webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

509

บทที่ 509 มิตรภาพ

หลังจากร่วมงานกันในหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ก็น้อยมากที่เจียงเซ่อและ หลินซีเหวินจะติดต่อกัน นอกจากวันปีใหม่หรือวันสำคัญต่างๆ ที่เธอจะส่งข้อความไปอวยพรแล้ว ก็ไม่ค่อยได้เจอกันเป็นการส่วนตัว

ทุกคนต่างยุ่งมาก ทั้งดูแลบริษัท ทั้งถ่ายหนัง เจียงเซ่อยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต้องทำงานและเรียนไปพร้อมๆ จึงค่อยๆ ห่างกันไป

หลังจากผ่านช่วงโปรโมทหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping' ได้พบกับหลินซีเหวินตามงานในบางครั้ง อย่างมากก็แค่ทักทายกัน เจียงเซ่อไม่คิดว่าตอนนี้หลินซีเหวินจะโทรหาเธอด้วยตัวเอง

เธอรู้สึกสงสัย แต่ก็ยังคงรับโทรศัพท์จากมือโม่อานฉีมา

“ผู้กำกับหลิน ฉันเจียงเซ่อค่ะ”

“เซ่อเซ่อ ยังไม่ได้แสดงความยินดีกับเธอที่หนังเรื่อง ‘Evil’ ทำรายได้ได้มากจนทำลายสถิติเลย” หลินซีเหวินได้ยินเสียงแนะนำตัวของเจียงเซ่อทันทีที่รับโทรศัพท์ น้ำเสียงอ่อนโยน ไม่หยิ่ง น้ำเสียงเขาก็กลั้วไปด้วยเสียงหัวเราะ

“แล้วยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงสาขา ‘นักแสดงนำยอดเยี่ยม’ ของเทศกาลหนังฝรั่งเศส สุดยอดจริงๆ”

“ขอบคุณผู้กำกับหลินที่ชมค่ะ” เจียงเซ่อหัวเราะทีหนึ่งแล้วพูดต่อว่า

“คุณโทรมาหาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”

หลินซีเหวินเคยร่วมงานกับเธออยู่ช่วงหนึ่ง จึงรู้นิสัยของเธอ และไม่ได้ใส่ใจที่เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่กลับโล่งอกด้วยซ้ำ

“ความจริงก็มีเรื่องอยากคุยกับเธอ ช่วงนี้เธอว่างหรือเปล่า” เขาพูดถึงตรงนี้ ความจริงก็กังวลว่าเจียงเซ่อจะยอมมาเจอตนเองหรือไม่

เพราะตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ฐานะของเจียงเซ่อไม่เหมือนตอนถ่ายทำหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping' และมีจุดยืนที่มั่นคงหลังจากรับบทเป็น ‘จางยวี่ฉิน’ ในหนังเรื่อง ‘Evil’ ทั้งยังเคยร่วมงานกับหลิวเย่ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของนาฬิกาข้อมือแบรนด์ Federer กลายเป็นนักแสดงหญิงแถวหน้าของวงการบันเทิงหัวเซี่ยไปแล้ว ตารางงานคงจะแน่นมาก

หากเขาอยากนัดพบเธอกะทันหัน แน่นอนว่าเธอไม่ตอบตกลงแน่

เจียงเซ่อหยิบตารางงานของตนเองขึ้นมาดูแวบหนึ่ง “น่าจะว่างนะคะ”

หลินซีเหวินฟังถึงตรงนี้ ใจที่พะวักพะวงของเขาก็ปล่อยวางลง และพูดด้วยความดีใจว่า “งั้นเย็นวันพรุ่งนี้ เจอกันแล้วค่อยว่ากันอีกทีนะ”

หลังจากที่นัดกันไว้ว่าบ่ายสามวันพรุ่งนี้เจอกันที่ร้านกาแฟร้านหนึ่งบริเวณบริษัทซื่อจี้หยินเหอ เจียงเซ่อจึงวางสาย

โม่อานฉีแปลกใจ

“ทำไมอยู่ๆ หลินซีเหวินถึงโทรมานัดเจอเธอล่ะ”

เซี่ยเชาฉวินจัดเอกสารบนโต๊ะ พลันหยุดคิดครู่หนึ่ง

“อาจจะอยากให้เธอไปเล่นหนัง” หล่อนมองเจียงเซ่อ “หนังของหลินซีเหวินเข้าฉายเมื่อหลายวันก่อน ฉันคิดว่าเธอคงจะจำหนังเรื่องนี้ได้อยู่บ้าง”

เซี่ยเชาฉวินยกยิ้ม

“หนังเรื่อง ‘โลกอันสงบสุขของเทพเจ้าเอ้อร์หลาง” ตอนที่เธอพูดคำนี้ โม่อานฉีหัวเราะออกมา ทีมงานหลายคนก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

“ได้ข่าวว่าหนังเรื่องนี้ นอกจากนักวิจารณ์หนังแล้ว แม้กระทั่งผู้ชมยังต่อว่า ถึงขั้นโพสต์ในหน้าเพจของตัวเอง ว่าวิญาณของหลินซีเหวินตอนถ่ายทำหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ได้ตายไปแล้ว ถึงได้สร้างหนังที่ไม่มีคุณภาพอย่าง ‘เทพเจ้าเอ้อร์หลาง’ ออกมา”

ช่วงนี้เจียงเซ่อยุ่งมาก ไม่ได้ติดตามหนังเรื่องใหม่ๆ ที่เข้าฉาย แต่หนังเรื่อง ‘เทพเจ้าเอ้อร์หลาง’ เธอพอจะรู้จักอยู่บ้าง

ตอนนั้น กู้เจียเอ่อร์แนะนำว่าตอนที่ไปบริษัทซ่างเจียของหลินซีเหวิน หลินซีเหวินเคยให้โอกาสเธอเลือกและเป็นหนังเรื่องนี้พอดี

แต่หลังจากนั้นเจียงเซ่อไม่ถูกใจบทนางเอกที่หลินซีเหวินบอกว่าจะให้เธอ ซึ่งสำหรับนักแสดงใหม่แล้ว มันน่าจะเป็นหนังที่รายได้มากพอสมควร แต่เธอกลับชอบบทในหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping' ที่โหวซีหลิ่งแต่ง และเริ่มแจ้งเกิดเพราะหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping' จากนั้นยังได้รับรางวัลแรกในฐานะนักแสดงจากบทของ ‘โต้วโค่ว’ อีกด้วย

เธอคิดไม่ถึงว่าหนังเรื่อง ‘โลกอันสงบสุขของเทพเจ้าเอ้อร์หลาง’ ที่เธอไม่เอา จะยืดเวลามาหลายปีขนาดนี้ และเพิ่งจะเข้าฉายในปีนี้

“หนังเรื่องนี้ไม่เพียงแค่ไม่ได้รับคำชื่นชม แต่รายได้ก็ไม่ถือว่าดีมากนัก ครั้งนี้ถือว่าหลินซีเหวินพลาดจริงๆ วิธีโปรโมทก็ไม่ได้โดดเด่นเท่าที่ควร”

เวลาที่หลินซีเหวินเลือกนั้นไม่ค่อยเหมาะสมนัก เวลาที่เข้าจะฉายหนังเรื่อง ‘โลกอันสงบสุขของเทพเจ้าเอ้อร์ หลาง’ ก็ยื้อแล้วยื้ออีก ตอนแรกคาดว่าจะเข้าฉายเดือนมีนาคมปีนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าเดือนมีนาปีนี้มีหนังดีๆ ถึงสองเรื่อง

เรื่องที่หนึ่งคือ ‘The Incident’ ของหนิงจ้านผิงที่เถาเฉินเป็นนักแสดงนำ และอีกเรื่องคือเรื่อง ‘Evil’ ที่เจียงเซ่อและหลิวเย่เป็นนักแสดงนำ ทั้งสองเรื่องล้วนไม่เพียงแค่เห็นแล้วน่าติดตาม แต่ยังเข้าร่วมเทศกาลหนังฝรั่งเศส หนังเรื่อง ‘Evil’ ได้รับสองรางวัล สร้างความฮือฮาในประเทศเป็นอย่างมาก

ตอนนั้นหลินซีเหวินเองก็รู้ดีว่าเนื้อหาในหนังของตนเองเป็นอย่างไร ในเวลาแบบนี้ วิธีที่เขาใช้ไม่มีประโยชน์ ไม่สามารถสร้างกระแสได้ ถึงขั้นรายได้ตกต่ำ เพราะคั่นอยู่ตรงกลางระหว่างหนังสองเรื่อง จึงได้แต่เปลี่ยนเวลาเข้าฉาย

ใครจะรู้ว่าควันหลงของหนังเรื่อง ‘Evil’ จะล่วงเลยมาถึงเดือนเมษายนเพราะเจียงเซ่อกลับมาโปรโมท และเนื่องจากเจียงเซ่อได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของนาฬิกาข้อมือ Federer ได้สร้างกระแสในวงการบันเทิง เพราะไม่มีทางเลือก หลินซีเหวินจึงเปลี่ยนวันฉายหนังเรื่อง ‘โลกอันสงบสุขของเทพเจ้าเอ้อร์ หลาง’ เป็นเดือนพฤษภาคม แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงไม่เป็นที่น่าพอใจนัก

“ตอนที่หนังเรื่องนี้เข้าฉาย เป็นตอนที่ ‘Evil’ ออกโรงพอดี” เพราะรายได้ของ ‘Evil’ สูงมากจึงได้ขยายวันฉาย “แต่ว่า แม้กระทั่งรายได้วันสุดท้ายก่อนออกโรง ‘โลกอันสงบสุขของเทพเจ้าเอ้อร์หลางก็สู้ไม่ได้”

บวกกับวิธีการโปรโมทของหลินซีเหวินของหนังเรื่องนี้ คือการติดโปสเตอร์ว่า ‘อีกผลงานของหลินซีเหวินต่อจาก ‘The Occasion of Beiping' เพราะฉะนั้นทุกคนจึงไปดูเพราะความสำเร็จของหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping' แน่นอนว่าหนังจากดูจบก็ล้วนหัวเสีย ผู้ชมที่โดนหลอกต่างด่าหนังเรื่องนี้จนเละ

เซี่ยเชาฉวินพูดจบ โม่อานฉีก็พูดต่อว่า

“ใน IMDb หนังเรื่องนี้ได้รับเพียงแค่ยี่สิบเอ็ดคะแนน และมีคนด่าเยอะมาก” เธอพูดถึงตรงนี้ ก็เลือกความคิดเห็นหนึ่งมาให้เจียงเซ่ออ่าน ชาวเน็ตที่ใช้ ID ว่า ‘ปลาหัวใหญ่’ คอมเมนต์ด้วยความโกรธว่า

“หนังแย่จนน่าโมโห หลินซีเหวินจะทำลายชื่อเสียงที่ ‘The Occasion of Beiping' สร้างขึ้นจนหมดสิ้นเพราะตัวเขาเอง หนังเรื่อง ‘โลกอันสงบสุขของเทพเจ้าเอ้อร์หลางที่ว่านี้ มีแต่เสียงฆ้องตู้มต้ามตู้มต้ามทั้งเรื่อง ทำให้ปวดหัวและแสบหูมาก พระเอกที่แม้จะใส่รองเท้าเสริมส้นแล้วก็ไม่น่าจะสูงเกินหนึ่งเมตรหก หมาป่าเซียวเทียนลุกขึ้นมา ยังดูสูงกว่าเขาเกือบครึ่งหัว…”

นมเปรี้ยวแก้วหนึ่ง : ไม่ใช่แค่พระเอกเตี้ยนะ แต่เรื่องราวก็แปลก ทั้งฉางเอ๋อร์ เจ็ดนางฟ้าล้วนแต่ติดตามเอ้อร์หลาง ในเรื่องยังมีหลายภาพที่แย่มาก ถ้าจะให้มีการจัดอันดับของหนังโดย A คือหลักจริยธรรม B คือความรุนแรง C คือหนังแย่ๆ D คืออีโรติก E คือแฟนตาซี...ฉันคิดว่าหนังเรื่องนี้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของ ABCDEFG ได้สบายเลย...

บอกรักเธออย่างอบอุ่น : ผู้กำกับขยะ ทำซะจนเทพเจ้าเอ้อร์หลางกลายร่างเป็นมนุษย์ต่างดาวซะงั้น

……

เจียงเซ่อเห็นความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่รู้ว่าควรจะโกรธหรือตลกดี ข้างล่างมีแต่คำด่า ล้วนบอกว่า ‘หลินซีเหวินเลิกถ่ายหนังได้แล้ว รีบเกษียณสักทีเถอะ’ คนจำนวนไม่น้อยถึงขั้นทิ้งความคิดเห็นเอาไว้ด้วยความโกรธเหลือล้น : ไม่เชื่อหนังของหลินซีเหวินอีกแล้ว แย่มาก มีหนังเรื่องใหม่มาก็จะไม่ดูอีก

เซี่ยเชาฉวินเห็นกลุ่มของโม่อานฉีอ่านคอมเมนต์ไป หัวเราะไปก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้

“สิ่งที่หลินซีเหวินสนใจไม่ใช่หนังเรื่องนี้” สำหรับหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าชาวเน็ตจะด่าอย่างไร ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไร

เป็นหนังที่ต้นทุนต่ำอยู่แล้ว นักแสดงก็แทบจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่เซ็นสัญญากับบริษัทซ่างเจียของเขาทั้งหมด เงินที่สูญเสียไปก็น้อยมาก แม้ว่าผลลัพธ์หนังเข้าฉายไม่ดีนัก แต่ก็น่าจะได้ต้นทุนกลับมาแล้ว และหลินซีเหวินอาจจะได้กำไรอีกเล็กน้อย

แต่ทว่า ผลลัพธ์แบบนี้มันทำลายชื่อเสียงของเขา หนังเรื่องต่อไป อาจจะไม่มีคนยอมไปดูอีก

“ถ้าแค่หนังออกมาแย่ก็ช่างเถอะ แต่หนังเรื่อง ‘เทพเจ้าเอ้อร์หลาง’ ส่งผลกระทบต่อหุ้นของซ่างเจีย หลินซีเหวินจึงยากที่จะอยู่เฉย” เซี่ยเชาฉวินวิเคราะห์ “เพื่อให้ผู้ชมที่เคยโดนเขาหลอก ยอมเสียเงินและกลับมานั่งอยู่ในโรงหนังของเขาอย่างว่าง่ายอีกครั้ง เขาจึงต้องคิดหาวิธีที่ดีกว่า”

เซี่ยเชาฉวินพูดถึงตรงนี้ เจียงเซ่อก็เข้าใจความหมายของเธอแล้ว

ตอนนี้เจียงเซ่อมีชื่อเสียง ฐานะสูงส่ง ทักษะการแสดงได้รับการการันตี หลินซีเหวินมาหาเธอเพื่อให้ช่วยกอบกู้ชื่อเสียง

เพราะหนังเรื่อง ‘โลกอันสงบสุขของเทพเจ้าเอ้อร์หลาง’ ไม่ว่าหนังเรื่องต่อไปของเขาจะเป็นอย่างไร ก็หลีกเลี่ยงการถูกผู้ชมจับผิดไม่ได้และอาจจะไม่มีผู้ชมยอมเสียเงินกับหนังของเขาอีก

นักแสดงธรรมดาๆ ที่ไม่โด่งดังมากพอ อาจจะต้องลำบากเพราะชื่อเสียงของหลินซีเหวิน ทำให้ชื่อเสียงลดลงไปด้วย ชื่อเสียงที่ไม่ดีแต่ยังต้องโดนด่าง่ายๆ ได้ชื่อว่าเป็นตัวทำลายรายได้ จึงส่งผลกระทบต่อทรัพยากรการสร้างหนังในอนาคต

แต่ถ้าได้เจียงเซ่อที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เรียกรายได้อันมหาศาลมาเป็นนักแสดงนำ นั่นก็อีกเรื่อง

ตั้งแต่เจียงเซ่อเข้าวงการ หนังทุกเรื่องที่แสดงล้วนมีคุณภาพ ทั้งคำชื่นชมและรายได้ก็ไม่เลว

แม้กระทั่งหนังที่เป็นตัวประกอบหลายเรื่องในตอนนั้นยังแสดงออกมาได้อย่างโดดเด่น หนังเรื่องแรกที่รับบทเป็นนักแสดงนำอย่างเรื่อง ‘เกี่ยวกับฉันที่รักเธอ’ ก็ทำผลงานออกมาได้ดีมาก หลังจากหนังเรื่อง ‘Evil’ สำหรับผู้ชมในหัวเซี่ย เรียกได้ว่าเจียงเซ่อสมควรได้รับฉายาเจ้าแม่แห่งการเรียกรายได้ ถึงขั้นที่ทำรายได้ได้มากกว่าเถาเฉินไปแล้ว

ชื่อเสียงของหลินซีเหวินสูญเสียไป เจียงเซ่อสามารถกอบกู้ให้เขาได้ แต่ก็เสี่ยงมาก เพราะถ้าคุณภาพของหนังต่ำเกินไป ถึงตอนนั้นอาจจะทำให้เจียงเซ่อต้องพลอยลำบากไปด้วย

ตอนนี้ผู้ชมตั้งความหวังกับเธอเอาไว้สูงมากเท่าไหร่ ถึงตอนนั้นรายได้ของหนังก็จะมากเท่านั้น ต่อไปทุกคนก็จะตั้งความหวังกับเธอสูงมากขึ้นไปอีก

“ผลงานของเขาไม่มั่นคงมากนัก สถานการณ์โดยรวมเป็นยังไง หลังจากเธอพบกับเขาพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

เซี่ยเชาฉวินพูดถึงตรงนี้ พลันดูนาฬิกาแวบหนึ่ง “เดี๋ยวฉันมีประชุมต่อที่บริษัท บทจากทางบริษัทฉันจะเลือกมาให้ เธอตัดสินใจเอาเองนะ”

ทันทีที่เธอลุกขึ้น ผู้ช่วยและคนอื่นๆ เองก็เก็บของและเตรียมกลับ

คืนนั้นเจียงเซ่อได้หาข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่องใหม่ของหลินซีเหวิน หลังจากหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping' เขาก็มีหลังอีกหลายเรื่อง แต่ได้รับคำชื่นชมไม่เท่าหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ รายได้ก็ห่างกันมาก

ถึงขั้นที่คนจำนวนไม่น้อยบอกว่า ยอมดูหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping' สิบรอบ ก็ไม่อยากดูหนังเรื่องใหม่ของหลินซีเหวินเลยแม้แต่รอบเดียว

โดยเฉพาะหนังเรื่อง ‘เทพเจ้าเอ้อร์หลาง’ ถือเป็นหนังที่ถูกพูดถึงในทางที่แย่ที่สุดตั้งแต่หลินซีเหวินเป็นผู้กำกับมา รายได้ก็น้อยลงทุกเรื่อง ไม่แปลกที่จะโทรมาขอความช่วยเหลือจากตนเอง

ไปพบหลินซีเหวินในครั้งนี้ เจียงเซ่อปฏิเสธโม่อานฉีที่ขอไปกับตนด้วย

ร้านกาแฟร้านหนึ่งบริเวณซื่อจี้หยินเหอในตัวเมืองตี้ตู ตอนที่เจียงเซ่อมาถึง พนักงานร้านกาแฟก็เปิดประตูให้เธอ พร้อมพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ยินดีต้อน…” คำสุดท้ายที่ว่า ‘รับ’ ยังไม่ทันออกจากปาก หญิงสาวที่ใบหน้าเหมือนตุ๊กตาเงยหน้าขึ้น หลังจากเห็นว่าผู้มาเยือนคือเจียงเซ่อ พลันกรีดร้อง “กรี๊ด...เจียงเซ่อ...”

ตอนกลางวันแบบนี้ คนในร้านกาแฟไม่มากนัก ในร้านเปิดเพลงคลอเบาๆ ให้ความรู้สึกสบาย แขกที่ดูท่าทางผ่อนคลายกำลังนั่งตากแอร์และดื่มกาแฟ ดื่มด่ำกับกลิ่นหอมหวานจากเค้ก ท่ามกลางความผ่อนคลาย เสียงกรีดร้องของพนักงานทำให้คนจำนวนมากต่างตกใจ

คนในร้านกาแฟได้ยินเสียงร้องของเธอ ต่างเงยหน้าขึ้น

เจียงเซ่อใส่เสื้อไหมพรมและกระโปรงรัดรูป และรองเท้าส้นเข็ม รูปร่างสมส่วนได้รูป ดึงดูดสายตาจากทุกคนทันที

เสียงกรีดร้องของหญิงสาว ทำให้เจียงเซ่อกลายเป็นจุดสนใจ ใบบริเวณที่ไกลออกจากหลินซีเหวินลุกขึ้นโบกมือ เจียงเซ่อพูดพร้อมรอยยิ้ม

“ฉันมีเพื่อนอยู่ข้างในค่ะ”

“เซ่อเซ่อ ฉันชอบคุณมากเลยนะคะ คุณสูงมาก ผอมมาก ขายาวกว่าในทีวีอีก” ดวงตาของหญิงสาวคนนั้นเป็นประกาย พูดรัวเร็วราวกับปืนกล

“เสียงก็เพราะ ผิวก็ดี ทำไมถึงสวยขนาดนี้นะ ฉันรู้ว่าคุณเป็นนักแสดงในสังกัดซื่อจี้หยินเหอเลยมาทำงานที่นี่ อยากมาเจอคุณ แต่ทำงานมาครึ่งปี เพิ่งจะเห็นคุณเป็นครั้งแรกนี่แหละ” เธอตื่นเต้นจนหน้าแดง ผู้จัดการร้านกาแฟเองก็ตกใจเพราะเสียงของเธอ และเดินออกมาลากเธอออกไปอย่างอึดอัด และก้มลงขอโทษเจียงเซ่อไม่หยุด

เจียงเซ่อยิ้มแห้ง พอเห็นหญิงสาวคนนั้นถูกลากออกไปด้วยใบหน้าที่ไม่จำยอมนัก จึงโล่งอกและเดินเข้าไปหาหลินซีเหวิน เหมือนเขาน่าจะมาถึงสักพักแล้ว นิตยสารที่อยู่ในมือเปิดมาถึงครึ่งเล่มแล้ว พอเห็นเจียงเซ่อเดินเข้าไปหาก็ปิดนิตยสารและเก็บบนชั้นวาง

“ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ” เจียงเซ่อนั่งลง หลินซีเหวินส่ายหน้า

“ฉันมาไวเองล่ะ”

ทั้งสองนัดเจอกันตอนบ่ายสาม เจียงเซ่อมาก่อนเวลาสิบห้านาทีแล้ว นี่เป็นนิสัยของเธอ พอโตขึ้นเธอก็พยายามทำให้ตนเองคุ้นชินกับการตรงต่อเวลา หลังจากมีชื่อเสียง ก็ยังคงรักษาสิ่งดีงามแบบนี้เอาไว้ ทำให้หลินซีเหวินชื่นชมในตัวเธอมากขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย

เขาชูมือขึ้น เพื่อเรียกพนักงานให้มารับออร์เดอร์จากเจียงเซ่อ ครั้งนี้เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง แม้จะไม่ได้กรีดร้องออกมาเหมือนหญิงสาว แต่พอมาอยู่ข้างๆ เจียงเซ่อ ก็ยังหน้าแดง มือสั่นและคอยเงยหน้าขึ้นมองเจียงเซ่ออยู่ตลอด

หลังจากเจียงเซ่อสั่งอาหารเสร็จ เขาก็ยังอาลัยอาวรณ์ จนกระทั่งหลินซีเหวินหันมองเขาหลายรอบ เขาจึงเดินออกไปด้วยใบหน้าเสียใจ

“ผู้จัดการของเธอไม่มาด้วยหรือ”

หลินซีเหวินเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และรู้ว่าตอนนี้เจียงเซ่อดังแค่ไหน เขาพูดเปิดประเด็น เจียงเซ่อมองเขาด้วยสายตาอันลึกซึ้งแวบหนึ่ง

“มาพบเพื่อนไม่ใช่เรื่องงาน ไม่จำเป็นต้องพาผู้จัดการมาค่ะ”

เธอพูดจบ หลินซีเหวินก็หัวเราะออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

“นิสัยของเธอยังคงไม่เปลี่ยนไปเลย บางทีดูน่ารักมาก บางทีก็น่าโมโห”

ข้างๆ เก้าอี้ที่เขานั่ง มีซองเอกสารวางอยู่ แต่หลินซีเหวินยังไม่มีท่าทีว่าจะเปิดมัน กลับพูดถึงเรื่องในอดีต

“ชีวิตนี้ การตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดของฉัน ไม่ใช่การก่อตั้งบริษัทซ่างเจีย ไม่ใช่การทำรายได้มหาศาล แต่เป็นการที่ใช้เวลาหลายปีในการตามหาอาจารย์โหวจนเจอ และให้เขาเขียนบน ‘The Occasion of Beiping’ เชื่อมั่นในสายตาของเขา เลือกเธอมาเป็น ‘โต้วโค่ว’ ในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’”