webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

465

บทที่ 465 ทะเยอทะยาน

เฉินเจียวมองจุดนี้ไม่ออก แต่เถาเฉินกลับรู้ดี

เธออยู่ในวงการมานานปี เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีแม้กระทั่งวิสัยทัศน์แบบนี้ หากตอนนั้นเธอขวางเจียงเซ่อเอาไว้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้เชี่ยซ่าเหลยไม่พอใจและตีตัวออกห่าง

“อีกอย่างหนึ่ง แม้จะถอยออกมาก่อน แต่ก็สามารถทำให้เชี่ยซ่าเหลยรู้สึกดีกับฉันได้ มันก็แค่ช่วงเวลาเพียงแค่หนังเรื่องหนึ่งจบเท่านั้น เธออย่าลืมว่า ฉันกับเชี่ยซ่าเหลยนัดทานอาหารเที่ยงด้วยกัน”

การถอยออกมาในเวลาที่เหมาะสม ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเสียโอกาสไปจริงๆ แต่การกระทำของเจียงเซ่อทำให้เถาเฉินสงสัยว่าเธอคงไม่ได้จะมาแย่งที่นั่งของตนไปและแสดงให้สำนักข่าวต่างๆ เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเชี่ยซ่าเหลยเฉยๆ แน่

เถาเฉินคิดถึงวิธีที่เธอแย่งบท ‘The Lost City’ มาได้ มีความเป็นไปได้สูงมากที่ความสัมพันธ์อันดีที่กว่าจะสร้างขึ้นมาได้ระหว่างเธอและเชี่ยซ่าเหลยจะต้องขาดสะบั้นลงเพราะการกระทำของเจียงเซ่อในวันนี้

หลังจากที่อธิบายเหตุผลทั้งสองข้อนี้จบแล้ว เฉินเจียวดูออกว่าเถาเฉินเริ่มไม่พอใจแล้ว แน่นอนว่าไม่กล้าพูดต่อไปอีก และไม่กล้าเสนอให้โทรไปฟ้องลัวหยิ่นอีก และในที่สุดก็เงียบลงเสียที

“หญิงสาวผู้กล้าหาญ เธอไม่กลัวว่าตอนที่เธอเข้ามาทักทายฉัน ถ้าฉันเกิดไม่สนใจเธอ แล้วนักข่าวจะเขียนข่าวไม่ดีออกไปหรือ”

หนังเริ่มฉายแล้ว ในโรงหนังที่สามารถจุคนได้เป็นพันคน กำลังฉายหนังของผู้กำกับสัญชาติแคนาดาท่านหนึ่ง สายตาของเชี่ยซ่าเหลยจ้องอยู่บนหน้าจอ แต่กลับหันมาคุยกับเจียงเซ่อเบาๆ

“ไม่กลัวหรอกค่ะ” เจียงเซ่อส่ายหน้าและพูดพร้อมรอยยิ้ม “คุณยังมีหนังสือเรื่อง ‘นักโทษ’ อยู่ที่ฉัน ถ้าฉันเป็นโจรเรียกค่าไถ่ หนังสือเล่มนี้คงเป็นตัวประกันของฉัน”

การเปรียบเปรยที่แฝงความขบขันของเจียงเซ่อ ทำให้เชี่ยซ่าเหลยหัวเราะออกมาและถูกเสียงจากหนังกลบไป เขาพยักหน้าหลายที

“ ‘นักโทษ’ เป็นของสะสมชิ้นสำคัญของฉันจริงๆ เธอจับจุดอ่อนของฉันเอาไว้ มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะปฏิเสธการทักทายจากเธอ แต่ฉันก็ยังคงสงสัยเหตุผลที่เธอเลือกที่จะเข้ามาหาฉันวันนี้”

ตอนที่เขาถามคำถามนี้จบ เจียงเซ่อหันกลับไปมองเขา ผู้กำกับมือทองท่านนี้กอดอกเอาไว้ จุดสนใจราวกับจะถูกดึงดูดโดยหนังบนจอ แต่เจียงเซ่อรู้ว่า เขาน่าจะเบี่ยงเบนความสนใจมาที่เธอครึ่งหนึ่ง และกำลังรอคำตอบจากเธอจริงๆ

“เพราะฉันเชื่อว่าข่าวที่เราพบกันที่ตี้ตูเมื่อปีที่แล้วที่ถูกนักข่าวเปิดเผยออกไป จะต้องกระทบต่อมิตรภาพของเราแน่” เรื่องในตอนนั้น ถูกเจียงเซ่อพูดถึงอย่างไม่อ้อมค้อม เธอไม่ได้ข้ามเรื่องนั้นไป แต่กลับเลือกที่จะอธิบายเรื่องนี้กับเชี่ยซ่าเหลยตอนนี้

“ฉันรู้ว่าหลังจากเรื่องนั้นคุณคงรู้สึกแย่กับฉันมาก” เพราะฉะนั้นเธอจึงเลือกที่จะใช้โอกาสนี้ ในการพบกับเชี่ยซ่าเหลย

ที่เจียงเซ่อทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะความวู่วาม และไม่ได้ต้องการให้เถาเฉินเห็นว่าตัวเองเหนือกว่า แต่เพราะเธอต้องการใช้การกระทำแบบนี้ ในการอธิบายเรื่องในตอนนั้นที่ทั้งสองพบกันแต่กลับถูกเปิดเผยออกไป

หากเธอต้องการใช้เรื่องนี้ในการสร้างกระแสจริง เธอสามารถใช้วิธีที่เปิดเผยมากกว่านี้ได้ เช่น วันนี้ เธอสามารถเลือกที่จะเดินเข้าไปทักทายกับเชี่ยซ่าเหลยท่ามกลางสายตาของนักข่าวและผู้คนในวงการหนังได้ หรือไม่ก็อาจจะใช้วิธีสกปรกเหมือนในปีนั้นก็ยังได้

เชี่ยซ่าเหลยเป็นคนฉลาด บางอย่างเจียงเซ่อไม่ต้องอธิบายมากนัก เมื่อรู้ว่าควรจะพอแล้ว เธอก็ไม่พูดถึงอีก

“แต่คุณดูสิคะ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น” เจียงเซ่อพูดถึงตรงนี้ เชี่ยซ่าเหลยพยักหน้าเล็กน้อย

“ใช่”

เขาเป็นคนฉลาดและเก่งในเรื่องการควบคุมสถานการณ์ เจียงเซ่อจึงเปลี่ยนประเด็นอย่างรวดเร็ว

“ความจริงแล้ว ที่ฉันมาวันนี้ ก็หวังว่าจะสามารถเชิญคุณให้ลองดูหนังที่ฉันแสดงและชี้แนะฉันหน่อยน่ะค่ะ คุณก็รู้ว่า การจะได้รับคำชี้แนะจากคุณ เป็นโอกาสที่มีค่ามาก”

เมื่อเขาฟังถึงตรงนี้ ก็พลันหันกลับมาถามพร้อมรอยยิ้ม

“ฉันเองก็คิดเอาไว้อย่างนั้น ช่วงนี้หนังเรื่อง ‘Evil’ ถูกชื่นชมเป็นอย่างมาก บทสัมภาษณ์เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ใน ‘ว่าด้วยเรื่องของหนัง’ ฉันก็เคยอ่านแล้ว คำวิจารณ์เกี่ยวกับ ‘Evil’ ในนิตยสารเล่มนี้เป็นไปในทางที่ดีมาก ฉันพูดตรงๆ ว่า มันทำให้ฉันสนใจมากเลย”

เขายิ้มพร้อมหันหน้าเข้าหา

“อีกอย่างเราเป็นเพื่อนกัน เจียง ฉันชื่นชมนิสัยของเธอมาก เธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งกล้าหาญและฉลาด ฉันควรจะขอโทษเธอเพราะแผนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในตอนนั้น”

วันนั้น หลังจากที่ทางหัวเซี่ยเปิดเผยข่าวที่เขาและเจียงเซ่อนัดทานอาหารด้วยกันออกไป เชี่ยซ่าเหลย ก็กลับประเทศทันที หลังจากนั้นเพราะเขายุ่งอยู่กับการถ่ายทำหนังใหม่ จึงไม่ได้ติดต่อกับเจียงเซ่ออีก แต่ก็เหมือนที่เจียงเซ่อบอก หนังสือเรื่อง ‘นักโทษ’ ของเขาอยู่ในมือเจียงเซ่อ

เขามีความประทับใจต่อเพื่อนที่มีความชอบบางอย่างคล้ายกับเขาอย่างเจียงเซ่อ หลังจากเรื่องในวันนั้นก็เคยสืบประวัติของเธอดู

ตอนนั้นเธอก็เป็นนักแสดงหญิงคนหนึ่งที่โด่งดังของหัวเซี่ย ในตอนที่กำลังเป็นที่นิยม เธอกลับไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้ในตอนแรกเพราะการจากไปโดยไม่ร่ำลาของตน

แม้ว่าเขาจะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเจียงเซ่ออย่างกะทันหัน โดยยกบทชาวต่างชาติใน ‘The Lost City’ ให้กับเถาเฉินแทน แต่เจียงเซ่อกลับทำตามคำสัญญาที่เธอให้ไว้ แม้รู้ว่าหมดหวังที่จะแย่งชิงบทนี้แล้ว แต่เธอกลับไม่โทษใคร และไม่ได้ไปอธิบายอะไรกับตัวเขาเลย กลับทำตามสิ่งที่เคยพูดกับเขา ไปร่วมในคณะฝึกงานโบราณคดีของมหาวิทยาลัย

หาได้ยากที่จะพบกับคนที่มีอุปนิสัยแบบนี้ และนี่ก็คือเหตุผลแท้จริงที่เชี่ยซ่าเหลยเกิดความประทับใจต่อเจียงเซ่อมากยิ่งขึ้น

เธอไม่ได้ทำเรื่องนี้แบบส่งๆ การฝึกงานกับคณะโบราณคดีตอนนั้น เธอได้รับการรับรองจากอาจารย์ด้วยคะแนนที่สูงมาก เป็นคนที่โดดเด่นทั้งอุปนิสัยและความประพฤติเลยจริงๆ

แม้เวลาจะล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้นาทีนี้ แต่หลังจากที่พบกันอีกครั้งเธอก็ยังพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของตนออกมาโดยไม่ติดใจเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันดูน่าเชื่อถือยิ่งกว่าการร้องห่มร้องไห้เพื่ออธิบายเสียอีก

นี่เป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากคนหนึ่งเลยทีเดียว รู้จักการเอาชนะใจคนและยังซื่อสัตย์ เธอไม่เหมือนคนสมัยนี้ คิดอย่างไรก็แสดงออกมาแบบนั้น ซึ่งควรค่าแก่การเคารพ

เพราะฉะนั้น ตอนที่เชี่ยซ่าเหลยคุยกับเธอ ถึงได้ตั้งใจพูดถึงมิตรภาพของทั้งสอง ดูให้ความสำคัญมากกว่าเพื่อนร่วมงาน

ในโรงหนัง เมื่อเจียงเซ่อได้ยินคำพูดที่มาจากใจจริงของเชี่ยซ่าเหลย ก็เม้มปากหลายทีและแอบโล่งอก

“ถ้าฉันบอกว่า ฉันรู้สึกยินดีที่คุณเปลี่ยนแผนอย่างกะทันหันล่ะคะ”

หลังจากที่เจียงเซ่อพุดประโยคนี้ออกมา เชี่ยซ่าเหลยก็หันมาพร้อมความแปลกใจ เบี่ยงเบนความสนใจจากหนังมาอยู่ที่เจียงเซ่อ เจียงเซ่อเองก็หันไปสบตาเขา

“ความจริง การพลาดโอกาสร่วมงานกับหนังเรื่อง ‘The Lost City’ แม้จะน่าเสียใจมาก แต่ถ้าฉันบอกว่า สิ่งที่ฉันสนใจมากว่าคือ ‘นักโทษ’ ที่คุณอยากจะให้ขึ้นฉายนอกหน้าจอล่ะคะ” พอเธอจุดประเด็นเรื่องนี้ คิ้วของเชี่ยซ่าเหลยก็ค่อยๆ ขมวดลง

ตอนนั้น เขาประทับใจในตัวเจียงเซ่อ เพราะหนังสือเรื่อง ‘นักโทษ’ จึงอยากให้บทตัวละครในเรื่อง ‘The Lost City’ ตามสิทธิที่จำกัดของตนเอง แต่ความประทับใจนี้ มันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เจียงเซ่อได้แสดงเรื่อง ‘นักโทษ’ ที่มีความสำคัญต่อเขามาก

แต่เป็นเพราะมีเถาเฉินเข้ามาแทรก แม้เจียงเซ่อจะเสียโอกาสในการร่วมงานกับหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ไป แต่กลับได้รับความรู้สึกดีๆ จากเชี่ยซ่าเหลยมากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ เมื่อเจียงเซ่อพูดต่อหน้าเขาว่าสนใจเรื่อง ‘นักโทษ’ เขาก็เกิดลังเลขึ้นมา ไม่พูดอะไร