webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

502

บทที่ 502 ความหมาย

หลังจากมื้อเที่ยง เจียงเซ่อก็พยุงเฝิงจงเหลียงไปเดินเล่นในสวน เผยอี้ดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก ปล่อยให้สองปู่หลานที่พลัดพรากได้ใช้เวลาร่วมกัน

“เธอรีบกลับบ้านตระกูลเผยไปกับอาอี้เถอะ อย่าให้ผู้ใหญ่ต้องรอ”

เฝิงจงเหลียงเร่งเธอตั้งแต่ตอนกินข้าว แต่เจียงเซ่อกลับไม่เร่งไม่รีบ พอเขาเริ่มบ่นก็มักจะพูดพร้อมรอยยิ้มว่า

“ไม่รีบค่ะ”

“ทำไมถึงไม่รีบ” ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เขาก็ขึ้นเสียง “คุณท่านคงจะรู้ตั้งนานแล้วว่าพวกเธอจะกลับมา ยังยื้อเวลาไม่ยอมไป ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ”

“คุณปู่ หนูอยากอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่นี่คะ” คำพูดนี้ของเจียงเซ่อสะกิดจุดที่อ่อนแอที่สุดของเฝิงจงเหลียงทันที และไม่ปั้นหน้าโกรธใส่เธออีก

“อยู่เป็นเพื่อนไปทำไมกัน แก่ๆ อย่างฉันยังไม่ตายง่ายๆ หรอก มาเจอได้ตลอดเวลา”

เขาซาบซึ้งใจมาก แต่ยังคงไม่ยอมรับ “แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”

“อนาคตมาหาได้ก็เป็นส่วนของอนาคต ตอนนี้หนูจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ อยากคุยกับคุณปู่” เจียงเซ่อก้มหน้าลง “เมื่อก่อนหนูโตมากับคุณปู่ อยู่ใกล้กันขนาดนี้ แม้มีบางอย่างในใจ แต่ก็ไม่กล้าพูด”

พักหลังห่างกันแสนไกล อยากพูดก็ไม่มีโอกาสได้พูดแล้ว

“ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่หนูเสียใจมากที่สุด หนูมีความคิดมากมายที่ยังไม่ได้บอกคุณปู่ และไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พูดหรือเปล่า” เธอคิดถึงสถานการณ์ตอนนั้น พลันหัวเราะทีหนึ่ง เฝิงจงเหลียงกัดฟัน แต่ไม่ได้พูดอะไร

ตอนหลังยังโชคดีที่เผยอี้จำเจียงเซ่อได้ เพราะความสัมพันธ์กับเผยอี้ ทำให้เธอเข้านอกออกในบ้านตระกูลเฝิงได้และกลับมาคืนดีกับเฝิงจงเหลียงอีกครั้ง แต่ทว่า เมื่อบอกหลายอย่างที่เมื่อก่อนไม่กล้าบอกกับเขาแล้วก็พบว่า เขาไม่ได้เข้าหายากอย่างที่ตนเองคิดเอาไว้

คุณปู่ของเธอภายนอกดูเคร่งขรึม แต่ในใจกลับมีความโดดเดี่ยวซ่อนอยู่ บางทีไล่คนอย่างเย็นชา แต่เพียงเพื่อต้องการให้คนอื่นใส่ใจตนเองเท่านั้น

ท่ามกลางนิสัยแปลกๆ ของเขา ความจริงแล้วมีจิตใจอันอ่อนโยนซ่อนอยู่ เห็นว่าเธอใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นก็ดุด่า ทุกครั้งที่เธอมาก็มักจะให้แม่บ้านหวังเตรียมอาหารเสริมไว้ให้เธอ

เมื่อก่อนเคยคิดว่า ความชอบของเขาคือการดูแลดอกไม้ใบหญ้า และสนใจแต่เรื่องของตนเอง แต่หลังจากเกิดใหม่ จึงพบว่า เขาก็ใส่ใจว่าตนเองชอบอ่านหนังสืออะไร ชอบดื่มชาแบบไหน ชอบชมภาพวาดแบบไหนและชอบนั่งตรงไหน

แม้ความจริงในใจจะคิดถึงเธอ แต่กลับอดทนไม่ยอมโทรหา และไม่ยอมหลับยอมนอนในตอนกลางคืนเพื่อคอยอัพเดตข่าวของเธอ

ตอนที่รู้ว่าเธอจะกลับมา เขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้ามาหลายชุดและรออยู่หน้าบ้านตั้งแต่เช้า หันมองประตูนับครั้งไม่ถ้วน คอยฟังเสียงรถที่เข้ามา

เพราะเธอ ทำให้เขาลองเปลี่ยนความอคติที่มีต่อดารา ยอมเข้าโรงหนังเป็นครั้งแรกในชีวิตตอนเที่ยงคืนเพื่อดูหนังของเธอ

“หนูรู้จากอาหลิวแล้ว”

แต่ว่า เรื่องแบบนี้เฝิงจงเหลียงไม่บอกเธอแน่ นิสัยของคุณท่านๆ นี้ยังคงเหมือนเดิม มีเรื่องอะไรมักจะเก็บไว้คนเดียว

“บอกว่าช่วงนี้คุณปู่มักนอนดึก เตือนแล้วก็ไม่ฟัง ก่อนหน้านี้สุขภาพยังดีอยู่แท้ๆ แต่เพราะนอนดึก คุณหมอจ้าวยังต้องมาเตือน” ในขณะที่เธอกำลังบ่น แม้เฝิงจงเหลียงจะรู้สึกดีแต่ปากกลับต่อว่า

“เสี่ยวหลิวนี่พูดมากไปแล้ว”

การเกิดใหม่ของเจียงเซ่อ สำหรับเธอแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่การได้กลายเป็นคนใหม่ แต่ยังทำให้เธอเห็นคุณค่าของญาติมิตรที่ไม่ได้ได้มาง่ายๆ และเข้าใจคุณปู่มากขึ้น

“อาหลิวทำผิด คุณปู่โกรธเขาได้ ต่อว่าเขาได้ แต่เขาอยู่กับคุณปู่มานาน ดูแลคุณปู่มาหลายปีมาก เหมือนเป็นญาติคนหนึ่งไปแล้ว” ในขณะที่เจียงเซ่อพูดประโยคเหล่านี้ เฝิงจงเหลียงก็รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ใบหน้าพลันเคร่งขรึมขึ้นมา “เขาไปขอร้องเธอมาใช่ไหม”

“อาหลิวเองก็เป็นห่วงคุณปู่นะคะ”

เมื่อเฝิงจงเหลียงได้ยินคำนี้ จึงเงียบไป

เป็นความจริงที่ว่า เสี่ยวหลิวเป็นห่วงเขา แต่ทุกคนล้วนมีพื้นที่ส่วนตัวของตนเอง เขามองเจียงเซ่อแวบหนึ่ง ไม่ชอบความทุกข์ที่ซ่อนอยู่ในแววตาของเธอ

ใบหน้าของเธอไม่เหมือนเฝิงหนาน แต่นิสัยกลับเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ดวงตาสว่างสดใส ก่อนหน้านี้ เหตุใดตนจึงไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นหลานสาวของตนเองนะ

เฝิงจงเหลียงใจอ่อน พลันถอนหายใจ

“ฉันจะคิดดูอีกที” เขาพูดถึงตรงนี้ เจียงเซ่อก็พยุงเขาเดินไปอีกสองก้าว

ในสวน พืชพรรณเขียวขจี ดอกกุหลาบแต่ละต้นมียอดอ่อนโผล่ออกมา ให้ความรู้สึกสดใสของต้นฤดูร้อน

อากาศที่นี่ สบายมาก ไม่ร้อนและไม่หนาว แสงแดดหลังเวลาเที่ยงอบอุ่น ทำให้อุ่นใจไปด้วย

เฝิงจงเหลียงเงียบไปครู่ใหญ่ อยู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า

“มันนานมากกว่าปู่จะจำเธอได้ เธอโกรธหรือเปล่า”

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ด้วยนิสัยของเขาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางถามอะไรแบบนี้

เขามักวางมาดและดื้อดึงมาทั้งชีวิต อย่าว่าแต่ก้มหัวให้คนที่อายุน้อยกว่าเลย แม้กระทั่งมิตรภาพกับคุณปู่เผย ก็ยังเกรงใจและระมัดระวังเรื่องการวางตัวมาก ตอนนี้ถามคำถามแบบนี้ออกมาจากปากเขา บ่งบอกว่าเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริงๆ ทั้งยังเป็นกังวล และกลัวว่าเรื่องนี้จะค้างคาใจหลานสาวจนกลายเป็นปมในอนาคต

นิสัยของเฝิงหนาน เขารู้ดี หลังจากโดนลักพาตัว เฝิงชินหลุนและภรรยาต่อว่าเธอมาหลายครั้ง สุดท้ายเธอก็ยังคงเป็นลูกสาวที่ดีและเชื่อฟังเฝิงชินหลุน แต่ก็สนิทสนมกับพ่อแม่น้อยลง

“บางทีก็เสียใจนะคะ”

เธอพยักหน้าตามความจริง “แต่คุณปู่ก็ยังเป็นคุณปู่”

คำพูดนี้ทำให้เฝิงจงเหลียงเจ็บปวดมากกว่าเดิม เจียงเซ่อกลับเปลี่ยนเรื่อง “ความจริงหนูกลัวคุณปู่ โกรธมากกว่า เรื่องที่หนูเข้าวงการ ทำอาชีพนักแสดงที่คุณปู่ไม่ชอบ หลายครั้งที่คุณปู่ขอให้หนูเลิกแสดงหนัง แต่หนูก็ไม่เชื่อฟังคุณปู่”

เฝิงจงเหลียงรู้ว่าเธอแกล้งพูดให้ตนเองรู้สึกดี แม้จะสบายใจขึ้นแล้ว แต่ก็แกล้งทำหน้าโกรธ

“ฉันว่าแล้วว่าเด็กน้อยอย่างเธอมักจะไม่รู้จักระวังตัวเอง ต้องมีฉันคอยดูแล” เขาพูดถึงตรงนี้ พลันไอสองที ท่าทางอึดอัด

“หนังเรื่อง ‘Evil’ ไม่เลวเลย แต่เธอผอมเกินไปหน่อย เป็นดาราช่างลำบากจริงๆ”

เขากำลังค่อยๆ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับหลานสาว และเข้าใจงานของเจียงเซ่อมากขึ้น ลองเดินเข้าไปในโลกของเธอ สนิทสนมกับเธอมากขึ้น

ตลอดเวลาทั้งบ่าย สองปู่หลานนั่งอยู่ในสวน พูดถึงเฝิงหนานตอนเด็ก เรื่องงานของเจียงเซ่อ และพูดถึงเผยอี้ รวมถึงพูดถึงหนังเรื่อง ‘Evil’ และ ‘The Occasion of Beiping' ดูสนิทสนมกันมากกว่าก่อนที่เจียงเซ่อจะเกิดใหม่เสียอีก

ตอนเจียงเซ่อและเผยอี้ออกจากบ้านตระกูลเฝิง คุณปู่เผยก็ถือไม้เท้าออกมา ยืนยันว่าจะมาส่งให้ได้ เสี่ยวหลิวพยุงเขาเดินไปหลายเมตร จนรถห่างออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ เจียงเซ่อยังคงมองเงาของเขาที่เล็กลงเรื่อยๆ ผ่านกระจกหลัง

คนที่ร่วมรับประทานมื้อค่ำที่บ้านตระกูลเผยไม่ได้น้อยเหมือนบ้านตระกูลเฝิง มื้อค่ำมื้อนี้ไม่ใช่เพียงแค่อาหารมื้อหนึ่ง แต่ยังมีถึงเจียงเซ่อที่เผยอี้พากลับมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอย่างเป็นทางการ

ทั้งครอบครัวตระกูลเผยปรากฏตัวทั้งหมด ครั้งนี้คุณย่าเผยดูเจียงเซ่ออย่างพินิจมากเป็นพิเศษ และถามถึงการวางแผนในอนาคตของเธอ

ในด้านการเรียน เจียงเซ่อเตรียมจะเรียนต่อในระดับปริญญาโท ผลการเรียนของเธอไม่เลว แม้จะไม่ค่อยได้ไปเรียน แต่ก็ไม่ละเลยการบ้าน หนังสือที่ควรอ่านก็อ่านตลอด ด้านการงานก็ยังไม่คิดจะวางมือ

การจะแต่งงานกับเผยอี้ นอกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองจะต้องลึกซึ้งมากแล้ว ยังมีสิ่งที่เธอต้องรับมือ

ก่อนแต่งงานเธอจะต้องเรียนสิ่งที่ควรรู้กับคุณย่าเผย ในอนาคตจะต้องร่วมงานต่างๆ ของตระกูลเผย

สำหรับเรื่องที่เจียงเซ่อยังคงทำงานต่อ คุณย่าเผยไม่ได้ห้าม การวางตัวของเจียงเซ่อไม่มีที่ติ ไม่มีข่าวเสียหายในวงการบันเทิง ศิลปินผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านล้วนชื่นชมเธอ มีความสัมพันธ์อันดีกับฉางยวี่หูและโหวซีหลิ่งที่เป็นศิลปินรุ่นใหญ่ เมื่อเทียบกับเฝิงหนานแล้ว ต่างกับราวฟ้ากับดิน

บทบาทที่แสดงในหนังก็ไม่ได้เป็นบทที่ผิดศีลธรรมอะไร ข้อมูลเหล่านี้ ก่อนที่เธอจะก้าวเข้าประตูบ้านตระกูลเผย คนในครอบครัวตระกูลเผยก็ทำการสืบมาอย่างละเอียดแล้ว

นอกเสียจากฝั่งทางครอบครัวของเธอ มีพ่อที่มีประวัติไม่ดี เจียงเซ่อก็ถือเป็นคนที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่งเลยทีเดียว