webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

492

บทที่ 492 ตั้งใจ

พอเจียงเซ่อโทรไป เผยอี้รีบรับสายทันที ราวกับกำลังรอสายจากเจียงเซ่อ

“เซ่อเซ่อ”

น้ำเสียงของเขาแฝงความคิดถึงและดีใจ “ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่นอน”

เพียงประโยคเดียว เจียงเซ่อก็รู้เลยว่าเขารู้แล้วว่าตนเองอยู่ที่ไหน เธอตอบกลับเบาๆ คำหนึ่ง โม่อานฉีทายาฆ่าเชื้อบนเท้าของเธอไปพลาง พลางใช้สายตาถามเธอว่าเจ็บหรือไม่

“เพิ่งทำงานเสร็จน่ะ” เธอคุยโทรศัพท์ พลางถอนหายใจ เธอสวมรองเท้าส้นสูงมาทั้งวัน และเพราะเป็นรองเท้าใหม่ จึงเป็นตุ่มน้ำพองมาตั้งนานแล้ว แต่ว่าเธออดทนต่อความเจ็บปวดมาโดยตลอด จนสุดท้ายขาทั้งคู่แทบจะด้านชาไปแล้ว ที่ผ่านมาได้เพราะจิตใจที่เข้มแข็ง

หลังจากกลับถึงโรงแรมและถอดรองเท้าออก ความเจ็บปวดก็เพิ่มเป็นทวีคูณ บวกกับเพราะโม่อานฉีที่กำลังฆ่าเชื้อแผลอยู่ แม้ว่าเธอจะพยายามเบามือสักเท่าไหร่แต่เจียงเซ่อก็ยังคงเจ็บจนกำโทรศัพท์มือถือแน่นอยู่ดี

“ทำงานดึกขนาดนี้เลยหรือ”

น้ำเสียงของเผยอี้เคร่งเคร่งขรึมขึ้น ทั้งดูเหลือทนและเจ็บปวด

เขาสามารถให้ความช่วยเหลือเจียงเซ่อได้ในหลายๆ เรื่อง แต่งานที่เจียงเซ่อเลือก จะต้องพึ่งตนเองเท่านั้น

“ถ้าเหนื่อยเกินไป ก็ไม่ต้องทำแล้วนะ” น้ำเสียงของเขาอ่อนลง “ผมจะเลี้ยงพี่เอง”

ตอนแรกเธออยากตอบว่าไม่เหนื่อย แต่ว่า ตอนนี้สองคำนี้พูดอย่างไรก็พูดไม่ออก หลังจากได้ยินเสียงออดอ้อนจากเผยอี้ อยู่ๆ เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เธอรวบรวมมาก็สลายหายไปในทันที

ตอนแคสติ้งกับเชี่ยซ่าเหลยทำออกมาได้ดีมาก แต่ตอนถ่ายโฆษณากับ Federer ต้องทั้งอดทนและอดกลั้นเป็นอย่างมาก ในขณะที่โม่อานฉีทำแผลตรงขาให้เธอ เธอก็ยังพยายามอดทนกับความเจ็บปวด แต่ตอนนี้ ตอนที่คุยกับเผยอี้ เธอกลับไม่อยากแสดงความเข้มแข็งออกมาอีกต่อไปแล้ว

ตั้งแต่เล็กจนโต ทุกสภาพของเธอเผยอี้ก็เคยเห็นมาหมดแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่เธอจะแสร้งทำเป็นเข้มแข็งตอบเขาว่าตนเองไม่เป็นอะไรในเวลาแบบนี้

“ความจริงแล้ว ฉันเหนื่อยมากเลย”

เธอล้มตัวลงบนเก้าอี้ แล้วเอียงศีรษะ ไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะพูด

“เมื่อเช้า ก่อนถ่ายทำ Federer บอกว่าจะต้องใส่กระโปรงที่ทำจากไหม เลยไม่ได้ทานแม้กระทั่งมื้อเช้า เพราะถ้าทานหน้าท้องอาจจะนูนขึ้นมา”

ตอนถ่ายทำ น้ำก็ดื่มไม่ได้ เพราะจะทำให้ต้องเข้าห้องน้ำ แล้วการถ่ายทำจะขาดตอน

“ระหว่างการถ่ายทำ คนของบริษัท Federer คิดว่าไม่ถูกต้อง เลยทำให้ต้องถ่ายมาจนถึงป่านนี้ เพิ่งจะเลิก” ระหว่างที่เธอพูด น้ำตาก็คลอขึ้นมา “แล้วยังต้องใส่รองเท้าส้นสูงทั้งวัน เพิ่งจะได้กลับโรงแรมนี่แหละ”

ท่าทางแบบนี้ของเธอ ทำให้โม่อานฉีตกใจ ปกติเธอไม่เคยทำให้ต้องเป็นห่วง น้อยครั้งมากที่โม่อานฉีจะเห็นมุมนี้ของเธอ ทั้งรู้สึกว่าเธอน่าสงสารและรู้สึกว่าเจียงเซ่อที่กำลังออดอ้อนได้น่ารักมาก ซึ่งแตกต่างจากปกติที่มีท่าทางเย็นชา

เซี่ยเชาฉวินที่กำลังจัดเอกสาร พอได้ยินคำพูดแบบนี้ของเจียงเซ่อก็อึ้งไป มือทั้งสองข้างของเธอกุมโทรศัพท์เอาไว้ นั่งงอตัวอยู่บนโซฟาเดี่ยว เส้นผมปิดบังใบหน้าเอาไว้ มองจากมุมเซี่ยเชาฉวิน เห็นเพียงขนตาที่หนาเป็นแพของเธอกำลังกะพริบอยู่

“ตอนกลับมาถึงอยากจะทิ้งรองเท้าซะ แล้วยังต้องคอยกังวลว่านายอยู่ที่ไหน”

เธอบ่นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็สูดจมูก

“ตั้งแต่กลับจากโรงเรียนเมื่อครั้งก่อนนายก็ไม่ติดต่อกลับมาหาฉันอีกเลย ลืมไปแล้วใช่ไหมว่ายังมีแฟนคนนี้อยู่น่ะ”

“ไม่แน่นอน!” ทันทีที่เขาได้ยินคำพูดนี้จากเจียงเซ่อ ก็รีบตอบอย่างแน่วแน่ว่า

“ถึงแม้ผมจะลืมว่าตัวเองเป็นใคร แต่ก็ไม่มีวันลืมพี่แน่”

ก่อนหน้านี้ เขามีภารกิจรัดตัวอยู่ ฐานะก็ปลอมแปลงขึ้นมา เบอร์โทรศัพท์เป็นเพียงแค่เบอร์ชั่วคราว และ ‘อีกา’ ก็ยังจับจ้องอยู่ตลอดเวลา ตอนนั้นแม้จะคิดถึงเธอจนแทบคลั่งก็ไม่กล้าโทรหาเธอ เพราะถ้าโทรหาเธอก็จะยิ่งเป็นการทำร้ายเธอ

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาก็รีบโทรหาเจียงเซ่อทันที

เซี่ยเชาฉวินเก็บของๆ ตนเองเสร็จแล้วก็ลุกขึ้น ใช้คลีนซิ่งล้างเครื่องสำอางให้กับเจียงเซ่อ ก่อนจะล้างหน้าและวางแผนมาสก์หน้าให้เธอ โม่อานฉีทำแผลให้เจียงเซ่อเสร็จ ก็เตรียมออกจากที่นี่ ให้พื้นที่ส่วนตัวกับเจียงเซ่อ ให้เธอได้คุยกับเผยอี้อย่างสบายใจ

คนในห้องออกไปหมดแล้ว เจียงเซ่อไม่อยากแม้กระทั่งลุกไปล้างหน้า วันพรุ่งนี้ก็ยังมีงานต้องไปถ่าย

หลังจากเสร็จจากการถ่ายโฆษณาของบริษัท Federer แล้ว เวลาว่างของเธอก็เหลือไม่มาก จะต้องรีบกลับไปร่วมโปรโมทหลัง ‘Evil’ ในช่วงไตรมาสสุดท้าย อยู่ๆ เจียงเซ่อก็รู้สึกว่าตนเองไม่ได้เจอหรือพูดคุยกับเผยอี้มานานแล้ว ทั้งสองล้วนยุ่งอยู่กับงานของตนเอง

เมื่อก่อนเธอจะเข้าใจทุกอย่างอย่างใจเย็น แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเพราะอยู่ต่างบ้านต่างเมือง และดึกมากแล้ว รวมทั้งเธอเพิ่งจะเหน็ดเหนื่อยจากงานที่หนักหน่วงหรือเปล่า อยู่ๆ เธอเลยอยากเจอเผยอี้ขึ้นมา

“ที่จริงฉันอยากเจอนายมากเลย”

เธอเน้นย้ำคำพูดนี้อีกครั้ง

“อยากเจอนายให้เร็วที่สุด”

งานของทาง Federer ยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะ งานเปิดตัวก็จะจัดที่หัวเซี่ย ตี้ตู เจียงเซ่อคิดถึงเรื่องนี้ ก็รู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมาอีกครั้ง

“ถึงตอนนั้น นายรอฉันอยู่ที่ตี้ตูนะ ฉันมีของบางอย่างจะให้นายด้วย”

เธอนึกถึงแหวนเพชรจากกังหัว จึงนึกอยากเซอร์ไพรส์เขาขึ้นมา

“ไม่ต้องรอถึงตี้ตูหรอก เซ่อเซ่อ พี่จะได้เจอผมไวกว่านั้น”

เผยอี้พูดพร้อมรอยยิ้ม

“พี่ลองเดาดูสิว่าตอนนี้ผมห่างกับพี่เท่าไหร่”

เจียงเซ่อดีใจเพราะคำพูดนี้ของเขา แต่ในวินาทีต่อมา เมื่อนึกถึงฐานะของเขา ความตื่นเต้นดีใจก็ราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็น

เขารู้ว่าเธออยู่ในฝรั่งเศสและการที่เขาพูดแบบนี้ในตอนนี้ แสดงว่าเขาน่าจะอยู่ไม่ไกลจากตนเอง

แต่ว่า ถึงแม้ว่าเขาจะเรียนยังไม่จบ แต่ก็เข้ากรมไปแล้ว การจะออกจากประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย เธอเงียบ เผยอี้จึงบอกความจริงอย่างไม่คิดจะให้เธอเดาอีก

“เซ่อเซ่อ ผมรอพี่อยู่ที่เมืองบอร์โด”

คำพูดนี้ของเขา คลายความทุกข์ทั้งหมดในใจของเจียงเซ่อไปจนหมดสิ้น

เธอไม่ถามเผยอี้ว่าออกจากประเทศมาได้อย่างไร เธอแค่เคลียร์งานทุกอย่างที่ปารีสจนเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็วและขอลางานกับเซี่ยเชาฉวินสามวัน ทั้งยังซื้อตั๋วรถจากปารีสไปบอร์โดเอาไว้แล้ว ถือสัมภาระที่มีของใช้จำเป็นแล้วมุ่งหน้าไปยังบอร์โด

ความหมายของบอร์โดสำหรับเธอ ไม่ใช่เพียงปราสาทที่เผยอี้สร้างขึ้นเพื่อเธอ ไม่ใช่สวนที่เต็มไปด้วยต้นองุ่น และสถานที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวขจีหรือความปรารถนาเมื่อครั้งยังเด็กของเธอเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ๆ ใครคนหนึ่งกำลังรอคอยเธออยู่

ตอนเด็ก เพราะการเรียนที่หนักหน่วง เธอเคยใฝ่ฝันที่จะมีชีวิตอันสุขสบาย ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ไม่สนใจเรื่องรายได้และหน้าตาทางสังคม ยามว่างในตอนบ่ายสามารถชงชาแก้วหนึ่ง นั่งฟังเพลงและอ่านหนังสืออยู่ข้างหน้าต่าง ทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ

นั่นเป็นความฝันที่เกิดขึ้นในตอนเด็กของเธอและเคยพูดออกมาโดยไม่ได้คิดอะไร สุดท้ายตนเองกลับลืมจนหมดสิ้น แต่กลับมีใครคนหนึ่งที่จริงจังกับคำพูดของเธอ ถึงตอนนี้เธอจะลืมไปแล้วว่าความฝันของตนเองเป็นอย่างไร แต่เขากลับค่อยๆ ทำให้ความฝันนั้นกลายเป็นจริงและตั้งใจจนเห็นแล้วรู้สึกปวดใจ

เผยอี้รอรับเธอที่สถานีรถไฟ วินาทีที่เธอถือกระเป๋าเดินออกมาจากรถก็เห็นเขาที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนได้ในทันที เขาเผยรอยยิ้มสดใสราวกับเอาแสงอาทิตย์มารวมกันไว้ในดวงตาคู่นั้น

ท่ามกลางชาวยุโรปส่วนสูงของเขาโดดเด่นมาก เจียงเซ่อพุ่งเข้าสู่อ้อมอกและกระโดดกอดคอเขา ฟังเสียงหัวใจที่เต้น ‘ตึกตัก’ ของเขา

ร่างกายของเขายังมีกลิ่นอายจากแสงอาทิตย์ มือข้างหนึ่งถือสัมภาระของเธอ อีกข้างโอบเอวเจียงเซ่อเอาไว้ โอบอุ้มจนปลายเท้าของของเธอแทบจะลอยเหนือพื้นขึ้นมา