webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

508

บทที่ 508 วันวาน

ในสำนักข่าวหลงสิง ท่านประธานนั่งจ้องจำนวนผู้เข้าชมแล้วยิ้มอย่างมีความสุข หลายปีมานี้ผลงานของสำนักข่าวหลงสิงโดดเด่นและกลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว โฆษณาเข้ามามากมายและขยายบริษัทให้ใหญ่ขึ้น ตอนแรกเถาเถาเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงาน ตอนนี้กลับสามารถรับผิดชอบงานฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เองแล้ว

หญิงสาวที่ถูกเจ้านายชื่นชมในอีเมลและรับปากว่าจะขึ้นเงินเดือนให้ยังไม่เห็นอีเมลแสดงความ ‘ยินดี’ มากมายจากเพื่อนร่วมงาน แต่ยังอยู่ในกล่องแสดงความคิดเห็น และอธิบายแทนเจียงเซ่ออย่างสุดความสามารถเพื่อให้ชาวเน็ตเข้าใจว่าการที่เจียงเซ่อร่วมงานกับแบรนด์ Federer หมายความถึงสิ่งใด

รายการ ‘คนดังนั่งคุย’ ยังคงถ่ายทอดสดอยู่ เซี่ยเชาฉวินรู้ข่าวที่ว่าเพราะเจียงเซ่อมาออกรายการในคืนนี้ ทำให้ยอดขาย ‘Evil’ เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

จนถึงตอนนี้ ยอดขายของหนังเรื่อง ‘Evil’ ในหัวเซี่ยมากถึง สองพันสองร้อยล้านแล้ว ส่วนยอดขายต่างประเทศก็ไม่น้อย หลังจากหนังเรื่อง ‘Evil’ เข้าฉายในยุโรปและอเมริการายได้ก็เป็นรองเพียงแค่เรื่อง ‘Killer’ ของ Spacey เท่านั้น ครอบแชมป์อันดับสองมาหลายสัปดาห์

รายการได้ดำเนินมาถึงตอนท้าย คืนนี้ สำหรับแฟนคลับของเจียงเซ่อแล้ว ไม่ต่างกับรายการอันยิ่งใหญ่

การเปิดตัวของบริษัท Federer ในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่เป็นการทำให้ชื่อเสียงของเจียงเซ่อโด่งดังมากขึ้น ในขณะเดียวกันแบรนด์ Federer ก็เป็นที่รู้จักทั่วทั้งหัวเซี่ยภายในค่ำคืนเดียว ซึ่งต่างก็ได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย

หลังจากแฟนคลับจำนวนไม่น้อยของเจียงเซ่อเห็นรูปของเจียงเซ่อในเว็บไซต์ทางการของ Federer ก็เริ่มรอคอยโปสเตอร์ของเจียงเซ่อในวันเปิดตัวของแบรนด์ Federer

รายการ ‘คนดังนั่งคุย’ กำลังจะจบลงแล้ว คำถามของเซิ่งจิ้งจือเข้าสู่ช่วงสุดท้าย เขาหันไปที่มองหลิวเย่และมองเจียงเซ่อ พลันถามพร้อมรอยยิ้ม

“ครั้งนี้เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกระหว่างหลิวเย่และเจียงเซ่อ ซึ่งถือว่าสุดยอดมากแล้ว หลิวเย่ก็ได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังฝรั่งเศสเพราะหนังเรื่อง ‘Evil’ เจียงเซ่อเองก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในสาขา ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ หนังเรื่อง ‘Evil’ ถือเป็นจุดสูงสุดในวงการบันเทิงของทั้งสองแล้วหรือเปล่าครับ” เขาพูดถึงตรงนี้ ก่อนจะพูดเสริมอีกว่า

“ไม่ว่าจะด้านรางวัลและด้านฝีมือการแสดง มีความเป็นไปได้ว่าจะพัฒนาไปได้มากกว่านี้อีกหรือเปล่าครับ”

สำหรับคำถามนี้ หลิวเย่เป็นรุ่นพี่ และฐานะสูงกว่าเจียงเซ่อ ตามหลักเหตุผลแล้ว เขาควรจะตอบก่อน

“จุดสูงสุดหรือครับ” เขายิ้ม แล้วมองเจียงเซ่อแวบหนึ่ง

“ได้รับ ‘รางวัลจากเทศกาลหนังฝรั่งเศส’ เป็นเพียงแค่ความเชื่อมั่นที่ทุกคนมีต่อลั่วเซิ่นในหนังเรื่อง ‘Evil’ ผมคิดว่าเหตุผลที่คณะกรรมการยอมรับหนังเรื่องนี้และมอบรางวัลให้ ก็เพื่อกระตุ้นให้นักแสดงทุกคนตั้งใจทำงานให้สุดความสามารถเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าพัฒนาการจะหยุดลงเท่านี้ครับ”

เขาพูดจบ เซิ่งจิ้งจือก็เปิดโอกาสให้เจียงเซ่อได้พูดบ้าง

“เซ่อเซ่อล่ะ ตัวละคร ‘จางยวี่ฉิน’ สร้างความประทับใจให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก และหนังเรื่อง ‘Evil’ ก็ทำรายได้และเป็นที่ชื่นชมเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่ว่า ผมเห็นว่ามีคนคาดเดาว่ารายได้ของหนังเรื่อง ‘Evil’ อาจจะเป็นปรากฏการณ์หนึ่งในชีวิตการเป็นนักแสดงของคุณเลยนะครับ สำหรับเรื่องที่มีคนคิดว่าผลงานใหม่หลังจากนี้ของคุณยากที่จะดีกว่าบท ‘จางยวี่ฉิน’ และรายได้ของหนังใหม่ก็ไม่สามารถทำลายสถิติของ ‘Evil’ ลงได้ สำหรับเรื่องนี้ คุณมีความคิดเห็นยังไงบ้างครับ”

“ฉันคิดว่านี่ยังไม่ถือว่าเป็นจุดสูงสุดค่ะ มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของเส้นทางเส้นใหม่เท่านั้น” เจียงเซ่อเผยรอยยิ้มบางๆ

“หนังเรื่อง ‘Evil’ เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของฉันกับพี่หลิว ต่อจากนี้จะมีการโอกาสร่วมงานกันเป็นครั้งที่สองหรือมากกว่า จะสามารถทำลายสถิติได้หรือไม่นั้น อยากให้ทุกคนรอติดตามกันนะคะ”

คำพูดของเธอเรียกเสียงปรบมือจากหลิวเย่ เซิ่งจิ้งจือเองก็ปรบมือ ตอนนี้รายการ ‘คนดังนั่งคุย’ ถึงเวลาที่จะต้องจบลงแล้ว เขาลุกขึ้นยืน

“คำพูดของเซ่อเซ่อ ทำให้ผมเองก็รอคอยผลงานจากวงการหนังเป็นอย่างมากและเป็นเพราะมีความพยายามและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคเหล่านี้ จึงทำให้หนังของหัวเซี่ยยอดเยี่ยมและพัฒนามากขึ้นไปเรื่อยๆ จนก้าวออกจากหัวเซี่ย เพื่อถ่ายทอดสู่สายตาของคนทั้งโลก”

ท่ามกลางการส่งสัญญาณของผู้จัดรายการ เขาได้กล่าวลาท่านผู้ชมแล้ว ในการถ่ายทอดสด จ้าวร่าง หลิวเย่และเจียงเซ่อก็กำลังโบกมือลาผู้ชม

คืนนี้ ผู้ดูรายการ ‘คนดังนั่งคุย’ มากขึ้นอย่างเย็นได้ชัด แม้รายการจะจบลงไปแล้ว และเข้าสู่ช่วงโฆษณา แต่คนจำนวนมากยังคงอาลัยอาวรณ์ไม่ยอมไปไหน ยังคงคิดถึงคำพูดของเจียงเซ่อ

ในหอพักนักแสดงมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในตี้ตู หญิงสาวหลายคนเบียดกันอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกันและยังคงอาลัยอาวรณ์ไม่ยอมปิดหน้าเว็บ ยังคงถกเถียงเกี่ยวกับ ‘Evil’ และเจียงเซ่อกันอย่างดุเดือด

หลูเป๋าเป่านั่งอยู่บนเตียงของรูมเมท กำลังพูดถึงความภูมิใจที่ตนเองเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นและนั่งข้างเจียงเซ่อสมัยเรียน

“ตอนนั้นน่ะสนิทกับฉันมากเลยนะ!” เธอพูดถึงเรื่องในอดีต ใบหน้าดูเป็นประกาย “ช่วงมอหกเราสนิทกันมาก ตอนนั้นเจียงเซ่อสนใจงานในวงการบันเทิง ชอบข่าวกอสซิป ชอบดารานักแสดง ตอนนั้นความความคิดของคนในห้อง คือการตั้งใจเรียน และตั้งใจสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ดีที่สุด เข้ามหาวิทยาลัยที่ตั้งเป้าไว้ให้ได้ เพื่อเป็นหมอ เป็นครู กระทั่งฉันเอง พ่อก็เคร่งมาก ให้ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดี จบมาไปทำงานราชการในหน่วยงานที่มั่นคง ไม่เหมือนเจียงเซ่อที่เอาแต่จะเป็นดารา”

เหล่ารูมเมทต่างฟังเรื่องในอดีตของเธออย่างตั้งอกตั้งใจ หลูเป๋าเป่าจบไฮสกูลจวี้ไฉ และเจียงเซ่อเองก็จบจากโรงเรียนแห่งนี้ และเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของตี้ตูด้วยเกรดที่สูงมาก

ในขณะที่หลูเป๋าเป่าพูดอยู่ ด้วยความตื่นเต้นถึงขั้นหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองออกมา ในโทรศัพท์มือถือมีรูปเมื่อหลายปีก่อน แม้เธอจะเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือใหม่ก็ยังไม่ยอมลบ เพราะชื่อเสียงของเจียงเซ่อที่โด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เพียงพอที่เธอจะเอาออกมาอวดได้

“รูปนี้ เป็นรูปที่เราถ่ายด้วยกันตอนมอหกที่เซิ่นจวง” เธอกดรูปในโทรศัพท์ออกมาให้รูมเมทดู ใบหน้าของรูมเมทของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉา เธอจึงพูดอย่างลำพองมากกว่าเดิม

“ตอนที่เจียงเซ่อไปแสดงหนังครั้งแรก ฉันเป็นคนบอกให้เธอไปเองแหละ ตอนนั้นเราเจอเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงอย่างหลิวเย่ด้วยนะ”

เธอนึกถึงตอนที่เจอจางจิ้งอานและหลิวเย่ครั้งแรก ท่าทางยิ่งตื่นเต้นมากกว่าเดิม “ตอนนั้น เราต่างก็เป็นตัวประกอบ ในฉากผู้กำกับจางจิ้งอานเข้ามาสอนเราด้วยตนเองเลยแหละ”

และเป็นเพราะการถ่ายทำหนังเรื่องนั้น ทำให้เจียงเซ่อก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงไปแล้วครึ่งก้าว และเข้าตาจางจิ้งอาน

หลูเป๋าเป่าพูดถึงตรงนี้ ท่าทางพลันดูเศร้าลง

ตอนนั้นทั้งสองต่างเป็นตัวประกอบ และต่างก็ไปเป็นตัวประกอบในเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ตอนนั้นทั้งหลิวเย่และจางจิ้งอานล้วนอยู่ในฐานะที่สูงกว่า ใครจะรู้ว่าหลายปีผ่านไป เธอยังคงเป็นนักศึกษาธรรมดาๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก แต่เจียงเซ่อกลับกลายเป็นนักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง และยังมีชื่อเสียงไปถึงต่างประเทศแล้ว

ตอนนั้นไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะคุยกับหลิวเย่ แต่ตอนนี้เจียงเซ่อกลับได้ร่วมงานกับหลิวเย่ในเรื่อง ‘Evil’ ถึงขั้นที่กำลังจะได้เป็นพระนางในหนังเรื่องต่อไปของจางจิ้งอาน

“ตอนนั้นเซ่อเซ่อสวยจริงๆ”

รูมเมทคนหนึ่งอุทาน คนอื่นๆ ต่างพยักหน้า

ตอนเด็กเจียงเซ่อสวยมากจริงๆ ดูออกว่าในรูปอายุยังน้อยมาก แต่กลับมีความโดดเด่น ใบหน้าเล็กนั่นงดงามราวปั้นขึ้นอย่างประณีต ตอนที่มองกล้อง ตาขาวและตาดำแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ทั้งสว่างสดใสและมีเอกลักษณ์

ไม่ได้แต่งหน้าจัด แต่ความเป็นผู้หญิงกลับล้นทะลักออกมา ตอนหน้าสด เธอไม่ได้ดูสวยน้อยกว่าตอนแต่งหน้าเลย

“อ้าว เป๋าเป่า ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเจียงเซ่อ พวกเธอต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ทำไมเซ่อเซ่อได้เป็นนักแสดง แต่เธอกลับไม่ได้เข้าวงการล่ะ”

สำหรับเรื่องนี้ เมื่อก่อนหลูเป๋าเป่าก็เคยนึกโกรธ ตอนนั้นเธอกับเจียงเซ่อสนิทกันมาก ทั้งสองต่างไปเป็นตัวประกอบของหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ต่างกันแค่เจียงเซ่อมีบทพูด แต่บทตัวประกอบของเธอไม่มีบทพูดเท่านั้น

ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องหลังจากแคสหน้ากล้องหนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ของกู้เจียเอ่อร์แล้วล่ะก็ หลูเป๋าเป่าเองก็คิดว่าตัวเองก็คงจะเข้าวงการไปแล้ว แต่เสียดายที่เจียงเซ่อบอกเธอช้าไป

เพราะสอบมหาวิทยาลัยไม่ติด ตอนนั้นพ่อของเธอจึงเข้มงวดกับเธอมาก บังคับให้เธอเรียนพิเศษที่บ้าน ตั้งใจให้เธอเรียนมอหกซ้ำอีกครั้งและสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ อีกครั้ง ไม่อนุญาตให้เธอยุ่งกับเพื่อนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตโดยเด็ดขาด จึงตัดขาดเส้นทางสู่วงการบันเทิงของเธอไป

และก็เพราะตอนนั้นเจียงเซ่อบอกตนเองช้าเกินไปนั่นแหละ บอกเธอตอนกำลังจะแคสติ้งแล้ว เลยทำให้เธอพลาดการแคสติ้งครั้งสำคัญ หลังจากนั้นก็ได้แคสหนังเรื่องอื่นอีกหลายครั้ง เป็นนักแสดงที่ไม่มีบทเด่นในหนังอีกหลายเรื่อง ทั้งรายได้น้อยและลำบากมาก รวมทั้งความหวังของพ่อแม่ที่มีต่อเธอคือให้เธอตั้งใจเรียน แน่นอนว่าเส้นทางนี้จึงได้สิ้นสุดลง

ตอนที่เพื่อนร่วมชั้นได้ถามขึ้น เธอจึงดูไม่ค่อยพอใจนัก

“ตอนแรกก็ว่าจะเข้าแหละ แต่เพราะพ่อแม่ฉันอยากให้ฉันตั้งใจเรียน เลยไม่ได้เข้าวงการ” เธอพูดถึงตรงนี้ ท่าทางก็ดูไม่พอใจ

“ต้องโทษเจียงเซ่อนั่นแหละ ตอนแรกเราได้ข่าวว่าหนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ของกู้เจียเอ่อร์กำลังจะมีการแคสติ้ง เธอมาบอกฉันช้าเกินไป จะได้เวลาแคสแล้วเพิ่งบอกฉัน ฉันก็เลยไม่มีโอกาสได้ไปไหนน่ะสิ”

บรรดารูมเมทที่ได้ยินคำพูดของเธอ มีทั้งคนที่ไม่เชื่อ คนที่ปลอบใจเธออย่างเห็นใจและคนที่สงสัยในคำพูดของเธอ

เพื่อนในหอเดียวกัน มีคนเป็นแฟนคลับของเจียงเซ่อ พอได้ยินแล้วก็ไม่พอใจ จึงพูดตรงๆ ว่า

“เป๋าเป่า อย่าหาว่าฉันพูดตรงเกินไปเลยนะ ในเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ บทที่เจียงเซ่อไปแคสเป็นบทแอร์โฮสเตส ภาษาฝรั่งเศสของเธอใช้ได้ แถมยังสวยอีกด้วย แม้เธอจะได้ร่วมแสดงเรื่องนี้ แต่บทนี้ก็ไม่เหมาะกับเธออยู่ดีนั่นแหละ”

จะเดินเส้นทางนี้ นอกจากโอกาสที่เหมาะสม โชคชะตาและความพยายามแล้ว ยังต้องมีความงดงามที่ฟ้าประทานมาให้ด้วย

เพราะฉะนั้น ความงดงามของเจียงเซ่อในหนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ในตอนนั้น มันมีเสน่ห์เป็นที่สุด

หลูเป๋าเป่าเป็นคนเจ้าเนื้อ แม้หน้าตาจะน่ารัก และยังห่างจากความงดงามของเจียงเซ่ออีกไกลมาก

เธอยังไม่ค่อยพอใจ รูมเมทจึงพูดต่ออีกว่า

“อีกอย่าง ฉันคิดว่าหนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ มันก็งั้นๆ แหละ เรื่องที่ทำให้เจียงเซ่อดังขึ้นมาคือ ‘99 Love Letter’ ของจ้าวร่างต่างหาก เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้เธอแจ้งเกิด เพราะฉะนั้นเธอจะไปแคสเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ หรือเปล่า มันก็ไม่เกี่ยวกับเจียงเซ่อหรอกมั้ง”

เมื่อรูมเมทพูดจบ ก็พูดเสริมอีกว่า

“อีกอย่างเธอเองก็บอกเองว่า พ่อแม่เธอไม่อนุญาตให้เธอไปไกลจากบ้าน เลยได้เลือกเส้นทางนี้ให้กับเธอแทน”

คำพูดของเพื่อร่วมชั้นของหลูเป๋าเป่าทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ ตอนนั้นเพราะเรื่องนี้ทำให้เธอไม่ชอบใจ และค่อยๆ ตีตัวออกห่างจากเจียงเซ่อ ตอนมัธยมศึกษาตอนปลายเคยไปตามดาราด้วยกัน คุยเรื่องซุบซิบดาราด้วยกัน คิดไม่ถึงว่าเพราะเรื่องเล็กๆ เพียงเท่านั้น ทำให้ห่างกันไปมากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้หลูเป๋าเป่าไม่ได้มีนิสัยเด็กๆ เหมือนตอนนั้นแล้ว เมื่อย้อนคิดดูแล้ว ก็รู้สึกว่าคำพูดของเพื่อนร่วมชั้นนั้นไม่ผิด

อีกอย่างเจียงเซ่อเองก็เคยบอกว่า ที่ตอนนั้นไม่ได้บอกก่อน เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของตนเองก็เท่านั้น

สุดท้ายเธอก็ทำผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ไม่ดี ถูกพ่อแม่จับจ้องอย่างเข้มงวด ไม่สามารถไปแคสติ้งได้ และมีความรู้สึกว่าโดนเพื่อนหักหลัง

พอนึกถึงเรื่องนั้น ข่าวในตอนนี้เจียงเซ่อเป็นคนสืบมา เธอจะไม่บอกตนเองก็ได้ ตอนนั้นเธอเอาแต่ใจมากเกินไป ไม่คิดว่าจะทำให้เสียเพื่อนคนหนึ่งเพราะเรื่องนี้

เจียงเซ่อไม่รู้เลยสักนิดว่าหลูเป๋าเป่านึงเสียใจขึ้นมาแล้ว หลังจากกลับประเทศเธอก็เริ่มงานยุ่งขึ้นอีกครั้ง

เธอใช้เวลานี้ในการเตรียมวิทยานิพนธ์ก่อนจบ และต้องทบทวนบทเรียนของปริญญาโท คลาสเรียนที่เซี่ยเชาฉวินเตรียมไว้ให้เธอ หลังจากกลับประเทศก็เริ่มเรียนอีกครั้ง ทางเผยอี้ทั้งการประชุมและการเยี่ยมชมที่จัดไว้ล้วนกลายเป็นส่วนสำคัญในตารางงานของเธอ

กลางเดือนเมษายน รายได้ของหนังเรื่อง ‘Evil’ ได้นำ ‘The Occasion of Beiping’ ที่เจียงเซ่อเคยแสดงไปแล้ว และมากถึงสามพันสองร้อยล้าน ในต่างประเทศมากถึงหนึ่งจุดเจ็ดล้านดอลล่าแล้ว กลายเป็นหนังที่ทำรายได้มากที่สุดเท่าที่เจียงเซ่อเคยแสดงมา มีคนในวงในเคยคาดการว่า หลังจากหนังเรื่อง ‘Evil’ ออกโรง อาจจะทำรายได้มากถึงห้าพันล้าน ทำลายสถิติทั้งหมดที่หัวเซี่ยเคยมีมา!

ในสถานที่จัดงานของ Federer เจียงเซ่อปรากฏตัวในชุดเดรสงานฝีมือของแบรนด์ Givenchy เพราะการร่วมงานกัน คุณนาย Federer เลยดูสนิทสนมกับเจียงเซ่อขึ้นมาก

ครึ่งเดือนมานี้ นาฬิกาแบรนด์ Federer เป็นที่รู้จักมากขึ้น ยอดขายในหัวเซี่ยมาขึ้นเรื่อยๆ ยอดขายในครึ่งเดือนนี้ ได้มากกว่าไตรมาสที่แล้ว เชื่อว่าหากทุกคนรู้ว่าเจียงเซ่อเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Federer ยอดขายของช็อปในตี้ตูจะต้องมากขึ้นอีก

นาฬิการุ่นที่มีจำนวนจำกัดของ Federer รุ่นนี้ก็ถูกถามถึงอย่างต่อเนื่อง แต่นาฬิการุ่นนี้ยังไม่ทันได้เข้าสู่ท้องตลาด ก็ถูกลูกค้า VIP จองทั้งหมดแล้ว คนจำนวนมากกำลังศึกษาช่องทางเพื่อเข้าเป็นลูกค้า Federer VIP

โฆษณาที่เจียงเซ่อถ่ายกับ Federer ก็ดึงดูดความสนใจและเป็นที่ติดตามของสาววัยรุ่นที่ชื่นชอบแฟชั่นจำนวนมาก ทันทีที่รูปปรากฏออกมา มีคนสร้างเป็นไฟล์และทำเป็นรูปภาพเพื่อโปรโมท สิ่งที่หัวเซี่ยไม่มีวันขาดคือคนรวย

ต้นเดือนพฤษภาคม ท้ายที่สุดแล้วหนังเรื่อง ‘Evil’ ทำรายได้ทั่วโลกห้าพันหนึ่งร้อยล้าน เป็นการทำลายสถิติของหัวเซี่ย เป็นข่าวหน้าหนึ่งหลายวันติดต่อกัน

เรื่องนี้เป็นการยืนยันความสามารถในการทำรายได้ของเจียงเซ่อแน่นอนว่าจะต้องมีผู้กำกับและผู้จัดมากมายอยากร่วมงานกับเจียงเซ่อ เซี่ยเชาฉวินพูดถึงเรื่องการรับหนังเรื่องต่อไปกับเจียงเซ่ออีกครั้ง เธอถอนหายใจอย่างเสียดาย

“บางที ‘นักโทษ’ ของเชี่ยซ่าเหลยอาจจะไม่ได้แล้ว”

ตั้งแต่เจียงเซ่อแคสติ้งที่ฝรั่งเศสจนถึงตอนนี้ ก็ผ่านมาเกือบสองเดือนแล้ว

เชี่ยซ่าเหลยยังไม่ได้ติดต่อมาทางซื่อจี้หยินเหอเสียที บางทีอาจจะเพราะการแคสติ้งตอนนั้นไม่ผ่านการคัดเลือก

เซี่ยเชาฉวินรู้สึกเสียดายมาก แต่นี่เป็นเรื่องที่เธอคาดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงไม่ได้เสียใจเท่าที่ควร “ทางบริษัทเอาบทหนังหลายบทให้ฉัน เป็นหนังฟอร์มยักษ์ทั้งนั้น เดี๋ยวฉันเอามาให้ดู เธออ่านแล้วเลือกเอาเรื่องหนึ่งแล้วกัน”

หน้าที่การงานของเจียงเซ่อกำลังอยู่ในช่วงสำคัญ จะมีสะดุดเพียงเพราะเรื่องหนังไม่ได้ เจียงเซ่อเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะฉะนั้น ทันทีที่สิ้นเสียงของเซี่ยเชาฉวิน เธอก็พยักหน้า

“เซ่อเซ่อ” ในขณะที่เธอกำลังจะพูด โม่อานฉีที่อยู่บริเวณที่ไม่ไกลมากนักก็เรียกเธอ ในมือถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้

“ผู้กำกับหลินโทรมาน่ะ”

ในมือของเธอถือโทรศัพท์มือถือ เป็นโทรศัพท์มือถือเบอร์แรกของเจียงเซ่อ ในนั้นมีเบอร์ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในวงการหนังมากมาย ถือว่าเป็นเบอร์โทรส่วนตัวครึ่งหนึ่งเรื่องงานครึ่งหนึ่ง โดยปกติแล้ว เธอจะให้โม่อานฉีเป็นคนจัดการ

เจียงเซ่อหยุดคำพูดที่กำลังจะออกจากปาก โม่อานฉียื่นโทรศัพท์มือถือเข้ามา

“ผู้กำกับหลินซีเหวิน”