webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

512

บทที่ 512 ฝ่ามือ

เด็กหนุ่มผู้ช่วยถือมือถือเอาไว้ และยังคงอยู่ในท่าที่กำลังคุยอยู่

“เหมือนว่าเธอจะไปเซ็นสัญญากับหนังเรื่องใหม่น่ะครับ...”

ต้องออกไปเซ็นสัญญาหนังถึงต่างประเทศ แถมยังเป็นเมืองหลวงของอิตาลีพอดีอีก

เฉินเจียวยังคงเหลอหลา เถาเฉินเม้มปากแน่น ก่อนหน้านี้หล่อนได้ข่าวมาว่า เชี่ยซ่าเหลยมีเรื่องที่ต้องกลับมาล่าช้า และต้องยังอยู่ที่โรมต่อ ดังนั้นการเปิดกล้องของหนังเรื่อง ‘The Lost City 2’ จึงต้องเลื่อนมาเป็นภายในเดือนนี้แทน

เธอลุกขึ้นนั่ง ผู้ช่วยที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็รีบปักหลอดลงแก้วเครื่องดื่ม หล่อนดูดมันเข้าไป แล้วมองไปยังทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา

“นอกจากเชี่ยซ่าเหลยจะมีหนังเรื่อง ‘The Lost City’ แล้ว ยังมีเรื่องอื่นที่กำลังจะถ่ายทำอีกไหม?”

สิ้นเสียงของเถาเฉิน เฉินเจียวก็สูดหายใจเข้าลึก

“เป็น เป็นไปไม่ได้น่า”

เมื่อกี้เฉินเจียวยังเอาแต่พูดกระทบเปรียบเปรยว่าเถาเฉินเขี่ยเจียงเซ่อลง และได้โอกาสร่วมงานกับ เชี่ยซ่าเหลยมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เถาเฉินกลับเป็นคนถามถึงหนังเรื่องอื่นที่เชี่ยซ่าเหลยกำลังจะถ่ายทำขึ้นมาบ้างแล้ว

“มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้บ้าง?”

ที่จริงตอนนี้ในใจของเถาเฉินที่ไม่ได้รู้สึกสงบเหมือนอย่างที่แสดงออกเลยสักนิด แต่แค่ว่าเธออยู่ในวงการนี้มานาน จนรู้จักที่จะเก็บความรู้สึกของตัวเองจนเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว แว่นกันแดดอันใหญ่ช่วยปิดใบหน้าเล็กๆ ของหล่อนไปเกือบครึ่ง ขาขาวทั้งสองข้างเตะลงบนทรายเบาๆ เม็ดทรายค่อยๆ ยวบลงไปตามรอยเท้าที่เธอเหยียบ

“แม้แต่สัญญาแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Federer ก็ยังเอาไปได้ เชี่ยซ่าเหลยเองก็ประทับใจในตัวเธออยู่ เคยพูดออกสื่อเลยด้วยซ้ำ ว่าคงไม่ตัดเธอออกจากการร่วมงานกันแน่ๆ” พอหล่อนพูดจบ ก็เงยหน้าขึ้น มุมปากเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม

“แล้วเธอยังจะมาบอกว่าเป็นไปไม่ได้อะไรอีก?”

ถึงจะมีแว่นดำกั้นอยู่ แต่เฉินเจียวก็สัมผัสได้ว่าแววตาของหล่อนนั้นจะต้องไม่พอใจมากแน่ๆ หล่อนจึงก้มหน้าลงอย่างประหม่า

“คุณเถา มันไม่น่าเป็นไปได้นะคะ คุณลองคิดดูสิคะ ข่าวจากทั้งบริษัทฮว๋านเต่าและบอร์เจียบันเทิงก็มีแค่ข่าวสัญญากับหนัง ‘The Lost City’ ของเชี่ยซ่าเหลยทั้งสามภาค สองภาคแรกก็ถ่ายทำติดต่อกัน รอจนออกฉายทั้งสองภาคก่อน ภาคสุดท้ายก็รอตอนที่หนังกำลังเข้าฉาย แล้วค่อยเปิดกล้องเอาตอนนั้น”

หล่อนกลืนน้ำลาย กังวลไปหมดว่าตัวเองจะพูดอะไรไม่ถูก แล้วจะทำให้เถาเฉินโมโหเอา

“ในสถานการณ์แบบนี้ ก็คงจะเป็นถ่ายสองเรื่องไปพร้อมๆ กัน การถ่ายทำหนังเรื่อง ‘The Lost City 2’ ก็ล่าช้าออกไปตั้งนานกว่าจะได้เริ่มถ่าย ถ้าเชี่ยซ่าเหลยต้องการที่จะเริ่มถ่ายทำหนังจริงๆ เรื่องการเตรียมเวลาก็คงไม่ทันแน่ๆ”

ยังไม่ต้องพูดถึงปัญหาเรื่องการลงทุน กับผู้กำกับอย่างเชี่ยซ่าเหลย การที่จะหากลุ่มคนมาลงทุนสักกลุ่มก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ผู้กำกับที่ยิ่งโด่งดัง การเลือกสรรบทหนังก็ยิ่งเป็นเรื่องต้องเข้มงวดและต้องเลือกให้มาก ทั้งตัวบทจนรวมไปถึงนักแสดงทีมงานต่างๆ มันก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถเตรียมตัวกันได้ในระยะเวลาสั้นๆ

ถ้าพูดในเรื่องของเวลา แน่นอนว่าเชี่ยซ่าเหลยจะต้องไม่สามารถแบ่งเวลาไปเตรียมตัวกับหนังเรื่องอื่นแน่ๆ

หนังเรื่อง ‘The Lost City 1’ เพิ่งจะถ่ายเสร็จไปได้ไม่นาน ก็ต้องมาเตรียมถ่ายเรื่อง ‘The Lost City 2’ ต่อแล้ว ระยะเวลาการถ่ายทั้งหมดต้องใช้ถึงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบวัน ถ้าหากว่าจะถ่ายหนังเรื่องใหม่ละก็ ก็คงไม่มีทางที่จะทำได้เร็วขนาดนั้นแน่ๆ

“บางทีเรื่องที่เจียงเซ่อไปเซ็นสัญญาที่โรม มันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้นะคะ...”

ตอนที่เฉินเจียวพูดแบบนั้น หล่อนก็เงยหน้าขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ

แต่เถาเฉินไม่เชื่อว่านั่นจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น หล่อนหันไปมองเด็กหนุ่มที่เป็นคนรับสายเมื่อครู่นี้ ท่าทางของผู้ช่วยเด็กหนุ่มก็ดูจะลนๆ ไม่แพ้กัน

“โจวเซิงไม่มีทางที่จะพูดมากกว่านี้แน่ๆ ครับ”

เถาเฉินจึงต้องโทรกลับไปที่บริษัทเพื่อถามด้วยตัวเอง พอหล่อนเริ่มเปิดคำถามออกไป ก็เหมือนว่าจะได้ยินข่าวที่ไม่เหมือนกับที่ผู้ช่วยได้ยินมา

หล่อนโด่งดังมาตั้งหลายปี ในซื่อจี้หยินเหอหล่อนเองก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร แต่ก่อนไม่ว่าจะพูดอะไรก็ยังมีโจวเซิงคอยเก็บความลับเอาไว้ให้ เวลาอยู่ต่อหน้าเถาเฉินไม่ว่าจะถามอะไร ก็ตอบออกมาตรงๆ แบบไม่ปิดบังตลอด

“เจียงเซ่อเซ็นสัญญาหนังของเชี่ยซ่าเหลยจริงๆ ไม่ใช่เรื่อง ‘The Lost City’ แต่เป็นอีกเรื่องที่มีชื่อว่า ‘The second coming of Jesus Christ’ ”

เสียงของโจวเซิงดังขึ้นข้างๆ หูเถาเฉิน “เรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ อย่างนั้นหรือ?”

เถาเฉินพึมพำกับตัวเอง พอวางสายไปแล้วก็โยนมือถือลง และล้มตัวลงบนเก้าอี้ชายหาด

“‘The second coming of Jesus Christ’?” พอเฉินเจียวได้ยินแบบนั้น ก็รีบเอ่ยขึ้นมาทันที

“ไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนเลยว่าจะมีผู้กำกับคนไหนถ่าย”

เถาเฉินไม่อยากจะพูดอะไรกับหล่อนแล้ว หนังเรื่องนี้ หล่อนเองก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน

แต่หล่อนกับเหมือนว่าจะจำเหตุการณ์บางอย่างเมื่อสองสามปีก่อนได้อย่างชัดเจน ในตอนที่เชี่ยซ่าเหลยกำลังจะถ่ายหนังเรื่อง ‘The Lost City’ คนแรกที่เขาอยากจะให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในกองถ่ายหนังก็คือเจียงเซ่อ

ตอนนั้นเขาถึงกับบินไปที่หัวเซี่ยด้วยตัวเอง และแอบนัดพบกับเจียงเซ่อเป็นการส่วนตัวอีกด้วย

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนั้นหล่อนได้ยินข่าวนั้นมาก่อน และไปช่วงชิงตัวบทนั้นมาจากเจียงเซ่อละก็ น่ากลัวว่าหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ทั้งภาคหนึ่งและภาคสองก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้อีก

หลังจากเกิดเรื่องเหล่านั้นขึ้นแล้ว ทางฝั่งเจียงเซ่อเองก็เหมือนว่าจะเงียบไป เวลาเจอหน้ากันก็ไม่มีการทำท่าทางไม่พอใจหรือใส่อารมณ์ใส่กัน ในขณะที่มีการติดต่อกับทางเชี่ยซ่าเหลยเป็นการส่วนตัว เฉินเจียวมั่นใจสุดๆ ว่าหล่อนสามารถแย่งบทตัวละครจากเรื่อง ‘The Lost City’ มาได้ แต่ในระหว่างนั้นเจียงเซ่อกลับสามารถติดต่อกับเชี่ยซ่าเหลยและได้เซ็นสัญญากับหนังเรื่องใหม่ของเขา

หรือพูดได้ว่า ระหว่างสองคนนั้นมีการติดต่อและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่แล้ว และมากพอที่จะสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่คนรอบๆ ข้างไม่สามารถรู้ได้อีกด้วย ความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันแบบนี้ มันจะต้องดีกว่าบัตรชมการแสดงดนตรีทั้งสองใบที่เถาเฉินพยายามหามาให้เขาแน่ๆ

เถาเฉินไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอะไรคือ ‘The second coming of Jesus Christ’ แต่ตอนที่หล่อนเพิ่งได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกองถ่ายหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ก็เหมือนว่าจะเคยได้ยินอะไรแนวๆ นี้มาบ้าง

ในวันนั้นที่เชี่ยซ่าเหลยยินยอมที่จะรับถ่าย ‘The Lost City’ ทั้งสามภาค นั่นก็เพราะว่ามีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน นั่นก็คือการถ่ายหนังการตลาดไปสามภาค แล้วจะได้ทุนไปถ่ายหนังอีกเรื่องนั่นเอง

หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่เจียงเซ่อได้เซ็นสัญญาไป มันจะใช่เรื่องที่เชี่ยซ่าเหลยต้องการและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้ถ่ายทำหรือเปล่านะ?

ด้านหนึ่งก็เป็นหนังการตลาดที่จะต้องถ่ายทำเพราะสัญญา ส่วนอีกด้านเป็นหนังที่เชี่ยซ่าเหลยเตรียมตัวและกระตือรือร้นที่จะถ่ายทำ อันไหนมีความสำคัญมากกว่ากัน ขอแค่ไม่ใช่คนที่โง่จริงๆ ก็คงจะรู้ดีอยู่แล้ว

เถาเฉินจากที่ตอนแรกกำลังรู้สึกดีสุดๆ ที่สามารถคว้าบทจากเรื่อง ‘The Lost City 2’ มาได้อีกครั้ง ตอนนี้หล่อนต้องกลับมารู้สึกสับสนกระวนกระวายแทนเสียแล้ว ยิ่งเห็นท่าทางของเจียงเซ่อที่ดูสงบนิ่งทั้งๆ ที่โดนแย่งบท ‘The Lost City’ ไปแล้ว เถาเฉินคิดๆ ดู ดูท่าว่าตัวเธอคงจะมีการตัดสินใจเอาไว้แล้วเหมือนกัน

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันหล่อนยังรู้สึกว่าได้ใจสุดๆ คิดว่าตัวเองได้ก้าวเข้าสู่วงการของฝั่งยุโรปอเมริกาแล้ว สำหรับเจียงเซ่อ เธอก็เหมือนเป็นแค่ปัญหาเล็กๆ ที่สามารถกำจัดออกไปได้อย่างง่ายดายไม่ใช่หรือ?

พอเถาเฉินคิดถึงตรงนี้ ฟันคมก็กัดเข้าหากันแน่น

“ข่าวในประเทศ เอาพวกข่าวที่เธอเคยติดต่อกับทางหัวเซี่ยจือซวิ่นออกให้หมด”

ในใจของหล่อนมีความคุกรุ่นอย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่าเฉินเจียวจะมีฝีมือที่ดีแค่ไหน แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับเซี่ยเชาฉวินอยู่ดี ไอ้วิธีไม่ซื่อตรงยกยอปอปั้นตัวเองแบบนี้หล่อนรู้จักมันดีอยู่แล้ว

ถ้าหากว่าความคิดของเธอไม่ได้คิดแบบนั้นเอาไว้ตั้งแต่แรกก็แล้วไป ถ้าหากว่าหนังที่เจียงเซ่อเซ็นสัญญาด้วยมันคือหนังที่เชี่ยซ่าเหลยเตรียมตัวถ่ายทำมาโดยตลอด ก็คงจะเป็นเพราะว่าเขาได้ให้ความสำคัญมาตั้งแต่แรกแล้ว

ข่าวที่เฉินเจียวเอาขึ้นในวันนี้มันเป็นข่าวที่โจมตีและหยอกล้อเจียงเซ่อแรงไม่น้อย หลังจากนี้คงจะต้องโดนคนอื่นหัวเราะเยาะตลบหลังแน่ๆ

“เอาออกอย่างนั้นหรือคะ? แต่ว่าคุณเถาคะ...” เฉินเจียวมีท่าทางกระวนกระวายไม่น้อย เหมือนว่าหล่อนอยากจะพูดอะไร แต่เถาเฉินก็จงใจทำแก้วในมือตกลง จนน้ำผลไม้มันกระเซ็นออกมา จนเปียกขาของหล่อนไปหมด อีกทั้งผ้าที่ผูกอยู่ที่เอวก็เปียกไปด้วย แนบลู่ไปกับขาสวยทั้งสองข้าง

หล่อนยกมือขึ้น แล้วตบลงไปแรงๆ บนแก้มของเฉินเจียว

เสียงเกลียวคลื่นและเสียงหัวเราะสนุกสนานสามารถกลบเสียงที่ดังชัดนี้เอาไว้ได้อย่างดี ทั้งใบหน้าของเฉินเจียวหันไปอีกทาง ทั้งตัวของหล่อนสั่นไปหมด

“เจ็บไหม?”

พอเถาเฉินถามออกมาแบบนั้น เฉินเจียวก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาอีก

“ฉันถาม ว่าเจ็บรึเปล่า?”

หล่อนถามขึ้นอีกครั้ง เฉินเจียวค่อยๆ วางมือลง บนแก้มของหล่อนขึ้นสีช้ำเป็นรอยนิ้วมือ หล่อนสูดหายใจเข้าลึก และส่ายหน้าทั้งที่ตัวสั่น

“ไม่เจ็บ...”

ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบ เถาเฉินก็ยกมือขึ้นมาอีกข้าง และสะบัดลงไปบนซีกหน้าอีกข้างของหล่อน

เฉินเจียวเองก็ไม่กล้าที่จะหลบ เถาเฉินฟาดมือลงบนใบหน้าของหล่อน และครั้งนี้ก็เหมือนว่าจะแรงกว่าครั้งแรกอีกด้วย พอตบเสร็จแล้ว ฝ่ามือของหล่อนก็เริ่มขึ้นสีช้ำ และมันก็แดงไปหมด

“เจ็บหรือเปล่า?”

คนที่นั่งอยู่รอบๆ รีบลุกขึ้นล้อมวง และบังภาพที่เธอตบคนก่อนหน้านี้เอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครมาแอบถ่ายได้

เถาเฉินยังคงถามคำถามเดินต่อเฉินเจียว แต่เฉินเจียวไม่กล้าที่จะพูดอะไรขึ้นมาอีก เพราะกลัวว่าถ้าพูดผิดจะต้องโดนแบบเดิม

หล่อนเป็นผู้จัดการ แต่เวลาที่อยู่ต่อหน้าเถาเฉิน กลับเป็นเหมือนแค่ผู้ช่วยและพี่เลี้ยงก็มิปาน

ถึงแม้ว่านิสัยของเถาเฉินจะไม่ได้เป็นคนที่น่าคบหาด้วยเท่าไหร่ และไม่ได้เชื่อฟังคำของตัวหล่อนเลยด้วยซ้ำ แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ก็ไม่เคยที่จะมีใส่อารมณ์กับหล่อนแบบนี้เลยสักครั้ง เอาจริงๆ จนมาถึงตอนนี้หล่อนก็ยังไม่รู้เลยว่าทำไมเธอถึงต้องโมโหกันขนาดนี้

“ที่ฉันทำแบบนี้ ก็แค่ ก็แค่ต้องการที่จะช่วยคุณเอาหน้าเอาตาที่แต่ก่อนเคยมีกลับมา...”

ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะข่าวไหนๆ ก็พูดถึงเถาเฉินในทางเสียๆ หายๆ ไปหมด

บอกว่าหนังเรื่อง ‘The Incident’ ของหล่อนเทียบไม่ได้กับเรื่อง ‘Evil’ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยอดขายบัตรหรือคำชื่นชม แถมยังมีคนเอาหล่อนไปเปรียบเทียบกับเจียงเซ่ออีก เจียงเซ่อเป็นใครกัน? ไม่ว่าจะอายุการเข้าวงการบันเทิง ประสบการณ์และหนังที่เคยถ่าย มีอะไรบ้างที่มีเทียบกับเถาเฉินได้?

หรือแม้แต่ดาราสาวของบริษัทที่ทำเงินได้มากที่สุด ถ้าบอกว่าเถาเฉินเป็นที่สอง ก็คงไม่มีใครกล้าที่จะพูดว่าตัวเองเป็นที่หนึ่ง

แต่เจียงเซ่อกลับได้ร่วมงานกับหลิวเย่ในหนังเรื่อง ‘Evil’ ได้อย่างไม่ต้องลำบากอะไร แถมยังโชคดีได้รู้จักกับผู้จัดการของ Federer อีก ถึงได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์ Federer ได้ ก่อนหน้านี้ก็มีสื่อหลายสื่อบอกว่าเถาเฉินเริ่มที่จะด้อยกว่าเธอไปมากแล้ว

และเพราะเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนั่น หลังจากที่เถาเฉินได้รับเล่นต่อใน ‘The Lost City 2’ แล้ว เฉินเจียวจึงคิดหาวิธีที่จะกอบกู้ชื่อเสียงและหน้าตากลับมา แต่คิดไม่ถึงว่าเถาเฉินจะสั่งให้หล่อนถอนข่าวเหล่านั้นออกให้หมดแบบนี้

“ใครอนุญาตให้เธอเสนอตัวจัดการเรื่องนี้เอง? ฉันถาม เจ็บหน้าหรือเปล่า?” เถาเฉินสะบัดมือไปมา แต่เฉินเจียวก็ยังตอบคำเดิมว่าไม่เจ็บ หล่อนยกมือจะตบลงไปอีกครั้ง ก็เห็นว่าเฉินเจียวน้ำตาไหลเพราะกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป หล่อนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากเม้มแน่น พยายามบังคับตัวเอง กัดฟันพูดออกมา

“เจ็บค่ะ”

“หึ” พอเถาเฉินได้ยินหล่อนพูดแบบนั้น ก็ก้มตัวลงไปประจันหน้ากับเฉินเจียว หล่อนยังคงนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นทรายเหมือนเดิม ใบหน้าทั้งสองข้างแดงช้ำ

“ตอนนี้เธอเจ็บที่หน้า เดี๋ยวรอให้ข่าวที่เจียงเซ่อได้เซ็นสัญญากับหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ของเชี่ยซ่าเหลยออกมาก่อนเถอะ ถ้าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chris’ เข้าฉายเมื่อไหร่ ฉันนี่แหละที่จะเจ็บยิ่งกว่าเธอ!” ทุกๆ คำทุกๆ ประโยคของเธอ พูดออกมาอย่างชัดเจนหมดแล้ว

“แต่รอยมือที่อยู่บนหน้านี่ ก็คือความผิดที่เธอทำเรื่องต่างๆ โดยพลการ ติดต่อกลับไปหานักข่าวของหัวเซี่ยจือซวิ่น แล้วบอกให้ลบข่าวในวันนี้ออกให้หมด!”

เฉินเจียวนิ่งอึ้งมึนงง คิดไม่ถึงว่าเถาเฉินจะพูดออกมาแบบนั้น เจียงเซ่อเซ็นสัญญากับเชี่ยซ่าเหลยแล้วจริงๆ หล่อนเองก็ร้อนใจไม่น้อย พอได้ยินแบบนั้นแล้ว หล่อนก็รู้ทันทีว่าอะไรกันที่ทำให้เถาเฉินโมโหได้ขนาดนี้ ถ้าหากว่าข่าวเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง อย่างนั้นข่าวที่จะลงในวันนี้ จะต้องกลายเป็นเรื่องที่น่าขบขันของเถาเฉินไปแน่ๆ

“สำหรับเธอชื่อเสียงหน้าตาเขากู้กลับมากันแบบนี้หรือ หัดดูเจียงเซ่อ หัดเรียนรู้จากเชาฉวินเสียบ้าง!”

ปีก่อนหล่อนแย่งบท ‘The Lost City’ มาได้ ทั้งเซี่ยเชาฉวินและเจียงเซ่อต่างก็เงียบไม่มีการตอบโต้ใดๆ แต่วันนี้กลับฟาดลงมาบนหน้าหล่อนอย่างแรง ถือว่าแสบดีจริงๆ!

เถาเฉินลูบแก้มของตัวเอง ปลายลิ้นดุนข้างแก้ม

ข่าวที่ลงไปในหัวเซี่ยจือซวิ่น ถ้าคิดจะถอนออกมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย โดยเฉพาะกับเถาเฉินที่เป็นดาราสาวที่มีคนให้ความสนใจและจับตามองแบบนี้แล้วด้วย แฟนคลับของหล่อนมีมากมาย ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีคนคอยสนับสนุนเสมอ

โดยเฉพาะยิ่งหล่อนได้ร่วมงานกับเชี่ยซ่าเหลย หลายๆ คนต่างก็พากันดีอกดีใจไปด้วย ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่าทั้งๆ ที่หล่อนกับเจียงเซ่ออยู่ในบริษัทเดียวกัน แต่ยอดขายบัตรหนังและสัญญาการเป็นพรีเซนเตอร์กลับโดนเจียงเซ่อแย่งไปได้ทั้งหมด พวกแฟนคลับก็เก็บความไม่พอใจเอาไว้มานานแล้ว แต่พอได้โอกาส แน่นอนว่าข่าวนี้คงจะถูกปล่อยออกไปแล้วแน่ๆ

กว่าเฉินเจียวจะได้รับการสั่งสอนจากเถาเฉินจนได้สติกลับมาและจะไปจัดการเรื่องทั้งหมด มันก็สายไปแล้ว

ในขณะที่หล่อนกำลังรู้สึกจนตรอกและอับจนหนทาง แฟนคลับของเถาเฉินกลับกำลังสนุกสนานกันสุดๆ!

หยางลี่หรงที่เป็นหนึ่งในแฟนคลับตัวยงของเถาเฉิน ถ้าให้พูดในแบบของหล่อน ก็คือรักเถาเฉินจนเรียกได้ว่าโงหัวไม่ขึ้นแล้ว

ตั้งแต่ที่เถาเฉินเพิ่งจะเข้าวงการมาได้ไม่นาน หล่อนก็เริ่มที่จะสนใจกับเถาเฉินที่ยังเป็นแค่ดาราหน้าใหม่แล้ว หลายปีที่ผ่านมานี้ หล่อนไม่เคยพลาดที่จะดูหนังทุกๆ เรื่องของเถาเฉิน อยู่กับหล่อนมาตั้งแต่ตอนที่หล่อนเป็นแค่ดาราหน้าใหม่ จนได้ก้าวเข้าสู่วงการต่างประเทศ

หยางลี่หรงจากที่ตอนแรกเป็นแค่นักเรียน จนตอนนี้ได้กลายเป็นเป็นพนักงานการตลาดคนหนึ่ง

ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ที่ทั้งเถาเฉินและเจียงเซ่อต้องบินไปที่ฝรั่งเศสและทั้งคู่ก็ได้มีชื่อเข้าชิงรางวัล ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ ตอนนั้นเป็นเรื่อง ‘The Incident’ และ ‘Evil’ และหยางลี่หรงก็รู้สึกเจ็บปวดแทน เถาเฉินไปทั้งหัวใจ

หล่อนทำถึงขั้นที่ว่าไปคอมเมนท์หน้าเพจแอคเคาท์ของเถาเฉินทุกวัน ให้กำลังใจแก่เถาเฉิน เพื่อที่จะแสดงถึงความ ‘จงรักภักดี’ ในตอนที่หนังเรื่อง ‘Evil’ เข้าฉาย หล่อนก็ไม่เคยเข้าไปดูเลยสักครั้ง ทุกครั้งที่ได้ยินคนพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หยางลี่หรงก็จะพูดอย่างภูมิใจว่า ต่อให้ยอดขายบัตรทั่วโลกของหนังเรื่อง ‘Evil’ ของเจียงเซ่อจะได้ถึงห้าพันล้าน แต่หนึ่งในนั้นก็จะไม่มีเงินจากหล่อนเลยสักแดงเดียว!

แต่ก็เพราะว่าเป็นแบบนั้นสุดท้ายยอดขายบัตรหนังเรื่อง ‘The Incident’ ก็ต้องแพ้ให้กับเรื่อง ‘Evil’ อย่างราบคาบ ทำเอาหยางลี่หรงถึงกับต้องไปร้องไห้ต่อหน้าแฟนหนุ่มถึงสองครั้งสองครา

ตอนที่มีเทศกาลหนังฝรั่งเศส เชี่ยซ่าเหลยก็เอ่ยชมเจียงเซ่อ แถมยังบอกต่อหน้าทุกคนว่าจะไม่ตัดเจียงเซ่ออกจากตัวเลือกในการร่วมงานกัน ตอนนั้นหยางลี่หรงก็ยังกังวลแทนเถาเฉินไปหมด ด่าทอว่าเชี่ยซ่าเหลยมีตาหามีแววไม่ ดังนั้นพอมีข่าวออกมาว่าเถาเฉินได้เล่นหนังเรื่อง ‘The Lost City 2’ ต่อ หยางลี่หรงก็ดีใจแบบสุดๆ

ยิ่งหล่อนได้เห็นข่าวแบบนั้นออกมา สิ่งแรกที่หล่อนทำก็คือการส่งให้คนรอบๆ ข้างของตัวเองดู จากนั้นก็เปิดไปที่หน้าแฟนเพจของแฟนคลับเจียงเซ่อ และเตรียมที่จะแปะหน้าข่าวนั้นลงไป เพื่อให้แฟนคลับของเจียงเซ่อได้เห็นมันบ้าง ว่าเถาเฉินยังไม่ได้หมดยุคเหมือนอย่างที่พูดๆ กัน และตอนนี้ก็ยังคงดังเหมือนเดิม

หยางลี่หรงกำลังอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก แอคเคาท์ของเจียงเซ่อแต่ไหนแต่ไรก็มีข้อความแค่น้อยนิดเดียว หล่อนเพิ่งจะเปิดขึ้นมา ก็มีแค่ข้อความใหม่เด้งขึ้นมาแค่ข่าวเดียว และเหมือนว่าเพิ่งจะลงไปได้เมื่อไม่กี่วิก่อนหน้านี้เอง

หล่อนชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบเปิดข่าวนั่นดูทันที

ข้อความที่เจียงเซ่อเพิ่งจะลงนั้น ไม่ได้ดูสนิทสนม และก็ไม่ได้ดูน่ารักอะไร ยังคงเป็นสไตล์เรียบๆ นิ่งๆเช่นเดิม และเป็นแค่ข้อความสั้นๆ เรียบร้อยข้อความหนึ่ง ‘รอคอยที่จะได้พบกับเพื่อนเก่าอีกครั้ง!’

ใต้ข้อความนั้น เป็นรูปเธอที่ถ่ายด้วยกันกับและเชี่ยซ่าเหลย ทั้งสองคนถ่ายรูปคู่หันอยู่หน้าตึกแพนธีออน*pantheon เป็นสิ่งก่อสร้างที่อยู่ในกรุงโรม เป็นเทวสถานสำหรับเทพต่างๆของโรมันโบราณ ท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใสกันดีไม่น้อย

พอเจียงเซ่อลงรูปนั้นมา ก็ดึงดูดให้หลายๆ คนเริ่มพอกันคาดเดา ทำเอาชาวเน็ตหลายๆ คนที่ได้เห็นข่าวคราวนี้เป็นคนแรกๆ พากันคิดถึงเมื่อเดือนก่อน ที่เจียงเซ่อได้ลงรูปคู่กับเซี่ยเชาฉวิน

ตอนนั้นเธอกอดเซี่ยเชาฉวินเอาไว้หลวมๆ เซี่ยเชาฉวินเองก็จับมือเธอเอาไว้ พอเห็นว่าบนข้อมือของเธอมีนาฬิกาของ Federer ตอนนั้นพวกแฟนคลับก็พากันจำแบรนด์ Federer ได้ในทันที และเดากันว่าหรือเจียงเซ่อกำลังจะร่วมงานกับทางแบรนด์ Federer กันนะ

แต่ทว่าคนบางกลุ่มที่รู้จักแบรนด์ Federer เป็นอย่างดีนั้นต่างก็รู้ว่า มันเป็นแบรนด์ที่สูงส่งไม่น้อย อีกทั้งพรีเซนเตอร์คนก่อนๆ ก็ล้วนแล้วเป็นดารานางแบบที่มีชื่อเสียงของฝั่งยุโรปอเมริกาทั้งนั้น ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะร่วมงานกับดาราชาวหัวเซี่ยเลย

ดังนั้นคนที่เดากันว่าเจียงเซ่อจะได้ร่วมงานกับทาง Federer ที่จริงก็แค่พูดๆ ออกมาเท่านั้น หลายๆ คนคิดไปอีกทางว่าเจียงเซ่อแค่กำลังเอาใจตีสนิทกับแบรนด์ Federer เสียมากกว่า

แต่ที่ไหนกัน ในขณะที่กำลังเพลิดเพลินไปกับการดูคนอื่นพูดล้อกันอย่างสนุกสนาน ทาง Federer ก็ดันประกาศออกมาว่ากำลังจะร่วมงานกับเจียงเซ่อ พรีเซนเตอร์ชาวหัวเซี่ยคนแรกของแบรนด์ ทำเอาทั้งในและต่างประเทศตกใจและให้ความสนใจกับเรื่องนี้กันเป็นอย่างมาก

และทำให้คนที่เห็นภาพเหล่านั้น และคิดว่าเจียงเซ่อแค่เรียกกระแสว่าจะร่วมงานกับ Federer พากันหายหน้าหายตา ไม่กล้าโผล่หัวออกมาอีก

แล้วตอนนี้เจียงเซ่อก็มาลงรูปคู่กับเชี่ยซ่าเหลยอีก มันจะมีความหมายอะไรอีกไหมนะ?

หลายๆ คนจำเรื่องที่งานเทศกาลหนังฝรั่งเศสขึ้นมาได้ ตอนที่สื่อนอกสื่อในสัมภาษณ์เชี่ยซ่าเหลย เชี่ยซ่าเหลยก็ยังพูดเองกับปาก ว่าจะไม่ตัดเจียงเซ่อออกมาจากตัวเลือกของการร่วมงาน

หรือว่านี่จะเป็นข้อมูลจากเจียงเซ่อว่ากำลังจะได้ร่วมงานกับผู้กำกับสัญชาติอิตาลีผู้โด่งดังคนนี้กันแน่นะ?