webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

521-2

บทที่ 521-2 ยังต่อกร

เขาคิดว่าช่วงนี้คงเป็นเพราะว่าตัวเองถ่ายหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จนเผลออินเกินไปเสียหน่อย จึงมีบ่อยครั้งที่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในบทบาทของอังเดรมากเกินไป ทำให้เขาเกิดรู้สึกขึ้นมาว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นคือบริตนีย์จริงๆ ไม่จำเป็นต้องสร้างอารมณ์ ก็สามารถเข้าสู่บทบาทได้อย่างง่ายดาย

โดนัลด์สะบัดหัวเล็กน้อย แล้วชี้ไปที่ผู้ช่วยข้างๆ ที่เหมือนว่าจะเหนื่อยมากไปหน่อย จนผล็อยหลับไปแล้วไหลไปกองกับพื้นจนเหลือแต่เก้าอี้เปล่าๆ ส่งสัญญาณว่าให้เจียงเซ่อนั่งลงก่อน

ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกหลายประโยค แต่ทั้งผู้ช่วยและผู้จัดการของเขาก็ยังนอนหลับสนิท ดูท่าทางว่าช่วงนี้จะเหนื่อยมากจริงๆ

เจียงเซ่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนว่าโดนัลด์เองก็รู้ว่าในใจของเธอกำลังคิดอะไรอยู่

“ไม้ต้องกังวลไปหรอก พวกเขาจะอยู่กับฉันตลอดการถ่ายทำ เกือบจะสี่สิบแปดชั่วโมงแล้วที่ไม่ได้นอน ตอนนี้พอได้นอนหน่อย ฉันยังกังวลอยู่เลยว่าพวกเขาอาจจะไม่ตื่นไปอีกสักพักเลย”

“บางทีอาจจะต้องให้เจ้าชายจุมพิต ถึงจะสามารถแก้คำสาปได้นะคะ”

เจียงเซ่อพูดติดตลกขึ้นมา ก่อนจะนั่งลงตามคำเชิญ โดนัลด์ชะงักไปเล็กน้อย พอเริ่มเข้าใจว่าเจียงเซ่อกำลังพูดถึงอะไร เขาก็เผลอยิ้มหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“แบบนั้นฉันก็คงแย่เลยน่ะสิ”

ประโยคพูดหยอกล้อทำเอาเหมือนอีกสองคนที่ยังอยู่กลายเป็นแค่คนนอก ในขณะที่กำลังพูดคุยกัน เจียงเซ่อก็พบว่าโดนัลด์นั้นเป็นคนที่ไม่พูดเยอะ แต่จริงๆ แล้วเขาก็เป็นคนที่ฉลาดมากคนหนึ่ง นอกจากเขาจะได้เรียนรู้และทำความเข้าใจกับเรื่องของศาสนาเพราะต้องถ่ายหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ แล้ว ตัวเขาเองก็ยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมของหัวเซี่ยอีกด้วย รู้เรื่องนิทานและคำบอกเล่าเรื่องต่างๆ ของหัวเซี่ย กับประวัติศาสตร์เขาเองก็รู้เหมือนกัน

บวกกับพอดีที่ว่าเจียงเซ่อเองก็เรียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มา เมื่อทั้งสองคนมีเรื่องที่สามารถคุยกันได้ ทั้งสองก็สามารถพูดคุยกันได้อย่างสบายใจและผ่อนคลาย แต่มันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลาได้ผ่านกว่าครึ่งชั่วโมงอย่างไม่ทันได้รู้ตัว เชี่ยซ่าเหลยเองก็มาถึงที่กองถ่ายแล้ว พอเห็นว่าทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ เขาก็เผยสีหน้าแปลกใจออกมาทันที จากนั้นก็รีบเข้ามานั่งร่วมวง และขอเข้าสู่บทสนทนาด้วยทันที

แต่ทว่าถึงแม้ว่าหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่นั้นจะน่าสนใจแค่ไหน แต่เวลามันก็ยังคงไหลไปเรื่อยๆ เจียงเซ่อสังเกตเห็นแล้วว่าเชี่ยซ่าเหลยแอบยกนาฬิกาข้อมือมาดูหลายครั้งแล้ว

และเพราะว่าท่าทางแบบนั้นของเชี่ยซ่าเหลย ทำให้เจียงเซ่อเองก็พบว่าตอนนี้มันเจ็ดโมงครึ่งแล้ว ฉากต่อไปที่จะต้องถ่ายทำคือตอนเก้าโมงตรง แต่ลาร่ายังมาไม่ถึงกองถ่าย

เธอจำได้ว่าเมื่อคืนโม่อานฉีพูดว่า หลังจากเมื่อวานที่ลาร่าสั่งให้คนมาลงมือบางอย่างกับการถ่ายหนังของเธอเสร็จ หล่อนก็กลับไปที่โรงแรมและไปปาร์ตี้ต่อทันที เจียงเซ่อเดาว่า หรือเป็นเพราะว่าลาร่าคิดว่าได้สั่งสอนเธอแล้ว จึงไปฉลองความสำเร็จอย่างนั้นหรือ?

เจียงเซ่อคิดได้แบบนั้น ก็หลับตาลง พยายามปกปิดแววตาของตัวเองเอาไว้

ความไม่พอใจของเชี่ยซ่าเหลยเริ่มที่จะปรากฏอยู่บนหัวคิ้วของเขาแล้ว เขากวักมือเรียกผู้ช่วย

“ติดต่อผู้จัดการส่วนตัวลาร่า บราวน์ให้ที...”

พอพูดจบ ก็มีเสียงของเด็กสาวกลุ่มหนึ่งหัวเราะขึ้นมา

“...แล้วผลออกมาเป็นไงล่ะ?”

เด็กสาวคนหนึ่งถามขึ้นมา จากนั้นเสียงของลาร่าก็ดังขึ้น

“ใครมันจะไปรู้กันล่ะ? อาจจะเป็นร้องไห้โหยหวน รีบเก็บของกลับหัว...” คำสุดท้ายที่เป็นคำว่า ‘หัวเซี่ย’ ยังค้างอยู่ในปากของหล่อน พอเด็กสาวกลุ่มนั้นเข้ามา สายตาก็เหลือบไปเห็นเจียงเซ่อที่นั่งอยู่กับคนอื่นกลุ่มที่มุมๆ หนึ่งทันที

วินาทีที่ลาร่าเห็นเจียงเซ่อนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็ฝืดลงทันที ดูท่าว่าคงยังไม่รู้ว่าเจียงเซ่อจะยังอยู่ที่กองถ่ายต่อ

แต่ตอนนี้หล่อนก็ไม่สามารถจะคิดอะไรได้มากกว่านี้แล้ว ท่าทางของเชี่ยซ่าเหลยดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทีมงานในกองถ่ายก็ได้เตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว โดนัลด์เองก็รออยู่ที่กองถ่ายมาโดยตลอด ยอมที่จะอยู่ค้าง แต่ไม่ยอมที่จะมาสาย

ตัวเขาเองก็มาถึงที่กองถ่ายกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วแต่ลาร่าเพิ่งมา แน่นอนว่านี่ต้องทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว

ถึงแม้ว่าลาร่าจะไม่ได้มาสาย แต่กับเจียงเซ่อที่ขนาดคิวถ่ายของตัวเองหมดแล้วแบบนี้ ก็ยังมาถึงที่กองถ่ายเร็วเหมือนเดิม ทำให้การมาช้าของลาร่ากลายเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับเชี่ยซ่าเหลยไป

ฉากนี้เป็นฉากหลังจากที่อังเดรเช่นสังเวยชีวิตของเชอรีนไปแล้ว และกำลังขอพรให้กับตัวเอง เขาต้องการที่จะกลายเป็นบาทหลวงที่มีอำนาจสูงสุด ต้องการที่จะเป็นตัวแทนของศาสนาในยุคนี้ ต้องการที่จะเป็นพระสันตปาปา เป็นใหญ่ที่สุดในศาสนา

และพระเจ้าก็ตอบรับคำขอพรจากเขา ในคืนเดียวกัน หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านถูกยึดครองโดยปีศาจที่ผุดมาจากนรกอเวจี

ในขณะที่อังเดรตกใจกลัวตะลึงพรึงเพริด ก็รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างของพระเจ้าที่ตัวเองได้มา เขาคิดว่าตัวเองสามารถที่จะขุดรากถอนโคนพวกปีศาจเหล่านั้นได้

หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านตกอยู่ในความมืดก่อนที่จะย่ำรุ่ง บริตนีย์ได้มองดูภาพของการชำระบาปอย่างหวาดกลัว เฝ้าภาวนาอธิฐานให้พระเจ้าทรงกลับมา นาทีนั้นเองที่อังเดรปรากฏตัวขึ้น ฆ่าปีศาจเหล่านั้นตายต่อหน้าเธอ และช่วยเธอออกจากขุมนรกนี่ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้รับคำสาปแช่งที่แสนรุนแรงกลับมาด้วย

หลังจากที่ถ่ายหนังติดๆ กันมาหลายวัน ลาร่าก็พบว่าเจียงเซ่อยังคงอยู่ที่กองถ่าย ไม่ได้รีบหนีไปอย่างที่หล่อนคิดเลยแม้แต่น้อย

ทุกครั้งที่เด็กสาวชาวหัวเซี่ยคนนี้คอยดูการแสดงของเธอ ก็มักจะมีผ้าคลุมปิดหน้าปิดเอาไว้อยู่ตลอด ก็ไม่รู้ว่ามันรุนแรงสาหัสขนาดไหน และมักจะใช้แววตาที่ทำให้หล่อนรู้สึกไม่สบายใจ และมันก็ทำให้หล่อนโดน ‘NG’ ติดกันอยู่หลายครั้ง ทำให้เชี่ยซ่าเหลยหงุดหงิดโมโหอยู่ตลอดเวลา

หล่อนไม่รู้ว่าเป็นเพราะหล่อนลงมือกับเจียงเซ่อในวันนั้นหรือเปล่า ทำให้เรื่องที่เจียงเซ่อโดนไฟเผาในขณะที่กำลังถ่ายทำนั้นมีคนรู้ มันทำให้ลาร่าคิดว่าเจียงเซ่อกำลังใช้โอกาสนี้ในการหาทางแก้แค้นหล่อนอยู่

ในหลายวันที่ผ่านมานี้หล่อนแสดงได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทุกครั้งที่ถูกเจียงเซ่อจ้องมองมา หล่อนก็จะรู้สึกหวาดกลัวอยู่เสมอ กลัวว่าเจียงเซ่อจะแอบลงมือกับตัวหล่อนเมื่อไหร่ก็ได้

หล่อนได้ยินผู้จัดการเตือนเอาไว้มาก่อนหน้านี้ ว่าอาการบาดเจ็บของเธอนั้นมันรุนแรงมาก เผาโดนใบหน้าของเธอเลยด้วยซ้ำ และเหมือนว่าเธอคงไม่ยอมยุติเรื่องนี้ลงง่ายๆ แน่

และตัวลาร่าเองก็สัมผัสได้ ว่าอีกสองวันหลังจากนี้ ตัวเองก็มีซีนที่จะต้องถ่ายตอนถูกไฟเผาเหมือนกัน และมันก็ยิ่งทำให้หล่อนไม่สบายใจเลย

สิ่งที่ตัวเองทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ มีแต่หล่อนที่รู้ดีอยู่แก่ใจ ถ้าหากว่าเจียงเซ่อเสียโฉม เธอก็คงคิดที่จะใช้วิธีนี้แก้แค้นหล่อนกลับเหมือนกัน จะต้องเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับใบหน้าของหล่อนแน่ๆ และจะต้องสูญเสียงานไปทั้งหมด

ทุกครั้งที่คิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมา ลาร่ามักจะเกิดอาการตื่นตระหนกอยู่เสมอ และยากที่จะทำให้มันสงบลง

เวลาถ่ายก็เหม่อและหลุดบทอยู่หลายครั้ง ท่าทางของเชี่ยซ่าเหลยเองก็ยิ่งดูไม่พอใจขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ลาร่าเองก็เข้าใจถึงสถานการณ์ในตอนนี้ แต่มันก็ยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกไม่สบายใจและกังวลสุดๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

โดยเฉพาะกับตอนที่ถึงเวลาที่ตัวเองจะต้องถ่ายฉาก ‘เผาคน’ จิตใจของหล่อนก็ยิ่งกังวล

แจ็ค ผู้จัดการส่วนตัวของหล่อนก็ได้มีการเตรียมพร้อมฉากนี้เอาไว้ให้เธอตั้งนานแล้ว ช่วงนี้หล่อนดูกังวลกับเรื่องนี้มากจริงๆ ไม่ได้หลับได้นอนมาหลายวัน บวกกับหน้าที่แสดงในกองถ่ายก็หนักหนาสาหัส ยิ่งทำให้ลาร่าหงุดหงิดง่ายกว่าเดิม

เป็นถึงนางเอกของหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ลาร่าและเจียงเซ่อนั้นไม่เหมือนกัน เธอมีห้องแต่งหน้ามืออาชีพส่วนตัว และทีมงานอีกหลายคนก็กำลังช่วยกันตรวจสอบเสื้อผ้าและรายละเอียดที่จะต้องทำให้ดูเหมือนผ้ากำลังไหม้

ผู้จัดการส่วนตัวของหล่อนเปิดประตูห้องแต่งหน้าออก แล้วมองไปข้างนอกรอบๆ พอดูแล้วว่าไม่มีคน ก็รีบหดหัวเข้าไปทันที และมองหน้าลาร่า จากนั้นก็เตือนหล่อนด้วยน้ำเสียงเบาๆ

“เธอจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้วนะลาร่า ตอนนี้เชี่ยซ่าเหลยกำลังไม่พอใจเธอมาก แถมยังมีคุยกับทางคุณบอร์เจียไปแล้วด้วย!”

เขาต้องการที่สื่อให้ลาร่ารู้ว่าเรื่องนี้มันกำลังจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว แต่ทว่าเด็กสาวคนนี้กำลังได้รับความกดดันจากสายตาของเจียงเซ่อ ทำให้ช่วงนี้กังวลจนไม่ได้หลับเลย