webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

478

บทที่ 478 โอกาส

วันนี้เฝิงจงเหลียงอยากโทรหาเจียงเซ่อและอยากได้ยินเสียงของหลานสาวเป็นอย่างมาก

ในตอนนี้ เจียงจื้อหยวนที่อยู่ในโรงหนัง หลังจากที่เดินเลี่ยงลิฟต์ไปก็เปลี่ยนมาขึ้นบันไดแทน

ที่นี่แทบจะไม่มีคนเลย บรรยากาศเงียบสงบ ทุกฝีก้าวของเขา ล้วนดังก้องอยู่ในช่องแคบๆ เขาชินกับความเงียบแบบนี้ไปแล้ว แต่คืนนี้เขากลับรู้สึกกระวนกระวาย

เขาหยิบตั๋วหนังที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกออกมาลูบอีกครั้ง ก่อนจะเก็บกลับไปไว้ที่เดิม

เจียงจื้อหยวนเองก็คิดไม่ถึงว่าจะมาพบกับ ‘เพื่อนเก่า’ อย่างเฝิงจงเหลียงที่นี่ เขาไม่โกรธ ‘การดูแล’ จากเฝิงจงเหลียงหลังจากที่เขาติดคุก มันเป็นเพียงแค่เหตุผลที่ว่าอำนาจล้วนอยู่ในมือของผู้ชนะ เป็นการสมน้ำหน้าตนเองที่ต้องรับกรรมก็เท่านั้น

หากว่าเขาอยู่คนเดียว เขาไม่มีอะไรต้องกลัว

แต่ว่า เขายังมีลูกสาวอีกคน เขาทนไม่ได้ที่เจียงเซ่อจะต้องมาเดือดร้อนเพราะตนเอง

ตั้งแต่ออกจากคุก เขาก็อยู่อย่างสงบเสงี่ยม ตอนที่รู้ว่ามีคนกำลังตามสืบและเดาว่าน่าจะเป็นฝีมือของตระกูลเฝิง เขาก็พยายามให้ทุกการเคลื่อนไหวของตนเองอยู่ในสายตาของคนที่ตระกูลเฝิงส่งมา ชีวิตไร้ซึ่งรสชาติ ปล่อยให้มันผ่านไปวันๆ เพื่อแลกกับความไว้ใจของตระกูลเฝิง ไม่ให้ดึงลูกสาวตนเองเข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่การที่เฝิงจงเหลียงปรากฏตัวในวันนี้ มันหมายความว่าอย่างไรกัน

เขากำลังครุ่นคิด พลันยกเท้าก้าวขึ้นบันไดไปอีกสองขั้น

เจียงจื้อหยวนใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆ แต่เพราะรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของเขา จึงดึงดูดสายตาจากผู้คนจำนวนมากในโรงหนัง

เขาเลือกมุมที่ไม่มีคนและยืนพิงเสาโดยไม่พูดอะไร รอเวลาเข้าโรงอย่างเงียบๆ ตั๋วหนังของโรงหนังนี้ไม่ถูกเลย เขายอมจ่ายแพงซื้อตั๋วของโรงหนังนี้ก็เพราะเขาได้ยินมาว่า รายได้จากตั๋วหนังที่เขาซื้อจะรวมอยู่ในค่าตัวของเจียงเซ่อ

หญิงสาวที่อยู่รอบๆ แอบจ้องและวิจารณ์เขา แต่เขากลับทำเหมือนไม่เห็น ท่าทางนิ่งเฉย จ้องหน้าจอแสดงเวลาในโรงหนังอย่างใจจดใจจ่อ

หลังจากที่โรงหนังเปิด เขาก็เดินตามผู้คนเข้าไป

เขาเคยดูข่าวของเจียงเซ่อในคอมพิวเตอร์และเคยดูหนังเก่าๆ ที่เจียงเซ่อแสดงในอินเทอร์เน็ต แต่ไม่มีเรื่องไหนทำให้เขาประทับใจได้มากเท่า ‘Evil’

ในเรื่อง ‘จูจู’ เป็นเหมือนลมหายใจของจางยวี่ฉินที่รับบทโดยเจียงเซ่อ ถ้าเช่นนั้น เจียงเซ่อก็มีความหมายกับเขามากกว่าที่ ‘จูจู’ มีความหมายกับ ‘จางยวี่ฉิน’ เสียอีก

ในโรงหนัง ในขณะที่ทุกคนรอบข้างกำลังซาบซึ้งใจเพราะตัวละครในเรื่อง เขามองฉากที่หลิวเย่ ซึ่งรับบทเป็น ‘Evil’ เผชิญหน้ากับจางยวี่ฉินด้วยรอยยิ้ม มันทำให้เขาถึงกับนึกถึงเรื่องในอดีต สำหรับเจียงจื้อหยวนแล้ว มันเป็นเรื่องที่วิเศษมาก

เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องตอนนั้นมาหลายปีแล้ว การลักพาตัวเฝิงหนานเพื่อเรียกค่าไถ่

ตอนนั้นสำหรับเฝิงหนานแล้ว เขาคือ ‘Evil’ แต่เขาในตอนนี้กลับเป็นเหมือน ‘จางยวี่ฉิน’ ในตอนแรก

ในพิธีปิดเทศกาลหนังฝรั่งเศส เจียงเซ่อหนีจากการตามตื๊อของนักข่าว คนที่กลับไปถึงเทศกาลหนังรีบเตรียมห้องพักและหาเสื้อผ้าให้เธอเปลี่ยน เพื่อร่วมงานเลี้ยงการกุศลในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

โม่อานฉียังคงรู้สึกแย่ นึกถึงคำถามเสียดสีของนักข่าวก่อนหน้านี้ก็พลันรู้สึกโกรธ

“อะไรคือหลิวเย่ได้รับรางวัล แต่เธอไม่ได้ หรือฝีมือการแสดงยังไม่ดีพอ...” เธอมองช่างแต่งหน้าที่รอแต่งหน้าและเปลี่ยนต่างหู แล้วพึมพำอย่างอดไม่ได้ “เรื่องนี้ควรไปถามคณะกรรมการตัดสินหนังไม่ใช่เหรอ มาสร้างความลำบากใจให้เธอทำไมกัน”

เจียงเซ่อไม่พูดอะไร เธอรู้อยู่แก่ใจว่า การที่หลิวเย่ได้รับรางวัลเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว! ตอนที่เขาแสดงเรื่อง ‘ปฎิบัติการผู้พิทักษ์’ ของจางจิ้งอาน เคยได้รับคำชื่นชมจากต่างชาติ ซึ่งเป็นการสร้างพื้นฐานให้กับการรับรางวัลในครั้งนี้

เมื่อเทียบกันแล้ว ผลงานโดดเด่นที่ผ่านมาของตนเองมีไม่มากนัก ไม่ว่าอย่างไร ในด้านประสบการณ์ก็ยังคงอ่อนกว่าหลิวเย่อยู่มาก

เธอฟังโม่อานฉีพึมพำเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับตนเองไม่หยุด เซี่ยเชาฉวินถือไอแพดมาแจ้งตารางงานหลังจากนี้ของเธอ

หลังจากเทศกาลหนังจบลง เธอต้องไปงานเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ของ ‘Evil’ ในต่างประเทศพร้อมกับจ้าวร่างและคนอื่นๆ ในขณะเดียวกัน หลังจากนี้อีกหนึ่งสัปดาห์ก็ต้องไปร่วมถ่ายโฆษณาของ Federer ด้วย

“ตอนนี้ ‘Evil’ ได้เข้าฉายในประเทศแล้ว” เซี่ยเชาฉวินมองนาฬิกาแวบหนึ่ง “หลังจากนี้มีสื่อจากหลายสำนักนัดสัมภาษณ์ ฉันรับปากแทนเธอไปแล้วสามสำนัก รายการ ‘คนดังนั่งคุย’ ได้ติดต่อกับฉันเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าอยากเชิญเธอ หลิวเย่และจ้าวร่างไปออกรายการที่เซิ่งจิ้งจือเป็นผู้จัด”

ตอนนั้นเจียงเซ่ออยากจะออกรายการนี้ ยังต้องพึ่งจ้าวร่าง ทั้งยังต้องคิดหาวิธีแย่งซีนและบทพูดด้วยตนเองเพื่อทำให้ตนเองเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ในตอนนี้ทางรายการกลับติดต่อมาด้วยตัวเอง กว่าจะถึงจุดนี้ได้ เจียงเซ่อใช้เวลาทั้งหมดสี่ปี

งานเลี้ยงการกุศลที่จัดขึ้นหลังเทศกาลหนังฝรั่งเศสอลังการไม่แพ้พิธีประกาศรางวัลมาโดยตลอด ผู้กำกับ ผู้จัดฝีมือดีและผู้ประพันธ์จากทั่วทุกมุมโลกล้วนสามารถมาเจอได้ที่นี่ คืนนี้เจียงเซ่อก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับความนิยม

หนังเรื่อง ‘Evil’ ที่เธอแสดงเป็นที่โปรดปรานของเทศกาลหนังฝรั่งเศสในปีนี้ ได้รับสองรางวัลใหญ่ติดกัน และเป็นที่จับตาของคนจำนวนไม่น้อย หลังจากที่เจียงเซ่อมาถึง ก็ได้รับนามบัตรจำนวนไม่น้อยจากผู้จัดและผู้กำกับ ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าพวกเขาอยากร่วมงานกับเธอ

ในสถานการณ์แบบนี้เซี่ยเชาฉวินก็ราวกับปลาได้น้ำ พยายามหาโอกาสให้เจียงเซ่ออย่างสุดความสามารถ

หัวเราะจนเหนื่อยแล้ว เจียงเซ่อก็หามุมๆ หนึ่งนั่งลง ในมือถือน้ำอัดลมแก้วหนึ่ง

นอกจากทำการกุศลแล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ ผู้คนส่วนมักจะใช้เป็นโอกาสในการหาคู่ร่วมงานเสียมากกว่า

เจียงเซ่อเพิ่งจะนั่งลงก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา แล้วเสียงของเชี่ยซ่าเหลยก็ดังขึ้น

“ไฮ เจียง”

เขาสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มที่สั่งตัดมาโดยเฉพาะ ผมเป็นลอนถูกมัดเอาไว้ข้างหลัง เผยให้เห็นหน้าผากที่อิ่มนูน ในมือถือแก้วไวน์ ตอนที่เจียงเซ่อเงยหน้าขึ้นมา เขายกแก้วขึ้นทักทาย แล้วเจียงเซ่อก็เผยรอยยิ้ม

“ไฮ เชี่ยซ่าเหลย คุณก็มาปลอบใจฉันหรือคะ”

นักข่าวจำนวนมากของหัวเซี่ยที่เห็นเจียงเซ่อในคืนนี้ล้วนแสดงท่าทางเห็นใจ ราวกับรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมากที่เธอไม่ได้รับรางวัลจากเทศกาลหนังฝรั่งเศสเหมือนหลิวเย่

เชี่ยซ่ายเหลยได้ยินคำพูดนี้ของเจียงเซ่อก็พูดพร้อมรอยยิ้ม

“ฉันคิดว่าเธอคงไม่ต้องการการปลอบใจหรอก”

เธอไม่ต้องการคำพูดปลอบใจจริงๆ แต่รู้สึกแปลกใจที่เชี่ยซ่าเหลยมาหาเธอด้วยตนเอง

เขาวางแก้วไวน์ไว้ข้างๆ แล้วนั่งลง

“แต่ว่า ฉันยังคงรู้สึกว่าฝีมือการแสดงของเธอดีกว่าเคลลี่ ฮอร์ตัน นะ ที่เธอไม่ได้รางวัล อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยเรียนรู้ที่จะชื่นชมก็เท่านั้น”

คำพูดดูเข้าข้างเธอเป็นอย่างมาก ทำให้เจียงเซ่อยิ้มออก “ขอบคุณนะคะ เชี่ยซ่าเหลย” เธอหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างแฝงความนัย

“แต่ว่า อาจจะเป็นไปได้ว่าฉันยังขาดโอกาสที่ดีกว่า”

เชี่ยซ่าเหลยยักคิ้ว “เธอไม่ต้องการการปลอบใจจริงๆ ด้วย”

คำพูดที่ทะเยอทะยานของเจียงเซ่อ ไม่ได้ทำให้เชี่ยซ่าเหลยไม่พอใจ ที่เขามาร่วมงานเลี้ยงการกุศลในคืนนี้ ก็เตรียมมาคุยเรื่องที่จะร่วมงานกับเจียงเซ่ออยู่แล้ว

“ฉันว่าเธอพูดถูก ฉันเห็นการแสดงของเธอใน ‘Evil’ คิดว่าเธอลองแสดงบทของเชอรีนดูได้”

เจียงเซ่อตะลึง แม้ว่าตอนที่เธอเห็นเชี่ยซ่าเหลย เธอก็รู้สึกได้แล้วว่า เชี่ยซ่าเหลยจะให้โอกาสตนเองในการแคสติ้งเรื่อง ‘นักโทษ’ แต่ตอนที่ได้ยินเรื่องนี้จากปากเขาจริงๆ เธอก็ไม่สามารถกดเก็บความดีใจเอาไว้ได้

“คุณยอมให้โอกาสฉันเหรอคะ”

“ใช่” เชี่ยซ่าเหลยพยักหน้า

“ตอนแรกคิดว่าหลังจากเสร็จงานเลี้ยงแล้ว ค่อยหาเวลาคุยกับเธอ แต่ฉันคิดว่าไม่จำเป็นต้องเลื่อนเวลาแล้ว ถ้าเธอสนใจเรื่อง ‘นักโทษ’ เดี๋ยวฉันจะส่งเวลาและสถานที่แคสติ้งไปให้เธอ”