webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

500

บทที่ 500 จำได้

เซี่ยเชาฉวินดูนาฬิกาแวบหนึ่ง อีกยี่สิบนาทีเธอยังมีประชุมต้องไปร่วม เวลาว่างที่จะมานั่งดื่มชากับลัวหยิ่นมีมากที่สุดเพียงสิบห้านาทีเท่านั้น

เธอไม่คิดถ่วงเวลา ทั้งสองต่างก็ไม่ใช้คนอื่นคนไกลอะไร เพราะฉะนั้นเซี่ยเชาฉวินจึงพยักหน้า

“แต่งงานแล้วจริงๆ ค่ะ”

ตอนที่เจียงเซ่อเซ็นสัญญากับกังหัว ได้ซื้อแหวนคู่หนึ่งของกังหัว ซึ่งแหวนคู่นี้เป็นแหวนที่เธอและเผยอี้เคยไปจองที่กังหัวด้วยกัน

ก่อนกลับประเทศ เธอได้รับโทรศัพท์จากเผยอี้และลางานเพื่อไปพบกับเผยอี้ที่บอร์โดเพียงลำพังเป็นเวลาสามวัน นอกจากจะพกบัตรประจำตัวไปแล้ว ยังพกแหวนคู่นี้ไปด้วย ตั้งแต่ตอนนั้นก็คิดว่าเจียงเซ่อคงมีแผนจะแต่งงานกับเผยอี้อยู่แล้ว หลังจากนั้นเพราะกฎการเซ็นสัญญาของทั้งสองในตอนแรก เธอจึงส่งข้อความมายอมรับเรื่องนี้กับเซี่ยเชาฉวิน

คุยเรื่องซุบซิบแบบนี้กับเซี่ยเชาฉวินนั้นน่าเบื่อมาก ประเด็นที่ว่าเจียงเซ่อแต่งงานแล้วหรือยังตอนนี้กำลังเป็นประเด็นร้อนในวงการบันเทิง มีคนจำนวนไม่น้อยตามกำลังสืบ

แม้แต่พนักงานในบริษัทเองก็แอบลือกันและเดาว่าสามีของเจียงเซ่อเป็นใคร ต่างก็เสียดายที่เจียงเซ่อแต่งงานเร็วเกินไป

คนที่โทรมาถามลัวหยิ่นล้วนมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง แต่ว่า ลัวหยิ่นถามถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเผยอี้เลย

เขามองเซี่ยเชาฉวินที่ค่อยๆ จิบน้ำชา เพราะรู้นิสัยของเธอดี จึงไม่คิดจะอ้อมค้อมกับเธอและถามตรงๆ

“งานต่อจากนี้ของเจียงเซ่อ เธอวางแผนไว้หรือยัง”

เขายกถ้วยน้ำชาขึ้นและเอนตัวไปข้างหลัง พิงบนเก้าอี้แล้วถามว่า

“ฉันดูตารางงานของเธอแล้ว นอกจากถ่ายโฆษณาของ Federer ก่อนหน้านี้ หลังจากกลับประเทศก็ไปร่วมโปรโมท ‘Evil’ หลังจากช่วงโปรโมท เธอจะไปร่วมงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Federer”

งานที่สำคัญมีไม่มากนัก ลัวหยิ่นดื่มน้ำชาคำหนึ่ง

“ฉันอยากรู้ว่า เธอคิดจะทำอย่างไรต่อ”

ตอนแรกเจียงเซ่อเซ็นสัญญากับบริษัทเพียงแค่สองปี แม้ตอนนี้จะยังอีกนาน แต่เพราะข่าวการแต่งงานของเจียงเซ่อถูกเปิดเผย ลัวหยิ่นจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเธอจะออกจากวงการ จึงถาม เซี่ยเชาฉวินเพื่อหยั่งเชิง

“เธอไปแคสหนังเรื่องใหม่ของเชี่ยซ่าเหลยมา”

เซี่ยเชาฉวินแอบเตือนเป็นนัยว่า “แม้ตอนนี้ยังไม่ได้พูดอะไร แต่ดูจากการกระทำแล้ว เธอคงจะยังไม่มีความคิดที่จะออกจากวงการ”

เมื่อลัวหยิ่นได้คำตอบแบบนี้ก็พลันถอนหายใจยาว

ตอนนี้เจียงเซ่อกลายเป็นนักแสดงเบอร์ต้นๆ ของซื่อจี้หยินเหอ และมีความสามารถมากพอที่จะแข่งกับเถาเฉินแล้ว หากว่าเธอได้บทของเซี่ยซ่าเหลย แม้ว่าประสบการณ์ของเธอน้อยกว่าเถาเฉิน แต่ก็ดูถูกไม่ได้เลย

นักแสดงหญิงแบบนี้ ถ้าออกจากวงการไปตอนนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ

ลัวหยิ่นเองก็เคยคิดว่าจะสนับสนุนเธอ พอเขาคิดถึงตรงนี้ก็พลันหันมองเซี่ยเชาฉวิน

“ปีนี้เธอก็จะหมดสัญญากับทางบริษัท ถ้าเธอยอมต่อสัญญา ให้สร้างเงื่อนไขเวลาออกไปนานหน่อย” เขาวางถ้วยน้ำชาลง “บริษัทไม่กลัวการเสนอเงื่อนไข กลัวแค่คนไม่มีสิทธิ์จะเสนอเงื่อนไข”

หลังจากที่เจียงเซ่อพูดออกไปโดยไม่ได้คิดอะไรมากเพียงประโยคเดียวแล้วกลายเป็นข่าวใหญ่ เธอก็ไม่ได้ติดตามข่าวในวงการบันเทิงอีกเลย หลังจากกลับไปที่ตี้ตู คนเดียวที่เธอจะไปพบคือเฝิงจงเหลียง และพาเผยอี้กลับไปด้วย

มันไม่เหมือนกับตอนที่อยากไปบ้านตระกูลเฝิงแล้วต้องโทรไปบอกล่วงหน้า หลังจากที่รู้ว่าคุณปู่รู้ฐานะของตนเองแล้ว เธอก็ทำอะไรไม่ถูก มีความรู้สึกหวาดหวั่นที่จะได้กลับคืนสู่บ้านแบบเดียวกับเฝิงจงเหลียง

ในรถ เผยอี้กุมมือเธอเอาไว้ หลังจากข่าวการแต่งงานของเจียงเซ่อถูกเผยแพร่ออกไป คุณปู่เผยก็โทรมา ให้เขาพาเจียงเซ่อกลับบ้านคืนนี้

เข้าใกล้บ้านตระกูลเฝิงมากขึ้นเรื่อยๆ เจียงเซ่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์บ้านตระกูลเฝิงหลายครั้ง แต่กลับกดปุ่มโทรออกไม่ลงเสียที

ตอนที่คุณปู่ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอยังเถียงกับเขาและคุยเรื่องงานของตนเองให้เขาฟัง แต่ตอนนี้เฝิงจงเหลียงรู้แล้วว่าเธอเป็นใคร เมื่อพบกันอีกครั้ง จะด่าเธอว่าไม่เชื่อใจและดื้อรั้นหรือเปล่านะ

จะต่อว่าเธอหรือเปล่าที่หลายปีมานี้ ไม่พูดถึงฐานะของตนเองกับคนในครอบครัวเลย

เธอเป็นกังวลอยู่บ้างและเผยอี้ก็ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เธอตัดสินใจด้วยตัวเอง

สุดท้ายปุ่มโทรออกก็ถูกกดลงไป อีกด้านของโทรศัพท์ เสียงของเฝิงจงเหลียงดังขึ้น ซึ่งไม่ได้เป็นเสียงต่อว่าอย่างที่เจียงเซ่อคิดเอาไว้และไม่ได้โมโห เหตุการณ์ที่ตอนแรกเธอกังวลว่าเฝิงจงเหลียงจะตัดสายเธอก็ไม่เกิดขึ้น เขาเพียงถามว่า

“กลับมาแล้วหรือ”

เจียงเซ่อได้ยินแล้วตาก็แดงก่ำ แล้วตอบกลับเบาๆ

“อืม คุณปู่ หนูกลับมาแล้วค่ะ”

คำพูดนี้ของเธอมีสองควาหมายแฝงอยู่ เฝิงจงเหลียงเองก็สัมผัสได้ จึงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดว่า

“กลับมาก็ดีแล้ว” เขาพูดจบ บรรยากาศก็เงียบลงอีกครั้ง เจียงเซ่อรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง เฝิงจงเหลียงเงียบไปนาน จึงทำให้จิตใจกลับมาสงบอีกครั้ง

“ถึงไหนแล้ว”

“หน้าประตูแล้วค่ะ” เธอตอบกลับคำหนึ่ง เฝิงจงเหลียงจึงถามอีกว่า

“หน้าประตูไหน อยู่กับเผยอี้ใช่ไหม”

“มากับเผยอี้ค่ะ อยากมาเยี่ยมคุณปู่ แต่กลัวคุณปู่จะโกรธ” เธอตอบด้วยโทนเสียงต่ำ เฝิงจงเหลียงกลับขึ้นเสียง

“ยัยเด็กนี่นี่ ถึงหน้าบ้านแล้วทำไมไม่เข้ามา จะให้ฉันออกไปรับด้วยตัวเองเหรอไง”

พอเขาด่าแบบนี้ ก็ทำให้กำแพงที่กั้นระหว่างปู่หลานในตอนแรกถูกพังทลายลงในทันที

“ดื้อไม่มีใครเกิน ตอนนั้นให้อยู่ที่ตี้ตูก็ไม่ฟัง คิดแต่จะไปต่างประเทศ ถึงฝรั่งเศสก็ไม่รู้จักโทรกลับมา เมื่อประมาณชั่วโมงที่ผ่านมาฉันเพิ่งเห็นข่าวที่เธอกับอาอี้กลับตี้ตู เอาเถอะ แม่บ้านหวังเตรียมอาหารไว้แล้ว จะรอให้มืดก่อนถึงจะเข้ามาหรือยังไงกัน”

สิ่งที่เขาต่อว่า ไม่เหมือนอย่างที่เธอคิดเอาไว้เลยแม้แต่น้อย แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร กลับทำให้ความตั้งใจเดิมของเธอพังทลายไปจนหมด เธอตอบรับทั้งน้ำตา เฝิงจงเหลียงได้ยินเสียงสะอื้นของเธอก็เสียใจไม่แพ้กัน

เผยอี้สตาร์ทรถ เธอกุมโทรศัพท์และกลั้นน้ำตาไว้

“คุณปู่ หนูคิดถึงคุณปู่มากเลยนะ ความจริงแล้วตอนที่ทำงาน หนูอยากโทรหาคุณปู่มาก แต่หนูไม่กล้า กลัวว่าคุณปู่จะโกรธ”

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอไม่มีทางพูดแบบนี้แน่ นิสัยของปู่หลานคู่นี้มีบางอย่างที่เหมือนกันมาก

ความจริงเขาจะโกรธเธอได้อย่างไร ถ้าจะโกรธก็ต้องโกรธตัวเองที่จำหลานสาวของตนเองไม่ได้ในทันทีเหมือนเผยอี้

เฝิงหนานเป็นเด็กที่เขาเลี้ยงมากับมือ หากจะบอกว่าเฝิงหนานเป็นเด็กที่เขาเลี้ยงมา ควรจะบอกว่าเฝิงหนานทำให้ชีวิตวัยชราของเขามีสีสันมากกว่า มีคนในครอบครัวอีกคนคอยให้ความอบอุ่นและอยู่เคียงข้าง

แต่ว่า เมื่อเด็กคนนี้เปลี่ยนไป เขากลับไม่ตะขิดตะขวงใจ ถึงขั้นไม่เคยคอยคิดในมุมนั้น ต้องให้เธอคอยมาเตือน

นึกถึงตอนนั้นที่เธอกลับบ้านตระกูลเฝิงมาในฐานะแฟนเผยอี้ เพื่อเยี่ยมตนเองที่บาดเจ็บจากการหกล้ม ตอนนั้นตนเองยังพูดจาเย็นชากับเธอ

เธอแอบบอกใบ้ตนเองด้วยการกระทำมาหลายครั้งแล้ว แต่เสี่ยวหลิวและคนอื่นๆ ก็ไม่เอะใจ เวลาผ่านมาตั้งหลายปี เฝิงจงเหลียงไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอผ่านมันมาได้อย่างไร

เพระฉะนั้น ตั้งแต่วินาทีที่รู้ฐานะของเธอ เขาก็ดีใจ แต่ในขณะเดียวกันก็นึกกลัว

เขากลัวเธอจะโกรธ กลัวหลานสาวจะโกรธที่ตนเองจำเธอไม่ได้ ปล่อยให้เวลาผ่านมาหลายปีโดยเปล่าประโยชน์ ถึงทำให้เพิ่งมารู้เอาป่านนี้