webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

518-1

บทที่ 518-1 สั่งสอน

พอเชี่ยซ่าเหลยเห็นว่าการถ่ายทำผ่านไปได้เรียบร้อย ก็ทำมือว่า ‘OK’ แล้วตะโกนขึ้น

“พักกองสักหน่อยนะ” เขายกข้อมือขึ้นมา แล้วใช้นิ้วชี้ชี้ลงไปที่นาฬิกาข้อมือ

“เดี๋ยวตอนตีสี่จะเริ่มถ่ายกันอีกครั้ง”

เจียงเซ่อกลับลบเครื่องสำอางบนหน้าออก เธอยังเหลือฉากที่ต้องถ่ายอีกฉาก และจะมีการถ่ายต่อจากฉากของลาร่าทันที เธอจึงคิดว่าจะงีบหลับเสียหน่อย

ในสถานที่ถ่ายทำได้มีการเซตฉากบันไดที่ทั้งสูงและชันเอาไว้แล้ว ตอนนี้ในกองถ่ายเหล่าคนทำฉากต่างก็กำลังเตรียมอุปกรณ์นู่นนี่ให้พร้อม บนยอดเป็นเหมือนพื้นที่กว้างโล่ง เกล็ดหิมะยังคงตกลงมาเรื่อยๆ อากาศช่วงเช้ามืดนี่ก็ถือว่าลมแรงไม่น้อย ลาร่าและคนอื่นๆ ยืนกอดแขนกันอยู่หน้ากรีนสกรีน*พื้นหลังสีเขียวที่ใช้ในการถ่ายทำ เหมือนว่าจะแข็งกันไปหมดแล้ว

หลังจากที่เจียงเซ่อเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาเรียบร้อย หน้าตาเธอก็ยังไม่ทันได้ล้างด้วยซ้ำ พอได้สวมชุดขนเป็ด ก็รีบยกฮู้ดขึ้นมาสวมทันที จากนั้นก็ไปหามุมๆ หนึ่งเพื่อจะงีบเอาแรง แม้แต่หน้าที่การเช็ดเครื่องสำอางก็ปล่อยให้เซี่ยเชาฉวินจัดการให้

เธอตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ที่หกโมงตรง ฉากที่ลาร่าและคนอื่นต้องถ่ายนั้นมีไม่มากเท่าไหร่ ตื่นมาแล้วก็ยังต้องมาแต่งหน้าแต่งตัวใหม่อีก กลัวว่าถ้านอนนานไปก็กลัวว่าจะเสียเวลาทีมงานไปเปล่าๆ

ถ่ายหนังตลอดทั้งวันที่มันเหนื่อยมากจริงๆ เจียงเซ่อพิงหัวได้ครู่เดียวก็หลับไปในทันที เวลาที่จะได้งีบนอนนั้นก็ไม่ได้มากมายอะไร สถานที่ถ่ายทำนั้นทั้งอากาศที่ย่ำแย่และเสียงจอแจนั้นไม่ได้เอื้อต่อการพักผ่อนเลยสักนิด อีกทั้งยังทำให้เธอต้องคอยระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ยังไม่ทันที่นาฬิกาจะได้ปลุก เจียงเซ่อก็ลืมตาขึ้นมาแล้ว โม่อานฉีและคนอื่นๆ ยังคงนั่งอยู่ข้างๆ เธอ พอเธอขยับตัวขึ้นมาเพียงเล็กน้อย เซี่ยเชาฉวินก็หันไปมอง และถามขึ้นทันที

“หนาวหรือ?”

เจียงเซ่อกระชับเสื้อกันหนาวให้แน่นกว่าเดิม ก่อนจะยกมือขึ้นป้องปากหาว และพูดขึ้นมาเบาๆ

“กี่โมงแล้วคะ?”

ทีมงานที่ยืนอยู่ไกลๆ นั่นยังคงวิ่งวุ่นกันไม่หยุด ดูโหวกเหวกไม่น้อย ในขณะที่อุปกรณ์ต่างๆ กำลังทำงานไปเรื่อยๆ ก็มีเสียงพูดคุย เสียงเดินของฝีเท้าหลายคู่ดังแทรกขึ้นมาเรื่อยๆ เซี่ยเชาฉวินก้มดูนาฬิกาให้ “ตีห้าสี่สิบแล้ว”

ยังห่างจากที่เธอตั้งปลุกเอาไว้ยี่สิบนาที เซี่ยเชาฉวินช่วยเธอจัดผ้าพันคอให้แน่นขึ้น และกำชับเธอ

“นอนอีกสักหน่อยสิ”

เจียงเซ่อดูท่าทางของหล่อนแล้ว ก็เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“การถ่ายทำไม่ราบรื่นงั้นหรือคะ?”

เซี่ยเชาฉวินพยักหน้า ตอนนี้มันหนาวมากแล้วจริงๆ พวกอุปกรณ์การถ่ายทำต่างๆ ก็พากันผลัดเกิดปัญหานู้นนี้ มีนักแสดงบางคนที่เริ่มจะทนกับความหนาวไม่ไหว จึงแสดงออกมาได้ไม่ดีนัก จึงโดนแต่ ‘NG’ ตลอดเวลา และตอนนี้เชี่ยซ่าเหลยเองเริ่มที่จะควบคุมสติและอารมณ์ไม่ไหวแล้ว ไม่แม้แต่คนสวยอย่าง ลาร่า บราวน์ที่โดนด่าไปหลายรอบแล้ว และก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะแอบไปร้องไห้มา

“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ดูเหมือนว่าฉากต่อไปของเธอคงจะต้องถูกเลื่อนออกไปแน่ๆ นอนต่ออีกหน่อยเถอะ”

เจียงเซ่อยืดตัวขึ้นมองดู ที่หน้ากรีนสกรีนที่อยู่ไกลๆ นั่น ทั้งลาร่าและคนอื่นๆ ต่างก็กำลังโดนห้อยตัวลงมา หล่อนยังคงเอ่ยร้องขอชีวิตอย่างเหนื่อยอ่อน ท่ามกลางอากาศที่หนาวจัด หล่อนสวมชุดกระโปรงสีเทาเก่าๆ เรือนผมยาวพลิ้วไหวไปตามแรงลม ร่างกายของเธอแกว่งไหวไปมากลางอากาศ และร้องไห้ราวกับจะหมดแรง

ถ้าพูดแบบไม่อคติ นอกจากครั้งแรกที่เจอหน้ากัน นอกจากนิสัยและความรู้สึกแย่ๆ ที่มันยังติดอยู่ในความรู้สึกของเจียงเซ่อแล้ว ลาร่าก็ถือว่าเป็นคนที่สวยมากคนหนึ่ง ตอนที่เธอถูกแขวนอยู่กลางอากาศ น้ำตาที่ไหลออกมานั่นยิ่งทำให้หล่อนดูเป็นบริตนีย์ที่ไร้กำลังและอ่อนแอในเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ มากขึ้น

แต่อาจะเป็นเพราะว่าอากาศที่หนาวเหน็บที่ทำให้หล่อนสั่นไปหมด ทำให้ตอนที่หล่อนพูดบทของตัวเองเสร็จ เชี่ยซ่าเหลยก็ขมวดคิ้วแน่น ท่าทางจริงจังและเคร่งเครียดไม่น้อย เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูอยู่หลายครั้ง ก่อนจะทำท่าว่าให้เอาใหม่อยู่แบบนั้น

ความล่าช้าที่ขัดขวางการทำงานของทีมงานนั้น จากฉากที่ควรจะถ่ายให้เสร็จภายในสามชั่วโมง ก็กลายเป็นว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า

เวลาถือว่าเหลือไม่มากแล้ว หลังจากที่ลาร่าและคนอื่นๆ ถูกปล่อยลงมา เชี่ยซ่าเหลยก็ยืนกอดอกรออยู่แล้ว

“ถ้าหูของคุณไม่ได้มีปัญหา ผมว่าผมก็พูดไปตั้งหลายรอบแล้วนะ ตอนที่คุณพูดบทตัวเองออกมา จะต้องเพิ่มความตื่นตระหนกเข้าไปหน่อย ไม่ใช่เอาแต่ทำตัวเป็นนกกระทาแบบนี้ จะสั่นอะไรนักหนา”

เวลาที่ล่าช้าเกินกว่าที่จะรับได้ทำให้เชี่ยซ่าเหลยระเบิดออกมาจนได้ คำพูดแต่ละคำที่เขาพูดออกมานั้นก็ไม่ได้ไว้หน้ากันเลยสักนิด เชี่ยซ่าเหลยในเวลางานนั้นไม่ได้มีอารมณ์ขันเหมือนเวลาเจอเวลานอกเลยแม้แต่น้อย ท่าทางเขาเอาจริงเอาจังสุดๆ อีกทั้งยังมีความเข้มงวดมากอีกด้วย

“ที่ผมเชิญคุณมานี่ ไม่ได้ให้คุณมาแสดงเป็นรูปปั้นโง่ๆ นะ”

“ขอโทษด้วยค่ะคุณเชี่ยซ่าเหลย แต่ว่าเป็นเพราะวันนี้อากาศมันหนาวมากจริงๆ...” ลาร่าอธิบายเสียงเบา อากาศที่หนาวเย็น บวกกับเสื้อผ้าที่หล่อนได้สวมใส่ก็บางขนาดนั้น ทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่เวลาพูดบทแล้วจะไม่มีสติพอที่จะโฟกัสมัน “ฉันได้ลองพยายามอย่างเต็มที่แล้วจริงๆ นะคะ แต่ว่า...”

หล่อนพยายามที่จะอธิบายออกไปอย่างมั่นคง แต่เพราะว่าโดนฉาก ‘NG’ ไปเสียหลายครั้ง ทำให้เธอเริ่มที่จะไม่สามารถทนได้แล้วเหมือนกัน โดยเฉพาะกับการที่ไม่ได้นอนพักทั้งคืน บวกกับสภาพอากาศหนาวเย็นที่ค่อยๆ กัดกินพละกำลังแรงกายของหล่อนไป ทำให้การแสดงของหล่อนที่สื่อออกมานั้นไม่เป็นที่พอใจสำหรับ เชี่ยซ่าเหลย

ถ้าลาร่าไม่แก้ตัวก็คงจะดี แต่พอเธอพูดแก้ตัวออกมาแบบนั้นแล้ว คิ้วของเชี่ยซ่าเหลยก็ยิ่งขมวดแน่นกว่าเดิม และพูดสวนหล่อนขึ้นมาทันที

“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ให้คุณมาเดินสวยๆ หรอกนะ หรือว่าจะต้องให้ผมบอกกับคุณว่า ขอโทษด้วยนะครับว่าที่นี่ไม่มีผ้าห่มอุ่นๆ สบายๆ คอยบริการคุณ?”

พอเขาพูดจบ ใบหน้าของลาร่าก็ขึ้นสีจัด โม่อานฉีมองดูภาพนั้นด้วยความกระหยิ่มใจ จนกระทั่งผู้จัดการส่วนตัวของลาร่าต้องรีบมาออกหน้า หวังว่าเชี่ยซ่าเหลยจะให้โอกาสกับลาร่าอีกสักครั้ง ให้ลองถ่ายใหม่อีกสักรอบ

การถ่ายทำฉากนี้ไม่ได้ราบรื่นเลยสักนิด เจียงเซ่อมองดูอยู่ครู่หนึ่ง และคิดว่าฉากต่อไปของตัวเองคงจะต้องถูกเลื่อนให้ล่าช้าไปอีกสักพักแน่ๆ เพราะงั้นจึงสั่งให้โม่อานฉีปลุกเธออีกทีตอนเจ็ดโมงเช้าและหันกลับไปนอนพักอีกรอบ

ยังไม่ถึงเจ็ดโมงเข้า โม่อานฉีก็ปลุกเจียงเซ่อขึ้นมา “ฉากของคุณบราวน์ถูกพักการถ่ายเอาไว้ก่อน ผู้กำกับบอกว่าให้ถ่ายฉากต่อไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

ลาร่าที่ถ่ายมาทั้งคืน ในที่สุดร่างกายมันก็ไม่สามารถฝืนทนได้อีก ประมาณหกโมงกว่าๆ ก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่าทนไม่ไหวอีกต่อไป และขอตัวกลับไปพักที่โรงแรม

เจียงเซ่อที่ได้นอนไปสองสามชั่วโมง ก็รีบลุกขึ้นมาเข้าสู่อารมณ์ของฉากต่อไปที่จะต้องถ่ายทันที

เชอรีนได้รับการช่วยเหลือจากอังเดร เพราะว่าเป็นผู้ที่ศรัทธราในลัทธิคำสอนเดียวกัน บวกกับที่ อังเดรเองก็เป็นเหมือนผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ หลายวันต่อมาหลังจากที่ได้รู้จักกัน เชอรีนก็ได้เผยถึงภาระหน้าที่ได้รับมอบหมายให้อังเดรรู้

ในขณะเดียวกันเธอก็ได้เข้าใจว่า ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ อังเดรเป็นบาทหลวงเพียงคนเดียวที่อยู่ในโบสถ์แห่งนี้ ตั้งแต่ช่วงเป็นวัยรุ่นก็ได้เข้าสู่โบสถ์จนถึงตอนนี้ก็เกือบจะยี่สิบปีแล้วเขาก็ยังคงเฝ้าอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ มาโดยตลอด

และนั่นก็ทำให้เชอรีนรู้สึกเคารพและเลื่อมใสในตัวเขาเป็นอย่างมาก และยินยอมที่จะคุยเรื่องต่างๆ กับเขามากขึ้น

โบสถ์ที่อังเดรอาศัยอยู่นั้นมันเก่ามากแล้ว การเป็นอยู่ของเขาจึงประสบกับปัญหาอยู่บ่อยครั้ง แม้แต่เสื้อคลุมบาทหลวงของเขาก็ยังดูเก่าสุดๆ ดูแล้วน่าเจ็บปวดใจไม่น้อย

อิทธิพลของความเชื่อทางศาสนามันเริ่มที่จะครอบคลุมไปทั้งจักรวรรดิโรมันแล้ว ศาสนาที่มีอิทธิพลอำนาจสูงๆ ต่างอยู่กันอย่างมั่งคั่ง เชอรีนเองก็เข้าสู่นิกายคาทอลิกตั้งแต่เด็กๆ เธอเป็นอัศวินที่มีความจงรักภักดีต่อคาทอลิกมากที่สุดคนหนึ่ง เข้าร่วมการกวาดล้างพวกนอกรีตมามากมาย ยอมตายยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อความเชื่อนี้ได้

เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มนิกายคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิโรมัน คนที่คบค้าสมาคบด้วยก็ล้วนแล้วเป็นพวกเศรษฐีและอัศวินทหาร ดังนั้นจึงไม่เคยได้ใช้ชีวิตที่ลำบากมาก่อน และไม่คิดเลยว่าในจักรวรรดิที่ถูกควบคุมด้วยนิกายคาทอลิกนั้น จะยังมีผู้ศรัทราที่ต้องอาศัยอยู่ย่างยากจนแบบนี้อีก

ที่หน้าเตาไฟ ผู้ภักดีต่อนิกายคาทอลิกทั้งสองคนกำลังนั่งผิงความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียวที่หาได้จากในค่ำคืนอันหนาวเหน็บ อังเดรกำลังถือมันแกวย่างสุกเอาไว้ในมือสองอัน และนี่ก็เป็นอาหารที่เพื่อนบ้านจิตใจดีมอบให้มา

เขามีร่างกายที่ผอมบาง แก้มบนใบหน้าตอบ ขนคิ้วก็เริ่มที่จะหลุดร่วง ชีวิตที่ผ่านมาอย่างยากลำบากมันได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาหมดแล้ว ชุดคลุมบาทหลวงเก่าๆ ที่อยู่บนตัวของเขา มีบางจุดที่เหมือนจะขาดแหว่งแล้วด้วย แต่เขาก็ยังคงซักทำความสะอาดมันอยู่เสมอ