webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

520-2

ตอนที่ 520-2 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

เซี่ยเชาฉวินนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สายตาจ้องมองไปบนกระจก และสบตากับเจียงเซ่อผ่านกระจกเงานั่น ทั้งสองคนค่อยๆ กดยกมุมปากขึ้น เหมือนว่ากำลังยิ้มอยู่อย่างไรอย่างนั้น

“หรือว่าจะปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ ล่ะ?”

ฉากของเจียงเซ่อถ่ายหมดแล้ว และตั๋วกลับหลังจากที่ถ่ายหนังเสร็จก็เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วย โม่อานฉีใบ้กิน กลับประเทศ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างนั้นหรือ? โม่อานฉีสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย “หรือว่าจะเอาแบบนี้ดี”

จู่ๆ หล่อนก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ แววตาเป็นประกายขึ้นมา

“หลังจากนี้หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จะต้องมีการโปรโมท”

เบื้องต้นแหล่งรายได้ที่จะทำยอดขายให้กับบัตรหนังนั้นมีอยู่สองที่ นอกจากที่ยุโรปและเมริกาแล้ว ก็ยังมีที่หัวเซี่ยอีก

หลายปีมานี้ตามที่หัวเซี่ยเองก็มีการก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นมาก ทำให้ประชากรของหัวเซี่ยมีกำลังซื้อกันมากขึ้น ในวันที่จะมีการออกฉายหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ นั้น นักแสดงทุกๆ คนจะต้องมีการไปโปรโมทในหัวเซี่ย โม่อานฉียิ้มเย้ยขึ้นมา

“ดาราสาวลาร่า บราวน์คนนี้หล่อนดูถูกเธอ อยากจะทำให้เธอดูแย่ คิดว่าเธอไม่รู้ภาษาอังกฤษอย่างนั้นเหรอ? ถึงตอนนั้นพวกเราก็ตาต่อตา ฟันต่อฟันไปเลย เอาให้รู้ว่าพวกเราเก่งแค่ไหน”

พูดถึงตรงนี้ โม่อานฉีก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

“อยู่ในหัวเซี่ย ก็ยังมีพวกของคุณเผยอีกไม่ใช่หรือ ถ้าหล่อนมา ถึงตอนนั้นอยากจะจัดการกับหล่อนยังไง ก็ค่อยจัดการเลยก็ได้นี่ ให้หล่อนรู้สึกเสียใจที่คิดก่อเรื่องขึ้นในวันนี้”

“ก็ไม่ได้เหมือนกัน”

เจียงเซ่อส่ายหน้า “ฉันเองก็แสดงหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ เหมือนกัน ถ้าหากเรื่องที่นักแสดงหลักกับนักแสดงตัวประกอบมีเรื่องขัดแย้งมันหลุดออกไปละก็ ไม่เพียงแค่ลาร่าที่จะตกที่นั่งลำบาก ผู้สร้างอย่างเชี่ยซ่าเหลยเองก็คงจะพลอยโดนลูกหลงไปด้วย”

ที่สำคัญก็คือ ถ้าเจียงเซ่อทำแบบนั้นก็อาจจะได้กระแสไปสักระยะหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็จะกลายเป็นการสร้างความขัดแย้งต่อเชี่ยซ่าเหลยและนักแสดงคนอื่นๆ ในยุโรปอเมริกาด้วย ต่อไปในอนาคตถ้าเธออยากจะเข้าวงการต่างประเทศก็คงยาก เพราะในเมื่อทิ้งความรู้สึกแย่ๆ ไว้แล้ว ต่อไปถึงแม้ว่าเธอจะมีฝีมือการแสดงที่ดี แต่ก็คงไม่มีใครที่อยากจะร่วมงานกับเธออีก

และต่อไปงานของเธอก็คงจะวนเวียนอยู่แค่ในหัวเซี่ย โอกาสการขยายงานก็อาจจะกว้างขึ้น แต่ก็คงไม่ใช่อย่างที่เจียงเซ่อเคยคาดหวังเอาไว้แน่นอน

“แล้วก็นะ” เธอเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา

“ทำไมเรื่องของฉัน ถึงต้องให้คนอื่นมาช่วยแก้แค้นแทนด้วยล่ะ? อาอี้เป็นอีกครึ่งชีวิตของฉันก็จริง แต่ไม่ใช่ร่มชูชีพที่ต้องมาคอยปกป้องฉันตลอดเวลาหรอกนะ”

เธอกดยิ้มมุมปาก โม่อานฉียังคงถามต่อ

“ถ้างั้นจะทำยังไงล่ะ? จะปล่อยหล่อนไปอย่างนั้นหรือ? ให้หล่อนได้ประโยชน์ไปเนี่ยนะ?”

“ได้ยังไงล่ะ?”

เจียงเซ่อเงยหน้าขึ้นมา ขบปลายลิ้นตัวเองเบาๆ

“ฉันต้องเสียเปรียบแบบนี้ จะไม่ตอบแทนคุณบราวน์สักหน่อยได้ยังไงกัน?”

ตอนนี้เธอไม่กล้าที่จะไปแตะปลายคางที่เริ่มเป็นสีแดงๆ และผิวบนลำคอที่เป็นแผลอักเสบไปแล้ว ก่อนหน้านี้แพทย์ของกองถ่ายก็ได้เตือนเอาไว้แล้ว ว่าให้ดีที่สุดคืออย่าไปแตะต้องแผลเป็นอันขาด เพื่อป้องกันไม่ให้แผลเกิดอาการติดเชื้อ

“ช่วยไปยกเลิกตั๋วเครื่องบินที่จะกลับของฉันทีนะคะ ฉันว่าฉันจะอยู่ที่กองถ่ายนี้ต่อ เพื่อที่จะ ‘สังเกตการณ์’ การแสดงของคนอื่น”

พอเจียงเซ่อพูดแบบนั้นออกมา เซี่ยเชาฉวินก็เข้าใจกับสิ่งที่เธอตัดสินใจในทันที มุมปากของเซี่ยเชาฉวินกระตุกขึ้น เหมือนยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ได้ยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าให้

“แล้วเธอคิดจะทำยังไงอีก?”

“พี่เชาฉวินคะ พี่ช่วยหาบางอย่างให้ฉันหน่อยสิ เอาเป็น วันไหนที่คุณบราวน์จะมีการถ่ายฉากถูกไฟเผา”

เจียงเซ่อได้อ่านนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ มาหลายรอบแล้ว ส่วนบทหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่นำมาดัดแปลงนั้นก็ได้อ่านวนมาตั้งหลายครั้ง ไม่ว่าจะฉากไหนเธอก็จำได้ขึ้นใจ ไม่ใช่แค่ตัวละครเชอรีนเท่านั้น เพราะแม้แต่เรื่องราวของตัวละคร ‘บริตนีย์’ เองเธอก็จำได้อย่างแม่ยำ และบทบริตนีย์ที่แสดงโดย ลาร่า บราวน์ นั้นก็จะต้องมีฉากที่โดน ‘เผา’ เพื่อเป็นเครื่องสังเวยเหมือนกับเธอด้วย

“เซ่อเซ่อ เธออยากจะให้วิธีตาต่อตา ฟันต่อฟันอย่างนั้นหรือ?”

โม่อานฉีเบิกตากว้าง ท่าทางดูตกใจไม่น้อย เจียงเซ่อยิ้มตาหยี เป็นรอยยิ้มที่หวานล้ำ “จะทำแบบนั้นได้ยังไงกันละคะ? ทำเรื่องอะไรแบบนั้น ไม่ใช่นิสัยของฉันเสียหน่อย”

“เพราะยังไงมันก็ง่ายที่จะถูกคนจับได้ด้วย” เซี่ยเชาฉวินจ้องไปที่โม่อานฉีครู่หนึ่ง “ลาร่า บราวน์ เป็นนักแสดงหลักนะ”

น้ำมันกันความร้อนของเจียงเซ่อมีปัญหา แต่เพราะว่าเธอเป็นแค่ตัวประกอบ ฟ้องอะไรไปก็เปล่าประโยชน์

แต่ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับการถ่ายทำของนักแสดงหลัก และถ้าลาร่าฟ้องละก็ ผลที่ตามมาก็จะหนักหนาไปด้วย และมันก็อาจจะส่งผลกระทบมาถึงการมีอยู่ของบทตัวละครที่เจียงเซ่อเล่นในเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’

เจียงเซ่อพยักหน้ายิ้มๆ เซี่ยเชาฉวินเองก็พอจะเข้าใจในสิ่งที่เธอคิดแล้ว หลังจากหาหมอของทางกองถ่ายเรียบร้อย ก็ได้ยาทามา และใบรับรองแพทย์สำหรับอาการบาดเจ็บของเธอ

ตอนที่เดินออกมาจากห้องแต่งตัว ก็ยังมีการหาผ้าจนหนูมาให้เจียงเซ่อคอยปิดใบหน้าของเธอเอาไว้

การกระทำแบบนั้นทำเอาเชี่ยซ่าเหลยและโดนัลด์ตกใจไม่น้อย การถ่ายทำเสร็จไปได้พักหนึ่งแล้ว ทีมงานแต่ละคนก็กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมถ่ายทำฉากต่อไป พอเชี่ยซ่าเหลยเห็นเจียงเซ่ออยู่ในสภาพแบบนั้นแล้ว ก็ขมวดคิ้วและรีบลุกขึ้นทันที จากนั้นก็ทำท่าว่าให้เจียงเซ่อนั่งลง เพื่อที่จะคุยกัน

เพราะนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ ที่ทำให้ทั้งสองคนได้มาเจอกัน เชี่ยซ่าเหลยได้รู้จักเธอมาก็หลายปี ชื่นชมในความฉลาดเฉลียวและนิสัยของเธอ เวลาที่ได้ร่วมงานด้วยก็รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย ตอนที่ได้เห็นใบหน้าของเจียงเซ่อนั้น เขาเองก็แสดงความเป็นห่วงและกังวลต่ออาการบาดเจ็บของเธอไม่น้อย

“เจียง เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของเธออย่างนั้นหรือ?”

ท่ามกลางความมืดในยามค่ำคืน ทั้งสองคนต่างก็สวมชุดที่หนาไม่น้อย มือทั้งสองข้างซุกเข้าในกระเป๋าเสื้อ และมองไปรอบๆ กองถ่าย

“เป็นเพราะการข้อผิดพลาดขึ้นในการถ่ายทำวันนี้หรือเปล่า?”

ตอนที่ถ่ายทำนั้นผ่านไปได้อย่างราบรื่นมากๆ เจียงเซ่อแสดงออกมาได้ดีสุดๆ เชี่ยซ่าเหลยเองก็ไม่ทันได้สังเกตว่าหลังจากนั้นเจียงเซ่อได้รับบาดเจ็บจากการถูกเผาบ้างหรือเปล่า จนกระทั่งได้ยินมาจากหน่วยแพทย์ของทางกองถ่ายว่าผู้จัดการส่วนตัวของเจียงเซ่อมาขอยาทา และต้องหาผ้ามาปิดเอาไว้แบบนี้

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เป็นเพราะว่าฉันเกิดแพ้ตัวน้ำมันกันความร้อนเข้า เลยขอยาทามาจากคุณหมอ เอามาทาเสียหน่อย”

เจียงเซ่อดึงผ้าพันคอที่ปิดหน้าอยู่ขึ้นอีกนิด แววตาของเชี่ยซ่าเหลยจึงสงบลง

“เจียง การที่ได้ร่วมงานกับเธอมันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เธอเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์มากเลยนะ ไม่ว่าจะแสดงกี่ครั้งๆ ก็ทำได้ดีอยู่เสมอเลย”

เวลาที่อยู่ในกองถ่าย ไม่ว่าจะมีคิวถ่ายของเจียงเซ่อหรือไม่ เธอก็จะมาที่กองถ่ายอยู่เสมอ เพื่อคอยมองดูการแสดงของคนอื่น บางทีก็จะมาอยู่ที่หน้ากล้อง จากนั้นก็จะลองฝึกแสดงอารมณ์เหล่านั้นดูบ้าง ฝึกทำแบบนั้นอยู่ตลอดเวลา

บางทีมีครั้งไหนที่สื่ออารมณ์ออกมาได้ไม่ดี เชี่ยซ่าเหลยเองก็เข้มงวดกับสิ่งที่ต้องได้มากๆ จึงให้เธอทำใหม่วนอยู่แบบนั้นเรื่อยๆ และเธอก็ไม่เคยปริปากบ่นเลยสักครั้ง

มีฉากหนึ่งที่อังเดรได้ช่วยชีวิตเชอรีนเอาไว้ ฉากที่ต้องล้มลงตรงหน้าโบสถ์เพราะบาดเจ็บ ฉากๆ นั้นถ่ายได้ไม่ค่อยราบรื่นนัก เจียงเซ่อเองก็เหมือนจะเป็นคนเดียวที่ต้องท่องบทวนอยู่แบบนั้น ตรงหน้ากรีนสกรีน นั่งพูดอยู่คนเดียวเกือบทั้งวัน บทของฉากๆ นั้นจึงกลายเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก แต่เธอก็ยังยืนหยัดอดทนต่อไป จนทำให้แม้แต่คนที่มีโลกส่วนตัวอย่างโดนัลด์ ก็ยังต้องเผยรอยยิ้มในเวลาที่พูดถึงเธอขึ้นมา

“เธอรู้อยู่แล้วใช่ไหม ว่าบางทีคนในกองถ่ายกันเอง ก็มักจะมีเรื่องที่ไม่พอใจกันบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไรเราก็คือเพื่อนกัน ผมจึงคิดว่าบางทีถ้าเธอมีเรื่องอะไรที่รู้สึกไม่พอใจ ผมก็พร้อมที่จะรับฟังนะ ฟังสิ่งที่อยู่ในใจของเธอ”

เชี่ยซ่าเหลยแสดงความจริงใจของตัวเองออกมาอย่างอบอุ่น ตอนนี้เขากำลังแสดงความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนออกมา เจียงเซ่อหัวเราะขึ้น

“คุณสบายใจเถอะค่ะ ที่จริงครั้งนี้ที่ได้มาร่วมงานกับคุณ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีสุดๆ ไปเลย”

การที่ได้มาถ่ายหนังต่างประเทศได้กลายเป็นการร่วมงานอีกระดับของเธอไปแล้ว ถึงแม้ว่าในระหว่างการถ่ายทำนั้นจะเจอความยากลำบากหลายอย่าง แต่ทีมงานทุกคนก็ไม่มีลนลาน ล้วนแล้วทำงานกันอย่างมืออาชีพ ดูอย่างฉากที่เชอรีนจะต้องถูก ‘เผา’ ในวันนี้ก็พอจะดูออกแล้ว ทีมงานทุกคนมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน เมื่อการถ่ายทำจบลงไฟก็ถูกดับอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ทำให้เจียงเซ่อเองก็ได้เรียนรู้อะไรอีกตั้งมากมาย

การที่เชี่ยซ่าเหลยมาพูดสิ่งพวกนี้ขึ้นมาในตอนนี้ เจียงเซ่อเดาว่า เขาเองก็คงจะพอรู้อยู่แล้วว่าตัวเธอและนักแสดงหญิงหลักอย่างลาร่านั้น ‘ไม่ถูกกัน’ แค่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ เท่านั้น

ตั้งแต่ที่เริ่มมา เชี่ยซ่าเหลยเองก็คงไม่ต้องการที่จะให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในกองถ่าย จนต้องส่งผลกระทบกับการถ่ายทำ ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่มันควรจะราบรื่น แต่ในความรู้สึกส่วนตัวของเขาต่อเจียงเซ่อ มันก็ทำให้เขายินยอมและพร้อมที่จะรับฟังและให้ความสนใจกับเพื่อนคนนี้เสมอ

นี่คือจุดที่สำคัญที่สุด เจียงเซ่อก้มหน้าลง ปกปิดแววตาของตัวเอง และหัวเราะขึ้น

“ระหว่างที่ร่วมงานกัน ฉันก็ได้รับอะไรมาตั้งมากมายจากการแสดงของโดนัลด์ และรู้สึกขอบคุณคุณมากๆ ที่ให้โอกาสฉันมาร่วมงานด้วย คนในกองถ่ายเองก็เป็นมิตรที่ดี แถมมันยังทำให้ภาษาอิตาลีของฉันก้าวหน้าไปได้เยอะด้วยค่ะ” เธอเงยหน้าขึ้น แล้วพูดหยอกล้อ

“แม้แต่ครูสอนภาษาของฉันก็ยังบอกว่าเดือนนี้ภาษาของฉันก้าวหน้าขึ้นมา ดีกว่าหลายเดือนที่ฉันเรียนไปก่อนหน้านี้เยอะเลยละค่ะ”

เชี่ยซ่าเหลยที่ได้ยินแบบนั้น ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

ดวงตาของเข้าดูลึกซึ้งเป็นอย่างมาก ท่าทางดูสนิทสนมกันไม่น้อย จากนั้นเขาก็กางแขนทั้งสองข้างออก

“ดูท่าทางแล้วพวกเราคงได้มีโอกาสร่วมงานกันอีกหลายงานเลย บางทีเมื่อถึงตอนนั้นแล้วพรสวรรค์ทางด้านภาษาของคุณอาจจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขึ้นเลยก็ได้” เขาขยิบตาให้เจียงเซ่อ และสวมกอดเธอ และไม่ทันได้คิดเลยสักนิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดนั้นมันก็คือการสัญญาอย่างหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่าเจียงเซ่อไม่ได้อาศัยโอกาสนี้ในการบอกถึงเรื่องการกระทำของลาร่า ทำให้เชี่ยซ่าเหลยยิ่งชื่นชอบนิสัยส่วนตัวของเธอยิ่งกว่าเดิมอีก ทั้งสองคนเดินไปรอบๆ กองถ่ายรอบหนึ่ง และพูดคุยกันอีกเล็กน้อย และเขาก็ยังพูดออกมาอย่างใจกว้างว่า ถ้าหากว่า ‘อาการแพ้’ ของเจียงเซ่อมันหนักขึ้น เขาจะเป็นคนติดต่อทางโรงพยาบาลให้เอง รับรองว่าจะไม่ทำให้ใบหน้าของเธอต้องเกิดแผลเป็นและรอยอะไรเด็ดขาด