462

บทที่ 462 อธิบาย
 หลังจากที่นิตยสาร ‘ว่าด้วยเรื่องของหนัง’ ถูกโปรโมทจากข่งชิงฉี จึงทำให้กระตุ้นการซื้อจากคนจีนที่อยู่ในอเมริกาจำนวนมาก

ในสมัยนี้ที่อินเทอร์เน็ตกำลังจะเข้ามาแทนที่พวกหนังสือ หนังสือพิมพ์รวมทั้งพวกนิตยสาร ยอดขายนิตยสาร ‘ว่าด้วยเรื่องของหนัง’ เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลภายในวันเดียว ดึงดูดความสนใจจากสายอาชีพนี้เป็นอย่างมาก

แม้กระทั่งความฮือฮาจากยอดขายของ ‘ว่าด้วยเรื่องของหนัง’ ที่กระจายออกไปทั่ว หลังจากนั้นหนึ่งวัน พอรู้ว่ากลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ซื้อนิตยสาร ‘ว่าด้วยเรื่องของหนัง’ เป็นคนจีนที่อยู่ในอเมริกา เพราะมีเนื้อหาหน้าหนึ่งที่เกี่ยวกับหนังเรื่อง ‘Evil’ ของหัวเซี่ยที่เข้าชิงในเทศกาลหนังฝรั่งเศสของปีนี้ ทำให้สื่ออเมริกาทึ่งเป็นอย่างมาก

เพราะยอดขายที่มากขึ้นของนิตยสาร ‘ว่าด้วยเรื่องของหนัง’ จึงทำให้หนังเรื่อง ‘Evil’ เข้าสู่สายตาของผู้ชมในต่างประเทศ

เรื่องนี้ทำให้ต่างชาติเห็นถึงอำนาจการซื้ออันยิ่งใหญ่ของชาวจีน ในขณะที่ทึ่งกับอำนาจการซื้อของคนกลุ่มนี้ คนส่วนใหญ่ก็เห็นถึงเหตุผลที่ทุกคนซื้อนิตยสาร

เช่นเดียวกับในประเทศ ซึ่งในอเมริกาหนังเรื่อง ‘Evil’ ก็ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังพูดถึงผู้กำกับชาวจีนอย่างจ้าวร่างว่าเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่ฝีมือดีไม่แพ้ Spacey เลย

สื่อจำนวนมากก็ใช้หัวข้อแบบนี้ในการดึงดูดความสนใจจากผู้คน ‘Evil’ จึงถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ

ในเทศกาลหนังฝรั่งเศส จ้าวร่างไม่พลาดโอกาสนี้ ‘Evil’ จะเข้าฉายทั่วโลก เขาทุ่มเททั้งกายและใจให้กับหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเขาเองก็หวังว่า ‘Evil’ มันจะโด่งดังมากถึงมากที่สุด

ตอนที่เขาเข้าร่วมเทศกาลหนังฝรั่งเศส และได้ร่วมงานกับสื่อใหญ่ๆ มากมาย จึงยิ่งเป็นการโฆษณา ‘Evil’ ได้มากกว่าเดิม

เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ชมในวันแรกแล้ว ในตอนนี้โรงหนังที่ฉาย ‘Evil’ เต็มทุกรอบ ถึงขั้นต้องจองกันล่วงหน้า

ตอนนี้เจียงเซ่อและหลิวเย่อยู่ในช่วงที่กำลังเป็นที่นิยม ภาพของทั้งสองในหนัง ถูกเปิดเผยสู่สายตาของทุกคนก่อนเวลา ผ่านนิตยสาร ‘ว่าด้วยเรื่องของหนัง’

เพื่อให้ใกล้เคียงกับตัวละคร นักแสดงนำทั้งสอง คนหนึ่งผ่านการลดน้ำหนัก อีกคนผ่านการเพิ่มน้ำหนัก ทำให้ภาพในหนังออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่าสิ่งที่ถูกเปิดเผยจะเป็นเพียงแค่ภาพๆ หนึ่งในหนัง แต่จากภาพๆ นี้ สามารถแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในการแสดงของเจียงเซ่อ ที่ไม่ได้ใช้เพียงแค่ความสวยในการแสดง

จากการแนะนำของนิตยสารทำให้รู้จักหนังเรื่อง ‘Evil’ มากขึ้น แถมยังมีบทวิจารณ์ของซูเพ่ยเอิน รวมทั้งการยกย่องจากสื่อต่างชาติ ทำให้ความสนใจเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ของผู้ชมในประเทศมากขึ้นอย่างจนเป็นประวัติการณ์

ในเทศกาลหนังฝรั่งเศส หลายวันมานี้ หนังที่เข้าร่วมในเทศกาลหนังจำนวนไม่น้อยต่างตกรอบ ในตอนแรกเฝิงหนานที่มาเข้าร่วมเทศกาลหนังฝรั่งเศสในครั้งนี้พร้อมกับหนังเรื่อง ‘Revenge’ หล่อนเต็มไปด้วยความมั่นใจ

‘Revenge’ เป็นหนังต้นทุนต่ำ แต่เพราะพื้นฐานครอบครัวของเฝิงหนาน เพราะฐานะของหล่อนรวมทั้งหล่อนเองก็ผันตัวจากอาชีพนักแสดงมาเป็นผู้กำกับ แล้วยังสามารถสมัครเข้าร่วมเทศกาลหนังฝรั่งเศสได้ ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้คนจำนวนไม่น้อยในประเทศเห็นว่าหนังเรื่องนี้เหมาะสม

แม้กระทั่งเฝิงหนานเองก็ตั้งความหวังกับหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก กลยุทธ์ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนแสดงให้เห็นว่ายอดขายของ ‘Revenge’ อาจจะมากกว่าที่เฝิงหนานคาดการณ์เอาไว้

หล่อนทำออกมาได้ดีกว่า ‘Revenge’ ของผู้กำกับคนเก่าอย่างหลี่ลี่อยู่มาก ในการลงทุนด้านการถ่ายทำ หล่อนก็ใช้วิธีการที่ดีกว่า การเข้าถึงบทก็มากกว่า ‘Revenge’ เวอร์ชั่นเก่า

อีกประการหนึ่ง การแสดงของตนเอง ก็น่าจะดีกว่านางเอกในเวอร์ชั่นเก่า หล่อนมีประสบการณ์การมีลูกมาแล้ว เข้าใจความแค้นแบบนั้นดี หล่อนคิดว่าตนเองสามารถแสดงความรู้สึกของบทผู้เป็นแม่ในหนังออกมาได้ แต่ใครจะรู้ว่า กว่า ‘Revenge’ มีโอกาสมาฉายในเทศกาลหนังฝรั่งเศส แต่ผู้ชมกลับน้อยมาก

กลยุทธ์หนังต้นทุนต่ำที่เฝิงหนานคิดเอาไว้ในตอนแรก ใช้ไม่ได้กับที่นี่

ในเทศกาลหนังระดับโลกแบบนี้ มีผู้กำกับและผู้ประพันธ์บทมากมายที่เก่งกว่าหล่อน หนังที่คนอื่นถ่ายออกมาดีกว่าหล่อน และยังใช้ต้นทุนต่ำกว่าหล่อน

หนังของหล่อนตกรอบตั้งแต่รอบแรกและไม่มีใครพูดถึงอีกเลย

ต่อจากนี้ หล่อนควรจะปรากฏตัวในงานพร้อมชุดอันสวยงาม และเพิ่มการเป็นที่รู้จักให้กับคนในประเทศ

แต่ทว่า การแข่งขันอย่างเต็มรูปแบบของ ‘Evil’ และ ‘The Incident’ ในประเทศ ความทุ่มเทที่เจียงเซ่อและหลิวเย่ทำเพื่อหนังก็ได้ถูกเปิดเผยต่อทุกคน ถึงขั้นที่คนในประเทศรู้สึกภูมิใจที่นักแสดงและหนังของจีนถูกกล่าวถึงในนิตยสาร ช่วงนี้การพาดหัวข่าวในทุกๆ วันล้วน ล้วนพูดถึงเจียงเซ่อและหลิวเย่กันหมด

แม้ว่าหล่อนจะแต่งตัวสวยแค่ไหน ก็ไม่มีใครสนใจ

นักข่าวที่นัดเอาไว้ในตอนแรก กลับกำลังกระตือรือร้นที่จะสัมภาษณ์เจียงเซ่อ การไปฝรั่งเศสในครั้งนี้ สำหรับเฝิงหนานแล้ว กลับไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรกลับมาเลย ผลงานที่หล่อนตั้งความหวังไว้สูงนี้ กลับอยู่ท่ามกลางการแข่งขันของ ‘The Incident’ และ ‘Evil’ หนังเรื่องนี้มาผิดเวลา จึงต้องจมลงไปอย่างเงียบๆ

เทศกาลหนังกำลังจะจบลงแล้ว ‘Evil’ ชนะมาตลอดจนเข้าสู่รอบตัดสิน สำหรับวงการหนังจีนแล้ว นี่เป็นเรื่องที่น่าสร้างความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก

ช่วงนี้เจียงเซ่อยุ่งมาก ท่ามกลางการจัดการของเซี่ยเชาฉวินในแต่ละวัน เธอให้สัมภาษณ์กับนักข่าว นิตยสาร แม้จะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับเธอ แต่ทั้งวันผ่านไป เมื่อเธอกลับไปถึงโรงแรมก็เหนื่อยจนแทบจะไม่มีแรงขยับตัว

สำหรับภาพลักษณ์ของหนัง ก็เป็นที่รู้จักมากขึ้นเพราะโม่อานฉี

วันสุดท้ายของเทศกาลหนัง หนังที่เหลืออยู่มีเพียงผลงานชั้นยอดที่ได้ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการมาแล้วเท่านั้น ในวันนี้ หนังที่เข้ารอบทั้งหมดจะได้ออกฉายต่อหน้าสาธารณะชนในเทศกาลหนัง ผู้ที่ยังไม่ได้ดูสามารถคว้าโอกาสนี้ในการรับชมได้ก่อนใคร แล้วเลือกและให้คะแนนหนังด้วยตนเอง

วันนี้เซี่ยเชาฉวินไม่ได้รับงานอะไรให้เจียงเซ่อ เพราะเธอได้ข่าวว่า วันนี้เชี่ยซ่าเหลยได้รับคำเชิญให้มาเป็นแขกผู้มีเกียรติในเทศกาลหนังและจะปรากฏตัวในงานประกาศรางวัลในครั้งนี้ด้วย

แม้ว่าในปีนี้จะไม่มีผลงานของเชี่ยซ่าเหลยมาเข้าร่วมด้วย แต่ด้วยชื่อเสียงที่โด่งดัง ผู้จัดงานเทศกาลหนังเองก็ติดต่อผ่านหลายช่องทางกว่าจะเชิญเขามาได้

เขาเคลียร์คิวงานและเดินทางมาถึงเทศกาลหนังก่อนหนึ่งวัน โดยพักอยู่โรงแรมเดียวกับเจียงเซ่อพอดี

พอรู้ข่าวเจียงเซ่อก็รีบส่งข้อความให้กับเชี่ยซ่าเหลย เพื่อที่จะร่วมรับประทานอาหารกับเชี่ยซ่าเหลย แต่ผู้กำกับมือทองผู้นี้กลับไม่ยอมตอบกลับ

วันนั้นทั้งสองได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เพราะหนังสือเรื่อง ‘นักโทษ’ เลยถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หากไม่ใช่เพราะเถาเฉินเข้ามาแทรก เจียงเซ่อและผู้กำกับมือทองคนนั้นอาจจะคุ้นเคยกันมากกว่านี้

ในปีเดียวกันนั้น ขณะที่เชี่ยซ่าเหลยจะเปิดกองเรื่อง ‘The Lost City’ เขาถึงขั้นเคยเสนอชื่อของเจียงเซ่อ และอุตส่าห์ไปที่ตี้ตูเพื่อนัดทานอาหารกับเจียงเซ่อด้วย

แต่หลังจากที่ข่าวถูกกระจายออกไป จากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

หลังจากที่ข้อความถูกส่งออกไป เชี่ยซ่าเหลยก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักที โม่อานฉีเกลียดเถาเฉินจนกัดฟันกรอด ทั้งเป็นห่วงเจียงเซ่อว่าจะได้รับผลกระทบเพราะเรื่องนี้ และกลัวว่าเชี่ยซ่าเหลยจะเข้าใจผิดเจียงเซ่อเพราะเรื่องในตอนนั้นมากกว่าเดิม

“เซ่อเซ่อ เธอไม่ลองอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นดูสักหน่อยล่ะ”

โม่อานฉีเสนอความคิดเห็น