บทที่ 454 ใครคือ
ท่ามกลางกลุ่มควันที่ปกคลุมอยู่ ลั่วเซิ่นนั่งเงียบอยู่ตรงนั้น รับกับสายตากล่าวโทษจากจางยวี่ฉิน และทุกคนที่อยู่ในโรงหนัง
เขาเป็นฆาตกร เป็น ‘ปีศาจ’ ที่ลงมืออย่างเลือดเย็น แต่ตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย
หลิวเย่ในตอนนี้ทำสำเร็จแล้ว เขาได้ลบล้างบทบาททั้งหมด ทั้งความสว่าง ความดีและคุณธรรมที่เขาเคยแสดง
เขาเชิดหน้าขึ้น แม้จะสวมเสื้อคอกลมเก่าขาด แต่ความโอหังอย่างเป็นที่สุดกลับถูกถ่ายทอดออกมาจากท่าจุดบุหรี่ของเขา
ไม่ว่าตอนนี้ผู้ชมจะเกลียดเคียดแค้นท่าทางของเขาในตอนนี้หรือไม่ แต่ซูเพ่ยเอินไม่อาจไม่ยอมรับได้เลยว่า ภาพ ‘ปีศาจ’ แบบนี้ เมื่อเทียบกับการกลัวจนตัวสั่นเมื่อครอบครัวของเหยื่อมาหาถึงที่แล้ว มันชัดเจนและสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้ลึกซึ้งกว่า
สายตาของเขาเหล่มองจางยวี่ฉิน ราวกับกำลังเยาะเย้ยเธอ มองดูท่าทางของเธอที่เหมือนวิญญาณไร้ชีวิต ทั้งๆ ที่ตอนนี้ความลับถูกเปิดเผยและควรจะจนตรอก แต่ท่ามกลางสายตาของจางยวี่ฉิน เขากลับนั่งไขว่ห้างด้วยรอยยิ้ม
'Evil' เป็นการพลิกบทบาทของหลิวเย่และเขาได้ทำมันสำเร็จแล้ว
ซูเพ่ยเอินถึงขั้นสามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อหนังเรื่องนี้ถูกฉายในประเทศ จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน เขาดูถึงตรงนี้ ก็รู้สึกว่าหลิวเย่เดินหมากตัวสำคัญได้ถูกที่แล้ว
เขาโชคดีที่เลือกหนังอันยอดเยี่ยมนี้ ที่มีพื้นที่ให้เขาได้แสดงความสามารถ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลิวเย่พบกับคู่ต่อสู้มือใหม่ที่สามารถรับมือเขาได้แม้จะพบกับฝีมือการแสดงอันเก่งกาจของเขา และยังเป็นมือใหม่ที่มีความสามารถไม่น้อยเลยทีเดียว
แม้จะเปลี่ยนเป็นนักแสดงเก่าที่มากประสบการณ์ แต่ก็ไม่อาจทำให้ซูเพ่ยเอินทึ่งได้มากเท่าเจียงเซ่อ
การแสดงของทั้งสองส่องสะท้อนให้แก่กัน เหมือนการต่อบทของมืออาชีพ มีเจียงเซ่อที่เข้าถึงบทบาท ภาพของหลิวเย่จึงสะท้อนออกมาอย่างมีชีวิตเพราะเธอ และยังสามารถเข้าถึงจิตใจของผู้คนได้แบบนี้
ผู้ชมแค้นเพราะท่าทางนิ่งสงบของลั่วเซิ่นจนกัดฟันแน่น แต่ทว่า จางยวี่ฉินกลับนิ่งเงียบเป็นอย่างมาก
เธอไม่ต้องการให้ลั่วเซิ่นรู้สึกผิด เพราะสิ่งที่เธอต้องการคือชีวิตของลั่วเซิ่น
ในโรงหนัง ผู้ชมต่างดูการรับส่งบทระหว่างจางยวี่ฉิน และลั่วเซิ่นด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ความบ้าคลั่งของผู้หญิงคนหนึ่ง ถูกถ่ายทอดออกมาจากตัวของจางยวี่ฉินอย่างเต็มที่
หลังจากที่เธอมั่นใจแล้วว่าใครเป็นศัตรู จึงลางานกับบริษัทอย่างใจเย็นและมุ่งมั่นกับการเอาชีวิตลั่วเซิ่น
แม่ที่เสียลูกไปดุร้ายราวกับเสือ ความผ่อนคลายตั้งแต่แรกของลั่วเซิ่น ค่อยๆ ถูกโจมตีทีละน้อย การแก้แค้นอย่างไม่คิดชีวิตของจางยวี่ฉิน บีบเขาให้ตกลงหลุมไปทีละก้าวๆ
เธอไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีลูก ไม่มีครอบครัว แม้กระทั่งอนาคตเธอก็ทิ้งมันทั้งหมด เธอไม่สนใจชีวิตของตัวเอง ปัญหาที่สร้างขึ้นบีบให้ร้านเย็บผ้าของลั่วเซิ่นต้องปิดตัวลง
‘ปีศาจ’ ที่โอหังเป็นอย่างมากในตอนแรกค่อยๆ รู้สึกกังวล เมื่อจางยวี่ฉิน แอบเข้ามาในบ้านของเขา ทำให้แม่ของเราสลบไปและทำให้ลั่วเซิ่นจนมุม ในที่สุดการต่อสู้ของทั้งสองก็เกิดขึ้นในโรงงานย้อมผ้าอย่างเป็นทางการ
ความจริงแล้ว ซูเพ่ยเอินได้คาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจ้าวร่างจะจัดฉากการต่อสู้แบบนี้ขึ้นมาหรือไม่ แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้
เจียงเซ่อเป็นผู้หญิง แน่นอนว่าแรงน้อยกว่าหลิวเย่มาก
ฉากการต่อสู้แบบนั้น ถ้าเป็นเพียงแค่ท่าต่อสู้ที่ไม่ถูกตามหลัก ถ่ายออกมาไม่ดีนั่นจะทำลายสิ่งที่สร้างมาก่อนหน้านี้จนหมดสิ้นอย่างง่ายดาย
อีกประการหนึ่ง สมัยนี้นักแสดงหญิงส่วนใหญ่ก็หน้าตาสะสวย ฉากจำนวนไม่น้อยต้องใช้สแตนด์อิน เพราะกลัวว่าหากบาดเจ็บขึ้นมาจะกระทบต่องานโฆษณาและการโชว์ตัวในงานอีเว้นท์ต่างๆ
หากต่อสู้กันจริงๆ แล้วทั้งสองฝ่ายต่างออมมือ หนังก็จะไม่สนุก การปูเรื่องหนึ่งร้อยนาทีก่อนหน้านี้อาจจะพังเพราะความล้มเหลวเพียงไม่กี่นาทีในตอนจบ หากว่าไม่ออมมือ แล้วจะสู้กันจนเลือดตกยางออกได้อย่างไร นี่ก็เป็นบททดสอบที่ท้าทาย ซึ่งนักแสดงทั้งสองจะต้องกล้าที่จะเสี่ยง
แต่ว่า 'Evil' ก็ทำให้ซูเพ่ยเอินต้องเซอร์ไพรส์อีกครั้ง จ้าวร่างไม่เพียงแค่จัดฉากการเผชิญอย่างดุเดือดของทั้งสองเท่านั้น แต่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะแค่ให้นักแสดงทั้งสอง ‘แสดง’ เลยแม้แต่นิด
เมื่อจางยวี่ฉินเริ่มทุบตีอย่างไม่คิดชีวิตเหมือนคนบ้า เมื่อลั่วเซิ่นตอบโต้กลับอย่างโหดเหี้ยม คนหนึ่งทำเพื่อลูกสาวที่จากไป รวบรวมทั้งความเกลียดและความแค้นทั้งหมดเอาไว้บนสิ่งของที่เธอถือเอาไว้ ส่วนอีกคนทำเพื่อเอาชีวิตรอด
ในฉากนี้จางยวี่ฉินที่รับบทโดยเจียงเซ่อดูน่าเกลียดมาก เธอผอมจนไม่เหลือเค้าตอนแรก ไม่เหลือความสวยให้ชื่นชมเลยแม้แต่น้อย ยิ่งตอนนี้สีหน้าท่าทางบนใบหน้ายังบิดเบี้ยวไปหมดจนทำให้ผู้คนตกตะลึงไป แต่ซูเพ่ยเอินกลับพูดได้เลยว่ามันดูสมจริงเป็นอย่างมาก
สมจริงเสียจนเมื่อเขาเห็นจางยวี่ฉินที่ไม่ห่วงว่าตัวเองจะบาดเจ็บ ถือท่อน้ำเหล็กเก่าๆ ทุบลงไปบนร่างกายของลั่วเซิ่น ท่าทางที่เหมือนกับจะเดินเข้าหาความตายพร้อมกันกับเขานั้น ทำให้มือของเขากำแน่นอย่างไม่รู้ตัว ฝ่ามือมีเหงื่อเย็นไหลออกมา
เสียงที่ท่อน้ำเหล็กกระแทกลงบนร่างกายของคน ดังเข้าหูของผู้ชมทุกคนผ่านลำโพงอย่างดี ทุกการลงมือล้วนกระทบโดนเนื้อ แค่ได้ยินก็เจ็บปวดมากแล้ว
ฉากแบบนี้ ทำให้ซูเพ่ยเอินรู้สึกเหมือนไม่ได้กำลังดูหนัง แต่เหมือนกำลังดูเทปบันทึกเหตุการณ์การต่อสู้อันนองเลือดจริงๆ
มันสะใจมาก
ในทุกครั้งที่จางยวี่ฉินลงมือล้วนแฝงไปด้วยความโกรธแค้นของเธอ เจียงเซ่อที่แสดงบทนี้ผอมมาก แต่ทั้งหางคิ้วและหางตาของเธอล้วนแฝงความโหดเหี้ยม ราวกับกำลังย้ำเตือนทุกคนว่า อย่าคิดจะมีเรื่องกับแม่ที่รักลูกสาวเท่าชีวิต! เธอตีอย่างไม่คิดชีวิต ไม่นานนักร่างกายของลั่วเซิ่นก็เต็มไปด้วยบาดแผลและไม่มีแรงที่จะเคลื่อนไหวได้อีก
เธอหายใจหอบ โยนท่อน้ำเหล็กในมือทิ้ง ดึงร่างของลั่วเซิ่นที่ราวกับตายไปแล้วขึ้นมา จางยวี่ฉิน ในตอนนี้โซซัดโซเซ กลับกันกับการกระทำของเธอยังคงมุ่งมั่นมาก
“ที่ที่ฉันเลือกให้แก คือโรงงานย้อมผ้า แกคงรู้สึกว่ามันช่างเป็นพรหมลิขิตเหลือเกินใช่ไหมล่ะ”
เธอบาดเจ็บไม่น้อย แต่ยังคงถามลั่วเซิ่นพร้อมรอยยิ้ม
ใบหน้าโดนทุบตีจนไม่เหลือสภาพ ท่าทางความเจ็บปวดแบบนั้นคงจะไม่ได้แสร้งทำขึ้นเท่านั้นแน่
แม้ว่าจะมีการแต่งหน้าของช่างแต่งหน้า แต่ร่างกายของเจียงเซ่อก็คงจะบาดเจ็บไม่น้อย ท่าเดินที่เซไปเซมาของเธอ เพิ่มความสมจริงให้กับบทมากยิ่งขึ้น
ศีรษะของลั่วเซิ่นเต็มไปด้วยเลือด แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้กลับหัวเราะออกมา
“พรหมลิขิตมากเลย ลูกสาวของเธอก็ถูกฉันหั่นเป็นชิ้นๆ ที่นี่แหละ” เขาฉีกยิ้ม เลือดและเหงื่อไหลรวมเข้าไปในปากของเขา ทำให้ร่องฟันทุกซี่ของเขาล้วนเต็มไปด้วยเลือดสีแดงอันโดดเด่น
“มีบุหรี่ไหม”
เขาถามคำหนึ่ง จางยวี่ฉินไม่สนใจเขา ยังคงค้นสิ่งของที่ตนเองเตรียมมา
“ตอนนั้นเธอตะโกนเรียก ‘แม่’ ” เขาจงใจทำให้จางยวี่ฉินโกรธ ความโกรธของผู้ชมได้ปะทุถึงขีดสุดในวินาทีนี้ ภาพของไอ้ฆาตกรโรคจิตและเลือดเย็นคนนี้ได้ฝังเข้าไปในใจของทุกคน จางยวี่ฉินไม่ได้แสดงความโกรธออกมา เธอเพียงแค่มัดลั่วเซิ่นเอาไว้แน่น พร้อมกับพูดอย่างนิ่งเฉย
“ไม่เป็นไร หลังจากนี้แกเองก็จะตะโกนเรียกแม่แน่”
โรงงานย้อมผ้าแห่งนี้เป็นโรงงานเก่าและกำลังจะล้มละลาย หลังจากที่ขุดพบศพยิ่งกลายเป็นสถานที่หลักที่ทางตำรวจต้องค้นให้ละเอียด คนงานเก่าล้วนกลัวที่นี่ มีคนเสียชีวิตในโรงงาน ผู้จัดการไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรจึงสั่งให้หยุดงานชั่วคราว ผู้คนล้วนออกจากที่นี่หมดแล้ว ช่างเป็นที่ๆ เหมาะแก่การฆาตกรรมจริงๆ
แม่ของลั่วเซิ่นถูกผลักออกมาอยู่ตรงหน้าลูกชายที่ถูกทุบตีจนใบหน้าไม่เหลือสภาพ หล่อนอายุมากแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างมีน้ำตาเอ่อคลออยู่
ตอนเห็นแม่ปรากฏตัว รอยยิ้มบนใบหน้าของลั่วเซิ่นก็ยากที่จะรักษาเอาไว้ได้อีกต่อไป ใบหน้าของเขาซีดเผือดขึ้นมา ในทางกลับกันจางยวี่ฉินกลับเผยรอยยิ้ม ผลักสองแม่ลูกให้ไปอยู่ใกล้กันมากกว่าเดิม