั้งสองฝ่ายต่างวางข้อเสนอของตัวเองเอาไว้ และค่อยๆ พูดคุยเรื่องการสร้างสัญญาครั้งนี้ขึ้นมาอย่างละเอียดและรอบคอบ การที่ลัวหยิ่นไม่ได้ปฏิเสธเธอก็ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีแล้ว แต่สุดท้ายเขาจะยอมแบ่งหุ้นให้กับเจียงเซ่อได้เท่าไหร่ เรื่องนี้ก็ต้องเป็นการเจรจาและตัดสินใจกันระหว่างทั้งสองฝ่าย

หลังจากลงมาจากชั้นที่ยี่สิบเก้าของซื่อจี้หยินเหอแล้ว เซี่ยเชาฉวินก็กลับไปที่ห้องทำงานกับเจียงเซ่อ และโม่อานฉีก็นั่งรออยู่ที่นั่นแล้ว ในมือมีกองเอกสารกองหนึ่ง และลอบมองเจียงเซ่ออย่างเงียบๆ

หล่อนเองก็พอจะเดาถึงเหตุผลที่ลัวหยิ่นเรียกเจียงเซ่อไปพบได้อยู่ แต่สิ่งที่สงสัยก็คือผลจากการที่ไปเจรจาพูดคุยกันมา แต่พอมองสีหน้าของเซี่ยเชาฉวินและเจียงเซ่อแล้วก็เหมือนว่าจะเดาอะไรไม่ออกเลย หล่อนเองที่เซ็นสัญญาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเจียงเซ่อ เงินเดือนทั้งหมดก็มีเจียงเซ่อเป็นคนจ่าย ดังนั้น เจียงเซ่อจึงเป็นหัวหน้าของหล่อน

ไม่ว่าเจียงเซ่อจะเซ็นสัญญากับซื่อจี้หยินเหอต่อหรือไม่ก็จะไม่มีผลกระทบอะไรกับหล่อน ดังนั้นในเมื่อเซี่ยเชาฉวินและเจียงเซ่อยังไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้กัน หล่อนก็ทำได้แค่กดความสงสัยใคร่รู้ของตัวเองเอาไว้ก่อน

“เรื่องข้อมูลของหนัง ก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้รับตัวบทหนังมาหลายเรื่องให้เซ่อเซ่อเลือกด้วยนะ”

บทหนังเหล่านี้ล้วนแล้วเป็นบทหนังที่ทางบริษัทคัดมาแล้วทั้งสิ้น แต่ละเรื่องก็ถือว่าไม่เลวเลย แต่เจียงเซ่อกลับส่ายหน้าให้

“เก็บเอาไว้ก่อนเถอะ”

โม่อานฉีแปลกใจไม่น้อย และเหมือนจะเข้าใจความหมายของเจียงเซ่อผิดด้วย

“เซ่อเซ่อกำลังกังวล ว่าถ้าเกิดรับเล่นหนังแล้ว จะพลาดจากการโปรโมทหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ในต้นปีหน้างั้นหรือ?”

กำหนดการเข้าฉายหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ คือภายในเดือนมีนาคม จางจิ้งอานตั้งใจที่จะเอาหนังเรื่องนี้ไปเข้าชิงรางวัลในงานหนังภาพยนตร์ของฝรั่งเศส และคาดหวังที่จะได้รางวัลด้วย คนที่แสดงเป็นพระนางของเรื่อง ไม่ว่าอย่างไรหลิวเย่และเจียงเซ่อก็จะต้องไปเข้าร่วมด้วย หลังจากได้รางวัลแล้วก็จะต้องมีการโปรโมทให้ทั่ว แน่นอนว่าจะต้องไม่มีเวลาไปถ่ายหนังเรื่องอื่น

เซี่ยเชาฉวินหันไปมองเจียงเซ่อครู่หนึ่ง เจียงเซ่อส่ายหัว แล้วอธิบาย

“ก่อนที่ฉันจะเซ็นสัญญาเล่นหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ผู้กำกับหลินได้นัดเจอฉันเอาไว้ เพื่อที่จะเอาบทหนังของตัวเองให้กับฉันน่ะค่ะ”

การรับเล่นหนังกับการโปรโมทหนังของเธอนั้นมันไม่มีทางชนกันอยู่แล้ว เธอสามารถที่จะรับบทหนังเอาไว้ก่อน หลังจากการโปรโมทเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ จบก็ค่อยเริ่มถ่ายหนังก็ได้

พอเธอพูดแบบนั้น โม่อานฉีก็เข้าใจในทันที

“หลังจากที่รับเล่นเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ไปแล้ว ฉันเคยนัดพูดคุยกับผู้กำกับหลินเอาไว้ค่ะ” ตอนนั้นเธอตั้งใจที่จะคืนบทหนัง แต่หลินซีเหวินกลับยืนยันว่าจะรอเธอดูมันก่อน เอาไว้ให้เธอตัดสินใจจริงๆ ว่าจะไม่เล่นเรื่องนี้เขาก็ค่อยหานางเอกคนอื่นก็ได้ ดังนั้นบทหนังเรื่องนี้จึงอยู่ที่เจียงเซ่อมาโดยตลอด

ตอนที่ถ่ายทำเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เสร็จ พอกลับมาที่ประเทศแล้วเธอก็ได้ติดต่อไปหาหลินซีเหวิน และดูเหมือนว่าเขาจะรอคำตอบของเจียงเซ่อมาโดยตลอด และดูเหมือนว่าหนังเรื่องนี้ยังไม่เคยมีการติดต่อหานักแสดงคนอื่นเลยจริงๆ

ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไร เจียงเซ่อก็ตัดสินใจอย่างแน่ชัดแล้วว่าจะดูบทหนังของหลินซีเหวินก่อน แล้วค่อยไปพิจารณาถึงเรื่องอื่นๆ

เซี่ยเชาฉวินพยักหน้า “งั้นก็ลองดูให้จบก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถ้าเกิดว่าเธอสนใจ หลินซีเหวินจะต้องติดต่อกลับมาทางบริษัทแน่ๆ”

บทหนังเรื่องนี้ถูกตั้งเอาไว้ที่เจียงเซ่อมาเกือบปีกว่าแล้ว และในระยะเวลานั้นก็ไม่เคยได้เปิดมันอ่านเลย

ตอนที่โม่อานฉีไปรื้อหาบทหนังที่ติดชื่อของ ‘หลินซีเหวิน’ บนตู้ก็ยังต้องใช้เวลาหาอยู่พักหนึ่ง เจียงเซ่อหยิบบทหนังขึ้นมา และเปิดปากซองขึ้น จากนั้นก็ดึงบทหนังและเอกสารข้อมูลตัวละครออกมาจากในนั้น