ตอนที่ 519-1 เล่นตุกติก
หลังจากเกิดการปะทะกันเมื่อสองวันก่อนแล้ว ลาร่าก็เบื่อที่จะทำตัวว่าเป็นมิตรที่ดีต่อหน้าเจียงเซ่ออีก เวลาอยู่ในกองถ่ายก็จะทำเหมือนว่าเธอเป็นแค่ธาตุอากาศ แต่พอลับหลังก็เอาแต่นินทาว่าร้ายไม่บันยะบันยัง พอผู้กำกับเห็นท่าทางของลาร่าแล้ว ก็พยักหน้า
“คิวที่เธอต้องถ่ายมีไม่เยอะนักหรอก ถ่ายฉากสุดท้ายเสร็จ ก็คงจะไปแล้วล่ะ”
ลาร่าสังเกตเห็นว่าเซี่ยเชาฉวินกำลังยืนคุยอยู่กับช่างเอพเฟคไฟ ในสภาพกองถ่ายที่คนทั้งหมดล้วนแล้วเป็นคนยุโรปอมริกาแบบนี้ ทำให้เจียงเซ่อดูเป็นจุดเด่นไม่น้อย ใครที่เป็นคนของเจียงเซ่อ ลาร่าก็จำได้หมด
หล่อนกดมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่หล่อนได้รับข้อความว่าวันนี้จะต้องมีการถ่ายทำ และได้ยินมาอีกด้วยว่าฉากสุดท้ายของเจียงเซ่อในวันนี้เป็นฉากที่สำคัญมาก หลังจากที่ตัดสินใจรับเล่นหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ แล้ว ลาร่าเองก็ได้อ่านนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ มาจนจบแล้วเหมือนกัน พอรู้ว่าบทที่เจียงเซ่อได้รับแสดงคือเชอรีน บวกกับตอนนี้เห็นว่าเซี่ยเชาฉวินกำลังยืนพูดคุยอยู่กับช่างเอฟเฟคไฟแล้ว แน่นอนว่าหล่อนก็เดาออกว่าเจียงเซ่อกำลังจะต้องถ่ายฉากไหน
หล่อนกระดิกนิ้ว ผู้ช่วยที่นั่งอยู่ข้างๆก็เขยิบตัวเข้าไปหาทันที จากนั้นหล่อนก็โค้งตัวลงไปเล็กน้อย
แจ็ค ผู้จัดการส่วนตัวของลาร่าก็เหมือนจะรู้นิสัยของตัวหล่อนดี พอเห็นท่าทางของหล่อนแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และยื่นมือไปแตะไหล่ของหล่อน
“ลาร่า” เสียงเรียกของเขาหยุดสิ่งที่ลาร่าต้องการที่จะตัดสินใจทำอยู่ทันที เขากดเสียงลง และเหมือนจะเป็นการเตือนด้วย
“อย่างทำอะไรโง่ๆ ถ้าไม่ชอบเธอนัก เดี๋ยวอีกไม่เกินสองวัน เธอก็จะไปจากที่นี่แล้ว ไม่คุ้มที่จะทำเรื่องอะไรแบบนี้หรอกนะ”
พอเขาพูดจบ ก็รู้สึกได้เหมือนกันว่าคำพูดของตัวเองดูแรงไปหน่อย กลัวว่าจะทำให้ลาร่าไม่พอใจเปล่าๆ จึงมองไปรอบๆ ตัว กระแอมไปเล็กน้อยแล้วก้มหน้าลง ทำเหมือนกับว่ากำลังจัดคอเสื้อให้หล่อน ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“เธอเองก็เป็นถึงนักแสดงหลัก ยัยนั่นก็เป็นแค่ตัวประกอบที่ไม่ได้มีซีนอะไรมากมายอยู่แล้ว ขอแค่เธอแสดง ‘The second coming of Jesus Christ’ ให้ดี หนังเรื่องนี้ เชี่ยซ่าเหลยต้องการที่จะเอาเข้าชิงรางวัลด้วย เตรียมการมาหลายปีเลยล่ะ”
เขาเว้นไปช่วงหนึ่ง แล้วมองไปที่เจียงเซ่อ “กว่าที่เธอจะได้โอกาสนี้มา คุณสมิธจะต้องอาศัยคอนเนคชั่นไปมากมายเพื่อที่จะได้มันมานะ”
แจ็คยังคงเกลี้ยกล่อมหล่อนไปเรื่อยๆ
“เชี่ยซ่าเหลยกับยัยนั่นเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน การที่จะไปขัดแย้งกับเธอดูไม่เป็นเรื่องที่ฉลาดเลยสักนิดนะ อีกทั้งดูเหมือนเด็กสาวคนนั้นเองก็ไม่ใช่พวกไก่อ่อนด้วย”
วันที่ได้เจอกันวันแรก ตอนที่ลาร่าหัวเราะเยาะเย้ยเธอ แต่ก็โดนหล่อนตอกกลับมาอย่างไม่มีความลังเลเลยสักนิด ทำเอาลาร่าและคนอื่นๆ พากันขายขี้หน้าไปหมด
แค่ดูจากจุดนี้แจ็คก็พอที่จะรู้แล้ว การที่เจียงเซ่อตัดสินใจมาทำงานในวงการต่างประเทศแบบนี้ ก็ไม่ได้จะมาในนามของเด็กสาวที่ยอมโอนอ่อนยอมอดทนอดกลั้นไม่มีปากมีเสียง “เธอก็ลองทนๆ ไปอีกสักวันสองวันสิ อย่าเพิ่งเอาแต่ใจเลยน่า เชื่อฟังกันหน่อยดีไหม เด็กดีของฉัน”
ลาร่าปัดมือของเขาออก “คุณวางใจเถอะ สิ่งที่ฉันจะทำไม่ได้หนักหนาอะไรขนาดนั้น”
ก็เพราะว่าเจียงเซ่อไม่ใช่พวกอ่อนข้อยอมกันง่ายๆ เลยทำให้ทั้งสองต้องขัดแย้งกันแบบนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นของการเริ่มงานวันแรก ลาร่าไม่เคยที่จะลืมมันเลย หล่อนหันไปดึงตัวผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ มา ไม่สนใจผู้ที่มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวที่ยืนอยู่อีกด้านเลยสักนิด จากนั้นก็กระซิบเสียงเบา แล้วตบลงบนไหลของหล่อน
“เอาให้สวยๆ เลยนะ”
แจ็คขมวดคิ้วทันที ผู้ช่วยคนนั้นก็ค่อยๆ เดินออกไปอย่างเงียบๆ
พอเจียงเซ่อและโดนัลด์ถ่ายฉากต่อไปเสร็จแล้ว ทางทีมงานก็เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เสร็จแล้วพอดี ก่อนที่จะใส่ชุดกันความร้อนนั้น เซี่ยเชาฉวินและโม่อานฉีก็ได้ทำการตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ เอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เจียงเซ่อถูกลวกถูกเผาเด็ดขาด นอกจากจะต้องทาน้ำมันกันไฟลงบนผิวแล้ว ช่างแต่งหน้าก็ยังจะต้องแต่งแต้มสีผิวและเอฟเฟคต่างๆ อีกด้วย โม่อานฉีพยายามพูดให้เจียงเซ่อสบายใจ
“อดทนหน่อยนะ เราเองก็ลองซ้อมมาหลายรอบแล้ว พอผู้กำกับสั่งหยุด ทีมงานก็จะดับไฟในทันทีเลย”
ดังนั้นสิ่งที่ยากที่สูดในตอนนี้ ก็คือการปลอบจิตใจที่กำลังกีดกันของตัวเองแล้ว
ก่อนหน้านี้เจียงเซ่อได้ลองซ้อมแสดงกับโดนัลด์มาหลายรอบแล้ว ทั้งการแสดงทางด้านสีหน้า ร่างกายและคำพูดต่างๆ นั้นสำหรับเชี่ยซ่าเหลยถือว่าให้ผ่านแล้ว ถ้าให้พูดเหมือนที่เชี่ยซ่าเหลยพูดก็คือ ‘สิ่งที่ขาดไปอีกแค่อย่างเดียวก็คือเปลวไฟที่จะต้องเอาเชอรีนไป’ การถ่ายทำทั้งหมดของเจียงเซ่อจะได้หมดลงเสียที
ฉากๆ นี้กว่าจะแต่งหน้าเสร็จ ก็ปาเข้าไปเกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว
ทีมงานทุกคนต่างก็ประจำตำแหน่งของตัวเอง บนตัวของเจียงเซ่อนั้นได้ทาน้ำมันกันไฟเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอให้ผู้กำกับสั่งเริ่ม และให้ช่างเอฟเฟคมาจุดไฟลงบนตัวเธอ
ทุกคนต่างก็มีการเตรียมพร้อมกับฉากนี้มันอย่างดี กล้องถ่ายจับภาพไปที่เจียงเซ่อแล้ว ท่ามกลางความมืดโดนัลด์ก็ได้จัดสีหน้าและอารมณ์ของตัวเองให้เข้าที่ จนแคลปเปอร์ตีไม้สเลทลง เขาก็เข้าสู่บทบาทของตัวเองทันที
“…โอ้พระผู้สูงส่งมิมีใครเปรียบเสมือน ลูกได้ทำตามคำสอนและคำชี้ทางของท่านแล้ว เพื่อต้องการให้ท่านหวนกลับมา...”
จากนั้นอังเดรก็เริ่มพึมพำบทสวดที่ได้รู้มาจากเชอรีน จนสุดท้ายไม่สามารถอดกลั้นความต้องการที่อยู่ในใจได้ จึงเริ่มเปล่งเสียงบทสวดออกมาทันที
เขาต้องการที่จะให้พระเจ้าทำช่วยยืนยันในความเชื่อต่างๆ ที่เขาพร่ำสอนและเผยแพร่มากว่าครึ่งชีวิตว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหก ในเบื้องลึกของจิตใจของเขานั้นยังคงเหลือซึ่งความปรารถนาที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จ เพื่อที่จะออกไปจากโบสถ์เก่าๆ แห่งนี้ ได้กลายเป็นบาทหลวงที่สูงส่ง ที่สามารถความคุมนิกายคาทอลิกได้ ได้กลายเป็นผู้นำทางความเชื่อที่เหมือนกับพระเจ้าที่อยู่ในคราบของมนุษย์ อยากจะทำให้ความปรารถนาที่อยู่ในใจให้กลายเป็นความจริง
ในตอนที่อังเดรจับเชอรีนที่ไม่ทันได้ระวังตัวมาเป็นเครื่องสังเวยนั้น ขาทั้งสองข้างของเด็กสาวที่น่าสงสารคนนี้ก็ค่อยๆ มีไฟติดขึ้นมา และเปลวไฟเล็กๆ นั่นก็ค่อยๆ ไล่ลุกลามขึ้นไปบนตัวเธอ แผดเผาไปถึงเอวและเตรียมที่จะไล่ลามขึ้นไปอีก
ช่างเอฟเฟคไปกำลังควบคุมเวลา มองดูเปลวไฟที่กำลังลุกฮืออยู่บนร่างกายของเธอ และไฟนั่นก็ค่อยๆโหมขึ้นเรื่อยๆ เจียงเซ่อที่แสดงเป็นเชอรีนนั้นต้องเริ่มจากการแสดงสีหน้าที่ไม่ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดก่อน ราวกับยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง
เธอรู้สึกแค่ว่าตัวเองนั้นกำลังใช้มือปัดๆ ไฟบนตัวเองไปมาอย่างไม่รู้ตัว แต่ทว่าเปลวไฟนั้นมันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และมันก็ท่วมไปทั้งร่างกายของเธอ
เจียงเซ่อนั้นยังคงดูนิ่งมากจริงๆ แต่ในใจของเธอตอนนี้มันก็เกิดความกลัวขึ้นมาไม่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะต้องมาแสดงอะไรแบบนี้ มันไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิดที่จู่ๆ ก็มีไฟลุกท่วมตัวแบบนี้ แต่เมื่อมีอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ คอยกันอยู่แล้ว มันก็เหมือนกับว่าไม่ได้ทำให้เธอต้องเข้าใกล้กับการบาดเจ็บจริงๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เธอต้องพยายามเอาชนะตัวเองให้ได้ ก็คือความน่ากลัวจากเปลวไฟที่ลุกลามขึ้นมาบนตัวอย่างรวดเร็ว ดีที่ว่าเจียงเซ่อได้มีการเตรียมพร้อมและทำใจกับสถานการณ์แบบนี้มาบ้างแล้ว ทำให้ตอนนี้สามารถควบคุมอารมณ์ลนลานของตัวเองได้ พอรู้สึกว่าเปลวไฟมันได้ไต่มาจนถึงมือแขน หน้าอกและแผ่นหลังของเธอ เธอก็อาศัยจังหวะนี้ เริ่มทำการแสดงที่ได้ซ้อมเอาไว้ก่อนหน้า เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเพื่อมองอังเดร
“อังเดร…” เธอพึมพำออกมา ตอนแรกก็อยากจะร้องขอให้ช่วยเหลือ แต่พอได้ยินเสียงบทสวดที่อังเดรกำลังท่องอยู่แล้วนั้น ในใจของเธอก็ได้เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ทันที
“ท่านกำลัง ขอพรต่อพระเจ้าอย่างนั้นหรือ? อึก…” ใบหน้าของเจียงเซ่อแสดงความตกใจ ปนเปไปด้วยความเจ็บปวดและความคิดบางอย่าง อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความรู้สึกโกรธแค้นที่ถูกพวกเดียวกันทรยศ
น้ำเสียงของเธอเริ่มไม่เหมือนว่ากำลังแกล้งแสดงออกมา เพราะว่าตอนนี้ไฟมันเริ่มที่จะโหมกระพือแรงขึ้นเรื่อยๆ มันเริ่มที่จะลามไปทั่วแผ่นหลังของเธอ ที่ลำคอด้านหลังก็เริ่มรู้สึกเหมือนกำลังโดนไฟลนเผา เส้นผมที่ถูกปล่อยลงมานั้นก็เหมือนว่าจะถูกเผาจนเริ่มมีกลิ่นไหม้โชยขึ้นมาแล้ว
เจียงเซ่อเริ่มจิตตก แบบนี้มันดูไม่ปกติเลยสักนิด ตั้งแต่ตอนแรกช่างเอฟเฟคไฟก็เป็นคนบอกเอง ว่าในขณะถ่ายทำนั้นมีอุปกรณ์และการป้องกันอย่างดี รับประกันว่าจะไม่มีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน
แผ่นหลังของเธอนั้นมีเสื้อเยื่อหินทนไฟป้องกันเอาไว้อยู่ สีผิวและเสื้อเกราะก็ได้วาดเอาไว้แล้ว เปลวไฟอ่อนๆ นั้นไม่สามารถที่จะทำอันตรายต่อเธอได้ แต่ทว่าผิวตรงบริเวณลำคอของเธอนั้นมีแค่น้ำมันกันไฟที่ทาเอาไว้ แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่ควรที่จะเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้น
ภายในไม่กี่วินาทีในใจของเจียงเซ่อเกิดความคิดต่างๆ ขึ้นเต็มไปหมด แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกมา และเชี่ยซ่าเหลยก็ไม่ได้บอกให้หยุด เพื่อกับการถ่ายฉากฉากนี้ สิ่งที่ทางกองถ่ายจะต้องจ่ายไปนั้นไม่ได้มีแค่เงินและเวลาที่เสียไปอย่างมหาศาลเท่านั้น เพราะมันยังมีม้วนฟิล์มที่ต้องเสียไปอีกด้วย
ถ้าหากว่าเธอขอหยุดละก็ สิ่งที่เตรียมมาทั้งหมดจะต้องสูญเปล่า ที่ทำอยู่ทั้งหมดในตอนนี้ก็ถือว่าสิ้นเปลืองไปมากแล้ว ถึงแม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะมีเหตุผล แต่มันก็ต้องทำให้เชี่ยซ่าเหลยโมโหแน่ๆ
พอคิดได้แบบนั้น เจียงเซ่อก็ค่อยๆ กดความลนลานที่อยู่ในใจของตัวเองลง กว่าที่เปลวไฟจะถึงลำคอจริงๆ ยังเหลืออีกหลายวินาที แววตาของเธอเผยความโกรธแค้นออกมาอย่างชัดเจน
ตอนนี้สิ่งที่เจียงเซ่อกำลังสื่อออกมานั้นมันไม่ใช่การแสดงทั้งหมดแล้ว น้ำมันที่ทากันไฟมีปัญหา ทั้งเซี่ยเชาฉวินและคนอื่นๆ ต่างก็ช่วยกันตรวจสอบเสื้อป้องกัน และตรวจน้ำมันที่ใช้จุดไฟให้เรียบร้อยแล้ว หรือแม้แต่จุดที่จะต้องถูกไฟเผาก็ตรวจแล้วเป็นอย่างดี มีเพียงอย่างเดียวที่ตกหล่นไปก็คือตัวน้ำมันกันไฟนี่