webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

510

บทที่ 510 ผ่านการทดสอบ

หนังเรื่องนี้สนับสนุนทั้งเจียงเซ่อและหลินซีเหวินในขณะเดียวกัน แม้ว่าในปีนั้นโชคร้ายเจอกับ ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ของจางจิ้งอานในเทศกาลหนังนานาชาติหัวเซี่ย ส่งผลให้หนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping' ไม่ได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม แต่ก็สร้างชื่อเสียงให้กับหลินซีเหวิน เพราะหนังเรื่องนี้ ทำให้บริษัทซ่างเจียเจริญก้าวหน้าไม่น้อย

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ตอนนั้นโหวซีหลิ่งตาถึง และคนที่เลือกยังเป็นนักแสดงใหม่อย่างเจียงเซ่อ เพราะโหวซีหลิ่งทำให้เขาล้มเลิกความคิดที่จะให้เย่หยิงเฟยแสดงเป็น ‘โต้วโค่ว’ ในเรื่องนี้ แต่เปลี่ยนให้เจียงเซ่อแสดงบทบาทสำคัญนี้แทน

ตอนนั้นเจียงเซ่อยังไม่ดัง ยังเป็นแค่นักแสดงหน้าใหม่ ค่าตัวก็ไม่สูงมากนัก เพียงหนึ่งแสนหกหมื่นเธอก็ยอมเซ็นสัญญากับหนังเรื่องนี้ ถือว่าโชคดีมาก

พนักงานในร้านเข้ามาเสิร์ฟชาของเจียงเซ่อ และยังมีของหวานอีกเล็กน้อย หลังจากเจียงเซ่อขอบคุณ ชายหนุ่มนนั้นก็มองไปเดินไป หลินซีเหวินมองชาที่วางอยู่ข้างหน้าเธอ แล้วเผยรอยยิ้ม

เพราะหนังเรื่อง ‘Evil’ ทำให้เจียงเซ่อโด่งดังมาก และยังเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Federer กระแสแทบจะกลบเถาเฉินของซื่อจี้หยินเหอจนมิดแล้ว

เหตุผลที่เขานัดพบเจียงเซ่อในวันนี้ ทั้งสองล้วนรู้อยู่แก่ใจ

ผู้จัดการของเธอคือเซี่ยเชาฉวิน หล่อนคงจะเตือนเธอเกี่ยวกับสภาพการณ์ในตอนนี้ของเขาแล้ว หนังเรื่อง ‘เทพเจ้าเอ้อร์หลาง’ ที่เขาลงทุนถูกตำหนิ ตอนนี้กำลังเตรียมการเพื่อหนังเรื่องต่อไป เหตุผลที่นัดพบเจียงเซ่อ ความจริงคือต้องการลองใจว่าพอจะมีหนทางร่วมงานกับเธอในหนังเรื่องต่อไปหรือไม่

แต่ทันทีที่เจียงเซ่อมาถึง ก็บอกว่าเป็นการพบกับแบบส่วนตัว ไม่ได้มาคุยเรื่องงาน หลินซีเหวินก็พอจะเดาการตัดสินใจของเธอออกแล้ว ไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของเธอเป็นการปฏิเสธอย่างนุ่มนวลหรือไม่

เขาแอบถอนหายใจ และตัดสินใจว่าจะลองพูดไปก่อน

“หนังเรื่อง 'PROOF OF LIFE’ ของผู้กำกับจางก็ถ่ายเสร็จแล้ว ตอนนี้วางแผนจะทำอะไรหรือยัง”

เจียงเซ่อพยักหน้า ความจริงเธอไปแคสติ้งหนังเรื่อง ‘นักโทษ’ ของเชี่ยซ่าเหลยตั้งแต่ตอนที่อยู่ฝรั่งเศสแล้ว แต่ยังคงไม่ได้รับการตอบกลับ ไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วทางเชี่ยซ่าเหลยตัดสินใจอย่างไร

ถ้าเดือนมิถุนายนยังคงไม่ได้รับการติดต่อกลับมา เธอเตรียมจะรับหนังเรื่องอื่น

“ทางบริษัทได้พูดถึงหนังหลายเรื่อง ตอนนั้นฉันยังไม่ได้ดูและตอนนี้ก็กำลังเตรียมสอบปริญญาโทด้วย เลยไม่ได้รีบมากนักน่ะค่ะ”

พอเธอพูดจบ หลินซีเหวินลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า

“ถ้าฉันหน้าด้าน จะมาทวงบุญคุณจากเธอล่ะ”

ในขณะที่เขาพูด ก็หยิบแฟ้มเอกสารที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมา และหยิบเอกสารชุดหนึ่งออกมา วางบนโต๊ะและดันเข้าไปหาเจียงเซ่อ

“นี่เป็นหนังเรื่องต่อไปที่ฉันกำลังจะเปิดกล้อง ทั้งบทประพันธ์ บทโดยคร่าวๆ และตัวละครอยู่ในนี้ แล้ว เซ่อเซ่อ” เขายิ้มอย่างทุกข์ใจทีหนึ่ง น้ำเสียงแฝงความอ้อนวอน

“ฉันรู้ว่าทันทีที่เธอมาถึง ก็บอกว่ามาเจอเป็นการส่วนตัวในฐานะเพื่อน ไม่คุยเรื่องงาน ฉันก็ไม่อยากบังคับให้เธอเล่นเรื่องนี้เพราะความสัมพันธ์ของเรา แต่ถ้าเธอยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเล่นเรื่องไหน ขอให้ลองอ่านบทของฉันก่อน แล้วค่อยให้คำตอบ”

หลินซีเหวินจ้องเธอ

“ถึงตอนนั้นแม้เธอจะปฏิเสธเพราะคิดว่าไม่เหมาะสม แต่ท้ายที่สุดฉันก็ถือว่าติดหนี้บุญคุณเธอ ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็ขอให้บอก ฉันไม่ลืมแน่”

คำขอร้องของเขาไม่ได้ทำให้เจียงเซ่อลำบากใจ เซี่ยเชาฉวินเตือนเธอตั้งแต่แรกแล้ว ที่ผ่านมาเจียงเซ่อเองก็เดาสถานการณ์ออกอยู่บ้าง เธอพยักหน้า หยิบเอกสารเอาไว้ข้างๆ ตนเอง

ปฏิกิริยาแบบนี้ ทำให้หลินซีเหวินแปลกใจไม่น้อย เขาอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วเผยรอยยิ้มขมขื่น

“ฉันคิดว่าเธอจะบ่ายเบี่ยงเสียอีก”

“บ่ายเบี่ยง แล้วรอให้ผู้กำกับหลินมาขอร้องอีกเหรอคะ”

เจียงเซ่อหลุดหัวเราะออกมา ความขี้เล่นของเธอทำให้บรรยากาศตึงเครียดที่หลินซีเหวินสร้างขึ้นก่อนหน้านี้หายไปจนหมดสิ้น หลินซีเหวินเองก็โล่งอก และพูดเสริมในประเด็นของเธอ

“ปกติแล้ว ควรจะเป็นฉันที่พยายามขอร้องเธอถึงค่อยรับเอาไว้ แบบนั้นถึงจะทำให้ฉันรู้สึกเป็นบุญคุณมากกว่าไม่ใช่เหรอ”

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ” เธอยกน้ำเปล่าที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมา และจิบเบาๆ คำหนึ่ง

“คุณคือผู้กำกับหลิน ไม่จำเป็นต้องง้อคนทำงาน ไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้ฉัน บทดีๆ ไม่ต้องให้คุณมาอ้อนวอน ฉันก็จะไปขอจากคุณเองค่ะ”

เธอพูดถึงตรงนี้ ก่อนจะพูดต่อว่า

“อีกอย่างความจริงฉันก็เดาออกตั้งแต่ตอนมาแล้ว”

หนังเรื่อง ‘เทพเจ้าเอ้อร์หลาง’ ทั้งรายได้ต่ำและถูกตำหนิ แม้หนังเรื่องนี้ของหลินซีเหวินจะได้ต้นทุนกลับมา ถ้าหนังเรื่องต่อไป เขาจะทำเป็นหนังเล็กๆ บางทีอาจจะไม่ต้องง้อบริษัททุน

แต่ว่า ถ้าเขาอยากถ่ายหนังดีๆ สักเรื่อง อยากได้เงินทุนจำนวนมหาศาล ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก

ถูกตำหนิว่าเป็นหนังที่ไม่มีคุณภาพ นักแสดงที่จะร่วมงานกับเขาก็คงต้องลังเลไม่มากก็น้อย

เพราะฉะนั้น ที่เขากล้ามาหาตนเอง อาจจะเป็นเพราะค่อนข้างมั่นใจในบทประพันธ์ของตนเอง ซึ่งก็หมายความว่า

“ความจริง ฉันเชื่อว่าถ้าไม่ใช่เพราะคุณมั่นใจในบทประพันธ์ของตนเอง ก็คงไม่มาหาฉัน”

เธอพูดตรงมาก หลินซีเหวินอึ้งไปครู่ใหญ่ แล้วยิ้มเศร้า

“ถ้าอย่างนั้น คำพูดในตอนแรกของเธอ ก็ทำให้ฉันตกใจจริงๆ เข้าแล้ว”

“ที่ฉันทำแบบนี้ไม่ได้เป็นการปฏิเสธนะคะ แค่อยากบอกเจตนาของฉัน” เธอไม่มีทางถูกล้างสมองเพราะมิตรภาพ จนรับแสดงหนังของหลินซีเหวินอย่างไม่มีเงื่อนไข โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของบทประพันธ์

และเหตุผลมาพบ ก็เพราะรู้ว่าหลินซีเหวินแบกรับความผิดพลาดจากหนังเรื่อง ‘เทพเจ้าเอ้อร์หลาง’ อยู่ ถ้าเข้าหาตนเองผ่านซื่อจี้หยินเหอ บทประพันธ์เก้าในสิบเพิ่งจะส่งเข้ามาก็คงถูกทางบริษัทส่งกลับแล้ว

ตอนนี้เจียงเซ่อเป็นนักแสดงแถวหน้าของซื่อจี้หยินเหอ แน่นอนว่าทางบริษัทจะต้องหวงเธอ ในส่วนของการเลือกบทนั้นต้องเข้มงวดมาก เพราะฉะนั้น การที่เธอมาพบหลินซีเหวินเป็นการส่วนตัว ก็ถือเป็นการให้โอกาสเขา

“ฉันขอบคุณมากที่คุณให้โอกาสฉันได้แคสติ้ง 'The Occasion of Beiping' เป็นกรณีพิเศษ ตามคำแนะนำของผู้กำกับกู้ในตอนที่ฉันยังไม่มีชื่อเสียง”

แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วการที่สามารถแสดงเรื่อง ‘The Occasion of Beiping' ออกมาจนประสบความสำเร็จทั้งหมดล้วนเป็นเพราะบุคลิกของเจียงเซ่อ รูปลักษณ์อัดงดงามของเธอเอง และความเอ็นดูเป็นกรณีพิเศษที่โหวซีหลิ่งมีต่อเธอก็ตาม

ถ้าไม่ใช่เพราะหลินซีเหวินให้โอกาสเธอได้แคสติ้ง ชาตินี้เธออาจจะไม่มีวาสนาที่จะได้แสดงเป็น ‘โต้วโค่ว’ เลย

จนตอนหลัง หลังจากที่เผยอี้จำเธอได้และได้รักกับเขา บางทีอาจจะมีโอกาสรอเธออยู่อีกมากมาย แต่สำหรับเจียงเซ่อแล้วบทของ ‘โต้วโค่ว’ ยังถือว่าไม่มีอะไรแทนที่ได้

“ฉันชอบผลงานของอาจารย์โหวซีหลิ่ง การที่นิยายของเขามาถ่ายทอดผ่านหน้าจอไม่ใช่เรื่องง่าย ได้เป็นตัวละครตัวหนึ่งในผลงานของเขา จะต้องขอบคุณโอกาสที่คุณมอบให้ในตอนนั้น เพราะฉะนั้นการพบกันในวันนี้ ก็เป็นสิ่งที่ฉันพอจะตอบแทนคุณได้”

เจียงเซ่อบอกเจตนาอย่างชัดเจน แม้ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าตนเองให้ความสำคัญกับหลินซีเหวิน จนทำให้เขาต้องติดหนี้บุญคุณเธอ แต่น้ำเสียงก็ไม่ได้บ่งบอกว่าจะให้ความช่วยเหลือ ท่าทางดูจริงใจเป็นอย่างมาก

สายตาของหลินซีเหวินดูสับสน เขาไม่รู้ว่าควรจะบอกว่าเจียงเซ่อใสซื่อเกินไปหรือเปล่า

“ความจริงแล้ว ที่เธอมีโอกาสแคสติ้งหนังเรื่อง 'The Occasion of Beiping' ก็เป็นเพราะความสามารถของตัวเธอเอง บวกกับท่านโหวคิดว่าเธอเหมาะกับตัวละคร ‘โต้วโค่ว’ ตอนที่เขาเป็นหนอนหนังสือสมัยวัยรุ่นก็เท่านั้น”

“จะพูดแบบนั้นก็คงไม่ได้” เจียงเซ่อถอนหายใจ พลันนึกถึงไต้เจีย

“คนที่เหมาะสมกับบทบาทนี้มีเยอะมาก แต่กลับน้อยมากที่จะมีโอกาส หนทางสู่ความสำเร็จ อย่างไรก็ต้องการมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี” เธอผลักของหวานที่อยู่ตรงหน้าตนเองไปหาหลินซีเหวิน

“เมื่อครู่นี้ พนักงานบอกว่าชายามบ่ายของที่นี่ไม่เลว ตอนเย็นฉันต้องไปทบทวนบทเรียน ขอตัวก่อนนะคะ”

เจียงเซ่อไม่ได้เตะของหวานและกาแฟที่อยู่ตรงหน้าเธอเลย ในด้านการกิน เธอรักษากฎเกณฑ์ของตนเองอย่างเคร่งครัด ออกมาครึ่งวันแล้ว อย่างมากก็แค่ดมเท่านั้น และมักจะดื่มน้ำเปล่า แม้กระทั่งผลไม้ที่ตกแต่งบนเค้กเธอก็ยังไม่เตะ

ตอนที่เธอลุกขึ้น หลินซีเหวินสังเกตเห็นเอวบางเท่าฝ่ามือของเธอ อยากจะรักษาหุ่นให้สมบูรณ์แบบเหมือนเธอ ไม่เพียงแค่ต้องออกกำลังกายเท่านั้น ก็ยังต้องมีวินัยและใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก

“หลังจากอ่านบทประพันธ์จบ ฉันจะคิดทบทวนให้ดีแล้วให้คำตอบคุณค่ะ”

ถ้าก่อนพบกับเธอในวันนี้ หลินซีเหวินได้ยินคำพูดนี้ตอนคุยกับคนอื่นๆ อาจจะคิดว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธอย่างอ่อนโยน แต่พอเจียงเซ่อเป็นคนพูดคำๆ นี้ เขากลับเชื่อ

เขาพยักหน้า มองเจียงเซ่อที่จากไปพร้อมเอกสาร แมวกวักที่วางอยู่หน้าร้านกาแฟกำลังส่ายหน้าและกวักมือ เพราะเธอเปิดประตูออกไป

เธอยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดด ค่อยๆ ก้าวเท้าออกจากสายตาของเขาไป

หลินซีเหวินคิดถึงเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เธอไปแคสติ้งหนังเรื่อง The Occasion of Beiping' ที่บริษัท นอกจากตอนนั้นที่ใบหน้าของเธอดูไร้เดียงสามากกว่านี้แล้ว เขาก็มีความรู้สึกว่าเจียงเซ่อไม่ได้เปลี่ยนเลย

ก่อนกลับบ้าน เจียงเซ่อโทรหาเซี่ยเชาฉวิน เพื่อบอกเรื่องที่ตนเองไปพบหลินซีเหวินและรับบทประพันธ์ของเขาเอาไว้

นิสัยของเธอเซี่ยเชาฉวินเธอเองก็รู้ดี เพราะฉะนั้นเพียงแค่ตอบอย่างเรียบนิ่งคำหนึ่ง

แต่เจียงเซ่อที่อยู่ในสายกลับอธิบาย

“ฉันขออ่านบทประพันธ์ก่อนนะคะ ถ้าไม่โอเค ฉันจะปฏิเสธ จะให้พี่เชาฉวินเข้าไปคุยกับทางบริษัทซ่างเจีย”

การกระทำของเธอมีเหตุผลมาก เซี่ยเชาฉวินเพียงแค่ตอบว่า ‘อืม’ คำหนึ่ง แล้วถามว่า

“กลับบ้านหรือยัง โม่อานฉีโทรหาฉันแล้ว บอกว่าเทรนเนอร์ออกกำลังกายกำลังจะถึงบ้านเธอแล้ว เวลาออกนอกบ้าน อย่างลืมทาครีมกันแดด ถ้าเจอแดดก็เอาร่มขึ้นมากาง”

เธอจะต้องออกกำลังกายวันละสองชั่วโมง เจียงเซ่อดูนาฬิกาแวบหนึ่ง แล้วตอบว่า

“มากสุดอีกครึ่งชั่วโมงค่ะ”

“ข้อมูลที่เธอต้องใช้สอบปริญญาโท ฉันสั่งคนไปรวบรวมมาจนครบแล้ว เดี๋ยวเย็นๆ จะเอาไปให้ที่บ้าน แค่นี้ก่อน ฉันยังมีงานที่ต้องทำ”

เซี่ยเชาฉวินวางสายไปแล้ว เจียงเซ่อยังคงมองโทรศัพท์และหุบยิ้มไม่ได้ ความจริงแล้ว นิสัยบางอย่างของเธอเหมือนเซี่ยเชาฉวินมากจริงๆ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทั้งสองร่วมงานกันอย่างราบรื่นมาโดยตลอด

ตอนกลางคืน หลังจากอาบน้ำเสร็จ เผยอี้ก็โทรมา ก่อนนอนเจียงเซ่อเปิดเอกสารเกี่ยวกับหนังที่หลินซีเหวินให้ตนเองมา ในขณะที่เตรียมจะปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อตั้งใจอ่านบท หน้าจอโทรศัพท์เพิ่งจะปรากฏคำว่า ‘ปิดเครื่อง’ เธอยังไม่ทันกดลงไป โทรศัพท์มือถือก็มีเสียงเปียโนดังขึ้น เธอกดยกเลิกปุ่มปิดเครื่อง บนหน้าจอเป็นชื่อของเชี่ยซ่าเหลย

“ไฮเจียง รบกวนเธอหรือเปล่า”

ตอนนี้ที่หัวเซี่ยสี่ทุ่มแล้ว ตอนที่เจียงเซ่อได้ยินเสียงของเชี่ยซ่าเหลย เธอแทบจะเก็บความดีใจเอาไว้ไม่อยู่เลยจริงๆ

“ความจริงถ้าคุณโทรมาช้ากว่านี้ ฉันอาจจะปิดเครื่องไปแล้วค่ะ”

“ฮ่าๆๆ ฉันนี่โชคดีจริงๆ เลย” เชี่ยซ่าเหลยหัวเราะเสียงดัง เจียงเซ่อส่ายหน้า

“ไม่หรอกค่ะ คนที่โชคดีคือฉันต่างหาก ความจริงฉันกำลังรอสายจากคุณ และรอมานานแล้ว”

“แม่สาวคนฉลาด!” เชี่ยซ่าเหลยได้ยินเธอพูดแบบนี้ ก็หัวเราะอีกครั้ง แม้ฟังจากโทรศัพท์ก็สัมผัสได้ถึงความดีใจที่ยากจะปิดของเขา แสงหัวเราะเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับเจียงเซ่อแล้ว

“ที่เธอแคสติ้งตัวละครเชอรีนในหนังเรื่อง ‘นักโทษ’ ก่อนหน้านี้ ทางผู้ลงทุนเห็นแล้ว และพอใจมาก” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง “ตอนนี้ ที่รัก บอกฉันสิ ว่าเธอยังรัก ‘เชอรีน’ และอยากเป็นหล่อนอยู่หรือเปล่า ถ้าเธออยากได้ ตัวละครนี้ก็จะกลายเป็นของเธอทันที!”

แม้จะบอกว่าตอนที่เชี่ยซ่าเหลยโทรมา เจียงเซ่อก็พอจะเดาออกบ้างแล้ว แต่พอเขายืนยันว่าตนเองได้แสดงเป็นเชอรีนในหนังเรื่อง ‘นักโทษ’ เจียงเซ่อก็ยังคงดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่

“ฉันรอข่าวดีนี้มานานแล้วค่ะ!”

นานจนเซี่ยเชาฉวินคิดว่าเจียงเซ่อไม่มีวาสนากับตัวละครนี้แล้ว ในที่สุดเชี่ยซ่าเหลยก็โทรมา

“เจียง หัวเซี่ยมีคำเปรียบเทียบไวน์คำหนึ่ง ยิ่งนานยิ่งหอมหวาน” เชี่ยซ่าเหลยหยอกล้อเธอ

“สายนี้ของฉัน ยิ่งรอนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งน่าเต้นต้นมากเท่านั้น”

เชี่ยซ่าเหลยพูดจบ ก็อธิบายต่อว่า “ก่อนหน้านี้ได้ยื้อเวลามาสองเดือน เธอคงเข้าใจนะว่าฉันต้องการเวลาเกลี้ยกล่อมหุ้นส่วน”

ไม่ว่าเจียงเซ่อจะโด่งดังแค่ไหน แต่ก็หน้าหมวย ในหนังกระตุ้นรายได้อย่างเรื่อง ‘The Lost City’ มีนักแสดงเค้าโครงใบหน้าแบบหัวเซี่ย เห็นได้ชัดว่าเป็นการเรียกรายได้ บวกกับบทมีไม่มากนัก เป็นตัวละครที่มีหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน ตอนนั้นจึงผ่านไปได้อย่างง่ายดาย

แต่ในเรื่อง ‘นักโทษ’ แม้ว่าบทของเชอรีนจะมีไม่มากนัก แต่เป็นตัวละครที่สำคัญมาก

แม้ว่าในตอนแรกเชี่ยซ่าเหลยจะยอมถ่ายหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ทั้งสามภาค เพื่อแลกกับเงินลงทุนอันมหาศาลใน ‘นักโทษ’ ในการถ่ายทำเรื่อง ‘นักโทษ’ เขาเองก็มีสิทธิ์ขาด แต่การที่นักแสดงไม่ใช่คนในตะวันตก ทำให้บริษัทลงทุนปวดหัวมาก กลัวว่าผู้ชมในอเมริกาและยุโรปจะไม่ยอมรับ

เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าชื่อเสียงของเจียงเซ่อไม่มาพอ ถึงแม้การแคสติ้งของเจียงเซ่อในวันนั้นสุดยอดมากเพียงใด ถึงขั้นที่เชี่ยซ่าเหลยคิดว่า ไม่มีใครเหมาะสมกับ ‘เชอรีน’ มากกว่าเธออีกต่อไปแล้ว แต่ทางบริษัทลงทุนก็ยังคงไม่ยอมรับอยู่ดี

เพราะเรื่องนี้ เชี่ยซ่าเหลยจึงต้องใช้เวลา ‘เล็กน้อย’ ในการเกลี้ยกล่อม “แต่หลังจากที่มั่นใจแล้ว ฉันก็บอกเธอเลย เดี๋ยวจะติดต่อไปทางผู้จัดการของเธอ เธอรีบหาเวลาไปที่กรุงโรมเพื่อเตรียมเซ็นสัญญา รอคอยที่จะได้ร่วมงานกับเธอนะ”

“เชี่ยซ่าเหลย ขอบคุณมากนะคะ ฉันจะรอคอยที่จะได้ร่วมงานกับคุณ”

ขั้นตอนที่เขาเกลี้ยกล่อมทางบริษัทลงทุนเขาอธิบายสั้นๆ แต่เจียงเซ่อก็เดาออก ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ทันทีที่เธอพูดจบ เชี่ยซ่าเหลยก็ยิ้ม

“ถ้าอยากขอบคุณฉัน วิธีที่ดีที่สุดคือพาเชอรีนมาอยู่บนโลกใบนี้ ทำให้ผู้ชมทุกคนทุกโลกล้วนเกิดศรัทธาอันแรงกล้าในตัวเธอ หลงใหลในเสน่ห์ของเธอ ทำให้ตัวละครตัวเล็กที่ Matthew สร้างมีชีวิตขึ้นมา นี่คือผลลัพธ์ที่ฉันต้องการ”

เรื่องนี้เชี่ยซ่าเหลยไม่ต้องบอก เธอก็รู้ดี เจียงเซ่อพูดถึงเนื้อเรื่องในหนังเรื่อง ‘นักโทษ’ ครั้งนี้เชี่ยซ่าเหลยไม่ได้บ่ายเบี่ยง หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเจียงเซ่อจะมาเป็นทีมเดียวกัน เขาก็ยอมบอกรายละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม

“ความจริงแล้วเรื่องราวในบทนี้ ฉันปรับแก้มาตลอดตั้งแต่สิบปีที่แล้ว ตอนนี้ก็ใกล้จะเสร็จแล้ว แต่ยังต้องเตรียมการก่อนเปิดกล้องอีกนิด ใช่สิ หลังจากถ่ายทอดมันผ่านหน้าจอ ฉันคิดว่าจะเปลี่ยนชื่อของมันเป็น ‘The second coming of Jesus Chrit’ เจียง เธอคิดว่าอย่างไร”

“‘The second coming of Jesus Chrit’หรือ”

เจียงเซ่อถามอย่างพึมพำ เชี่ยซ่าเหลยตอบกลับว่า

“ใช่ แม้ว่าชื่อ ‘นักโทษ’ ก็ไม่เลว แต่ให้ฉันใช้ชื่อ ‘The second coming of Jesus Chrit’ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อ Matthew เถอะ”

แม้ว่าในเรื่องจะเต็มไปด้วย ‘การหวนกลับคืนมา’ การหวนกลับคืนมานี้ยังไม่รู้ว่าเป็นคุณหรือโทษ นี่ถือเป็นการเสียดสีในอีกแบบของเชี่ยซ่าเหลย เมื่อเปรียบกับชื่อ ‘นักโทษ’ แล้ว สามารถเสียดสี ‘นักโทษ’ ที่เป็นแก่นของเรื่องนี้ได้มากกว่า

“ฉันเชื่อว่า Matthew จะต้องชอบชื่อนี้มาก ความปรารถนาของเขา คุณสัมผัสได้ทั้งหมด”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ…” เชี่ยซ่าเหลยได้ยินคำพูดนี้จากเธอก็อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพียงแค่บทสนทนาสั้นๆ ในโทรศัพท์ ก็สามารถทำให้เขาหัวเราะออกมาเสียงดังหลายครั้ง “ฉันว่าแล้ว ว่าเธอต้องเข้าใจ”