webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

501

บทที่ 501 เป็นห่วง

ในคฤหาสน์ตระกูลเฝิง เฝิงจงเหลียงเปลี่ยนเสื้อมาหลายตัวแล้ว หลังจากรู้ว่าปากนักข่าวว่า เจียงเซ่อกลับมาแล้ว เขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าไปมาอยู่หลายรอบ

เสี่ยวหลิวเห็นท่าทางตื่นเต้นของเขา ก็ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจ เขาถึงขั้นค้นชุดจงซานจวงเก่าๆ ที่เก็บสะสมเอาไว้มานานหลายปีออกมาใส่ ซึ่งทำให้เห็นความสำคัญที่เจียงเซ่อมีต่อเขาได้อย่างชัดเจน

“ชุดนี้ยังพอดีตัวอยู่”

เขาลูบเสื้อผ้าด้วยท่าทางมีความสุขและอยากเจอเจียงเซ่อจนแทบจะรอไม่ไหวแล้ว

“ตอนที่ฉันไปฮ่องกงกับภรรยาใหม่ๆ ไม่มีเงินเลยแม้แต่บาทเดียว เป็นคนงานอยู่ในร้านขายของ เธอเลี้ยงชีพโดยการตัดเย็บเสื้อผ้า”

เฝิงจงเหลียงไม่ยอมกับการเป็นคนงานรับใช้คนอื่นไปตลอดชีวิต จึงพยายามเรียนภาษาอังกฤษ พยายามสื่อสารกับคนในฮ่องกง จนเจ้านายเห็นความสามารถและสนับสนุน จากนั้นก็เอาเงินรางวัลที่ได้จากเจ้านาย มาก่อตั้งโรงแรมจงหนานขึ้น และเป็นจุดเริ่มต้นของวิสาหกิจจงหนานในปัจจุบัน

ตอนนั้นเขาได้เงินก้อนแรกมา คุณนายเฝิงตัดชุดจงซานจวงชุดนี้ให้เขากับมือ ทำให้เขาสามารถใส่ชุดนี้ไปเจรจาธุรกิจโดยไม่อายใคร

จากนั้นเพราะธุรกิจที่กว้างขวางมากขึ้นเรื่อยๆ ชุดที่สวมก็มีคนคอยจัดหาให้ ชุดเก่าๆ เหล่านี้จึงถูกเขาเอาไปเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทาง

ปกติไม่มีโอกาสใส่ แม้อายุมากแล้วแต่ก็ไม่ยอมทิ้ง ยังคงเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทาง และพากลับจากฮ่องกงจนถึงหัวเซี่ย เก็บเอาไว้มานานหลายปีเพิ่งเอาออกมาใส่วันนี้

เสี่ยวหลิวจัดรอยยับบนเสื้อให้เขา และประเมินความสำคัญของเจียงเซ่อที่มีต่อเขาอีกครั้ง ทำให้เขามั่นใจเรื่องที่จะไปขอร้องอ้อนวอนเจียงเซ่อมากขึ้นหลายเท่า

เขายังถามอีกว่า แม่บ้านที่ไปจ่ายตลาดกลับมาหรือยัง เขาเขียนเมนูอาหารหลายเมนูกับมือ ดูเหมือนว่าจะจริงจังมากกว่าวันตรุษจีนเสียอีก

หลังจากแต่งตัวเสร็จ เขาก็มองนาฬิกาหลายครั้ง หลายครั้งที่ถือโทรศัพท์ขึ้นมาอยากจะโทร แต่กลับวางลงอย่างเงียบๆ จนกระทั่งเจียงเซ่อเป็นฝ่ายโทรมา

เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ ในห้องรับแขกเปิดทีวีไว้ แต่เขาราวกับไม่ได้ฟังอยู่ แม่บ้านหวังกำลังยุ่งอยู่ในครัว เสี่ยวหลิวเห็นว่าเขาเดินไปเดินมาหลายรอบแล้ว จนเริ่มเมื่อย

“ไหนบอกว่าถึงหน้าประตูแล้ว ทำไมยังไม่เข้ามา”

เขาพึมพำและไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ สุดท้ายจึงถอดเสื้อกันหนาวออก พลันถือกรรไกรตกแต่งดอกไม้ขึ้นมา

ตอนที่เจียงเซ่อควงเผยอี้เข้ามา เสี่ยวหลิวก็เป็นคนออกไปรับด้วยตนเอง

ตอนเห็นเจียงเซ่อ เขาก็อดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้ ตอนนั้นเพราะเจียงจื้อหยวน ทำให้เขาอคติและระแวงเจียงเซ่อ ตอนนี้กลับต้องขอความช่วยเหลือจากเธอ

เธอและเผยอี้ควงแขนกัน เคยได้ยินเฝิงจงเหลียงบอกว่า เจียงเซ่อและเผยอี้มีแผนจะแต่งงานกันแล้ว

และเป็นอย่างที่เฝิงจงเหลียงพูด เจียงเซ่อจะเป็นสะใภ้ตระกูลเผย สิ่งที่เขาเคยระแวงเป็นการมองคนดีด้วยอคติเท่านั้น

ตระกูลของเผยอี้เป็นตระกูลที่สูงส่งโดยแท้ ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเฝิงจะเทียบได้ บางเรื่องเขาอาจคิดมากและมากเรื่องจนเกินไป

เขารู้สึกอับอาย จึงพูดเบาๆ ว่า

“คุณท่านอยู่ในสวนดอกไม้ครับ หลังจากรู้ว่าคุณและคุณชายอี้กลับประเทศมาแล้ว ก็ตั้งหน้าตั้งตารอ”

ตอนที่เฝิงจงเหลียงอารมณ์ไม่คงที่ เขามักจะเก็บตัวอยู่ในสวน ตัดแต่งดอกไม้ใบหญ้าด้วยตนเอง หลังจากเฝิงหนานย้ายออกไป เป็นช่วงที่เขารู้สึกแย่ที่สุด บางทีก็จะอยู่ในสวนทั้งวันหรือไม่ก็ตัดแต่งกิ่งต้นไม้และดอกไม้ ไม่ก็นั่งถือหนังสือแล้วเหม่อลอย

“คุณหนูเจียง” เสี่ยวหลิวก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างกำแน่นและแนบหน้าอกเอาไว้ พลันพูดอย่างอ้อนวอนว่า

“ก่อนหน้านี้ผมเข้าใจคุณผิดและทำเรื่องไม่ดีไป ผมเคยเตือนให้ตระกูลเฝิงระวังคุณ จนทำให้คุณท่านโกรธ ท่านจะส่งผมกลับฮ่องกง แต่ผมไม่วางใจจริงๆ”

เท้าที่กำลังจะก้าวเข้าสวนดอกไม้หยุดลง เสี่ยวหลิวพูดตรงๆ ว่า

“ผมอยากขอโทษคุณ และไม่กล้าเรียกร้องให้คุณให้อภัย แต่หวังว่าคุณจะช่วยผม อ้อนวอนคุณท่านให้ผม”

เขาที่เขาพูดประโยคนี้ เผยอี้ขมวดคิ้ว เสี่ยวหลิวไม่ได้ลงรายละเอียดว่าตนเองทำอะไรผิดบ้าง แต่เจียงเซ่อและเผยอี้ไม่ได้โง่ ทั้งสองพอจะเดาความคิดของเขาออกอยู่บ้างและคงหนีไม่พ้นความกลัวว่าเจียงเซ่อต้องการจะฮุบสมบัติของเฝิงจงเหลียง

เมื่อเสี่ยวหลิวพูดจบก็รอคำตอบจากเจียงเซ่อ เขาเคยคิดว่าเจียงเซ่อจะต้องไม่ชอบใจ และเคยคิดว่าอาจจะทำให้เผยอี้โกรธ เขาเตรียมใจกับการถูกทั้งสองต่อว่ามาแล้ว แต่สุดท้ายปฏิกิริยาของเจียงเซ่อกลับเหนือความคาดหมาย เธอเพียงตอบรับเบาๆ คำหนึ่ง

ไม่ต้องให้เขาอธิบายอะไรเพิ่มอีก และไม่ถามเหตุผลจากเขา ทั้งสองก็เข้าไปหาเฝิงจงเหลียงที่อยู่ในสวน เสี่ยวหลิวยังยืนอยู่ที่เดิม นึกถึงการกระทำที่ผ่านมาของตนเอง ครู่ใหญ่จึงถอนหายใจพร้อมรอยยิ้ม

เฝิงจงเหลียงกำลังตั้งใจตัดแต่งกิ่งไม้ของต้นดอกกุหลาบ ฤดูนี้เป็นฤดูที่ดอกกุหลาบเบ่งบานมากที่สุด กิ่งดอกจำนวนมากมียอดอ่อนออกมา ดอกอ่อนถูกมันห่อหุ้มเอาไว้ข้างใน แล้วพลิ้วไหวไปมาท่ามกลางสายลม

เหมือนที่ผ่านๆ มา ทันทีที่เจียงเซ่อมาถึงก็เก็บกิ่งไม้แห้งบนพื้นขึ้นมา เผยอี้ลากตะกร้าเข้ามาใส่กิ่งไม้เหล่านี้ ทั้งสองเงียบมาก

ตอนที่พวกเขาเข้ามา เฝิงจงเหลียงก็มองเห็นทั้งสองแล้ว ตอนเห็นเจียงเซ่อที่ยังคงเหมือนเดิม ท่าทางอันตึงเครียดของเขาจึงผ่อนคลายลงบ้าง และกระฉับกระเฉงมากขึ้นอีกหลายเท่า

เสี่ยวหลิวยกน้ำชาออกมา หลังจากเจียงเซ่อล้างมือเสร็จ เผยอี้ก็ยกย้ำชาถ้วยหนึ่งยื่นไปตรงหน้าเฝิงจงเหลียงด้วยตนเอง

“คุณปู่ ดื่มชาก่อนครับ”

น้ำชาถ้วยนี้ของเขา ไม่เหมือนการเอาใจเหมือนครั้งที่ผ่านมา ทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจ

เจียงเซ่อหน้าแดงเล็กน้อย เฝิงจงเหลียงรับน้ำชามาและมองเด็กที่ท่าทางอ่อนน้อม

เขาเองก็เห็นเผยอี้มาตั้งแต่เด็ก ความรู้สึกที่เขามีต่อเจียงเซ่อ เฝิงจงเหลียงเองก็เห็นอยู่กับตา หากเจียงเซ่ออยู่กับเขา เฝิงจงเหลียงก็วางใจได้

“เรื่องระหว่างพวกเธอ ท่านเผยรู้หรือเปล่า”

แม้ว่าจะบอกว่าวางใจ แต่ก็ไม่อาจดื่มชาถ้วยนี้ลงได้ง่ายๆ

ชายหนุ่มสูงสง่ายืนอยู่ตรงหน้า ดั่งต้นไผ่อันสง่างาม ดูดีมีชาติตระกูล ซึ่งเหมาะสมกับเจียงเซ่อมาก

“รู้แล้วครับ ผมบอกท่านหมดแล้ว”

ตอนที่เขาไปบอร์โด คุณปู่พอจะเดาออกแล้ว แต่ไม่พอใจที่งานแต่งของหลานคนโตเรียบง่ายถึงเพียงนี้ จึงคิดจะโทรไปต่อว่าเขา คิดว่าเขาคิดน้อยเกินไป

“เคยพูดก็ส่วนเคยพูด ยอมรับก็ส่วนยอมรับ มันคนละเรื่องกัน!” ตอนที่ยังไม่รู้ว่าเจียงเซ่อเป็นหลานสาว เฝิงจงเหลียงแอบเป็นห่วง ตอนนี้พอรู้ว่าเจียงเซ่อเป็นใคร จึงเป็นห่วงว่าการแต่งงานของเธอจะมีปัญหา ไม่แปลกถ้าจะถามรายละเอียดมากขึ้น

เผยอี้ตอบอย่างละเอียด

ตระกูลที่สูงส่งอย่างตระกูลเผย งานแต่งของหลานชายคนโตไม่ใช่เรื่องเล็ก จะต้องวางแผนอย่างรอบคอบ กำหนดการแต่งงาน รายชื่อแขก เสื้อผ้า เครื่องประดับ ล้วนต้องพิถีพิถัน

“ความตั้งใจของคุณย่าคือก่อนงานแต่งงานจะให้เจียงเซ่อทำงานแล้วหาเวลาไปอยู่กับท่านบ้างครับ”

เผยอี้พูดถึงตรงนี้ ก็แสดงท่าทางจนปัญญาออกมา

แต่เฝิงจงเหลียงได้ยินแบบนี้กลับโล่งอก แบบนี้ถึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

หากตระกูลเผยยอมรับเจียงเซ่อจริงๆ จะต้องสอนเธอเรื่องพิธีการในการรับแขก และต้องคุ้นเคยกับญาติและเพื่อนของเผยอี้ ในอนาคตถ้าเผยอี้ต้องเป็นผู้สืบทอดกิจการของครอบครัว พิธีการขั้นพื้นฐานหลายอย่างเธอล้วนต้องรู้จัก มารยาทหลายอย่างที่ตะกูลเฝิงไม่ได้สอน แต่คุณย่าเผยต้องสอนเธอด้วยตนเอง

ดูออกว่าเผยอี้จริงใจ ไม่ได้ต้องการแค่ความสวยและความสาวของเธอ บางทีความรักที่แท้จริง อาจจะไม่ได้ทำให้เธอกลายเป็นนกน้อยในกรงทอง แต่ควรจะปล่อยเธอออกมา ให้เป็นผู้ช่วยที่คู่ควรมากกว่า

“ถ้าอย่างนั้น เซ่อเซ่อก็ไม่ควรพูดถึงการแต่งงานเร็วขนาดนี้” เขานึกถึงข่าว ‘เจียงเซ่อแต่งงาน’ แล้วก็หัวเสียขึ้นมา จึงต่อว่าหลานสาว

จากแผนแล้ว งานแต่งงานอาจจะจัดขึ้นในอีกสองสามปีข้างหน้า พูดตอนนี้ถือว่าเร็วเกินไป

“ไม่เป็นไรครับ ผมดีใจที่เซ่อเซ่อประกาศออกไป ทุกคนล้วนรู้ว่าเธอแต่งกับผมดีที่สุด” เผยอี้ได้ยินคำต่อว่าของเฝิงจงเหลียง เขาก็รีบออกตัวปกป้องภรรยา

“คุณปู่อย่าต่อว่าเธอเลยครับ”

เฝิงจงเหลียงเห็นท่าทางตื่นเต้นของเขา พลันจ้องเขาแวบหนึ่งและพูดพร้อมรอยยิ้ม

“ไม่ได้เรื่อง!”

เขาโดนด่า แต่กลับก็ทำเป็นไม่สนใจและเผยรอยยิ้ม พลันดึงมือของเจียงเซ่อ “ผมไม่อยากได้เรื่อง แค่มีเธอก็เพียงพอแล้ว”

เฝิงจงเหลียงพูดอะไรไม่ออก เจียงเซ่อปล่อยให้เผยอี้ดึงเอาไว้และปลอบเฝิงจงเหลียง

“คุณปู่วางใจเถอะค่ะ งานแต่งเป็นเพียงแค่พิธีที่จัดให้คนอื่นดู สำหรับหนูแล้ว หนูเชื่อมั่นในตัวอาอี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะ”