บทที่ 516 ต่อต้านต่างชาติ
กลางเดือนตุลาคม หนังเรื่อง ‘The Lost City 2’ ก็ได้ถ่ายฉากสุดท้ายเสียที หลังจากที่ถ่ายฉากที่ต้องมีการถ่ายใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าสู่วาระของเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ ทันที
หนังที่มีชื่อนิยายเดิมว่า ‘นักโทษ’ นั้น มันเป็นเรื่องที่ทำให้เชี่ยซ่าเหลยรู้สึกประทับใจมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ก็กำลังจะได้นำไปฉายในจอยักษ์เสียที
อย่างแรกคือการเลือกนักแสดง แน่นอนว่าเชี่ยซ่าเหลยเองก็มีความเข้มงวดกับเรื่องนี้ไม่น้อย เขาต้องการให้นักแสดงทุกคนสามารถทำตามความรู้สึกของตัวละครตามในแบบนิยายให้เหมือนที่สุด
การที่จะทำให้ได้ตรงตามนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เขาใช้เวลาไปมากในการแก้ไขบทหนัง และการเลือกตัวนักแสดง สุดท้ายเขาก็ได้เลือกให้นักแสดงชายแนวหน้าของอิตาลีอย่างโดนัลด์ บีย็องกีมาเป็นอังเดรในเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ส่วนนางเอกอย่างบริตนีย์ เชี่ยซ่าเหลยก็ได้เลือกเป็นดาราฮอลลีวูดที่ได้รับความนิยมอย่างลาร่า
หลังจากที่รายชื่อนักแสดงของเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ออกมาแล้ว หลายๆ คนก็ได้สังเกตเห็นใครบางคนในกลุ่มนักแสดง ใบหน้าของชาวหัวเซี่ยเพียงคนเดียวในกลุ่ม
เชี่ยซ่าเหลยชอบที่จะใช้นักแสดงชาวหัวเซี่ย ดูแค่เรื่อง ‘The Lost City’ ที่ถ่ายติดๆ กันมาสองภาคก็รู้แล้ว หนังการตลาดทั้งสองเรื่องนั้น ต่างก็มีนักแสดงชาวหัวเซี่ยอย่างเถาเฉินร่วมแสดง ในขณะเดียวกันในหนังเรื่องใหม่ของเขา ก็ยังมีชื่อของดาราสาวชาวหัวเซี่ยที่มีชื่อว่าเจียงเซ่ออีก
เกี่ยวกับเจียงเซ่อ สำหรับแฟนคลับของเชี่ยซ่าเหลยเองก็คงไม่ได้มองว่าเธอเป็นคนอื่นคนไกลอีก เพราะในงานเทศกาลหนังเมื่อเดือนมีนาคม หนังเรื่อง ‘Evil’ ของเธอได้ขึ้นปกนิตยสารภาพยนตร์อย่าง ‘ว่าด้วยเรื่องของหนัง’ ด้วย และยอดขายของนิตยสารนั้น ขนาดว่าผ่านมาเกือบจะหนึ่งปีแล้ว แต่ยอดก็ยังเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ
ฝีมือการแสดงในเรื่อง ‘Evil’ ของเธอนั้นทำให้กลายเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ในสถิติของยอดขายบัตรหนังทั่วโลกนั้น หนังของเธอยังคงติดท็อปในสิบห้าอันดับมาโดยตลอด กลายเป็นเหมือนปาฏิหาริย์ยอดขายของหัวเซี่ยไปเลย
การที่เชี่ยซ่าเหลยจะร่วมงานกับเธอ หลายๆ คนที่ติดตามเชี่ยซ่าเหลยจริงๆ ต่างก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าไม่ช้าก็จะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ดาราสาวที่ได้รับความนิยมชาวหัวเซี่ยคนนี้กับเชี่ยซ่าเหลยนั้นเป็นเพื่อนสนิทกัน ก่อนหน้านี้ที่เทศกาลหนังภาพยนตร์ เชี่ยซ่าเหลยก็เคยพูดเองกับปาก ว่ารู้สึกชื่นชมกับการแสดงของเจียงเซ่อ หลังจากนั้นพวกสื่อได้ไล่ถามถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคน เขาก็เป็นคนบอกเองว่าอาจจะได้ร่วมงานกับเจียงเซ่อ
หลังจากที่รายชื่อนักแสดงหนังใหม่ของเขาออกมา เชี่ยซ่าเหลยก็ได้โพสข้อความของตัวเองเอาไว้ว่า ‘ทุกคนรอนานกันหรือเปล่า ผมมาแล้ว!’ ทำเอาเหล่าแฟนคลับพากันตื่นเต้นและตอบข้อความกันเยอะแยะไปหมด
เหล่าสื่อของยุโรปอเมริกาต่างก็พากันออกข่าวเรื่องรายชื่อนักแสดงของหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ กันยกใหญ่ ในขณะเดียวเรื่องที่เจียงเซ่อได้ก้าวเข้าสู่วงการต่างประเทศเป็นครั้งแรกหลังจากที่รอมานานก็ได้เป็นข่าวเช่นกัน และพากันเดาว่าหรือช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เชี่ยซ่าเหลยกำลังก้มหัวให้กับคนดูชาวหัวเซี่ยหรือเปล่า กำลังเล็งเห็นถึงกำลังซื้อที่แข็งแกร่งขึ้นของชาวหัวเซี่ยหรือไม่ ถึงได้เลือกใช้ดาราชาวหัวเซี่ยแบบนี้ เพื่อที่จะทำให้ยอดขายบัตรหนังมันพุ่งสูงขึ้นกว่าเดิม
สื่ออเมริกาถึงขนาดพาดหัวข่าวว่า ‘งานศิลปะสู่ธุรกิจ’ มานิยามตัวเชี่ยซ่าเหลยในตอนนี้ คิดว่าสุดท้ายแล้วเขาก็ทำเพื่อเงิน ละทิ้งความเป็นศิลปะ แล้วเข้าสู่เส้นทางธุรกิจจากยอดขายบัตรหนังแทน
ตอนแรกที่ทางหัวเซี่ยจือซวิ่นได้ชิงลงข่าวนั้นไปก่อน ก็ยังมีหลายๆ คนสงสัยว่าข่าวนั้นมันจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่พอตอนนี้ที่รายชื่อนักแสดงเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ออกมาแล้วและมีชื่อของเจียงเซ่ออยู่ในนั้น และมั่นใจแล้วว่าเจียงเซ่อจะได้แสดงในหนังเรื่องนี้ เหล่าแฟนคลับของเจียงเซ่อก็พากันโล่งอกและดีใจกันยกใหญ่
ทุนที่ต้องการจะใช้ในการถ่ายทำ ‘The second coming of Jesus Christ’ นั้นได้ครบตามที่คาดไว้แล้ว รอให้เชี่ยซ่าเหลยถ่ายหนังกำลังถ่ายอยู่ให้เสร็จ ก็จะมาถ่ายเรื่องต่อไปอย่างไม่หยุดพักทันที
สถานที่ถ่ายทำคือที่โมเดนาอิตาลี เจียงเซ่อได้เดินทางมาถึงที่นี่ก่อนหน้าหนึ่งอาทิตย์ และเธอก็เอาแต่นั่งอ่านและทวนบทหนังของตัวเองทุกๆ วัน
เธอได้เรียนและฝึกมวยกับผู้สอนมามากกว่าครึ่งปีแล้ว บวกกับที่ได้เพิ่มน้ำหนักถึงสิบปอนด์ รูปร่างของเธอก็มีความชัดเจนมากกว่าเดิม ไม่แพ้กับดาราชาวยุโรปอเมริกาเลย
ทุกครั้งที่โม่อานฉีเกิดความคิดอิจฉาที่เจียงเซ่อมีทั้งเอวคอดสวยและกล้ามเนื้อลอนขึ้นบนหน้าท้องนั้น หล่อนก็จะนึกถึงการฝึกฝนตลอดครึ่งปีของเธอด้วย ทำให้ความอิจฉาเหล่านั้นแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดใจแทน
หนังเรื่อง “The second coming of Jesus Christ’ ถูกกำหนดเอาไว้ว่าจะเริ่มถ่ายทำกันตอนเดือนมกราคม ก่อนที่จะมีการเริ่มถ่ายทำ ทีมงานทุกคนก็ได้มีการทำความรู้จักกันเรียบร้อย
ทั้งทีมงานในกองถ่ายรวมไปถึงตัวนักแสดงนั้น ดูเหมือนว่าล้วนแล้วเป็นชาวต่างชาติกันเสียส่วนใหญ่ ทั้งการร่วมงานและวิธีการถ่ายทำนั้นอาจจะมีแตกต่างไปบ้างจากที่เคยทำมาก่อน
แต่โชคดีที่ระยะนี้เจียงเซ่อนั้น ได้มีการพูดถึงข้อมูลและสถานการณ์เหล่านี้เอาไว้แล้ว หลังจากที่ได้รู้ว่าสถานที่หลักที่จะใช้ถ่ายทำหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ คือที่อิตาลี เธอก็ตั้งใจฝึกมวยมาโดยตลอด ในขณะเดียวกันก็ได้หาอาจารย์สอนภาษาอิตาลีมาอยู่ข้างๆ ตัวด้วย ทำให้ได้ฝึกพูดคุยไปในตัว
ในครึ่งปีนั้น ถ้าเป็นประโยคง่ายๆ ทั่วไปก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเธอแล้ว บวกกับที่ภาษาอังกฤษของเธอก็พูดได้ดีอยู่แล้ว แค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้การถ่ายทำเป็นไปได้อย่างราบรื่น แต่ในกองถ่ายก็ยังมีทีมงานชาวอิตาลีอยู่มากมาย เพื่อป้องกันไม่ให้สื่อสารกันผิดพลาด เจียงเซ่อจึงยังต้องหาล่ามสักคน มาช่วยในตอนก่อนจะเปิดกล้องอยู่ดี
พระเอกของในเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ อย่างโดนัลด์ที่มีอายุราวๆ ห้าสิบปีนั้น มีดวงตาที่สีเขียวที่ดูลึกซึ้ง เรือนผมสีทองถูกเซตไปด้านหลัง เวลาที่ยิ้มออกมานั้นก็ดูมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่ไม่น้อย
เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของเชี่ยซ่าเหลย ว่ากันว่าเพื่อถ่ายหนังเรื่อง ‘The second of Jesus Christ’ เรื่องนี้ ถึงกับละทิ้งหนังอีกเรื่องที่มีค่าตอบแทนดีงามไปในทันทีด้วย
ดูจากบุคลิกท่าทางแล้ว เขาดูเป็นคนเก็บตัวและนิ่งเงียบ เวลาที่ยิ้มออกมานั้นจะมีรอยย่นที่หางตาเล็กน้อย ดูจากภายนอกแล้ว เจียงเซ่อเองก็คิดว่าเขานั้นก็ดูเหมาะสมกับบทอังเดรในนิยายอยู่ไม่น้อย ดูเป็นบาทหลวงที่อบอุ่นและใจดี
นอกจากนี้แล้ว เธอยังได้เห็นนักแสดงหลักอีกมากมายหลายคน หนึ่งนั้นคือคนที่แสดงบทที่สำคัญที่สุดอย่างลาร่า บราวน์ นักแสดงฮอลลีวูดที่ได้รับความนิยมคนนี้ถูกทีมงานกลุ่มหนึ่งล้อมตัวเดินเข้ามาในกองถ่าย มาพร้อมกับผู้ช่วยกลุ่มใหญ่ที่มาเยอะจนน่าตกใจ
หล่อนมีใบหน้าที่สวยงาม เรือนผมสีน้ำตาลนัยน์ตาสีฟ้า มองดูแล้วดูบริสุทธิ์และน่ารักไม่น้อย เรือนร่างผอมบาง บวกกับความสูงของเธอที่น่าจะสักร้อยหกสิบห้าประมาณนั้น เมื่ออยู่ในชุดเดรสสีชมพูอ่อนแบบนั้นแล้ว ก็ยิ่งทำให้ผิวของหล่อนดูขาวราวกับหิมะ
วันเปิดกล้องวันแรก กลุ่มนักลงทุนอย่างบริษัทบอร์เจียก็มาด้วย เซี่ยเชาฉวินเดินเข้ามาใกล้เจียงเซ่อ แล้วชี้ไปที่ชายคนหนึ่งที่สวมชุดสูทสีน้ำเงิน และสวมทับด้วยเนื้อคลุมขนสัตว์อีกชั้นอย่างคนของบอร์เจียบันเทิงแล้วพูดว่า
“คนๆ นั้นเป็นทายาทคนที่สิบเจ็ดของบอร์เจียบันเทิง ถือว่าเป็นคนที่มีอำนาจอีกคนหนึ่ง แครอล บอร์เจีย เป็นผู้รับผิดชอบดูแลการลงทุนในหนัง ‘The second coming of Jesus Christ’ ของบอร์เจียในครั้งนี้”
บอร์เจียบันเทิงนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัทสร้างหนังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอเมริกาเลยก็ว่าได้ และนี่ก็เป็นแค่กลุ่มบริษัทลงทุนของบอร์เจียเท่านั้น
ในส่วนของด้านอื่นๆ นั้นอยู่ที่ฝั่งยุโรปเป็นหลัก และแน่นอนว่ามีกำลังอำนาจที่ไม่แพ้กัน ในใจของหลายๆ คน ถือว่าเป็นตระกูลผู้ดีมีชื่อเสียงที่มีการสืบต่อมาอย่างยาวนานแล้ว ถือว่าได้สร้างชื่อเสียงสืบทอดจนมาถึงรุ่นที่สิบเจ็ด
ผลของการที่พัฒนามาหลายปี นั่นก็คือตระกูลนี้มีลูกหลานมากมาย เกรงว่าแม้แต่เครือญาติครอบครัวของตัวเอง ก็อาจจะไม่สามารถพูดออกมาได้ครบว่ามีใครชื่อแซ่อะไรบ้าง แต่ว่าเรื่องพวกนี้ไม่ได้เกินความสามารถของเซี่ยเชาฉวินเลย
ชื่อแซ่ของครอบครัวครอบครัวหนึ่ง คนที่เกิดมาเป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน บวกกับคนที่ได้ยกให้เป็นทายาทคนต่อไปแล้วนั้น ฐานะของเจ้าตัวจะต้องเป็นที่จ้องมองของคนทั่วๆ ไปแน่นอน พอเซี่ยเชาฉวินพูดจบ เจียงเซ่อก็หันไปมองครู่หนึ่ง ชายหนุ่มที่เป็นคนโปรดปรานของพ่อแม่คนนี้มีส่วนสูงประมาณร้อยแปดสิบกว่าได้ กรอบหน้าเรียวเล็ก ดวงตาลุ่มลึก เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ในกองถ่ายที่ทางทีมงานจัดหามาให้ ข้างๆ กันคือบริตนีย์นางเอกของเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ อย่างลาร่าที่กำลังนั่งหัวเราะคิกคัก ท่าทางเหมือนกำลังต้องการจะเรียกร้องความสนใจจากทายาทคนที่สิบเจ็ดของบอร์เจียคนนี้อยู่อย่างไรอย่างนั้น
เชี่ยซ่าเหลยกำลังวุ่นอยู่กับการเจรจาพูดคุยเรื่องต่างๆ กับทีมงานในกองถ่าย เจียงเซ่อยกบทหนังขึ้นมา โดนัลด์ที่รับบทเป็นอังเดรก็เปลี่ยนเสื้อเสร็จพอดี และกำลังจะแต่งหน้า
นักแสดงส่วนใหญ่ต่างก็อยู่กันอย่างเงียบๆ ตอนที่เจียงเซ่อมองไปรอบๆ ก็เหมือนว่าจะกลายเป็นจุดสนใจของทายาทของบอร์เจียไปเสียเฉยๆ เขาเงยหน้ามองเจียงเซ่อแวบหนึ่ง และพยักหน้าให้อย่างมีมารยาท ดูแล้วก็เป็นคนที่เคร่งขรึมไม่น้อย
การกระทำของเขาเป็นที่สังเกตของลาร่าขึ้นมาในทันที พอสาวสวยคนนั้นเห็นแล้วว่าแครอลกำลังส่งสายตาไปที่ใครสักคน เจ้าหล่อนก็มองตามเขาจนพบว่าเป็นเจียงเซ่อนี่เอง ตอนที่เห็นว่าเป็นเจียงเซ่อนั้น หล่อนก็กระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย และส่งรอยยิ้มเล็กๆให้กับเจียงเซ่อ เจียงเซ่อเองก็กดมุมปากขึ้น เพื่อส่งยิ้มให้หล่อนกลับ พร้อมกับก้มหัวทักทายเล็กน้อย
“คุณเห็นไหม? เธอกำลังยิ้มให้ฉันล่ะ”
เจ้าหล่อนก้มหน้ายิ้มคิกคักต่อกับแครอล พลางโบกมือให้เจียงเซ่อไปด้วย
“เหมือนลิงที่ถูกเหยียบหน้าชะมัดเลยเนอะ”
ลาร่าพูดภาษาอังกฤษ หล่อนเห็นว่าข้างๆ เจียงเซ่อนั้นมีล่ามอยู่คนหนึ่ง ก็พูดเล่นขำขันขึ้นมาอย่างไม่คิดว่า
“ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดเลยนะคะเนี่ย ดูสิ ยังโบกมือกลับให้ฉันอยู่เลย”
เซี่ยเชาฉวินขมวดคิ้วทันที จากนั้นก็หันไปมองเจียงเซ่อ แน่นอนว่าหล่อนรู้ว่าเจียงเซ่อรู้และเข้าใจในสิ่งที่ลาร่าพูดทั้งหมด
“ไม่เข้าใจเลยจริงๆ นะคะ ว่าทำไมคุณเชี่ยซ่าเหลยถึงได้เอานักแสดงหัวเซี่ยมาเล่นหนังแบบนี้ มันดูเหมือนเป็นการดึงระดับทีมของกองถ่ายลงเลย” ลาร่ายังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า และยังขยิบตาให้กับ เจียงเซ่อไม่หยุด
ล่ามที่นั่งอยู่ข้างๆ เจียงเซ่อทีมีท่าทางที่แปลกไป ทีมงานที่นั่งอยู่ข้างๆ ลาร่าก้มหน้าลง เหมือนกับพยายามกลั้นขำอยู่
ดาราสาวฮอลลีวูดชื่อดังที่เป็นที่นิยมคนนี้มีกิริยาท่าทางที่ไม่ตรงกับความสวยของเจ้าหล่อนสุดๆ เจียงเซ่อวางมือลงอย่างสงบนิ่ง สายตาของเซี่ยเชาฉวินที่มองเธออยู่ก็พอจะเข้าใจท่าทางของเธอแล้ว เจียงเซ่อยังคงยิ้มอ่อนๆ ให้กับหล่อน ก้มหน้าลงอ่านบทต่อเหมือนกับฟังไม่รู้เรื่องจริงๆ พอลาร่าเห็นแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกเสียง
หล่อนหันไปพูดกับผู้ช่วยที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า
“บทตัวละครเชอรีนในหนังก็มีแค่ไม่กี่ประโยค ออกมาเดี๋ยวเดียวก็ตายแล้ว แต่เธอกลับถือบทหนังด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจแบบนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอยากจะเข้าใจบทให้มากๆ ฉันคงคิดว่าเธอได้เล่นบทนางเอกของเรื่องเสียอีก แบบว่าจะแสดงเป็นบริตนีย์อะไรแบบนั้น”
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าในกลุ่มนักแสดง มีเพียงเจียงเซ่อคนเดียวที่เป็นชาวหัวเซี่ย สาวๆ หลายคนในกองถ่ายถึงได้แสดงออกว่าไม่ได้รู้สึกดีกับเธอนัก
“ได้ยินมาว่าเธอได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Federer ในหัวเซี่ยด้วยนะ ที่จริงฉันเองก็ยังมองไม่ออก ว่าตัวเธอมีอะไรที่เหมาะที่จะเป็นตัวแทนของ Federer”
เด็กสาวอีกคนที่ได้ยินลาร่าพูดแบบนั้น ก็เอ่ยเบาๆ ขึ้นมา
“อาจเป็นเพราะว่าปีนี้ Federer อยากจะช่วยเหลือคนยากคนจนละมั้ง”
สาวๆ กลุ่มนั้นพากันซุบซิบคุยกันไปเรื่อย และมีหัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมาเป็นระยะๆ
โม่อานฉีเองก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เชี่ยซ่าเหลยยังคงยืนคุยถึงฉากต่อไปที่จะถ่ายทำกับช่างแต่งหน้าและคนทำฉากอยู่ จึงไม่ทันได้มาเห็นว่าวันนี้มีเด็กสาวกำลังนั่งจับกลุ่มนินทากันอย่างน่ารังเกียจ
แต่กลับเป็นโดนัลด์ที่แต่งหน้าเสร็จแล้วมาได้ยินในสิ่งที่เด็กสาวกลุ่มนั้นพูดคุยกันแทน แต่พอเขาเห็นเจียงเซ่อที่กำลังนั่งก้มหน้าอ่านบทแล้ว เขาก็หันกลับมาให้ความสนใจกับบทของตัวเองบ้าง และไม่คิดที่จะสนใจเรื่องพวกนี้
เจียงเซ่อรู้สึกอยากจะโกรธก็ไม่ใช่อยากจะหัวเราะก็ไม่เชิง แน่นอนว่าการมาโดนนินทาต่อหน้าแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่ารื่นรมย์สักเท่าไหร่ แต่วันนี้เป็นวันแรกของการเริ่มถ่ายหนัง ‘The second coming of Jesus Christ’ การที่จะมาถกเถียงทะเลาะกันนั้นไม่ใช่เรื่องที่คนมีสติปัญญาเขาทำกัน
ที่นี่ไม่ใช่หัวเซี่ยยิ่งทางกลุ่มนักลงทุนเองก็ยังเพ่งเล็งมาที่ใบหน้าชาวหัวเซี่ยแบบนี้อยู่แล้วด้วย ถ้าเจียงเซ่อเกิดมีเรื่องขึ้นมาอีก ไม่เพียงแค่ลาร่าจะไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองก่อเท่านั้น เพราะในขณะเดียวกันมันก็จะส่งผลเสียกับตัวเจียงเซ่อในภายหลังด้วย และสุดท้ายอาจจะต้องแย่กันไปทั้งสองฝ่าย
การที่จะเดินเข้าสู่วงการนานาชาตินั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และกว่าที่จะได้มาร่วมงานกับเชี่ยซ่าเหลยก็ไม่ใช่ง่ายๆ เหมือนกัน ได้รับเล่นบทเชอรีนในเรื่อง ‘นักโทษ’ แบบนี้แล้ว เธอต้องใช้เวลากว่าหลายปี ถึงขั้นไปฝึกงานที่เกี่ยวกับโบราณคดี เรียนรู้มันกว่าครึ่งปี ถึงจะสามารถได้ความประทับใจจากเชี่ยซ่าเหลยกลับมาเหมือนเดิม
การกระทำแบบเด็กๆ ของลาร่านั้น ก็เหมือนเป็นการทดสอบและฝึกเธออีกอย่างหนึ่ง เจียงเซ่อถือบทหนังเอาไว้ แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ
ฉากที่ทางทีมงานได้เตรียมมาถ่ายก่อนนั้น คือฉากที่เต็มไปด้วยหิมะ
วันนี้เป็นวันแรก เป็นวันที่จะให้ทุกคนมาทำความคุ้นชินกับฉากและสถานที่และหาอารมณ์ความรู้สึกให้กับตัวเอง หลังจากที่เชี่ยซ่าเหลยได้พูดคุยเรื่องกับทุกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว เขาก็ปรบมือขึ้นมา และทุกคนก็ลุกขึ้นพร้อมกันอย่างรู้หน้าที่
ตอนนี้สภาพอากาศในบริเวณที่จะถ่ายทำกันนั้นหนาวไม่น้อย ที่นี่ไม่มีฮีตเตอร์ ข้างนอกโมเดนานั้นล้วนแล้วเป็นหิมะและน้ำแข็ง ในวันที่อุณหภูมิลงต่ำแบบนี้ ทำให้อุปกรณ์การถ่ายทำบางส่วนเกิดปัญหาขึ้นอยู่บ่อยๆ
ท่าทางของเชี่ยซ่าเหลยเองก็ดูจะไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เขาเรียกทุกคนขึ้นมา
“พรุ่งนี้พักกองหนึ่งวันนะครับ ผมลองเช็กสภาพอากาศมาแล้ว พรุ่งนี้โมเดนาจะมีหิมะตกหนัก พอดีกับที่ผมจะถ่ายฉากของเจียงเซ่อและโดนัลด์พอดี” เขายื่นมือออกมา แล้วพูดว่า “เตรียมตัวกันให้พร้อมนะครับ”
ลาร่าที่ได้ยินเชี่ยซ่าเหลยพูดแบบนั้น ก็หันหน้าไปหาเจียงเซ่อแล้วทำมือว่าสู้ๆ ให้กับเธอ
หล่อนยังคงคิดว่าเจียงเซ่อจะต้องให้ล่ามที่ยืนอยู่ข้างๆ ช่วยแปลให้ฟังถึงจะเข้าใจว่าเชี่ยซ่าเหลยพูดอะไร ต่อหน้าเชี่ยซ่าเหลย ลาร่าเอียงตัวไปพูดกับล่ามที่อยู่ข้างๆ เจียงเซ่อว่า
“คุณช่วยแปลให้คุณเจียงหน่อยสิคะ เธอ...”
“OK ฉันจะท่องจำบทให้ขึ้นใจเลยค่ะ” เจียงเซ่อพยักหน้า และเลือกที่จะตอบเชี่ยซ่าเหลยก่อน จากนั้นก็หันไปหาลาร่าที่ตอนนี้หน้าเริ่มเปลี่ยนสีไปแล้ว เธอยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“คุณบราวน์คะ ที่จริงแล้วฉันไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ล่ามหรอกค่ะ มีอะไรก็พูดกับฉันได้เลย ฉันเข้าใจมันทั้งหมด”
พอเธอพูดจบ สีหน้าของลาร่าก็ซีดเผือดไปในทันที เด็กสาวหลายๆ คนที่นั่งนินทาเยาะเย้ยเจียงเซ่อกับลาร่าก่อนหน้านี้ก็หน้าเปลี่ยนสีไม่แพ้กัน เหลือไว้แค่ความทำตัวไม่ถูก
เพราะคนเหล่านั้นล้วนแล้วคิดว่าเจียงเซ่อฟังภาษาอังกฤษไม่ออก เพราะงั้นถึงได้ตั้งใจที่จะนินทากัน ลาร่านึกถึงสิ่งที่ตัวเองพูดไปก่อนหน้านี้ทั้งหมด และสิ่งเหล่านั้นเจียงเซ่อก็ได้ยินไปหมดแล้ว
ตอนที่หล่อนยกมือโบกให้เจียงเซ่อ และพูดเหน็บแนมเจียงเซ่อไปด้วย หล่อนก็คิดว่าเจียงเซ่อจะไม่เข้าใจในสิ่งที่หล่อนทำเสียอีก อีกทั้งยังหัวเราะเยาะเย้ยกันต่อหน้าคุณบอร์เจียอีกตั้งหลายครั้งหลายครา เอาเด็กสาวชาวหัวเซี่ยคนนี้มาพูดเป็นเรื่องตลกขบขัน
แต่ถ้าหากว่าเด็กสาวชาวหัวเซี่ยคนนี้เข้าในในสิ่งที่หล่อนพูดแล้วละก็ งั้นสิ่งที่ตัวหล่อนได้แสดงและทำออกไปทั้งหมด คงจะเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะเสียยิ่งกว่าอีก
หล่อนหน้าแดงหูแดงไปหมด อีกทั้งยังรู้สึกอายสุดๆ ปะปนไปด้วยความไม่พอใจ ที่เห็นว่าเจียงเซ่อยังคงหัวเราะคิกคักอยู่แบบนั้น
“ที่จริงหนังยังไม่ทันจะได้เริ่มถ่ายเลย แต่การแสดงของคุณบราวน์ก็ทำให้ฉันได้เข้าใจได้มากขึ้น ดิฉันรอที่จะได้ถ่ายทำฉากต่อไปแทบไม่ไหวเลยล่ะค่ะ” พอเจียงเซ่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็ทำท่าทางเหมือนกับที่ลาร่าทำก่อนหน้า โดนการยกมือขึ้นมาโบกให้หล่อน การกระทำแบบนั้นทำเอาลาร่าทั้งโกรธทั้งอาย ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นเผยความโมโหออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน
ก่อนหน้านี้เจียงเซ่อเองก็ต้องเก็บอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ และแน่นอนว่าตอนนี้หล่อนเองก็คงไม่กล้าที่จะโวยวายอะไรขึ้นมา หางตาของหล่อนเหลือบไปเห็นทายาทคนที่สิบเจ็ดของบอร์เจียยืนอยู่และบนใบหน้าก็ไม่ได้มีรอยยิ้มอย่างเดิม ในใจตอนนี้รู้สึกเกลียดเจียงเซ่อจนต้องกัดฟันแน่น
ต่อหน้าทายาทคนต่อไปของบอร์เจีย การที่เจียงเซ่อทำแบบนี้ก็สื่อออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่าต้องการที่จะทำให้หล่อนรู้สึกแย่ ตั้งใจที่จะทำให้หล่อนขายหน้า!