webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

448

บทที่ 448 บุพเพสันนิวาส

ในตอนนี้นอกจากห้องฉายหนังเรื่อง ‘Evil’ ซูเพ่ยเอินที่ได้รับบัตรเข้าดูหนังในฐานะนักวิจารณ์หนังภาพยนตร์ก็กำลังเดินไปรอบๆ ห้องจัดฉายหนังชั้นแรก และเงยหน้าดูเสาตรงกลางโถงใหญ่ที่มีรูปผังของชั้นแรกอยู่

ดูจากบนหน้าจอนั้นแล้ว ซูเพ่ยเอินก็สังเกตเห็นประกาศของหนังเรื่อง ‘Evil’ ขึ้นมา กว่าจะถึงเวลาฉายหนัง ก็ยังเหลืออีกประมาณสิบนาทีได้

เป็นถึงผู้วิจารณ์ภาพยนตร์ แน่นอนว่าซูเพ่ยเอินต้องรู้ว่าหนังเรื่อง ‘Evil’ ของจ้าวร่างได้มีการเข้าชิงรางวัลในเทศกาลงานหนังภาพยนตร์ในครั้งนี้ด้วย แต่ว่าในเทศกาลงานหนังในคืนนี้ ความตั้งใจแต่แรกของเขาคือจะเข้าไปดูหนังที่เข้าชิงรางวัลอีกเรื่องก่อน

อย่างหนังเรื่อง ‘The Incident’ ที่เถาเฉินแสดง หนังเรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับที่มีชื่อว่าหนิงจ้านผิง ถือว่าเป็นหนึ่งในเพื่อนเก่าอีกคนหนึ่งที่ซูเพ่ยเอินรู้จักมานาน และรู้สึกมั่นใจในฝีมือพอสมควร

หนิงจ้านผิงชอบที่จะให้นิสัยของตัวละครเป็นตัวอธิบายเรื่องราว และนี่ก็พอดีกับจุดที่เหล่าผู้ตัดสินของเทศกาลหนังภาพยนตร์ใช้กัน

โดยเฉพาะกับเรื่อง ‘The Incident’ ที่มีเถาเฉินเป็นนักแสดงนำ แน่นอนว่าซูเพ่ยเอินนั้นก็อยากจะให้หนังเรื่องนี้ได้รางวัลเหมือนกัน

ในบรรดาดาราสาวแนวหน้าของประเทศ เถาเฉินเป็นคนที่ดังมานานที่สุด หล่อนเป็นดาราสาวที่ได้รับคำชื่นชมทุกครั้งไม่ว่าจะแสดงบทบาทไหน ฝีมือการแสดงของหล่อนก็โดดเด่น หล่อนได้แสดงเป็นนักแสดงตัวหลักของเรื่อง ‘The Incident’ ร่วมงานกับหนิงจ้านผิง ยังไงก็ต้องมีความมั่นใจกับคุณภาพที่จะออกมาอยู่แล้ว ดังนั้นหนังเรื่อง ‘The Incident’ จึงเป็นหนังเรื่องแรกที่ซูเพ่ยเอินเลือกที่จะดูหลังจากมาถึงงานเทศกาลหนังภาพยนตร์ในฝรั่งเศสแล้ว

หนังเรื่อง ‘Evil’ ก็อยู่ในลิสต์หนังที่เขาจะดู แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ก็เท่านั้น

แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคชะตามันกำหนดเอาไว้หรือเปล่า เพราะเมื่อเขาลองเดินลงไปอีกชั้นแล้ว เดินวนหารอบหนึ่งก็ยังไม่เจอประกาศของห้องฉายหนังเรื่อง ‘The Incident’ เสียที แต่กลับเห็นสัญญาณเตือนของห้องฉายหนังเรื่อง ‘Evil’ เสียแทน

ในหัวของซูเพ่ยเอินเริ่มนึกถึงข้อมูลของหนังเรื่อง ‘Evil’ ขึ้นมา ในตอนที่จ้าวร่างเริ่มถ่ายทำในช่วงแรกๆ ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะดูเป็นความลับไปหมด เขาได้เก็บความลับเอาไว้เป็นอย่างดี ทำให้เหล่าแฟนหนังและสื่อทั้งหลายพากันยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่มีหลุดข้อมูลออกมาเลยสักนิดเดียว

นอกจากที่รู้ว่านักแสดงหลักชายหญิงเป็นหลิวเย่และเจียงเซ่อและหนังเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องแรกที่หลิวเย่ฉีกคาแรคเตอร์ของตัวเองออก รวมถึงแนวหนังด้วยแล้ว สำหรับเรื่องอื่นนั้นซูเพ่ยเอินเองก็ไม่ได้รู้ข้อมูลของเรื่องนี้สักเท่าไหร่

เขายืนนิ่งอยู่หน้าป้ายสัญญาณอยู่พักใหญ่ ในหัวก็นึกถึงภาพของหลิวเย่และเจียงเซ่อสองคนนี้

เมื่อเทียบกับหนังเรื่อง ‘The Incident’ ที่มีเถาเฉินแสดงกับนักแสดงหน้าใหม่เว่ยฉุน มันก็เหมือนกับว่าหล่อนต้องแบกรับหน้าที่เพียงคนเดียวอยู่แล้ว หนังเรื่อง ‘Evil’ ของจ้าวร่างเองก็คล้ายๆ แบบนี้เช่นกัน นักแสดงที่มีทักษะการแสดง ชื่อเสียงและฐานะไม่ธรรมดาอย่างหลิวเย่มาร่วมงานกับเจียงเซ่อ ฝั่งไหนจะน่าสนใจมากกว่ากันนะ?

เจียงเซ่อที่เพิ่งจะเข้าวงการได้มาแค่ไม่กี่ปี แต่หนังที่เธอแสดงนั้นล้วนแล้วได้รับการการันตีทั้งนั้น ทักษะการแสดงของเธอในแต่ละเรื่องก็ยิ่งมีการพัฒนามากขึ้นในทุกๆ ครั้งที่ดู

เมื่อเทียบกับเถาเฉินที่ช่ำชองและมีทักษะการแสดงที่คงที่อยู่แล้ว เด็กสาวคนนี้คงสามารถทำให้ซูเพ่ยเอินรู้สึกตื่นเต้นและแปลกใจได้มากกว่า ดังนั้นมันจึงทำให้เขาเกิดความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และตัดสินใจที่จะดูหนังเรื่อง ‘Evil’ ก่อน

บางทีอาจจะเป็นเพราะสวรรค์กำหนดมาจริงๆ เขาหาหนังเรื่อง ‘The Incident’ อยู่ตั้งนาน แต่ก็ไม่เจอแม้แต่ทางเข้า แต่กลับได้มาเจอห้องฉายหนังเรื่อง ‘Evil’ ตามสัญญาณไฟแทน

บริเวณหน้าประตูทางเข้าไม่มีใครแล้ว มีแต่เจียงเซ่อที่อยู่ในชุดเดรสสีขาวกำลังนั่งคุยอยู่กับหลิวเย่ ดูจากรูปการแล้ว ทั้งสองคนคงจะมายืนเซ็นลายเซ็นแน่ๆ

“อาจารย์ซู”

หลิวเยี่ยสังเกตเห็นซูเพ่ยเอินตั้งแต่ไกลๆ เขาอยู่ในวงการนี้มานานหลายปี ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการพูดคุยติดต่อกับซูเพ่ยเอินอยู่บ่อยครั้ง ก็ถือว่ารู้จักกันในระดับหนึ่งเลย

ซูเพ่ยเอินพยักหน้าให้ และเดินเข้าไปจับมือกับหลิวเย่ และเลื่อนสายตาไปมองที่เจียงเซ่อ เด็กสาวลุกขึ้นยืน แล้วยื่นมือมาทักทายด้วยรอยยิ้ม และเอ่ยทักทายตนอย่างเป็นกันเองต่อซูเพ่ยเอิน

“อาจารย์ซู”

ในคอลัมน์พิเศษของซูเพ่ยเอิน เขาเคยเขียนบทวิจารณ์ให้กับเจียงเซ่อถึงสองครั้ง เขารู้สึกประทับใจในตัวเจียงเซ่อ แต่พอเห็นหนังของประเทศตัวเองมาอยู่ในเทศกาลหนังภาพยนตร์ของฝรั่งเศสแล้ว ก็ได้แต่ลอบถอนหายใจในใจ

“ฉันมาดูหนังเรื่อง ‘Evil’ เสียหน่อย หนังเรื่องนี้ตั้งแต่ที่เริ่มถ่ายทำมา จ้าวร่างก็เก็บงำข้อมูลเอาไว้ตลอดเลย นี่เป็นครั้งแรกที่จะฉาย ที่ฉันเดินมาถึงตรงนี้ คงจะเป็นบุพเพแล้วล่ะนะ”

ที่จริงแล้วในปีสองปีมานี้สุขภาพเขาไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ เมื่อครึ่งปีที่แล้วก็เพิ่งจะเข้าโรงพยาบาลมา แถมยังทำการผ่าตัดมาอีกต่างหาก เลยต้องพักรักษาตัวอยู่กว่าครึ่งปี

หลิวเย่ก็ยังคิดว่า คงไม่ได้เห็นนักวิจารณ์หนังท่านนี้ในงานแล้วแน่ๆ คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วซูเพ่ยเอินก็มา จึงทำให้หลิวเย่รู้สึกนับถือและเลื่อมใสมากๆ

พูดคุยกันอีกสองสามประโยค ซูเพ่ยเอินก็เดินเข้าห้องฉายหนังไป ตอนที่เขาเดินเข้ามา ในห้องฉายหนังมีคนนั่งอยู่ประมาณเกือบครึ่งห้อง ด้านหน้าก็มีกลุ่มของจ้าวร่างนั่งอยู่ด้วย เขาเลือกที่จะนั่งอยู่แถวหลังๆ จากนั้นก็หยิบแว่นสายตาที่เสียบไว้อยู่ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมา ก่อนจะหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดและยกขึ้นสวม

เขาเคยมาที่เทศกาลหนังภาพยนตร์หลายครั้งแล้ว เขาชอบห้องฉายหนังมากที่สุด หน้าจอที่ใหญ่ยักษ์ทำให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน แสงสีและเสียงก็มีเอกลักษณ์ ไม่ใช่แค่โรงหนังของในประเทศเท่านั้นที่สู้ที่นี่ไม่ได้ เพราะแม้แต่โรงหนังของทั่วโลกก็ยังน้อยนักที่จะทำได้แบบนี้

พอนั่งลงแล้ว ซูเพ่ยเอินก็ยังยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ยังเหลืออีกประมาณห้านาทีหนังถึงจะเริ่มฉาย

ตามเวลาที่ค่อยๆ ไหลผ่านไปทีละวิทีละนาที ภายในห้องฉายหนังก็เริ่มที่จะมีคนเดินเข้ามาอีกครั้ง นอกจากจะมีใบหน้าของเหล่าชาวเอเชียแล้ว ก็ยังมีชาวต่างชาติที่เป็นส่วนน้อยเข้ามาด้วย มีหลายคนในนั้นที่มีป้ายของสื่อข่าวห้อยคอเอาไว้

เมื่อถึงเวลาแล้ว ไปในห้องฉายหนังก็ค่อยๆ มืดลง ซูเพ่ยเอินจัดแจงท่านั่งของตัวเองให้รู้สึกสบายที่สุด สายตาจดจ้องไปบนหน้าจอ

ก่อนที่บนหน้าจอจะมีภาพขึ้นมา ที่จริงในใจของซูเพ่ยเอินก็พอที่จะประเมินคะแนนให้กับหนังเรื่อง ‘Evil’ ไว้ได้แล้ว ถ้าหากว่ามันเต็มร้อย งั้นแค่ตัวนักแสดงในเรื่อง ซูเพ่ยเอินก็ให้ไปแปดสิบคะแนน

ฝีมือการแสดงของหลิวเย่คงไม่ต้องพูดถึงแล้ว เขาเข้าวงการมานานหลายปี ประสบการณ์เรียกได้ว่าโชกโชน มีหลากหลายตัวละครที่เขาสามารถทำให้มันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่านั้นได้

ยังไงก็ตามกับหลิวเย่คนนี้ ซูเพ่ยเอินเองก็พอที่จะจับจุดและเข้าใจถึงการแสดงของเขาอยู่แล้ว เขามีความตั้งใจและมีความเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะในบทบาทไหน เขาก็จะสามารถแสดงออกมาได้อย่างลึกซึ้งและเฉียบแหลม ขอแค่มีชื่อของเขา ซูเพ่ยเอินก็ยอมให้ไปเลยสี่สิบคะแนน

จ้าวร่างเป็นผู้กำกับรุ่นเก่า ผลงานที่ผ่านมากก็อยู่ในระดับที่มั่นคงมาโดยตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เข้ามากำกับหนังที่เป็นแนว ‘Evil’ แบบนี้ เขาจะสามารถสร้างหนังเรื่องนี้ออกมาได้ในระดับไหน และจะสามารถดึงศักยภาพของหลิวเย่ออกมาได้สักเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้ ดังนั้นซูเพ่ยเอินจึงเพิ่มให้เขาอีกแค่สิบห้าคะแนนเท่านั้น

ส่วนสำหรับเจียงเซ่อ เธอเป็นคนที่ไม่แน่ไม่นอนที่สุด จากผลงานของเธอในก่อนหน้านี้ จะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอมีการพัฒนาฝีมือการแสดงได้อย่างก้าวกระโดดมากๆ แต่คนที่เธอร่วมงานด้วยนั้นคือ หลิวเย่ บางทีอาจจะโดนแรงกดดันจากหลิวเยี่ยก็ได้

ถึงแม้ว่าซูเพ่ยเอินยังรู้สึกสงสัยว่าผลลัพธ์ของการร่วมงานกันของทั้งสองคนนี้จะเป็นอย่างไร แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นความกังวลของเขาด้วย กลัวว่าในหนังเจียงเซ่อจะโดนแรงกดดันจากหลิวเยี่ย ทำให้ไม่สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงให้เจียงเซ่อแค่สิบห้าคะแนนเช่นกัน ส่วนคะแนนอื่นๆ ก็แบ่งให้กับเหล่าทีมงานตัดต่อทั้งหลายไป

ได้ยินมาว่าขั้นตอนการตัดต่อนั้นเป็นหน้าที่ของทีมงานที่มีชื่อเสียงของต่างชาติ ดูเหมือนว่าเรื่องรายละเอียดของหนังเรื่องนี้ จ้าวร่างคงจะให้ความสำคัญกับมันไม่น้อย

พอหนังเริ่มขึ้น เจียงเซ่อที่แสดงเป็นจางยวี่ฉินก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นอยู่บนหน้าจอ

พูดตรงๆ ในวินาทีที่ได้เห็นเจียงเซ่อนั้น มันก็ทำให้ซูเพ่ยเอินเกิดความแปลกใจเป็นอย่างมากทันที ในหัวของเขายังนึกถึงแต่ภาพของเจียงเซ่อที่ยืนอยู่หน้าห้องฉายหนังเมื่อครู่นี้ เธอมีอ่อนเยาว์และงดงาม มีเนื้อแก้มที่เต็มอิ่มและรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับร่างกายที่ได้รับการดูแลอย่างดีใต้ชุดเดรสสีขาวสะอาดนั่น ดูมีสัดส่วนและเรือนร่างที่เพอร์เฟคมากๆ ทีเดียว

แต่เจียงเซ่อที่อยู่บนหน้าจอ กลับดูเป็นคนละเรื่องราวกับภาพเจียงเซ่อที่อยู่ในหัวอย่างสิ้นเชิง

ผมหางม้าที่มัดอย่างไม่เรียบร้อย เปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ ดูไปดูมากก็ดูยุ่งเหยิงสุดๆ เธอสวมชุดพนักงานที่ไม่เข้ากับขนาดตัว บนหน้าผากเหมือนกับแบกชีวิตที่มีแต่ความทุกข์ทน เธอแบกกระเป๋าเอาไว้ และยืนเบียดอยู่บนรถไฟฟ้าใต้ดิน ถึงแม้ว่ายังพอดูออกว่าใบหน้ายังดูอายุน้อย แต่ในแววตาของเธอคู่นั้น กลับแสดงออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชีวิตนี้ได้ผ่านเรื่องราวเลวร้ายและเหนื่อยล้ามามากแค่ไหน

นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?