webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

511

บทที่ 511 ใครแพ้

หลังจากคุยโทรศัพท์กับเชี่ยซ่าเหลยเรียบร้อยแล้ว เจียงเซ่อก็ไม่ได้รู้สึกอยากนอนอีกต่อไป ทางเซี่ยเชาฉวินเองก็คงยังไม่รู้เรื่องข่าวนี้แน่ๆ เพราะเชี่ยซ่าเหลยได้โทรมาบอกเธอก่อนล่วงหน้าด้วยตัวเอง

เซี่ยเชาฉวินเองก็นอนดึกไม่ใช่น้อย พอเห็นมีสายเรียกเขาจากเจียงเซ่อ หล่อนก็รับสายอย่างรวดเร็ว

“มีอะไร?” ถึงแม้ว่าจะแปลกใจที่จู่ๆ เจียงเซ่อก็โทรมาแบบนี้ แต่เซี่ยเชาฉวินก็ยังใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบเหมือนเดิม ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนที่พูดสายกลับไปก็ดูเหมือนกับว่าแค่กดรับสายเอาไว้เฉยๆ เหมือนแค่เอาวางไว้บนโต๊ะ เสียงที่ตอบกลับมาก็เหมือนอยู่ไกลๆ และมีเสียงเปิดกระดาษดัง ‘ฟึบฟับ’ ไปมาด้วย เจียงเซ่อที่ถึงแม้จะมีมือถือกั้น แต่เธอก็พอจะนึกภาพของเซี่ยเชาฉวินที่นั่งอยู่ในห้องทำงานก่อนจะเข้านอนได้

“รบกวนหรือเปล่าคะพี่เชาฉวิน?”

“ก็เธอโทรมา ไม่ว่าจะกี่โมง ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรหรอก”

พอหล่อนพูดแบบนั้น ก็วางปากกาลง จนมันเกิดเสียงเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมา

“หลังจากที่เธอเซ็นสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับ Federer แล้ว หลายๆ แบรนด์ก็เริ่มสนใจที่อยากจะร่วมงานกับเธอแล้วนะ” การที่เจียงเซ่อสามารถคว้าการเป็นพรีเซนเตอร์กับ Federer มาได้ ก็ถือว่าได้ก้าวเข้าประตูสู่แบรนด์ไฮเอนด์ตัวอื่นแล้ว

สัญญาที่ได้เซ็นเป็นถึงสัญญาการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับ Federer แบรนด์สินค้าที่ไฮเอนด์ขนาดนี้ แบรนด์อื่นๆ ที่อยู่ในระดับเดียวกันก็เริ่มที่จะพิจารณาว่าอยากจะร่วมงานกับเจียงเซ่อ แบรนด์สินค้าตัวอื่นที่ไม่ได้โด่งดังอะไรเซี่ยเชาฉวินก็ไม่ได้รับให้เจียงเซ่ออีก นั่นก็เพราะว่าค่าตัวของเธอมันก็สูงขึ้นแล้ว เซี่ยเชาฉวินเกรงว่าถ้าเจียงเซ่อลดตัวลงไปอีก และมันจะเป็นการฝืนข้อห้ามของทาง Federer อีกด้วย สิ่งที่เหล่าแบรนด์ใหญ่ทั้งหลายกังวลที่สุดก็คือการที่พรีเซนเตอร์ ไปรับเอางานแบรนด์ที่ต่ำกว่านั้น และกลายเป็นว่าไปฉุดแบรนด์ของพวกเขาลงไปด้วย

แต่เอกสารข้อมูลทั้งหลายก็ยังคงมีเข้ามาเยอะเหมือนเดิม หล่อนจะต้องคอยตรวจสอบดูทีละชุดๆ นอกจากนี้แล้วก็ยังมีพวกบทหนังที่ทางบริษัทเลือกมาให้อีกกองใหญ่ และเอกสารเหล่านั้นก็จะต้องผ่านการคัดกรองจากสายตาของหล่อนก่อนจะไปถึงเจียงเซ่อเช่นกัน

ที่จริงแล้วเซี่ยเชาฉวินเองก็ยุ่งไม่น้อย แทบจะไม่มีเวลาคุยเลยด้วยซ้ำ

“ทำไมดึกขนาดนี้แล้วยังไม่เข้านอนอีกล่ะ?”

หล่อนดูเวลาแวบหนึ่ง ที่เกือบจะห้าทุ่มแล้ว เวลาที่เจียงเซ่อไม่มีงาน เธอก็จะเข้านอนตรงเวลาพอสมควร เซี่ยเชาฉวินเองก็เคยตั้งกฎไว้กับเธอแล้ว หวังว่าในวันที่เธอไม่ได้มีงานอะไร สักสี่ทุ่มเธอก็ควรที่จะเข้านอน เพื่อที่จะได้รักษาเวลาพักผ่อนเอาไว้ให้ดีอยู่เสมอ

เจียงเซ่อมีวินัยในตัวเองสูง หลายเรื่องที่เคยมอบหมายให้เธอทำ เธอก็สามารถทำมันได้ทั้งหมด แต่ในคืนนี้ที่เธอยังไม่ยอมเข้านอน มันก็ช่วยไม่ได้ที่เซี่ยเชาฉวินจะเดาถึงเหตุผล

“หรือว่าเพราะบทหนังของหลินซีเหวิน?”

หล่อนนึกถึงวันนี้ที่เจียงเซ่อไปเจอกับหลินซีเหวินมา และรับบทหนังของหลินซีเหวินเอาไว้ ก็ไม่รู้ว่าเพราะบทหนังของหลินซีเหวินมันดีเกินไปหรือเปล่า ทำให้เธอต้องถึงขนาดโทรมาหาตอนนี้

“เปล่าค่ะ”

เจียงเซ่อส่ายหน้า

“บทหนังของหลินซีเหวินยังไม่ได้ดูเลยค่ะ แต่เมื่อชั่วโมงก่อน เชี่ยซ่าเหลยโทรมา บอกว่าฉันผ่านการแคสติ้งหนังเรื่อง ‘นักโทษ’ แล้วค่ะ พี่เชาฉวิน”

พอพูดออกมา ปลายสายอย่างเซี่ยเชาฉวินก็ชะงักไปในทันที สายจากเชี่ยซ่าเหลยไม่ได้เป็นแค่ข่าวดีสำหรับเจียงเซ่อ เพราะเซี่ยเชาฉวินเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน หล่อนมีสติกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวฉันจะโทรไปหาอานฉีให้หล่อนเตรียมข้อมูลเอกสารอะไรของเธอให้เรียบร้อยก็แล้วกัน”

กลุ่มนักลงทุนของหนังเรื่อง ‘นักโทษ’ ก็คงจะโทรมาหาแล้ว ถึงตอนนั้นก็คงจะมีการนัดคุยเรื่องตัวบทเวลาและสถานที่จนรวมไปถึงขั้นตอนต่อๆ ไป

เจียงเซ่อวางสาย และมองเอกสารบทหนังที่หลินซีเหวินได้ให้เธอมาในวันนี้ เธอยังไม่ได้เปิดมันดูเลย แต่ดูท่าว่าคงไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดดูมันอีกแล้ว

หลังจากที่เธอตัดสินใจที่จะรับเล่นเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ แล้ว ก็คงไม่พิจารณาหนังเรื่องใหม่ของหลินซีเหวินอีก เธอจึงติดต่อกลับไปหาหลินซีเหวิน และนัดเจอเขาในวันพรุ่งนี้

การนัดหลินซีเหวินในครั้งไปเจอกันที่บริษัทซ่างเจีย ตอนที่เจียงเซ่อถือบทหนังเข้ามา แววตาของหลินซีเหวินก็เริ่มหม่นๆ แล้ว

“ที่จริงก็ไม่น่าถามเลย” เขาหัวเราะแข็งๆ “แต่ทว่าการปฏิเสธของเธอก็ไม่ได้ผ่านบริษัท และไม่ได้ผ่านมาทางผู้จัดการของเธอ แถมยังมาด้วยตัวเองแบบนี้ เพราะฉะนั้นนะเซ่อเซ่อ ในใจของฉัน ฉันเองก็มองว่าเธอเป็นเพื่อนมาโดยตลอด ฉันขอถามตรงๆ เลยก็แล้วกัน เป็นเพราะว่าเนื้อเรื่องมันไม่เหมาะกับเธอ หรือเพราะว่าเธอไม่มั่นใจในหนังเรื่องนี้กันแน่?”

เขาถือบทหนังเอาไว้ ท่าทางดูเสียดายไม่น้อย

“ไม่ใช่ทั้งสองอย่างเลยค่ะ”

เจียงเซ่อส่ายหน้า คุณหลีผู้ช่วยของหลินซีเหวินยกน้ำอุ่นมาให้เธอ เธอเงยหน้ายิ้มขอบคุณ จากนั้นจึงพูดต่อ

“คุณเองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เรื่องนี้มันกะทันหันไปหน่อย ดังนั้นฉันจึงรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องมาอธิบายกับคุณว่าทำไมถึงไม่รับเล่นหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะบทหนังมีปัญหา และไม่ใช่เพราะฉันไม่เชื่อมั่นใจหนังของคุณ แต่เรื่องของเวลามันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ ค่ะ”

พอเธอพูดออกมาแบบนั้น ท่าทางของหลินซีเหวินก็ดูดีขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่ได้ดูหน้าม่อยคอตกเหมือนตอนแรกอีก เจียงเซ่อจึงพูดต่อ

“หลังจากเทศกาลหนังฝรั่งเศสจบไป เหตุผลที่ฉันยังอยู่ในฝรั่งเศสต่อ นอกจากเรื่องที่ได้เซ็นสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับ Federer แล้ว ที่จริงตอนนั้นฉันก็ยังได้ไปลองออดิชั่นหนังเรื่องใหม่ของเชี่ยซ่าเหลยด้วยค่ะ หลังจากที่ออดิชั่นมาจนถึงเมื่อเดือนพฤษภาคม ก็ไม่ได้มีการติดต่อมาจากทางนั้นเลย ดังนั้นฉันเลยคิดว่าจะรับเล่นหนังอีกเรื่องหนึ่ง”

จากนั้นเธอก็เล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่ตัวเองไปออดิชั่นคร่าวๆ หลินซีเหวินที่ได้ยินแบบนั้น ก็มีสีหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ทันที

ผู้ช่วยหลีที่ได้ยินคำว่า ‘เชี่ยซ่าเหลย’ สีหน้าของหล่อนก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“แต่ว่าเมื่อคืนก่อนที่จะเข้านอน เชี่ยซ่าเหลยได้ติดต่อมาหาฉัน และบอกว่าฉันผ่านการออดิชั่น และจะได้เป็นส่วนหนึ่งในกองถ่ายของหนังเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่สามารถรับงานหนังของคุณได้อีกน่ะค่ะ” เธอลุกขึ้นแล้วค้อมตัวขอโทษ “มันไม่ได้เกี่ยวกับหนังของคุณเลยค่ะ หลังจากที่วางตารางเวลาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ตัวบทหนังก็ยังไม่ได้เปิดดูด้วยซ้ำ ต้องขอโทษผู้กำกับหลินด้วยนะคะ”

หลังจากที่ตัดสินใจว่าจะรับเล่นหนังเรื่องนั้น จนกว่าหนังจะปิดกล้อง เจียงเซ่อจะไม่มีทางรับเล่นหนังซ้อนเด็ดขาด การที่เธอพูดอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ มันก็กลับยิ่งทำให้หลินซีเหวินรู้สึกชื่นชมในตัวเธอเข้าไปใหญ่

เขาเองก็ดูออกว่าเจียงเซ่อไม่ได้แค่พูดไปแบบนั้นแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาอธิบายเองถึงที่นี่

การที่เชี่ยซ่าเหลยผู้กำกับยอดฝีมือมากับกำหนังฟอร์มใหญ่แบบนี้ ถือว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากจริงๆ แต่เธอกลับเล่าถึงเรื่องที่เป็นไปได้ยากออกมาตรงๆได้ขนาดนี้ และแน่นอนแล้วว่าจะไม่รับเล่นหนังของเขา แม้แต่บทหนังก็ยังไม่ได้เปิดอ่าน ก็ถือว่าเป็นอะไรที่เคารพเขามากแล้ว

ซองที่ใส่เอกสารยังคงถูกปิดเอาไว้เป็นอย่างดี เส้นแดงตัวปิดผนึกของซองเหมือนเริ่มซึมลงไปแล้ว สิ่งที่เจียงเซ่อพูดก็คงไม่ได้โกหกแน่นอน หลินซีเหวินคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง และสุดท้ายก็ยังเลื่อนซ่องเอกสารไปให้เจียงเซ่ออย่างเดิม

“เซ่อเซ่อ ฉันชอบนิสัยของเธอจริงๆ นะ” เขาเอ่ยชมออกมา “ตอนที่เราร่วมงานกันในหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ฉันก็รู้สึกได้แล้วว่านิสัยของเธอนั้นน่าคบหา

เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มนักแสดง เป็นคนที่มองหาได้ง่ายเสมอ ตอนนั้นเธอยังเป็นแค่นักแสดงหน้าใหม่ ฝีมือการแสดงก็ยังไม่ได้พร้อมอะไรมากมาย แต่เธอก็ใช้เวลาส่วนมากในการลองศึกษาการแสดงของคนอื่น รู้จักที่จะหาคนสอน รู้จักที่จะค้นคว้าความรู้สึกของตัวละคร ‘โต้วโค่ว’ กับโหวซีหลิ่ง แบ่งปันความคิดเห็นกับเธอ เพื่อที่จะได้ตัวละคร ‘โต้วโค่ว’ ที่ดีที่สุดออกมา

ฉันรู้ว่าเธอจะต้องรับเล่นหนังที่เชี่ยซ่าเหลยเป็นคนกำกับ และตอนนี้คงจะไม่มีเวลาเหลือแล้ว แต่ฉันก็ยังยินดีที่จะรอ”

พอหลินซีเหวินพูดจบ ผู้ช่วยหลีที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ตาโต และเอ่ยขึ้นมาทันที

“ผู้กำกับหลินคะ...”

“เธอเป็นนักแสดงคนหนึ่งที่ควรค่าที่จะรอนะ เซ่อเซ่อ” หลินซีเหวินไม่ได้สนใจเสียงทักท้วงที่ดูตกใจของผู้ช่วยหลี จากนั้นก็มองไปที่บทหนังเล็กน้อย

“ยังไงซะเบื้องต้นในตอนนี้เรื่องทีมงานก็ยังอยู่ในช่วงเตรียมการ กว่าจะถึงวันที่จะได้เปิดกล้องจริงๆ ก็ยังมีเวลาอีกระยะหนึ่ง เธอจะรับเล่นหนังของเชี่ยซ่าเหลยก่อนก็ได้ พอถ่ายเสร็จแล้ว ถ้าหากว่าเธอได้ดูบทหนังนี้จนจบ ถ้ายังอยากจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองถ่าย ก็เข้ามาได้เลย” เขาประกบมือเข้าหากัน “แต่ถ้าเกิดว่าเธอยังไม่ได้รู้สึกสนใจบทหนังเรื่องนี้จริงๆ ถึงตอนนั้นฉันก็ค่อยลองติดต่อหาคนอื่น จะไม่ทำให้เธอรู้สึกลำบากใจแน่นอน”

ความบริสุทธิ์ใจของหลินซีเหวินสื่อผ่านออกมาทางสีหน้า แต่พอเป็นแบบนี้แล้ว ก็ควรที่จะเป็นไปตามคำพูดของเขา การเตรียมการของหนังเรื่องหนึ่งจะต้องใช้เวลาไม่น้อย ส่วนเรื่องนักแสดงก็ต้องมีการพูดคุยเจรจากันอย่างชัดเจน

ถ้าหากว่าหลินซีเหวินมุ่งมั่นที่จะพิจารณาแค่เจียงเซ่อ แต่จะต้องพลาดจากคนในช่วงเวลานั้นไป ก็อาจจะทำให้หนังเรื่องนี้เข้าสู่สภาวะการรอคอยอย่างไม่สิ้นสุด อาจจะไม่สามารถเปิดกล้องได้ไปอีกหลายปี สุดท้ายก็อาจจะไม่สำเร็จ และเสียความตั้งใจของหลินซีเหวินไปเสียเปล่าๆ

“ผู้กำกับหลินคะ ถ้าทำแบบนี้ มันก็อาจจะทำให้แผนงานของคุณเสียได้เลยนะคะ” เจียงเซ่อขมวดคิ้วเล็กน้อย หลินซีเหวินยิ้มขึ้น

“ฉันเข้าใจดี”

เขาอยู่ในวงการมานานหลายปีแล้ว การที่จะตัดสินใจทำอะไรแบบนี้ก็ถือว่าเป็นการเสี่ยงพนันอย่างหนึ่ง และเขาเข้าใจมันดีเสียยิ่งกว่าที่เจียงเซ่อรู้

“แต่ฉันเองก็ยังอยากจะลองช่วงชิงโอกาสมาให้กับหนังเรื่องนี้สักครั้ง ไม่ใช่ว่ายอมแพ้ไปง่ายๆ แบบนี้” อย่างไรเสียถ้าหากว่าถ่ายหนังของเชี่ยซ่าเหลยเสร็จ และถ้าหากว่าเจียงเซ่อยังคงสนใจที่จะเข้าร่วมถ่ายหนังเรื่องใหม่ของหลินซีเหวิน ฐานะและชื่อเสียงของเธอจะต้องมีมากกว่าในตอนนี้แน่นอน และมันจะส่งผลดีต่อใครบ้างก็รู้ๆ กันอยู่

หลินซีเหวินยืนยันว่าจะให้เจียงเซ่อเก็บบทหนังเอาไว้ เมื่อไหร่ที่ถ่ายหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ เสร็จ ก็ค่อยมาว่ากันอีกทีว่าเจียงเซ่อจะรับเล่นรึเปล่า

และหลินซีเหวินเองก็เน้นย้ำแล้วว่าถ้าตัวเธอเองไม่ได้สนใจจริงๆ สุดท้ายแล้วเขาจะยอมรับคำปฏิเสธเอง แต่เขาก็ยังยึดมั่นในการตัดสินใจเดิมของเขา เจียงเซ่อจึงต้องรับบทหนังเอาไว้เหมือนเดิม

ทางหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ ได้ติดต่อไปที่ซื่อจี้หยินเหอแล้ว และยืนยันว่าจะมีการร่วมมือกัน เซี่ยเชาฉวินที่รู้ข่าวจากเจียงเซ่อมาแล้วก่อนหน้านี้ ก็ได้เตรียมข้อมูลและสัญญาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และจองตั๋วบินไปกรุงโรมในวันศุกร์นี้

หลังจากที่เซ็นสัญญากับหนังเรื่องนี้แล้ว ในอนาคตอาจจะต้องใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศกว่าครึ่งปี ก่อนที่เธอจะเดินทาง เธอก็ได้ไปหาเฝิงจงเหลียง ไปบอกกล่าวเขาเสียหน่อย

พอรู้ว่าเจียงเซ่อจะต้องออกจากบ้านไปไกล ถึงแม้ว่าเฝิงจงเหลียงจะรู้สึกไม่อยากให้ไป แต่เขาก็ยอมรับในการตัดสินใจของเจียงเซ่อ และได้แต่กำชับให้เธอดูแลตัวเองดีๆ จากนั้นก็บอกให้เธอไปบอกกล่าวกับตระกูลเผยด้วย และไม่ได้ทำเหมือนก่อนหน้านี้ ที่บอกให้เธอออกจากวงการบันเทิงอีก

ที่จริงการที่เจียงเซ่อจะแต่งงานเข้าตระกูลเผย ที่ยากลำบากที่สุดก็คือการที่จะต้องจดจำเครือญาติของแต่ละฝ่ายเอาไว้ให้ดี อีกทั้งยังต้องรู้จักกับเพื่อสนิทมิตรน้อยใหญ่ของเผยอี้ด้วย

แต่เพราะว่าเจียงเซ่อได้เปรียบตรงที่ว่าตัวเองมาเกิดใหม่ และตอนเด็กๆ เธอก็ตามเฝิงจงเหลียงไปที่บ้านตระกูลเผยบ่อยๆ ดังนั้นสิ่งที่ยากที่สุดนี้ สำหรับเจียงเซ่อแล้วกลับกลายเป็นเรื่องสบายๆ บทเรียนที่เป็นเรื่องมารยาทการวางตัวต่างๆ เธอเคยเรียนมาตลอดอยู่แล้ว เธอจึงทำได้ดีเสียยิ่งกว่าที่คุณย่าเผยคิดเอาไว้มากทีเดียว

ดังนั้นหลังจากที่คุณย่าเผยรู้ว่าเจียงเซ่อต้องไปเมืองนอกเพราะเรื่องงาน ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากมาย กลับกันกลับแนะนำอะไรให้เธอเล็กๆ น้อยๆ อีกด้วย

พอมาถึงที่อิตาลีแล้ว เจียงเซ่อก็ได้ไปเซ็นสัญญากับทางบริษัทบอร์เจียก่อน และนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ ก็ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘The second coming of Jesus Chrit’ แทน และจะมีการเปิดกล้องเริ่มถ่ายทำในต้นปีหน้า

ในช่วงนี้เชี่ยซ่าเหลยเองก็เตรียมตัวกับการถ่ายหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ภาคสองอยู่ หลังจากยืนยันเรื่องสัญญาและตัวละครเชอรีนเรียบร้อยแล้ว เจียงเซ่อก็ได้เงินค่าตอบแทนเป็นจำนวนสองแสนเหรียญสหรัฐในการเป็นส่วนหนึ่งของกองถ่ายหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’

ตอนนี้ตัวเลขค่าตัวของเจียงเซ่อในประเทศนั้นไปไกลกว่าตัวเลขนี้แล้ว แต่ยังไงการที่เธอรับเล่นหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ ก็ไม่ใช่เพราะว่าเรื่องเงิน

หลังจากเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว เชี่ยซ่าเหลยก็เริ่มที่จะบอกกล่าวถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ ก่อนที่จะมีการเปิดกล้องเริ่มถ่ายหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ เขาขอให้เจียงเซ่อเข้าร่วมการฝึกต่อยมวยเอาไว้ และขอให้เธอเพิ่มน้ำหนักตัวเองสักสิบปอนด์อีกด้วย

เธอมีรูปร่างที่สูงและผอม ปกติแล้วเธอก็ได้มีการรักษาหุ่นและออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ทว่าในเรื่องของอาหารนั้นต้องมีการคุมที่โหดพอสมควร ทำให้ร่างกายของเธอดูอรชรอ้อนแอ้น และไม่ได้ดูมีพละกำลังอะไรมากมาย

“เชอรีนในเรื่อง ‘The second coming of Jesus Chrit’ ตอนที่ออกฉากมาจะต้องมีภาพเป็นคาแรคเตอร์เหมือนทหารหญิงคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บมา”

ถึงแม้ว่าเธอจะต้องตกเป็นรองพวกนอกรีตและได้รับบาดเจ็บ แต่คนที่สามารถสู้รบเพื่อพระเจ้าได้ ก็คงไม่ใช่หญิงสาวที่ดูอ่อนแออย่างแน่นอน

เชี่ยซ่าเหลยหยิบเอกสารออกมาชุดหนึ่ง

“นี่คือสตอรี่บอร์ดที่ผมวางเอาไว้”

เจียงเซ่อเปิดข้อมูลดู เขาได้วาดและวางสตอรี่บอร์ดในส่วนของตัวละครเชอรีนเอาไว้หมดแล้ว เชี่ยซ่าเหลยมีความสามารถในเรื่องศิลปะพอตัวเลย เป็นภาพฉากที่ดูแค่ครั้งเดียวก็เข้าใจ แม้แต่ภาพวาดสีหน้าอารมณ์ของอังเดรที่กำลังอดทนอดกลั้นต่อความละโมบก็วาดออกมาได้อย่างสมจริงสมจัง แต่ทว่ามีเพียงแค่ร่างของเชอรีนเท่านั้น ที่มีเงามืดแผ่ปกคลุมอยู่

“นี่คืออารมณ์และความรู้สึกของตัวละคร เธอสามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ว่าอย่างน้อยก็อย่าดูอ่อนแอเป็นอันขาด”

ในใจของเจียงเซ่อก็เข้าใจดี จึงพยักหน้าออกไป

แววตาของเชี่ยซ่าเหลยดูอบอุ่นขึ้นไม่น้อย การที่ดาราหญิงหวาเซี่ยคนหนึ่งจะเข้าสู่วงการต่างประเทศก็ไม่ใช่หนทางที่ราบรื่นเลย แต่เขาเองก็มีความมั่นใจในตัวเจียงเซ่อมากเป็นพิเศษ

ไม่ใช่แค่เพราะว่าเธอยอมที่จะลดค่าตัวตัวเองลง เพื่อมารับบทตัวละครที่ได้ออกกล้องไม่กี่ฉาก เพราะอย่างไรเสียกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หลายๆ คนก็พร้อมยอมเพื่อโอกาสแบบนี้ ยอมทิ้งเรื่องค่าตัว ก็อย่างเช่นเถาเฉินที่มาจากซื่อจี้หยินเหอเหมือนกัน

แต่สิ่งที่ยากยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ยินยอมเพื่อตัวละครที่ได้ออกแค่ไม่กี่ฉากแล้ว การที่แสดงฝีมือและศักยภาพของตัวเองออกมาต่างหาก ถึงจะเป็นสิ่งที่เชี่ยซ่าเหลยให้ความสำคัญ

ฉากของเชอรีนไม่ได้มีเยอะอะไรมากมาย สุดท้ายแล้วพอตัดต่อออกมา ฉากที่เธอออกมาก็คงจะเหลือแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่เธอก็ยังยอมเลื่อนงานอื่นออกไป และทุ่มกายทุ่มใจมารับการฝึกต่อยมวยกว่าครึ่งปี

แค่ตรงจุดๆ นี้ทั้งหมด เธอยินยอมที่จะรับมัน คนแบบนี้ต่างหากที่เชี่ยซ่าเหลยให้ความสำคัญและอยากจะรักษาให้อยู่ในกองถ่ายเอาไว้

ในอิตาลีตอนนี้ เถาเฉินเองก็ได้บินมาถึงที่นี่ได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว

หนังเรื่อง ‘The Lost City 2’ จะเริ่มเปิดกล้องกันที่นี่ ก่อนหน้านี้ที่อยู่ฝรั่งเศส บัตรเข้าชมวงดนตรีบรรเลง ‘Times’ สองใบที่หล่อนมอบให้เชี่ยซ่าเหลยไปในที่สุดก็มีประโยชน์เสียที หล่อนถึงได้มาเป็นส่วนหนึ่งในกองถ่ายหนังเรื่อง ‘The Lost City 2’ ได้

เชี่ยซ่าเหลยยังอยู่ที่กรุงโรม ได้ยินมาว่ามีเรื่องให้ต้องล่าช้านิดหน่อย ดังนั้นจึงต้องเลื่อนเวลาการเริ่มถ่ายทำมาเป็นภายในเดือนนี้แทน

เถาเฉินบินที่นี่เพื่อมารับเอาวิวทิวทัศน์ท่ามกลางแสงแดดและชายหาด และลิ้มรสเหล้าชั้นเลิศของที่นี่ไปด้วย

ที่ชายหาดมีชายหญิงรูปร่างดีหลายคนกำลังหอบถือกระดานโต้คลื่นเดินผ่านไปมา เฉินเจียวหยิบครีมกันแดดขึ้นมาทาลงบนตัวหล่อน รอยยิ้มบนหน้าที่เหมือนอยากจะซ่อนอย่างไรก็ซ่อนไม่มิด

ตอนนั้นเป็นเพราะว่าเชี่ยซ่าเหลยได้เอ่ยชมเจียงเซ่อ ยังทำเอาเฉินเจียวเกิดความกังวลว่าบทของเถาเฉินในเรื่อง ‘The Lost City 2’ จะถูกเจียงเซ่อแย่งไปเสียแล้ว แต่ที่ไหนได้ยังไงเถาเฉินก็ยังอยู่เหนือกว่า และยังคงได้รับเล่นบทนั้นเหมือนเดิม

คิดดูก็รู้ว่าถ้าหาก ‘The Lost City’ ภาคหนึ่งและภาคสองออกฉายไป ชื่อเสียงในประเทศของเถาเฉินจะต้องขึ้นสูงไปสู่จุดใหม่แน่ๆ

อีกทั้งเธอยังได้ร่วมงานกับเชี่ยซ่าเหลยถึงสองครั้งสองครา แค่นี้ก็เพียงพอที่จะเขี่ยเจียงเซ่อให้ตกลงไปได้แล้ว

“คนในบริษัทคนนั้นคิดที่จะมาเทียบชั้นกับคุณเถา ดูเหมือนว่าจะต้องพยายามไปอีกสักสิบปีก็คงไม่พอละมั้ง!” ก็แค่ได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับ Federer แล้วยังไง ได้รับคำชมจากเชี่ยซ่าเหลยแล้วยังไง? นี่ต่างหากที่เป็นช่วงเวลาที่เถาเฉินจะได้หัวเราะทีหลัง!

เถาเฉินนอนสบายอยู่บนเก้าอี้ชายหาด ดวงตาปิดเอาไว้แต่ก็ไม่รู้ว่านอนจริงหรือเปล่า ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่หล่อนพูดเสียเท่าไหร่ กลับเป็นผู้ช่วยที่นั่งอยู่ข้างๆ เสียอีกที่พยักหน้าเห็นด้วย

ก่อนหน้านี้เจียงเซ่อเป็นกระแสมากพอสมควร ทั้งเรื่องยอดขายบัตรของหนังเรื่อง ‘Evil’ บวกกับการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับ Federer ทำเอาคนรอบๆ ตัวเถาเฉินเกิดสงบใจไม่ได้ทีเดียว ทางบริษัทเองก็เหมือนจะหันไปสนใจเจียงเซ่อมากกว่า

คราวนี้เถาเฉินได้ร่วมงานกับเชี่ยซ่าเหลยเป็นครั้งที่สอง ถึงได้ทำให้คนที่ทำงานกับหล่อนโล่งใจมากขึ้น

“สิบปีมันก็พูดยากนะ ได้ทำงานร่วมกันกับเชี่ยซ่าเหลยถึงสองครั้งแบบนี้ นอกจากจะเรื่องโชคแล้ว ก็ยังต้องยกให้ความสามารถของคุณเถาด้วย ขาดไม่ได้เลยจริงๆ” เจียงเซ่อพลาดโอกาสจากเรื่อง ‘The Lost City 2’ ไปแล้ว ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่มีทางตามเถาเฉินทัน

“ลองคิดดูดีๆ สิ ว่าเจียงเซ่อจะรู้สึกยังไงกัน ถ้ารู้ว่าทั้งๆ ที่ตอนเทศกาลหนังภาพยนตร์ฝรั่งเศส หล่อนแกล้งไล่คุณเถาออกไป แล้วไปนั่งพูดคุยกับเชี่ยซ่าเหลยแทน ให้เชี่ยซ่าเหลยเอ่ยชมหนังของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วคนที่เขาอยากจะร่วมงานด้วย ก็ยังคงเป็นคุณเถาเหมือนเดิม”

เฉินเจียวหลับตาลง มือที่กำลังทาครีมกันแดดหยุดลง

“ฉันได้ติดต่อไปหาทางหัวเซี่ยจือซวิ่นเอาไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ บอกให้ปล่อยเรื่องที่คุณเถาจะร่วมงานหนังเรื่อง ‘The Lost City 2’ ออกไป ดูท่าหัวข้อข่าวในประเทศคืนนี้ คงจะน่าดูไม่ใช่น้อยเลย”

พอหล่อนพูดจบ ผู้ช่วยก็ได้เริ่มเปิดข่าวดูแล้ว ข่าวในประเทศได้มีการปล่อยข่าวเรื่องที่เถาเฉินจะแสดงในเรื่อง ‘The Lost City 2’ ออกมาแล้วจริงๆ หัวเซี่ยจือซวิ่นเขียนเอาไว้ว่า

เจียงเซ่อพลาดร่วมงานเชี่ยซ่าเหลย ‘The Lost City 2’ ผู้กำกับชื่อดังชื่นชอบเถาเฉินมากกว่า!

ในเนื้อข่าว เรื่องที่เถาเฉินเขี่ยเจียงเซ่อออกและได้รับเล่นหนังเรื่อง ‘The Lost City 2’ ต่อ เป็นข่าวที่ทำให้เหล่าแฟนคลับยินดีปรีดากันไม่น้อย

สีหน้าของผู้ช่วยหลายๆ คนมีแต่รอยยิ้ม เถาเฉินขมวดคิ้ว แล้วดันตัวขึ้นมาทันที แว่นกันแดดสีดำที่คาดอยู่บนหัวตกลงมาเล็กน้อย เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ที่บนใบหน้ามีแต่รอยยิ้มแล้ว หล่อนกลับรู้สึกยิ้มไม่ออก พอกำลังจะพูดอะไร มือถือของผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ก็ดังขึ้น ผู้ช่วยที่เป็นเด็กหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมา

“โจวเซิงจากทางบริษัทโทรมาน่ะครับ”

โจวเซิงที่พูดถึง ก็คือผู้ช่วยของลัวอ้าวนั่นเอง เป็นพนักงานคนหนึ่งในห้องเลขาของซื่อจี้หยินเหอ ถือว่าเป็นคนที่รู้ข่าวภายในคนหนึ่ง ฝักใฝ่ฝ่ายเถาเฉิน และมีคอนเนคชั่นที่ดีกับเถาเฉิน

ตอนที่ผู้ช่วยหล่อนพูดก็กดรับสายไปด้วย จากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อยๆ เจื่อนลง หลังจากวางสายไปแล้ว ก็มองไปที่เถาเฉินแวบหนึ่ง แล้วกัดริมฝีปากแน่น

“คุณเถา เมื่อครู่โจวเซิงได้ยินข่าวมาว่า เจียงเซ่อเดินทางไปที่กรุงโรมครับ…”