บทที่ 515 ผู้ช่วย
ถึงแม้ว่าชานั้นจะไม่ได้เป็นชาที่เพิ่งต้มเสร็จ แต่ทว่ามันก็เพิ่งรินออกมาจากกา และยังมีความร้อนอยู่
กว่าที่ผู้ช่วยสาวจะรู้ว่าตะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นอยากจะหลบตัว ก็สายไปเสียแล้ว น้ำชาสาดลงบนใบหน้าของหล่อน หล่อนกรีดร้องออกมา และยกมือขึ้นกุมใบหน้าของตัวเองเอาไว้
ภาพแบบนั้นทำเอาผู้ช่วยที่ยืนอยู่หน้าประตูถึงกับหน้าถอดสีทันที หญิงสาวที่คุกเข่าอยู่บนพื้นยังคงร้องครวญคราง สีหน้าของเฝิงหนานเองก็ดูไม่น่าดูสุดๆ
“เรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ งั้นเหรอ ไม่ เป็นไปไม่ได้ หนังเรื่องนี้ จะมีดาราของ หัวเซี่ยไปแสดงได้ยังไงกัน...” ท่าทางของหล่อนดูมึนงงไปหมด
“แล้วทำไมถึงต้องเป็นเจียงเซ่อ?”
“ขอโทษด้วยนะคะ” ผู้ช่วยสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูที่ได้เห็นภาพนั้นแล้ว ก็รีบหันกลับมา และรีบปิดประตูห้องทันที ก่อนจะดันไต้เจียที่ยืนนิ่งๆ เงียบๆ ให้ออกไปเล็กน้อย ก่อนจะพยายามปั้นยิ้มขึ้นมา
“ขอทราบช่องทางติดต่อกับคุณหน่อยได้หรือเปล่า? เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้คุณจะเอาไปพูดที่ไหนไม่ได้เด็ดขาด คุณเฝิงทำน้ำชาหกโดยที่ไม่ทันระวัง น้ำชาถึงได้หกออกมาแบบนั้น” ตอนนี้ไม่ได้ยินเสียงใดๆออกมาจากห้องอีก ผู้ช่วยสาวลอบถอนหายใจออกมา
“เดี๋ยวพอได้บัญชีมาแล้ว คุณเฝิงจะจ่ายค่าตอบแทนให้อย่างงามเลย”
ไต้เจียก้มหน้าลงเล็กน้อย และพยักหน้าเบาๆ ผู้ช่วยสาวไม่ได้เห็นสีหน้าของหล่อน แล้วหล่อนก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เฝิงหนานพูดถึง ‘เจียงเซ่อ’ ขึ้นมาด้วย จึงขมวดคิ้วเข้าหากันทันที
เพราะว่าดันมีข่าวที่ไม่คาดคิดเข้าหู ทำให้เฝิงหนานอารมณ์เสียไปทั้งคืน ตอนที่ฮั่วจือหมิงมาถึง หล่อนก็เผลอเหม่ออยู่ตลอด และแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมอยู่บ่อยครั้ง
ตอนที่พูดถึงบทนางเอกเฉินซวินหรานในเรื่อง ‘Suspect’ ขึ้นมา เฝิงหนานก็แค่ฝืนๆ ปั้นยิ้มขึ้นมาเท่านั้น
“ดิฉันรู้มาว่าตอนนี้ผู้กำกับฮั่วกำลังหาคนมาช่วยลงทุนหนังเรื่อง ‘Suspect’ อยู่นี่คะ”
หล่อนรู้แล้วว่านิสัยของฮั่วจือหมิงเป็นอย่างไร นิสัยส่วนตัวของผู้กำกับคนนี้ในวงการบันเทิงเองก็เหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาไม่ชอบให้ใครเข้าไปก้าวก่ายกับหนังของตัวเอง เวลาที่หนังมันมีปัญหา แม้แต่ตัวนักลงทุนเองก็ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะไปยุ่งเกี่ยวได้ ทำให้อาชีพผู้กำกับของเขาเริ่มที่จะย่ำแย่ลงเรื่อยๆ แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะปรับเปลี่ยนนิสัยของตัวเองอยู่ดี
เฝิงหนานต้องการที่จะได้บทเฉินซวินหราน แน่นอนว่าหล่อนจะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างตัวเองกับฮั่วจือหมิงตั้งแต่แรกแบบนี้เด็ดขาด ไม่งั้นก็คงต้องตายตอนจบ
หล่อนยกกาน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา และรินมันให้กับฮั่วจือหมิง “หนังเรื่องก่อนของผู้กำกับฮั่วดิฉันได้ดูมันมาหมดแล้ว ดิฉันชอบความตรงไปตรงมาของเนื้อเรื่องและความละเอียดของการถ่ายทำ ช่วงนี้เวลาที่ดิฉันพูดคุยกับคู่หมั้น เขาก็มักจะพูดถึงผู้กำกับฮั่วอยู่บ่อยๆ เชาชื่นชมผลงานของคุณมาก และสนใจที่จะช่วยลงทุนในหนังเรื่องใหม่ๆ ของคุณ”
หลังจากที่เฝิงหนานพูดถึงสถานะของตัวเองออกมา แต่ท่าทางของฮั่วจือหมิงกลับไม่ได้ดูยินดียินร้ายเหมือนกับเฝิงหนานคิดเอาไว้เลยสักนิด
ที่จริงแล้วหลังจากที่ได้เขียนบทหนังเรื่อง ‘Suspect’ เสร็จ เขาก็เหมือนจะไปไม่ถึงจุดมุ่งหมายสักที ฮั่วจือหมิงเคยส่งบทหนังไปให้กับเพื่อนที่รู้จักกัน ให้เอาบทหนังส่งให้กับซื่อจี้หยินเหอ และก่อนหน้านี้ก็ได้ยินมาว่า เหมือนเจียงเซ่อเองก็จะสนใจกับบทหนังเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
ก่อนหน้านี้ฮั่วจือหมิงเองก็ได้ไปไล่ดูหนังที่เจียงเซ่อแสดงมาเหมือนกัน และรู้สึกได้เลยว่าฝีมือการแสดงของเจียงเซ่อนั้นดูนิ่งไปหน่อย ในใจก็เลยคิดว่าเจียงเซ่อนั้นยังไม่เหมาะกับบท ‘เฉินซวินหราน’ สักเท่าไหร่
บทบาทที่เจียงเซ่อรับเล่นในหนังเรื่องก่อนๆ ส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วตรงกับรูปร่างหน้าตาของตัวเองทั้งนั้น สำหรับตัวฮั่วจือหมิงแล้ว มันก็ยังให้ความรู้สึกว่าเป็นแค่บทตัวประดับอยู่ดี
จนกระทั่งหนังเรื่อง ‘Evil’ เข้าฉาย ถึงได้ทำให้เขาล้มเลิกความคิดนั้นไป ในหนังเรื่อง ‘Evil’ เจียงเซ่อได้แสดงเป็นจางยวี่ฉินได้อย่างสมจริงสมจัง ความรู้สึกที่สื่ออกมาก็ดีไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกอ่อนแอในตอนเริ่ม หรือจะเป็นความบ้าคลั่งในตอนหลัง ก็ล้วนแล้วแสดงออกมาได้ดีทั้งสิ้น
แต่การที่แสดงเป็น ‘Evil’ ได้ดีแค่ครั้งหนึ่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถแสดงเป็นตำรวจที่รักความยุติธรรมและมีความเมตตาได้
ที่จริงเขาเล็งฟ่านจืออวิ๋นมาสักพักแล้ว อีกทั้งยังติดต่อหาอยู่ตลอด ทั้งอายุและบุคลิกของฟ่านจืออวิ๋นนั้นต่างก็ตรงกับตัวละคร ‘เฉินซวินหราน’ ใบหน้าของหล่อนดูมีความเมตาและอบอุ่น ถึงแม้ว่าจะขาดความเข้มแข็งไปบ้าง แต่ก็เหมาะสมกับบทที่เป็นเหมือนแม่พระอยู่ดี แค่ให้ได้รับการฝึกอีกนิดหน่อย ก็จะต้องแสดงบท ‘เฉินซวินหราน’ ออกมาได้อย่างโดดเด่นมากแน่ๆ
ตอนที่เฝิงหนานพูดถึงเรื่องการลงทุนขึ้นมา ฮั่วจือหมิงก็เงียบไปไม่พูดอะไรอยู่นาน
การจะหาเงินมาลงทุนกับหนังเรื่อง ‘Suspect’ นั้นไม่ง่ายจริงๆ ที่จริงทุนที่ต้องใช้กับหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่ทว่าเพราะชื่อเสียงของเขา ทำให้นักลงทุนหลายๆ คนไม่กล้าที่จะให้เงินกับเขา ไม่กล้าที่จะลงพนันข้างเขา
ถึงแม้ว่าตัวเขาจะยังขาดทุนไปอีกมาก แต่ถ้าหากว่าจะให้ขายตัวละครเพื่อให้ได้ทุนมา มันก็จะดูไม่ตรงตามคอนเซปต์ที่เขาต้องการจะถ่ายตั้งแต่แรก ถึงทำให้เขาไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไหร่
ความรู้สึกของฮั่วจือหมิงปรากฏชัดอยู่บนในหน้าแล้ว ในใจของเฝิงหนานเองก็เริ่มที่จะไม่พอใจ แต่ก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“ดิฉินรู้ดีว่าคุณเป็นคนแบบไหน นี่ไม่ใช่การเอาเงินมาให้คุณเพื่อที่จะคุณมอบบทให้ฉันเล่น ฉันแค่รู้สึกชื่นชอบและสนใจกับหนังเรื่องนี้จริงๆ และชอบวิธีการถ่ายหนังของคุณด้วย ดังนั้นก็เลยแค่อยากจะลองมีโอกาสได้ช่วงชิงดู อยากจะลองดูว่าจะพอมีโอกาสได้ร่วมงานกับผู้กำกับฮั่วบ้างหรือเปล่า ถ้าหากว่าคุณยอมที่จะให้โอกาสดิฉันได้ลองแสดง ให้คุณได้เห็นว่าดิฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง คุณก็สามารถเลือกที่จะใช้มันได้ แต่ถ้าหากว่ามันไม่เวิร์ค มันก็จะไม่ส่งผลอะไรต่อการลงทุนของดิฉัน”
พอหล่อนพูดออกมาแบบนั้น ฮั่วจือหมิงก็ไม่อยากจะทนอีกต่อไป
หลังจากที่พูดโน้มน้าวฮั่วจือหมิงเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่เฝิงหนานรู้สึกโล่งอก ก็กำลังเป็นห่วงเรื่องเงินด้วย
ในหลายปีมานี้หล่อนได้รับงานโฆษณาตั้งมากมาย ทำเงินก็ตั้งมากมาย แต่ในเรื่องของหนังยังถือว่าน้อยมาก
เวลาที่อยู่ต่อหน้าฮั่วจือหมิง หล่อนเอาแต่ชมไม่หยุดปาก ตัวเองเป็นถึงเจ้าของวิสาหกิจจงหนาน แถมยังมีคู่หมั้นเป็นถึงเจ้าของเจียงหัวกรุ๊ป แต่ความสัมพันธ์ทั้งสองก็ลุ่มๆ ดอนๆ
ผู้ช่วยที่ไปโรงพยาบาลก่อนหน้านี้โทรมา บอกว่าแผลที่ถูกน้ำชาลวกบนใบหน้าของตัวเองนั้น ยังต้องมีค่าใช้จ่ายที่ดูเหมือนว่าจะก้อนใหญ่พอสมควรอีกด้วย
ในขณะเดียวกันผู้ช่วยคนนั้นก็บอกว่าจะลาออก อีกทั้งยังบอกให้เฝิงหนานจ่ายค่าชดเชยให้ ไม่อย่างนั้นจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับพวกสื่อ!
ซวยซ้ำซวยซ้อน เทียบกับเจียงเซ่อที่ถึงจะเจอทั้งลมทั้งฝน ไม่ว่าเรื่องที่เธอเซ็นสัญญากับหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่เธอสามารถปีนป่ายเชี่ยซ่าเหลยได้สำเร็จแล้ว แต่ตัวหล่อนกลับไม่มีอะไรราบรื่นสักอย่าง ความสัมพันธ์กับคนในตระกูลเฝิงก็ย่ำแย่ กับจ้าวจวินฮั่นก็เหมือนจะไม่มีทางต่อกันติดอีก หนังเรื่อง ‘Revenge’ ที่ลงทุนไปก็ไม่ดัง แล้วมาถึงตอนนี้อยากจะได้บทหนังของฮั่วจือหมิงก็ยังต้องใช้เงินแลกมาอีก
อีกทั้งผู้ช่วยส่วนตัวก็ยังจะมาลาออก แล้วยังขู่ว่าจะประจานหล่อน
ในบริษัทเจียงหนานบันเทิง ผู้จัดการส่วนตัวของเฝิงหนานกำลังพูดคุยกับหล่อน เรื่องเงินที่จะต้องจ่ายชดเชยให้กับผู้ช่วยที่โดนน้ำชาลวกหน้าได้มีการตกลงกันแล้ว จะต้องจ่ายเป็นจำนวนหนึ่งล้านพร้อมกับสัญญา เป็นค่าปิดปาก
ส่วนข้อมูลของผู้ช่วยคนใหม่ก็รวบรวมมาแล้ว และผู้จัดการก็กำลังถือเอกสารประวัติอยู่หลายแผ่น
“ฉันลองเลือกดูแล้ว สามคนนี้แหละที่ดูดีหน่อย”
เฝิงหนานรับเอกสารมาพลิกๆ ดู ผู้จัดการส่วนตัวของหล่อนเลือกมาเป็นชายหนึ่งหญิงสอง มีผู้ชายคนหนึ่งและผู้หญิงอีกคนที่ดูเหมือนว่าจะยังอายุน้อยกันอยู่ เพิ่งจะเรียนจบเลยด้วยซ้ำ เป็นมือใหม่กันทั้งคู่ ชื่อเสียงในวงการของหล่อนยังไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ เปลี่ยนผู้ช่วยก็เร็ว บวกกับที่ตัวหล่อนยังไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมากมาย เงินที่ทำได้ก็ไม่ได้เยอะ คนที่มีประสบการณ์ส่วนมากก็ไม่อยากจะมาทำงานกับหล่อนทั้งนั้น
ประวัติสมัครงานที่ได้มา ส่วนมากก็เป็นพวกที่เพิ่งเรียนจบกันทั้งนั้น
ส่วนใบสุดท้ายนั้นไม่ใช่คนที่เพิ่งจบใหม่ มีชื่อว่าไต้เจีย อายุยี่สิบหกแล้ว เคยเรียนที่โรงเรียนสอนการแสดงตี้ตูมาก่อน แถมยังเคยเป็นตัวประกอบในหนังอีกด้วย แต่หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องตกที่นั่งลำบาก ทำให้ต้องออกจากที่เรียน เฝิงหนานหยิบข้อมูลแผ่นนั้นขึ้นมาดู บนรูปภาพ ใบหน้าของไต้เจียกำลังยิ้มเล็กน้อย