webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

493

บทที่ 493 โบสถ์

“นายมาอยู่ที่บอร์โดได้ยังไงน่ะ”

เจียงเซ่อไม่อยากจะเชื่อ จึงเผลอถามคำถามไปหลายคำติดกัน เผยอี้อดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบหน้าผากสวยของเธอ เพราะคำพูดนี้ของเธอ กลับทำให้หัวใจของเขาอ่อนระทวย

แม้เจียงเซ่อไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ที่บอร์โดจริงๆ หรือเปล่า แต่เธอก็ยังกล้ามาเพียงเพราะคำพูดของเขา

ในสถานีรถไฟ มีคนยกโทรศัพท์ขึ้น อาจจะเพราะจำเจียงเซ่อได้ เพราะเธอได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ จากหนังเรื่อง ‘Evil’ ในฝรั่งเศสถือจึงว่ามีชื่อเสียงไม่แพ้ดารายุโรป เขาไม่อยากให้คนอื่นเห็นภาพสวีทระหว่างพวกเขาทั้งสอง เผยอี้จึงกอดเธอเอาไว้และเอามือบังหน้าเธอ

“ออกจากที่นี่ แล้วค่อยว่ากัน”

รถที่เผยอี้ขับมาเป็นรถออฟโรดที่มีพื้นที่กว้างขวาง หลังจากทั้งสองขึ้นรถ เจียงเซ่อคิดถึงเขาเมื่อหลายปีก่อน

ตอนนั้นเธอเพิ่งเกิดใหม่ได้ไม่นาน ตอนเห็นข่าวเผยอี้ในทีวี เขาและกลุ่มของเนี่ยต้านขับรถสปอร์ตซิ่งไปบนถนนหลวง ทำให้ทางตำรวจฝรั่งเศสต้องออกมาเคลื่อนไหว

หลายปีมานี้ ผู้ชายคนนี้ค่อยๆ เติบโตขึ้น และเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ

เธอคิดถึงตรงนี้ ก็พลันหันไปมองกระเป๋าเป้ที่ถูกเผยอี้โยนไปวางอยู่บนเบาะหลัง ข้างในมีสิ่งที่เธอจะเซอร์ไพรส์เขาอยู่

“ช่วงที่ผ่านมานายหายไปไหนมา ทำไมถึงมาอยู่ที่ฝรั่งเศสได้ล่ะ”

เธอถามโดยไม่ได้คิดอะไร เผยอี้ก็หยิบบัตรประจำตัวใบหนึ่งที่อยู่ในรถยื่นให้เธอ เธอยื่นมืออกไปรับและเปิดดู เจ้าของบัตรประจำตัวก็คือเขา แต่ชื่อและข้อมูลล้วนถูกเปลี่ยนจนหมด

“มีภารกิจน่ะครับ แต่หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้วก็รีบบินมาเลย”

เขาจบประเด็นเรื่องนี้ไปอย่างง่ายดาย “ผมรู้ว่าพี่อยู่ที่ฝรั่งเศส เลยรีบมาเจอพี่เลยนะ”

หลังจากเรื่องที่ลอนดอนเสร็จสิ้นลงแล้ว เขาก็อยู่ต่อเพื่อทำภารกิจในช่วงท้ายไม่นานนัก

ไม่ว่ายังไง เฉินหมิ่นซูก็เคยตกเป็นเชลยของพวก ‘อีกา’ เธอไม่เคยต้องลำบาก และไม่เคยรับการฝึกเฉพาะทาง มีความเป็นไปได้ที่หากพวกแก๊งค์ค้ายาจะใช้การทรมานกับเธอและเธออาจจะพูดหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ควรพูดไปจนหมดสิ้นแล้ว

เชื่อว่า สำหรับการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ สิ่งที่เป็นความลับจริงๆ เธอคงไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก เพราะเธอรู้ไม่มาก แต่สำหรับฐานะที่แท้จริงของเขา เขาไม่กล้ารับประกันว่าเธอจะไม่พูด

เผยอี้ไม่ได้เป็นห่วงตนเอง เพียงแค่กลัวว่าจะทำให้เจียงเซ่อต้องเดือดร้อนไปด้วย เพราะฉะนั้น หลังจากที่หลบซ่อนตัวในลอนดอนช่วงหนึ่ง และจับพวก ‘อีกา’ ที่หนีรอดไปได้จนเกือบหมดแล้วจึงรีบมารอเธอที่บอร์โด

ที่นี่ไม่เพียงแค่มีความหมายกับเจียงเซ่อ แต่ยังมีความหมายกับเขาด้วย เขาเคยฝันว่าจะขอเจียงเซ่อแต่งงานในปราสาทที่เขาสร้างเองกับมือ

เมื่อครั้งนั้นที่ทั้งสองมาที่นี่ เขาไม่ได้เรื่องเลย แม้กระทั่งวิธีที่ทำให้ได้เธอมาครอบครองก็ยังเป็นการตื๊อทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ไม่มีความกล้ามากพอที่จะขอแต่งงาน แม้ในใจจะจินตนาการภาพที่เธอใส่ชุดเจ้าสาวและยืนข้างเขามาเป็นพันครั้ง แต่ท้ายที่สุดกลับหยุดคำพูดที่กำลังจะออกจากปากเอาไว้ ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาเข้าใจว่าหน้าที่สำคัญกว่าความรักอันบริสุทธิ์อยู่มาก

แต่ว่า เพราะพลาดโอกาสในครั้งนั้น เผยอี้เคยเสียใจมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั่งเขาจบจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศมาเข้าโรงเรียนเตรียมทหารก่อน ความฝันที่จะคุกเข้าขอเธอแต่งงานในตอนนี้ยังคงอยู่ในใจของเขาและมันก็มั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ

“เซ่อเซ่อ” เขากำลังคิดว่าควรจะเริ่มอย่างไร ทริปบอร์โดในครั้งนี้ เขาเตรียมจะขอเจียงเซ่อแต่งงาน

เขายอมรับว่า ตนเองในตอนนี้โตขึ้นมาก เรียบจบแล้วและได้มีผลงานทางการทหารเพราะภารกิจครั้งนี้ บิดาเคยเกริ่นกับเขาว่ามีตำแหน่งนายกเทศมนตรีที่ซีจิ่วโจวว่างอยู่ ถึงตอนนั้นเขาจะต้องไปปฏิบัติภารกิจที่นั่น เพื่อทำผลงานและสั่งสมประสบการณ์

วางแผนหน้าที่การงานเรียบร้อยแล้ว เขาก็สามารถรับผิดชอบและมีความกล้ามากพอที่จะขอเจียงเซ่อแต่งงานแล้ว

คุณปู่เคยชมเขาว่า เขาเติบโตไวมาก ความคิดได้เปลี่ยนไปจากตอนนั้นแล้ว เขารู้แล้วว่าความรับผิดชอบคืออะไร และเคยได้รับคำชมว่ามีความกล้าหาญจากการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้

เมื่อพบกับคนร้ายที่อำมหิตอย่าง ‘อีกา’ เขามุ่งมั่นที่จะสู้ไม่ถอย พยายามทีละขั้น จนกวาดล้างกลุ่มอีกาไปได้

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ เขาก็สามารถรับความกดดันทั้งหมดที่ตระกูลเผยต้องพบเจอ ใช้ฐานะที่คุณปู่เตรียมให้เขาเดินทางมาพบเจียงเซ่อที่บอร์โด

ไม่ว่าก่อนหน้านี้เผยอี้จะเตรียมใจมาดีแค่ไหน แต่พอเห็นสายตาอันน่าเย้ายวนของเจียงเซ่อ ความพร้อมทั้งหมดที่เตรียมมาก็ยังคงไม่เพียงพออยู่ดี

ไม่ว่าในสายตาคนอื่นเขาจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าในด้านการเรียน การงานเขาจะนิ่งเฉยแค่ไหน แต่ตอนนี้ทุกอย่างล้วนหายไปจนหมดสิ้น

เขาโมโหตนเองที่ลืมตัวเพราะถูกดวงตาดวงงามคู่นั้นจับจ้องอยู่ คำพูดมาหยุดอยู่ตรงลำคอแล้ว แต่กลับตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก

บางทีสิ่งที่เป็นที่มีค่ามาก กลับยิ่งเป็นการสร้างความลำบากใจให้ตนเอง แม้กระทั่งจะขอแต่งงาน ยังกลัวว่าจะกะทันหันเกินไป จนทำให้เธอตกใจ

เผยอี้ทวนคิดถึงตอนที่แอบรักเธอแต่กลับไม่กล้าบอก ความรู้สึกนั้นเหมือนตอนนี้ สำหรับเขา เธอคือสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ เพราะฉะนั้นความรู้สึกของเขาขึ้นอยู่กับความรู้สึกของเธอ

“เรา ไปเดินเล่นกันก่อนไหมครับ ยังไม่ต้องรีบกลับ”

เขาประคองใบหน้าของเจียงเซ่อเอาไว้และขอความคิดเห็นจากเธอ

“ดีไหม”

“ได้สิ” เจียงเซ่อพยักหน้า “ฉันอยากไปอาสนวิหารบอร์โด ครั้งก่อนไม่ได้ไป เสียดายมาก”

หลังจากเรียนจบ ตารางงานของเธอคงจะยุ่งกว่าตอนนี้ ความจริงแล้ว การที่เผยอี้ได้ออกจากประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย ในอนาคตการที่เธอจะหาเวลาว่างแบบนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้จากเธอ เผยอี้ก็รีบขับรถออกไป หลังจากที่ค้นหาตำแหน่งที่ตั้งเสร็จแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังอาสนวิหารบอร์โดทันที

โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในบอร์โด ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ตอนที่เผยอี้ขับรถเข้าไปจอดไว้ในโรงจอดรถ เจียงเซ่อมองกระเป๋าที่วางอยู่ในรถแวบหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปหยิบ เผยอี้รีบพูดว่า

“ผมช่วย”

“ฉันจะสะพายเอง” เธอปฏิเสธความช่วยเหลือจากเผยอี้ สัมภาระไม่ได้เยอะมากนัก อยู่ที่นี่ เจียงเซ่อมีทุกอย่างแล้ว ถึงขั้นที่ว่าในปราสาทที่อยู่ที่บอร์โดแห่งนี้ ก็ยังมีเสื้อผ้าของเธออยู่ สิ่งที่ต้องเอามามีเพียงเอกสารประจำตัวและของใช้ที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งไม่หนักเลยสักนิด

เผยอี้จึงปล่อยให้เธอสะพายกระเป๋า ทันทีที่ทั้งสองออกจากโรงจอดรถก็เป็นโบสถ์อันกว้างใหญ่บนสนาม

ในสถานที่โบสถ์นี้หันหน้าเข้าหา มีร้านค้ามากมาย ที่ขายสินค้านานาชนิด รวมทั้งที่ผู้คนเดินไปมาอย่างไม่ขาดสาย

ท่ามกลางท้องฟ้าและเมฆสีขาวอีกด้าน คือโบสถ์อันกว้างใหญ่ พระอาทิตย์อันสว่างแจ่มแจ้งราวกับเป็นไข่มุกเม็ดหนึ่งที่ประทับอยู่บนยอดปราสาท โบสถ์อันขาวสว่างอาบอยู่ท่ามกลางแสงแดด ฉากนี้งดงามดั่งภาพวาด

เจียงเซ่อดึงสายสะพายกระเป๋าและยืนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลากเผยอี้เข้าไป

นอกโบสถ์และในโบสถ์ราวกับเป็นคนละโลก ความวุ่นวายทั้งหมดราวกับถูกกีดกันไว้นอกโบสถ์ ข้างในเงียบสงบอย่างเป็นที่สุด เพียงเสียงฝีเท้าเบาๆ ของทั้งสองยังสามารถได้ยินอย่างชัดเจน

เจียงเซ่อทำได้เพียงแค่เดินเบาขึ้นเรื่อยๆ คล้องแขนเผยอี้เอาไว้ โลกอันวุ่นวายและการงานที่หนักหน่วงถูกกันเอาไว้ภายนอก ทั้งสองราวกับได้ครอบครองความสงบชั่วขณะ พลันมองตากันแวบหนึ่ง จนอดยิ้มให้กันไม่ได้

ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงที่บอร์โดมีนักท่องเที่ยวเยอะที่สุด ที่บอร์โดในตอนนี้แทบจะไม่มีคนเลย เก้าอี้ยาวที่วางเรียงกันอยู่ในบริเวณที่ไกลออกไป แถวหน้าสุดมีผู้ศรัทธาในศาสนาคริสต์กำลังอธิษฐานอย่างเบาๆ

เผยอี้มองเท้าอี้แวบหนึ่งแล้วถามว่า

“เซ่อเซ่อ เหนื่อยไหมครับ อยากนั่งพักก่อนรึเปล่า”

เขายังจำเรื่องที่เมื่อหลายวันก่อนเจียงเซ่อบอกว่าทำงานเหนื่อยมาก ใส่รองเท้าส้นสูงจนเจ็บเท้าอย่างรุนแรงได้

เจียงเซ่อจับสายกระเป๋าแน่น พลันพยักหน้า

ทั้งสองไม่ได้ไปรบกวนผู้ศรัทธาที่อยู่แถวหน้าสุด เจียงเซ่อเลือกที่นั่งในแถวสุดท้ายแล้วนั่งลง เผยอี้นั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าเธอ และยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นมาวางบนน่องของตนเอง แล้วยื่นมือออกไปนวดให้เธอเป็นจังหวะ

เธอจ้องผู้ชายที่หน้าตาคุ้นเคยคนนี้ ท่าทางที่เขาบีบนวดให้เธอนั้นดูตั้งใจมาก สายตามองเห็นได้ไม่ชัดนัก

“อาอี้ นายคุกเข่าลงเถอะ”

อยู่ๆ เธอก็เผยรอยยิ้ม และใช้ปลายเท้าเหยียบเท้าของเขา แล้วพูดขึ้นอย่างกะทันหัน

เขาไม่ได้ถามอะไรต่อ ขาข้างหนึ่งคุกเข่าลงพื้นอย่างว่าง่ายในทันที ขาอีกข้างที่อยู่ใต้ขาของเธอยังคงอยู่ที่เดิม เขาเงยหน้าขึ้น ท่าทางที่ดูอ่อนโยนไม่ได้ทำให้ความสง่าในตัวเขาลดน้อยลงเลย