webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

497

บทที่ 497 ตามหาเธอ

“ผม...” เสี่ยวหลิวยังอยากอธิบาย แต่เฝิงจงเหลียงกลับยกมือขึ้นโบก

“เธอคิดให้ดี ว่าจะรับใช้ใคร ฉันคิดว่าพวกเขาคงเต็มใจรับเธอเอาไว้” เขาพูดถึงตรงนี้ด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง แต่กลับไร้ซึ่งความโกรธ

ความจริงแล้วเสี่ยวหลิวรับใช้เฝิงจงเหลียงมานานหลายปีแล้ว หากไม่ใช่เพราะเขาทำอะไรโดยไม่ปรึกษา เฝิงจงเหลียงก็คงไม่คิดจะไล่เขาไป

แต่ว่า เขาเป็นกังวลหลายครั้งเกินไปและเกินหน้าที่ของตนเอง เจียงเซ่อเป็นหลานสาวของเขา และไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะได้กลับคืนมา เฝิงจงเหลียงไม่อยากให้เพราะการกระทำบางอย่างของเสี่ยวหลิว ทำให้หลานสาวที่ยังไม่กลับมายิ่งถูกผลักออกไปไกลกว่าเดิม

เขาอายุมากแล้ว คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่ปี เคยให้โอกาสเสี่ยวหลิวแล้ว แต่ว่า เขากลับไม่เคยรู้ตัว ทำให้เฝิงจงเหลียงไม่อยากให้เขาอยู่ข้างๆ อีกแล้ว

“แต่ว่าเรื่องของเซ่อเซ่อและเจียงจื้อหยวนเธออย่ายุ่งอีก”

เฝิงจงเหลียงเตือนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ฉันยังไม่ถึงขั้นแก่จนตาพร่ามัว ไม่ต้องการให้ใครมาคอยสอนว่าต้องทำยังไง”

ใบหน้าของเสี่ยวหลิวดูกระวนกระวาย จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งรู้ตัวว่า สิ่งที่ตนเองทำไปก่อนหน้านี้ ทำให้คุณท่านโกรธแล้วจริงๆ

ตอนแรกเขาอยากบอกว่าที่ทำไปเพราะหวังดีกับเฝิงจงเหลียง กลัวว่าจะเจียงเซ่อจะมาหลอกก็เท่านั้น แต่พอนึกถึงคำว่า ‘ฉันยังไม่แก่จนเลอะเลือน ไม่ต้องให้ใครมาสั่งสอนว่าควรทำยังไง’ ก่อนหน้านี้เสี่ยวหลิวไม่รู้ตัว แต่พอคิดทบทวนดูแล้ว กลับเหงื่อตก

ก็เหมือนที่เฝิงจงเหลียงพูด เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจะทำอะไรยังต้องให้ตนเองมาคอยชี้นำอีกหรือ

เขาคิดไปเองว่าตนเองหวังดี แต่สำหรับเฝิงจงเหลียงกลับเป็นการเข้าไปยุ่งวุ่นวายมากเกินเหตุ

บางเรื่องเฝิงจงเหลียงไม่อยากให้ใครรู้ แต่เขากลับเปิดเผยเรื่องของเฝิงจงเหลียงต่อหน้าคนตระกูลเฝิง ไม่มีใครชอบถูกจับตามองทุกความเคลื่อนไหวหรอก

เฝิงจงเหลียงอายุมากแล้ว และเขาก็เป็นคนคิดมากอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำแบบนี้ของเสี่ยวหลิว สำหรับเฝิงจงเหลียงแล้ว ไม่ใช่ความหวังดีแน่ แต่เป็นการกระทำเพื่อเอาใจพวกของเฝิงชินหลุน และอยากหาเจ้านายใหม่ก็เท่านั้น!

“ผม ผมผิดไปแล้วครับ...”

เขารู้ตัวและรีบยอมรับผิด

“คุณท่าน ผมรู้แล้วจริงๆ ว่าทำอะไรผิด ท่านอย่าไล่ผมไปเลยนะครับ” ดวงตาของเขาแดงก่ำ “ต่อไปสิ่งที่ท่านสั่ง ผมจะไม่บอกใครเด็ดขาด ผมไม่ได้มีความคิดอื่นเลยนะครับ เพียงแค่ เพียงแค่กลัวท่านต้องเสียใจเพราะโดนหลอก ต่อจากนี้เรื่องของคุณหนูเจียง ผมจะไม่ยุ่งและไม่ทำอะไรโดยไม่ปรึกษาอีก...”

เขาอธิบายยาวเหยียด ใบหน้าดูอ้อนวอน

“ท่านเองต้องมีคนคอยอยู่ข้างๆ หลายเรื่องที่ต้องมีคนช่วยจัดการ สุขภาพของท่านไม่ดีนัก ยาที่ต้องกินก็มีมากมาย ถ้าต้องให้คนอื่นดูแล ผมก็ไม่ไว้ใจ…”

เฝิงจงเหลียงส่ายหน้า

“เอาเถอะ ฉันคิดดีแล้ว เธอเคยเรียนวิชาป้องกันตัวมาและเป็นคนดี เรื่องเหล่านี้พวกเขารู้ รับใช้ฉันมานานหลายปี มีคนต้องการให้เธอรับใช้อีกมากมาย”

เขาพูดถึงตรงนี้ เห็นได้ชัดว่าได้ตัดสินใจแล้ว เสี่ยวหลิวทั้งผิดหวังและเสียใจ ดวงตาแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด

เฝิงจงเหลียงไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว จึงถามว่า

“เฝิงซือหย่งได้บอกหรือเปล่า ว่าจะกลับฮ่องกงเมื่อไหร่”

แม้จะไม่ค่อยชอบการกระทำก่อนหน้านี้ของหลานสาวคนนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เธอก็เป็นคนในตระกูลเฝิง เฝิงจงเหลียงเองก็ไม่อยากให้เฝิงซือหย่งและเฝิงหนานสนิทสนมกันมากนัก กลัวว่าจะเสียคน

จิตใจของเสี่ยวหลิวได้ความกระทบกระเทือนราวกับสติหลุด หลังจากได้ยินคำถามของ เฝิงจงเหลียง เขาก็แอบปาดน้ำตาทีหนึ่ง ก่อนจะแกล้งทำเป็นเข้มแข็งและตอบว่า

“คุณหนูเจ็ดไม่ได้บอกครับ แต่ว่า...”

เขายังพูดไม่ทันจบ เฝิงจงเหลียงก็เก็บความโกรธในใจไว้ไม่อยู่

“ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร!”

เฝิงซือหย่งอายุไม่น้อยแล้ว แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเลยแม้แต่เรื่องเดียว ยังเรียนอยู่ แต่ก็ไม่เห็นว่าการเรียนของเธอจะประสบความสำเร็จแต่อย่างไร

สองสามีภรรยาของตระกูลเฝิงก็เอาแต่คิดว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับตระกูลที่สามารถช่วยแบ่งหุ้นส่วนมาได้ ดังนั้นจึงยืดเยื้อมาจนเฝิงซือหย่งอายุขนาดนี้ เธออายุมากกว่าเฝิงหนานเพียงสองปี ปีนี้ก็ยี่สิบหกแล้ว

เสี่ยวหลิวลังเลครู่หนึ่งและนึกถึงบางเรื่อง คิดว่าถ้าพูดออกมา อาจจะทำให้คุณท่านเปลี่ยนประเด็นและไม่ไล่ตนเอง

“ผมได้ยินคุณหนูซือหย่งบอกว่า เธอคิดว่าคุณหนูเฝิงหนานแปลกๆ ไป ราวกับจำเรื่องที่ถูกลักพาตัวในตอนนี้ไม่ได้เลย...”

เขาพูดถึงตรงนี้ เฝิงจงเหลียงทนไม่ไหว จึงหัวเราะอย่างเย็นเยียบออกมา

“เธอจำได้ก็แปลกสิ...” เขาพูดเพียงเท่านี้และไม่พูดอะไรอีก ถ้าเป็นปกติ เสี่ยวหลิวจะต้องสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ แต่ตอนนี้เขากลับตกอยู่ท่ามกลางความกลัวที่เฝิงจงเหลียงจะไล่เขาไป เลยไม่ได้สนใจว่าคำพูดของเฝิงจงเหลียงหมายความว่าอย่างไร

เฝิงจงเหลียงรู้ตั้งนานแล้วว่า ‘เฝิงหนาน’ คนนี้ไม่ใช่เฝิงหนานคนเดิม เธอไม่รู้เรื่องลักพาตัวในตอนนั้นก็ไม่แปลก แต่ว่า เมื่อได้ยินชื่อนี้ ก็ทำให้เฝิงจงเหลียงยิ่งคิดถึงเจียงเซ่อ

หลานสาวแท้ๆ ของเขายังอยู่ฝรั่งเศส ไม่รู้ว่าจะกลับตี้ตูเมื่อไหร่

พูดถึงตรงนี้ เขาพลันรู้สึกเสียใจ

“คุณท่าน ผมผิดไปแล้ว ต่อไปผมรับรองว่า...” เสี่ยวหลิวยังคงอ้อนวอน เฝิงจงเหลียงคิ้วขมวด กำลังจะโมโห แต่โทรศัพท์มือถือกลับมีเสียงแจ้งเตือน ‘ติ๊งๆ’ ดังขึ้นเสียก่อน

ดึกๆ ดื่นๆ ใครส่งข้อความมากัน

เขาพยุงตนเองขึ้นมา เสี่ยวหลิวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างนอบน้อม เห็นว่าด้านบนเขียนว่า ‘เซ่อเซ่อ’ เขาก็ตาเป็นประกาย และยื่นไปอยู่ตรงหน้าเฝิงจงเหลียง

ก่อนหน้านี้คุณท่านยังทำสีหน้าไม่พอใจ แต่พอเห็นข้อความของเจียงเซ่อ ก็เผยรอยยิ้มราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน และยังพูดออกมาอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ว่า

“ยัยเด็กคนนี้ ออกไปนานเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดก็ส่งข้อความมาหาฉันสักที”

เขาเปิดข้อความ ในข้อความเป็นรูปที่เจียงเซ่อส่งมา ในรูปเป็นมือคู่หนึ่งที่จับกุมกันโดยมีแหวนเพชรอันสะดุดตาสองวงสวมอยู่บนนิ้วนาง

มือข้างนั้น เฝิงจงเหลียงมองเพียงแวบเดียวก็รู้เลยว่าเป็นเจียงเซ่อ หลายปีมานี้ เธอเคยปอกแอบเปิ้ลให้เขากิน เคยพรวนดินเป็นเพื่อน เคยพยุงแขนของเขา ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนเขา ทำให้เขาจำได้อย่างแม่นยำ

คนที่จับมือกับเขา ไม่ต้องเดา เฝิงจงเหลียงก็รู้เลยว่าคือเผยอี้

เมื่อวานซืนตอนไปเยี่ยมตระกูลเผย ได้ยินคุณท่านตระกูลเผยต่อว่าหลานชายในบ้าน ว่าเขาไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ แต่ไม่คิดว่าหลังจากเสร็จสิ้นแล้วกลับไม่ยอมกลับบ้านและจะแอบหนีไป แม้จะโทรตามแล้ว แต่ก็ไม่ยอมกลับประเทศมาดีๆ

ในรูปนี้ เขาจับมือของเจียงเซ่อเอาไว้แน่น ทุกนิ้วมือล้วนแนบชิดกับเธอ ราวกับกลัวเธอหนีไป

อยู่ๆ เจียงเซ่อก็ส่งรูปแบบนี้มา เฝิงจงเหลียงเดาออกทันทีว่าเธอต้องการจะสื่ออะไร เห็นแหวนคู่ที่สวมอยู่บนนิ้วของทั้งสอง ซึ่งเป็นการยืนยันว่าเธอตามหาคนที่เธอต้องการจนเจอแล้วใช่หรือไม่

เขาจับโทรศัพท์มือถือแน่น ในใจมีพันล้านความรู้สึกปะปนกัน ตอนแรกเผยอี้ตามจีบเฝิงหนานอย่างยากลำบากแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ทั้งหมดก็ล้วนอยู่ในสายตาของเฝิงจงเหลียง

เมื่อก่อนเคยคิดว่าเฝิงหนานซื่อเกินไปและอายุของทั้งสองก็ห่างกันมาก สุดท้ายผลลัพธ์เป็นอย่างไร ความจริงเฝิงจงเหลียงเองก็ไม่รู้

ใครจะรู้ว่าหลังจากก้าวข้ามผ่านอุปสรรคด้วยกันมา ท้ายที่สุดเด็กสองคนนี้ก็ได้อยู่ด้วยกัน

เธอได้พบคนที่อยากแต่งงานด้วยแล้ว แต่ยังไม่ลืมบอกตนเอง เขาคิดถึงตอนที่ยังไม่รู้ว่าเจียงเซ่อเป็นใคร และถามเธอเรื่องแต่งงาน ว่าคนที่บ้านรู้เรื่องการแต่งงานในครั้งนี้หรือไม่

ตอนนั้นเธอพูดว่ายังไงนะ

เขาพยายามหวนคิดถึงท่าทางของเจียงเซ่อในตอนนั้น เธอพูดว่า “ความจริงมีคุณปู่ค่ะ แต่เขาอาจจะจำหนูไม่ได้แล้ว”

คิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเฝิงจงเหลียงก็เปียกชุ่ม มือจับโทรศัพท์ พึมพำออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมตนเองได้

“ปู่จำหลานได้แล้ว...”