webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

453

บทที่ 453 เผชิญหน้า

ซูเพ่ยเอินได้ถูกหนังเรื่องนี้กระตุ้นอารมณ์จนถอนตัวไม่ขึ้น เขากระชับเสื้อผ้าเข้ามาแนบตัวมากกว่าเดิม

ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศในโรงหนังถือว่าเพียงพอแล้ว บวกกับใบหน้าอันแนบนิ่งที่แฝงความน่าผวาของจางยวี่ฉินที่รับบทโดยเจียงเซ่อ ก็ยิ่งเพิ่มความเย็นเยียบได้เป็นอย่างดี

เขาแทบจะทนรอฉากที่นักแสดงนำหญิงและชายเผชิญหน้ากันไม่ไหวแล้ว เรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้ การแสดงของเจียงเซ่อในเรื่อง 'Evil' นี้ไม่แพ้หลิวเย่เลย

การแสดงของหลิวเย่ฉีกกฎออกจากการแสดงเป็นคนดีจากที่ผ่านมาแล้วดูน่าตื่นเต้นมากกว่าเดิม แต่การตีบทของเจียงเซ่อลึกซึ้งกว่าหลิวเย่มากนัก

เธอไม่ได้แสดงเป็นจางยวี่ฉิน แต่ถ่ายทอดตัวละครอย่างจางยวี่ฉินให้ปรากฏในสายตาและจิตใจของทุกคนได้อย่างมีชีวิตชีวา

เธอผอมจนเวลาเดินร่างกายดูโซซัดโซเซ สายตาที่ดูว่างเปล่า ภาพของจางยวี่ฉินที่ราวกับ ‘ไร้จิตวิญญาณ’ หลังจากที่เสียลูกสาวไปไม่ได้ใช้คำพูดในการบอกเล่า แต่ใช้วิธีการถ่ายทอดออกสู่สายตาของทุกคนผ่านร่างกายและการกระทำ

ลั่วเซิ่นเปิดร้านเย็บผ้าเล็กๆ ร้านหนึ่ง ในตลาดเก่าแก่แห่งหนึ่ง ซึ่งห่างจากบ้านของเขาไม่ไกลนัก

แม่ของเขาอายุมากแล้ว แถมยังป่วยลั่วเซิ่นจึงต้องคอยดูแล

นี่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับลั่วเซิงที่จางยวี่ฉินสืบมาได้ เรื่องจะแก้แค้นให้กับจูจูอย่างไรนั้น จางยวี่ฉินเลือกที่จะพึ่งพาตัวเอง

ไม่ว่าอย่างไร การดำเนินงานของตำรวจจะต้องทำตามกฎและตามขั้นตอน ในระหว่างการตามหาฆาตกรตัวจริงเธอก็รู้กฎหมายมากขึ้น

หากลั่วเซิ่นถูกจับ ถึงจะถูกตัดสินว่ามีความผิดแล้วถูกประหารชีวิต แต่เขาก็ได้เปรียบมากเกินไป

ภาพตอนพบศพของจูจูยังคงตามหลอกหลอนจางยวี่ฉิน ทำให้เธอไม่สามารถอยู่เฉยได้

เธอหางานชั่วคราวงานหนึ่งทำอยู่ พยายามเก็บความโกรธแค้นเอาไว้ในใจอย่างระมัดระวัง แม้ความโกรธแค้นและการรอคอยทำให้เธอทรมานจนไม่หลงเหลือสภาพความเป็นคนก็ตาม

ตอนกลางวัน จางยวี่ฉินทำงานที่พอจะเลี้ยงชีพได้งานหนึ่ง เธอยังต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อแก้แค้นให้กับจูจู

ซูเพ่ยเอินสามารถมองเห็นความเด็ดเดี่ยวได้จากสายตาของเธอ

นี่มันเป็นขั้นตอนที่ดีมาก สามารถแสดงบทผู้หญิงที่หมดหวังและหัวใจตายด้านได้สมจริงขนาดนี้ ในใจมีความแค้นซ่อนอยู่ แต่ในสายตากลับแน่วแน่

เจียงเซ่อไม่ได้แสดงท่าทางให้เห็นถึงความคับแค้นอันมหาศาล แต่ความรู้สึกหมดหวังแบบนี้ล้วนถูกถ่ายทอดออกมาจากทุกอิริยาบถของเธอ

เวลากินข้าว เธอมักจะตักอาหารเข้าปากคำใหญ่ราวกับเป็นหุ่นยนต์ ตอนทำงานก็ไม่มีชีวิตชีวา รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับการแสดงของเธอ

เมื่อจางยวี่ฉินเตรียมพร้อมแล้ว ก็เป็นไปตามที่ซูเพ่ยเอินคาดการณ์เอาไว้ ตอนที่เธอไปหาลั่วเซิ่น เป็นครั้งแรกที่นักแสดงนำชายและหญิงคู่นี้ปรากฏอยู่ในจอพร้อมกัน

วินาทีนี้ ช่างเป็นฉากที่ควรค่าแก่การรอคอยของทุกคน ถึงขั้นที่ว่า ซูเพ่ยเอินได้ยินคนจำนวนไม่น้อยในโรงหนังอุทานอย่างตะลึงโดยไม่รู้ตัว

บางคนกังวลแทนเธอและมีบางคนรู้สึกได้ปลดปล่อยความแค้นแทนเธอ

การที่มีคนกังวลแทนเธอ เป็นการยืนยันว่าลั่วเซิ่นที่รับบทโดยหลิวเย่เข้าถึงใจคนได้มากเพียงใด ความอำมหิตของเขา ซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกตาที่เต็มไปด้วยรอยย่นของเขา แผ่นหลังที่ค่อมมีผ้ากันเปื้อนผูกอยู่ ผมสีดำแซมขาวดูออกว่าน่าจะไม่ได้ตัดมาสักระยะแล้ว

การที่ผู้ชมรู้สึกเหมือนว่าได้ปลดปล่อยความแค้นแทนเธอ เป็นการสะท้อนการแสดงฉากก่อนๆ ของเจียงเซ่อออกมา เพราะความเจ็บปวดจากการสูญเสียจูจูที่เธอแสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ ทำให้ในตอนนี้ที่เธอหาศัตรูจนเจอ ผู้ชมจึงดีใจแทนเธอจากใจจริง

สถานการณ์แบบนี้ คล้ายกับการตีปิงปอง

นักแสดงนำของเรื่องคือฝ่ายที่ยืนอยู่ฝ่ายหนึ่งของโต๊ะ ส่วนผู้ชมเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ยืนอยู่อีกฝั่ง พวกเขาใช้ฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยมกระตุ้นความรู้สึกของผู้ชม ความรู้สึกแบบนี้เหมือนการตีลูกไปให้ผู้ชม และผู้ชมก็ได้รับความรู้สึกแบบนั้น แล้วแสดงความรู้สึกของตนเองออกมา สิ่งที่ส่งให้กันนี้ มัดใจผู้ชมได้อย่างดี

ร้านเย็บผ้าของลั่วเซิ่นไม่ได้กว้าง อาจแคบไปบ้าง เป็นบ้านเก่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แสงสว่างก็ไม่มากพอ

เมื่อจางยวี่ฉินเข้าไป เขาก็วางงานในมือลง ดึงผ้ากันเปื้อนตรงเอวขึ้นมาเช็ดมือ เบิกตาขึ้นมอง ‘ลูกค้า’ พิเศษคนนี้

ตอนนี้ ทั้งสองไม่ได้แสดงท่าทีรุนแรงอะไรมากนัก ไม่มีคำพูดปะทะคารม แต่ทว่า ความตื่นเต้นอย่างมหาศาลระหว่างทั้งสองฝ่ายกลับทำให้ผู้ชมทุกคนในโรงหนังหายใจไม่ทั่วท้อง ซูเพ่ยเอินเองก็ตื่นเต้นจนจับพนักวางมือบนเก้าอี้ของโรงหนังเอาไว้แน่น ลิ้มรสวินาทีแห่งการเผชิญหน้าของนักแสดงนำทั้งสองที่มีความแค้นอันยิ่งใหญ่ต่อกันในหนังเรื่องนี้

เจียงเซ่อไม่ได้ถูกกลบโดยรัศมีของหลิวเย่ ความหมดหวังที่ต่างมีเอกลักษณ์ของตัวเองจากนักแสดงนำทั้งสองถูกแสดงออกมาในตอนนี้ แม้ว่าภาพจะไม่มีเสียง แต่ในใจของผู้ชมทุกคน กลับราวกับมีน้ำมันเดือดหม้อหนึ่ง คอยจุดประกายความรู้สึกของผู้ชมอยู่

“ลั่วเซิ่นใช่ไหม”

เธอพูดเสียงสั่นและมองชายที่อยู่ตรงหน้า

บทพูดของเจียงเซ่อแม้ธรรมดาแต่ก็ดูถูกไม่ได้ น้ำเสียงของเธอเหมือนแฝงไปด้วยเสียงสะอื้นขึ้นจมูก แผ่วเบา แต่ตั้งใจลากเสียงทุกคำให้ยาว และมีการทอดถอนใจที่แฝงไปด้วยความโกรธแค้น ในขณะที่เธอพูด เธอก็หายใจเข้าลึกๆ ตรงคอเสื้อเผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าที่ลึกเข้าไปเพราะการหายใจของเธอ

ท่ามกลางสายตาของเธอ ปีศาจตนนี้นั่งอย่างมั่นคง ในขณะที่ได้ยินเธอเรียก เขาก็เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากขยับทีหนึ่ง พักใหญ่จึงกระตุกรอยยิ้มและตอบรับช้าๆ

“ฉันเอง”

จางยวี่ฉินค่อยๆ ก้าวเข้าไปในอาณาเขตของปีศาจ รองเท้าของเธอเหยียบอยู่บนพื้น ทำให้เกิดเสียงเบาๆ เธอเข้าไปใกล้ทีละก้าวๆ สายตาไม่ได้ดูโหดเหี้ยมนัก แต่ความรู้สึกอันตรายกลับคืบคลานเข้ามาใกล้ ทำให้เกร็งไปทั้งตัว

ลั่วเซิ่นเองก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เขาวางแขนทั้งสองข้างลง สายตามองทุกการเคลื่อนไหวของจางยวี่ฉินอย่างรู้ระวัง ในขณะที่สายตาของเธอสบกับตาของลั่วเซิ่นนั้น ซูเพ่ยเอินก็พลันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมา

เขาโน้มตัวไปข้างหน้า เบิกตาโต ถึงขั้นที่ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาจับแว่นเอาไว้ ไม่ยอมพลาดรายละเอียดการแสดงของทั้งสองคนนี้แม้แต่นิดเดียว

ทั้งสองในหนังสามารถควบคุมความเหมาะสมของตนเองได้เป็นอย่างดี ความบ้าคลั่งที่จางยวี่ฉินอดกลั้นเอาไว้ ในตอนนี้และความร้ายกาจที่อยู่ภายใต้ท่าทางซื่อๆ ของลั่วเซิ่นรวมเป็นหนึ่งเดียวกันวินาทีที่ทั้งสองสบตากัน แล้วจางยวี่ฉินก็พลันหัวเราะออกมา

ลั่วเซิ่นเองก็หัวเราะตาม ฉากนี้ สิ่งที่ซูเพ่ยเอินประหลาดใจก็คือเขารู้สึกเข้าใจในรอยยิ้มของจางยวี่ฉิน เธอมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ ก็เพื่อตามหาและจับตัว ‘ปีศาจ’ ตอนนี้เห็นฆาตกรที่ฆ่าลูกสาวนั่งอยู่ตรงหน้า เธอคงจะรู้สึกโล่ง เหมือนการเดินทางมาแสนไกลในขั้นแรกได้สิ้นสุดลงแล้ว และคงจะรู้สึกปลง

ในรอยยิ้มของเธอเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ดึงดูดให้คนเข้าไปค้นหา ตอนนี้ในหัวของซูเพ่ยเอินมีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือหนังเรื่อง 'Evil' หากดูเพียงรอบเดียวก็น่าเสียดายมาก

สิ่งที่นักแสดงนำส่วนใหญ่ต้องการจะแสดงออกมา ดูจบอย่างรวดเร็วภายในรอบเดียวคงไม่สามารถชื่นชมได้ทั้งหมด

เขาจำสายตาของเจียงเซ่อในตอนนี้เอาไว้ในหัวอย่างแม่นยำ เขามองดูฉากการเผชิญหน้าระหว่างหลิวเย่และเจียงเซ่อ ทั้งสองมีการปะทะกันไปมา ถึงขั้นที่ว่า การที่คอยส่งบทรับบทกันเช่นนี้ ดูเหมือนจะดียิ่งกว่าการที่ทั้งสองต่างคนต่างแสดงก่อนหน้านี้เสียอีก

หลังจากที่จบเรื่องแล้ว ลั่วเซิ่นไม่ได้กระวนกระวายจนทำอะไรไม่ถูก คนแบบเขา มีชีวิตอยู่ก็ไม่มีความหมาย สำหรับเขาแล้ว การฆ่าคนก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าไก่ตัวหนึ่ง ถึงขั้นที่ว่าเขาไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย แม่ของเหยื่อมาหาถึงที่ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัว แต่กลับรู้สึกตื่นเต้น

ตอนที่พูดถึงจูจู เขาก็ราวกับกำลังเอ่ยถึงผลงานศิลปะที่ตนเองตั้งใจสร้างขึ้นอย่างนั้น

เขาถึงขนาดเอาบุหรี่ขึ้นมาจุด แล้วถอนหายใจอย่างสบายอารมณ์

ในวินาทีนี้ภาพของ ‘ปีศาจ’ ได้กระจ่างต่อสายตาของผู้ชม จ้าวร่างได้สร้าง ‘ปีศาจ’ ที่น่าหวาดผวาตนหนึ่งได้สำเร็จ วินาทีนี้ สีหน้าท่าทางของหลิวเย่ตอนที่จุดบุหรี่นั้น สำหรับผู้ชมทุกคนแล้ว ถือเป็นการจุดประกายชื่อของหนังเรื่องนี้อย่างแท้จริง