webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

514

บทที่ 514 รู้ก่อน

เฝิงหนานนัดฮั่วจือหมิงไว้ตอนสองทุ่มครึ่ง ส่วนเหตุผลที่เธอเลือกเป็นฮั่วจือหมิงนั้น เพราะว่าก่อนที่จะมาเกิดใหม่ ฮั่วจือหมิงได้ใช้หนังเรื่อง ‘Suspect’ ในการพลิกผันตัวเองขึ้นมาอย่างสวยงาม ลบล้างพวกหนังเรื่องต่างๆ ที่ก่อนหน้านี้ทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

เฉินซวินหรานนางเอกที่เป็นตำรวจหญิงในเรื่อง ‘Suspect’ ได้รับข้อความจากผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่ง ในข้อความนั้นเขียนเอาไว้ว่าต้องการที่จะฆ่าชายคนหนึ่งที่มีชื่ออู่ชุนเหอ และในขณะเดียวกันทางสถานีตำรวจก็ได้รับแจ้งว่าเกิดคดีบางอย่างขึ้น เป็นห้องเช่าแห่งหนึ่งในเมือง มีชายคนหนึ่งได้เสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำเพียงลำพัง และถูกพบเข้า และเรื่องทั้งหมดก็ถูกเปิดจากฉากนี้

หนังเรื่องนี้ได้ถูกยกให้เป็นตัวเปลี่ยนชีวิตของฮั่วจือหมิง ฝีมือที่ละเอียดอ่อน ปมเรื่องที่เชื่อมต่อกันอย่างต่อเนื่องและแนบเนียน มีการพูดถึงกันอย่างไม่ขาดสาย

นางเอกของเรื่องอย่างเฉินซวินหรานนั้นเป็นคนอ่อนโยนแต่ก็เต็มไปด้วยความเข้มแข็ง เต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรม ทำให้คนที่ได้รับบทนางเฉินซวินหรานอย่างฟ่านจืออวิ๋นได้ไต่ขึ้นมาจากดาราเล็กๆ ก้าวขึ้นมาเป็นดาราที่ได้รับความนิยมในทันที ได้รับความรักและความชื่อชอบจากผู้คนมากมาย

สิ่งที่เฝิงหนานกำลังเพ่งเล็งก็คือบทเฉินซวินหรานในเรื่อง ‘Suspect’ นั่นเอง และคิดที่จะใช้บทหนังเรื่องอื่นๆ ในการสร้างชื่อเสียงให้กับชีวิตที่มาเกิดใหม่ของตัวเอง และสาบานเลยว่าหล่อนจะต้องคว้าบทนั้นมาให้ได้

หล่อนได้ยินมานานแล้ว ว่าฮั่วจือหมิงนั้นเป็นคนที่สนใจอะไรได้ง่าย ในโลกก่อนหน้านี้ หล่อนเองก็เคยตามจ้าวจวินฮั่นไปเจอกับฮั่วจือหมิงครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเป็นในงานเลี้ยงการกุศล ตอนนั้นเขาเพิ่งจะเปิดกล้องหนังเรื่อง ‘Suspect’ ได้ไม่นาน และเหมือนว่ากำลังหาคนที่จะมาลงทุนกับหนังเรื่องนี้อยู่ด้วย

อายุของเขาไม่ใช่น้อยๆ แล้ว มีนิสัยที่ไม่ค่อยเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เสียเท่าไหร่ และดูไม่ค่อยหน้าเข้าหา

หนังกี่เรื่องๆ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้รับกระแสที่ดี ยอดขายก็เละๆ เทะๆ บวกกับที่คนๆ นี้เป็นคนที่ชอบทำตามความคิดและความรู้สึกของตัวเอง ทำให้ในตอนที่เริ่มเปิดกล้อง ขอแค่เกิดไอเดียหรือเกิดสนใจอะไรขึ้นมา ก็จะแก้ไขหนังทันทีจนมันดูยุ่งเหยิงไปหมด ทำให้พอหนังเข้าฉายก็มีแต่โดนด่า

บริษัทลงทุนหลายแห่งที่เคยขาดทุน ต่อให้เขายังได้เป็นผู้กำกับแนวหน้าของประเทศ ก็ไม่มีใครกล้าที่จะลงทุนให้กับหนังของเขาอยู่ดี

แต่ไม่รู้ว่าตอนนั้นฮั่วจือหมิงไปพูดเกลี้ยกล่อมผู้จัดการส่วนตัวของฟ่านจืออวิ๋นเอาอีท่าไหน แถมยังบอกให้นักแสดงช่วยแสดงไปก่อนจนมีความยาวราวๆ ยี่สิบกว่านาที จากนั้นก็เอาหนังสั้นๆ นั้น ไปวิ่งหานักลงทุนเพื่อที่จะมาสร้างหนังต่อ จนโดนคนทั้งวงการหัวเราะเยาะเย้ย

ตอนนั้นเฝิงหนานคล้องแขนจ้าวจวินฮั่น และเคยได้เห็นภาพตอนที่ฮั่วจือหมิงมาหาทุนเข้าหนังตัวเองแล้ว

ชายแก่คนนี้ได้ตกไปอยู่ในจุดที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกตั้งนานแล้ว แต่ทว่านิสัยและท่าทางของเขายังไม่มีแววที่จะลดน้อยลงเลย ตอนที่เขาถือเอาหนังสั้นเรื่อง ‘Suspect’ มาหาทุน ต่อให้ต้องเดินไปขอนักลงทุนทั่ววงการ แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะก้มหัวโค้งตัวให้กับใคร

ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะเยาะเขา เขาก็แค่มีใบหน้าที่เรียบเฉย หมุนตัวและเดินออกมาทันที

ตอนนั้นจ้าวจวินฮั่นก็ยังเป็นอีกคนที่หัวเราะเยาะเขา คนในวงการเบื้องหลังก็เอาเขามานินทากันอย่างสนุกสนาน

เฝิงหนานเองก็เคยพูดฉีกหน้าเขาต่อหน้าคนอื่น สุดท้ายแล้วผู้กำกับก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน และไม่มีใครยอมที่จะลงทุนให้เขาเช่นกัน เขายังคงถือหนังสั้นเรื่อง ‘Suspect’ ของตัวเองไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็สามารถหาทุนมาจนได้ และสามารถถ่ายหนังเรื่อง ‘Suspect’ ได้จนจบ

หลายปีมาแล้วที่ฮั่วจือหมิงไม่ได้มีผลงานใหม่ๆ ออกมา คำชื่นชมเยินยอต่างๆ ก็ล้วนแล้วโดนหนังเรื่องก่อนๆ กลบจนแทบไม่เหลือโอกาสได้เข้าฉาย หรือแม้แต่แฟนหนังเก่าๆ ของเขาเองก็ยังไม่คิดที่จะดูหนังเรื่อง ‘Suspect’ ของเขา แต่ในภายหลังเขาก็ยังไม่คิดที่จะยอมแพ้ เพื่อที่จะเพิ่มยอดขายจึงต้องมีการตกลงกับทางโรงหนัง ถึงได้ทำให้ความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ได้ประจักษ์ต่อสายตาของเหล่าคนดู

และผลของมันก็คือหนังเรื่องนี้กลายเป็นกระแสที่โด่งดังอย่างมากบบนอินเทอร์เน็ต ยอดขายบัตรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนถูกเรียกว่าเป็นม้ามืดของหนังในปีนั้น และได้กอบกู้ชื่อเสียงหน้าตาและความเคารพนับถือของฮั่วจือหมิงกลับมาอีกด้วย

หลังจากนั้นกลุ่มนักลงทุนต่างๆ ที่เคยปฏิเสธฮั่วจือหมิงไป ก็พากันเสียใจเสียดายกันหมด หรือแม้แต่ตัวจ้าวจวินฮั่นเองก็ยังต้องถอนหายใจ ที่ต้องพลาดจากโอกาสทำเงินมหาศาลนั่น

สุดท้ายแล้วหนังเรื่อง ‘Suspect’ ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีทั้งเรื่องการเข้าฉายและตัวเงินที่ได้กลับมา นักลงทุนหลายๆ รายต่างก็พากันเสียดาย และสิ่งนี้ก็ยังทำให้คนที่แสดงเป็นนางเองเฉินซวินหรานอย่างฟ่านจืออวิ๋นโด่งดังขึ้นมา และทำให้ฮั่วจือหมิงได้กลับขึ้นมาเป็นผู้กำกับแนวหน้าอีกครั้ง

เฝิงหนานในตอนนั้นรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ตอนที่หล่อนเอาแต่หัวเราะเยาะฮั่วจือหมิงกับจ้าวจวินฮั่น ไม่เคยแม้แต่จะคิดสักนิดว่า หนังเรื่องที่ถูกดูถูกเรื่องนี้ สุดท้ายแล้วจะได้ผลลัพธ์ที่งดงามขนาดนี้

ถ้าหากรู้ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นแบบนี้ หล่อนจะต้องพูดให้จ้าวจวินฮั่นช่วยลงทุนในตอนที่ฮั่วจือหมิงมาหาทุน และตัวเองก็จะเสนอตัวเป็นนางเอกเฉินซวินหรานไปเสียเลย ตอนนั้นตัวหล่อนเองก็ยังนั่งเสียดายไปหลายวัน และรู้สึกว่าโชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตหล่อนเสียเหลือเกิน

แต่ไม่นึกไม่ฝัน ว่าสวรรค์จะยังเมตตาหล่อนอยู่บ้าง

โอกาสที่ได้เสียไปในตอนนั้น ตอนนี้หล่อนได้มาเกิดใหม่แล้ว และได้กลับวนมาที่เดิมอีกด้วย

ตอนนี้หนังเรื่อง ‘Suspect’ กำลังอยู่แค่ในช่วงที่กำลังเตรียมตัว ฮั่วจือหมิงเองก็ยังไม่ได้ไปขอให้ฟ่านจืออวิ๋นมาเป็นนางเอกให้ และยังไม่ได้ไปวิ่งหาคนลงทุนที่ไหน พึ่งพาความสะดวกสบายในชีวิตที่ได้มาใหม่ หล่อนยังมีโอกาสอีกมากที่จะได้บทเฉินซวินหรานมาไว้ในมือ!

เฝิงหนานได้เตรียมห้องอาหารในร้านเป็ดย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และมาถึงก่อนเวลานัดกับฮั่วจือหมิงกว่าครึ่งชั่วโมงได้ ตอนนี้หล่อนกำลังอารมณ์ดีมากๆ แต่พอหล่อนได้ยินเสียงแจ้งเตือนข้อความดัง ‘ติ๊ง’ มาจากมือถือของผู้ช่วยส่วนตัวแล้ว อารมณ์ของเฝิงหนานก็ค่อยๆ ดิ่งลงในทันที

“ฉันหวังว่าในระหว่างที่ฉันกำลังเจรจาพูดคุยกับฮั่วจือหมิง จะไม่ได้ยินเสียงมือถืออีก”

ผู้ช่วยของหล่อนหน้าเสียไปในทันที หล่อนหยิบมือถือขึ้นมา พอกำลังจะกดปิดเสียง ก็เหลือบไปเห็นข้อความที่ส่งมาพอดี ตอนที่เห็นข้อความนั้นก็เผลอร้อง ‘หือ’ ออกมา พร้อมๆ กับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากข้างนอกห้อง เฝิงหนานเสมองผู้ช่วยส่วนตัวด้วยความเย็นชา ผู้ช่วยอีกคนจึงรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู

ที่หน้าประตูมีพนักงานหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ รูปร่างสูงกว่าผู้ช่วยของเฝิงหนานเล็กน้อย ไว้ผมเปิดหน้าผากเล็กๆ นั้นออกมา เฝิงหนานได้ยินเสียงของหล่อนที่กำลังคุยอยู่กับผู้ช่วยที่กำลังสั่งอาหารอยู่

ผู้ช่วยอีกคนที่ในมือยังถือมือถืออยู่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเฝิงหนาน “คุณเฝิงคะ ข่าวใหม่ของหัวเซี่ยจือซวิ่นในวันนี้ เจียงเซ่อได้เซ็นสัญญากับหนังเรื่องใหม่ของเชี่ยซ่าเหลย”

“...ในส่วนของของหวานคุณเฝิงอยากจะให้เอามาเสิร์ฟตอนก่อนอาหารหรือหลังอาหาร...” พนักงานที่กำลังพูดคุยอยู่กับผู้ช่วยอีกคนนั้น พอได้ยินว่าผู้ช่วยอีกคนที่อยู่ในห้องพูดถึงชื่อของ ‘เจียงเซ่อ’ สองคำนี้ขึ้นมา ก็เหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบพูดต่อ

“…ดีคะ?”

“เอาเป็นหลังอาหารดีกว่า“

ผู้ช่วยไม่ได้เก็บเอาท่าทางของหล่อนมาคิดอะไร กลับกันกลับรู้สึกตกตะลึงกับรูปร่างหน้าตาของพนักงานร้านอาหารเสียมากกว่า

ผู้ช่วยเหลือบไปมองป้ายชื่อที่ติดอยู่บนอกเสื้อ บนนั้นเขียนชื่อเอาไว้ว่า ‘ไต้เจีย’

พนักงานหญิงคนนี้ดูท่าทางแล้วน่าจะอายุราวๆ ยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด หน้าตาสระสวย รูปร่างสูงยาวเข่าดี ดูแล้วกับรูปร่างหน้าตาแบบนี้ มองแล้วก็ดูเพลินตาไม่น้อย ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่บนตัวจะเป็นแค่ชุดพนักงาน แต่ก็ไม่สามารถปกปิดรูปร่างที่โดดเด่นออกมาได้ เมื่อลองเทียบๆ ดูแล้ว ดูดีไม่แพ้กับดาราหลายๆ คนในวงการบันเทิงเลย

เฝิงหนานที่อยู่ในห้องหลังจากที่ยินว่า ‘เจียงเซ่อได้เซ็นสัญญากับหนังใหม่ของเชี่ยซ่าเหลย’ นั้น เจ้าหล่อนก็ลุกขึ้นทันที

“เป็นไปไม่ได้!”

เสียงของหล่อนดังขึ้น แล้วจ้องหน้าผู้ช่วยที่นั่งอยู่ต่ำกว่า ผู้ช่วยที่กำลังยืนคุยอยู่กับพนักงานอยู่หน้าห้องนั้นพอได้ยินเสียงที่เหมือนกำลังโมโหของเฝิงหนาน ก็รีบหันกลับไปมองทันที

ไต้เจียที่ยืนอยู่หน้าประตูก็แอบเขยิบปลายเท้าเข้าไปเล็กน้อย แล้วลอบมองเข้าไปยังห้องรับแขก ผู้ช่วยคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ขาของเฝิงหนาน ในมือของหล่อนถือแก้วชาเอาไว้ ท่าทางโมโหสุดๆ

“หนังใหม่ของเชี่ยซ่าเหลยก็ได้เถาเฉินแสดงไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

“เห็น เห็นว่ากันว่าชื่อเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’...” พอผู้ช่วยพูดจบ แก้วชาที่อยู่ในมือเฝิงหนานก็ถูกสาดลงบนใบหน้าของหล่อนทันที ผู้ช่วยหญิงคนนั้นกรีดร้องขึ้นมาทันที