webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

447

บทที่ 447 เลือกห้อง

ร้านอาหารตามข้างทางคับแน่นไปด้วยเหล่าผู้คนที่มาทานอาหาร เทศกาลหนังภาพยนตร์ยังไม่ทันจะได้เริ่มอย่างเป็นทางการ แต่บรรยากาศกลับเหมือนกับว่ากำลังจะปลุกเมืองเล็กๆ นี้ขึ้นมา

เมื่อเถาเถาเดินทางมาถึงที่ปารีสฝรั่งเศส และต่อรถมาถึงสถานที่จัดงานเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นเวลาสองทุ่มตามเวลาท้องถิ่นของฝรั่งเศสพอดี เกือบจะยี่สิบชั่วโมงแล้วที่หล่อนไม่ได้นอน แต่กลับยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่า

ทางหลงสิงได้จองร้านอาหารให้กับทีมงานเอาไว้ไกลพอสมควร ถ้าอยากจะรีบกลับมาที่จุดจัดเทศกาลหนังภาพยนตร์ จะต้องนั่งรถไฟเท่านั้น

พอเห็นว่าเป็นแบบนั้นแล้ว เถาเถาก็อดไม่ได้ที่จะลองจัดตารางการดูหนังของตัวเองอีกครั้ง จากตอนแรกที่กะว่าจะดูสักห้าเรื่องก็เปลี่ยนเป็นสามเรื่องแทน

จุดที่จัดเทศกาลหนังภาพยนตร์นั้นอยู่ตรงใจกลางของเมืองพอดี ตามริมถนนเต็มไปด้วยโรงแรมห้อมล้อมเอาไว้ เมืองลองมองไปไกลๆ แล้ว ก็จะได้เห็นกับริมชายหาดของอ่าวเปอร์เซียด้วย บนท้องถนนและทางเดินที่สะอาดสะอ้าน มีแสงไฟอย่างเพียงพอ ไม่ใกล้ไม่ไกลมีงานเลี้ยงปาร์ตี้ค็อกเทลและปาร์ตี้เล็กๆ อื่นๆ อีกมากมายที่คอยดึงดูดผู้คนให้เข้าไป

แค่เถาเถามาถึงที่นี่ก็ถูกดึงดูดให้เคลิ้มไปกับบรรยากาศได้อย่างรวดเร็ว หล่อนจับมือของซูหมิ่นเอาไว้ และนึกถึงความทรงจำดีๆ ที่ได้เจอดาราหลายคนไปก่อนหน้านี้

มีดาราใหญ่หลายๆ คนที่อยากจะเห็นหน้าอยากจะถ่ายรูปและขอสัมภาษณ์ ดูเหมือนว่าพอมาถึงที่นี่แล้วก็กลายเป็นว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะได้เจออย่างง่ายๆ

“ฉันกำลังคิดว่า ฉันจะได้เจอกับเจียงเซ่อรึเปล่า” จู่ๆ หล่อนก็คิดแบบนั้นขึ้นมา เวลาที่พูดถึงเจียงเซ่อ ท่าทางของหล่อนก็เหมือนกับคนที่กำลังรอคอย ซูหมิ่นจึงสาดน้ำเย็นเข้าให้ทีหนึ่ง

“เธอก็หยุดคิดได้แล้ว ตอนที่ลงเครื่องฉันก็เพิ่งจะได้ข่าวมา ดูเหมือนว่าเจียงเซ่อจะได้ร่วมงานกับ Federer เมื่อวานเธอยังอยู่ที่ปารีสอยู่เลย เบื้องต้นถึงบนอินเทอร์เน็ตก็พูดถึงเรื่องนี้เอาไว้เยอะ แต่ตามที่คนของบริษัทเราบอกมา ว่าข่าวในครั้งนี้หัวเซี่ยจือซวิ่นเป็นคนลงเอง หลังจากปล่อยออกไปแล้วก็ค่อยติดต่อไปหา เซี่ยเชาฉวิน ก็แสดงว่ามีความเป็นไปได้สูงเลยทีเดียว”

พอพูดถึงตรงนี้ ซูหมิ่นก็เดาะลิ้น

“เจียงเซ่อมีใครหนุนหลังกันแน่ เซี่ยเชาฉวินที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอก็เก่งมากเลยไม่ใช่หรือไง? แม้แต่กับแบรนด์ไฮเอนด์ก็ยังคว้ามาให้เธอจนได้ เรื่องแบบนั้นก็ดูเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อยเลยนะ”

แต่เถาเถากลับกำลังรู้สึกดีใจแทนเจียงเซ่อ

หล่อนเองก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูข่าวภายในประเทศบ้าง เบื้องต้นในตอนนี้เรื่องนี้กำลังแผ่กระจายไปเรื่อยๆ และชาวเน็ตทั้งหลายก็ได้มีการแบ่งฝ่ายออกเป็นสองฝ่ายอย่างงชัดเจน ฝ่ายหนึ่งที่คิดว่าเจียงเซ่อก็แค่ใช้ชื่อ Federer ในการสร้างกระแสให้กับตัวเอง ส่วนอีกฝ่ายคือคิดว่าเจียงเซ่ออาจจะได้ร่วมงานของทาง Federer จริงๆ

เอาจริงๆ แล้วก็เหมือนไม่ได้ฟังสิ่งที่ซูหมิ่นพูดเมื่อกี้นี้เลย เถาเถาเองก็ไม่คิดว่าเจียงเซ่อจะใช้ชื่อของ Federer ในงานสร้างกระแสให้กับตัวเอง หล่อนมองดูชาวเน็ตที่กำลังโพสด่ากันอย่างดุเดือด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธโมโหอะไร ทำเอาซูหมิ่นรู้สึกแปลกใจไม่น้อย

“ไม่ใช่ว่าเธอคอยคุ้มครองเจียงเซ่ออยู่ตลอดหรือ เห็นทนไม่ได้ที่สุดที่จะเห็นเธอโดนด่าเสียๆ หายๆ แบบนี้นี่?”

แต่ก่อนถ้ามีใครมาด่าว่าเจียงเซ่อละก็ เถาเถาจะเกิดมีความกระตือรือร้นที่จะไปถกเถียงต่อกับคนเหล่านั้นเสียยิ่งกว่าเวลาที่ตัวเองโดนด่าเสียอีก แต่ตอนนี้หล่อนกลับทำแค่สไลด์หน้าจอข่าวดูอย่างใจเย็น

คำพูดของซูหมิ่นทำเอาเถาเถาเกิดหน้าแดง และเอ่ยขึ้นด้วยเสียเบาๆ ว่า

“นั่นก็เพราะว่ายังไงเจียงเซ่อก็ได้ลงรูปไปแล้ว ก็อย่างที่พี่ซูหมิ่นพูดนั่นแหละค่ะ ว่าเธอจะต้องมีการเซ็นสัญญาก่อนถึงจะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ ยังไงไม่ช้าก็เร็วเรื่องจริงก็จะปรากฏออกมา ตอนนี้พวกที่ด่ากำลังได้ที ถ้าหากว่าหลังจากนี้โดนหักหน้าก็จะเจ็บยิ่งกว่านี้ แล้วจะต้องไปสู้กับคนพวกนั้นเพื่ออะไรล่ะคะ?”

คำพูดของหล่อนแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหล่อนมั่นใจในตัวเจียงเซ่อขนาดไหน ซูหมิ่นส่ายหน้า แล้วถอนหายใจออกมา

“เธอนี่เกินเยียวยาจริงๆ”

หล่อนมันเกินเยียวยาแล้วจริงๆ นั่นแหละ พอมาถึงวันที่งานเทศกาลหนังภาพยนตร์เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ตรงหน้าสถานที่จัดงานก็มีมหาศาลจนดูเหมือนมืดฟ้ามัวดินไปหมด เถาเถาที่มางานแบบนี้เป็นครั้งแรกก็เกือบเกิดอาการตกใจกับคลื่นมหาชนในครั้งนี้

เหล่าสื่อนักข่าวและกลุ่มนักวิจารณ์หนังที่ได้รับเชิญพิเศษกำลังต่อแถวกันเดินเข้าไปในงาน หน้าจอยักษ์ใหญ่ที่อยู่บริเวณหน้าประตูกกำลังฉายภาพของหนังเรื่องต่างๆ ที่เคยมาเข้าชิงรางวัลในงานนี้

พอเข้ามาในงานแล้ว ถึงจะเป็นช่วงการเดินพรมแดงอย่างแท้จริง

คนที่จะต้องเข้าไปในห้องจัดงานหนังภาพยนตร์ในครั้งนี้ ก็ล้วนแล้วที่จะต้องเดินผ่านจุดนี้ไปก่อน

เถาเถายืนปะปนอยู่บริเวณที่เป็นโซนของสื่อ มีบุคคลคอยนำทางแขกพิเศษไปยังจุดต่างๆ แสงไฟส่องสว่างวิบวับไปบนพรมแดง เหล่าดารานักแสดงต่างก็ค่อยๆ ก้าวเดินไปบนพรม เป็นที่น่าดึงดูดสายตาของเหล่าช่างภาพให้ต้องกดชัตเตอร์

บรรยากาศในงานคึกคักเป็นอย่างมาก จนกระทั่งเมื่อถือพลบค่ำ ดาราส่วนใหญ่พากันไปรวมตัวกันอยู่ตรงกลาง ตรงนั้นมันเป็นห้องรับชมภาพยนตร์ที่สามารถเข้าไปได้ถึงหนึ่งพันคน การพูดเปิดงานเทศกาลหนังภาพยนตร์ได้เริ่มใกล้เข้ามาแล้ว

เถาเถาได้ลองเปิดดูรูปห้องที่จะทำการฉายหนังแล้ว และได้เลือกหนังที่ตัวเองอยากจะดูเอาไว้เรียบร้อย ถึงแม้ว่าจะเคยมีประสบการณ์ในการต่อแถวเข้าดูหนังมาก่อนแล้ว แต่พอหล่อนได้เข้ามาในห้องฉายหนังแล้ว และเห็นว่าที่ห้องฉายหนังนั่นมีคนต่อแถวยาวเหยียดไปหมด ก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ดี

ในห้องโถงของเทศกาลหนังภาพยนตร์นั้นมีห้องฉายหนังที่ถูกแบ่งออกเล็กใหญ่มากมาย เทศกาลหนังภาพยนตร์ฝรั่งเศสที่จัดขึ้นแค่ปีละครั้ง ในทุกๆ เดือนมีนาคม จะมีผู้กำกับที่มีชื่อเสียงเอาผลงานตัวเองมาที่นี่ด้วยทุกครั้ง

ห้องฉายหนังห้องใหญ่หลายห้องกำลังทำการฉายหนังของเหล่าผู้กำกับใหญ่ทั้งหลาย ยิ่งมีเครื่องรับประกันว่าเป็นหนังที่ถ่ายทำโดยผู้กำกับที่มีชื่อเสียง แถวตรงหน้าทางเข้าก็ยิ่งยาวขึ้น มีแถวยาวๆ หลายแถวที่ต่อกันจนไปถึงทางเข้าห้องฉายหนังชั้นสองแล้วด้วย

พอหล่อนและซูหมิ่นเจอห้องฉายหนังเรื่อง ‘Evil’ แล้ว เมื่อเทียบกับหนังที่มีผู้กำกับใหญ่ชาวต่างชาติเป็นคนกำกับแล้วนั้น หนังเรื่อง ‘Evil’ ที่จ้าวร่างเป็นคนกำกับก็ได้เข้าฉายในห้องมุมหนึ่งของชั้นแรก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดูโล่งอะไร แต่คนที่เลือกมาดูเรื่องนี้ก็ยังถือว่าน้อยมาก

หลายปีมานี้หนังของหัวเซี่ยไม่ค่อยได้มาเข้าร่วมเสียเท่าไหร่ หนังที่ได้รางวัลก็น้อย คนที่คิดจะมาเทศกาลหนังภาพยนตร์ในฝรั่งเศส ส่วนใหญ่ก็มักที่จะเลือกดูหนังที่มีชื่อเสียงและฐานะที่สูงส่งของชาวต่างชาติกันทั้งนั้น

จ้าวร่างสำหรับคนที่มาเข้าร่วมงานเทศกาลหนังภาพยนตร์ของฝรั่งเศส ยังถือว่าเป็นคนแปลกหน้าแปลกตาอยู่ แน่นอนว่าชื่อของเขาคงไม่มีทางถูกพูดถึง

หน้าห้องฉายหนังเรื่อง ‘Evil’ นั้น เจียงเซ่อที่เดินพรมแดงเสร็จแล้วก็ได้เปลี่ยนเสื้อจากชุดราตรีสีฟ้าอ่อน มาเป็นชุดเดรสคอวีสีขาวแทน เรือนผมถูกถักเป็นเปียเอาไว้ ดูแล้วช่างสดใสและบริสุทธิ์มากๆ

ทุกๆ คนที่เลือกเข้าไปดูหนังเรื่อง ‘Evil’ จะได้รับโปสเตอร์หนังคนละใบ และสามารถเลือกได้ว่าอยากจะให้เจียงเซ่อเซ็นลายเซ็นให้หรือจะเลือกเป็นหลิวเย่ก็ได้

วินาทีที่เถาเถาเห็นว่าบริเวณหน้าห้องฉายหนังเรื่อง ‘Evil’ นั้นไม่ได้มีคนอะไรมาหมาย แต่ก็ยังเลือกที่จะรีบก้าวเท้าเข้าไปอยู่ดี ในใจก็คอยด่าสาปแช่งพวกฝรั่งที่ไม่รู้จักลองดูหนังของชาวต่างชาติเสียบ้าง แต่พอได้เห็นเจียงเซ่อแล้ว ก็เผลดตะโกนเรียกด้วยใบหน้าที่ตกตะลึงออกไปทันที

ตั้งแต่ที่หล่อนมาถึงที่ฝรั่งเศสก็เอาแต่บ่นว่าอยากจะเจอเจียงเซ่อ พอตอนนี้ได้มาเห็นจริงๆ แล้ว ก็ยังอดไม่ได้ที่จะแสดงความดีใจออกไป

ก่อนหน้านี้ตอนที่เจียงเซ่อเดินพรมแดงเธอก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่ แต่ในกล้องของเถาเถาก็ยังมีรูปของเธออยู่มากมาย พอได้มาเห็นเจียงเซ่อแบบนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องขึ้นมาอีก

โปสเตอร์หนังเรื่อง ‘Evil’ เป็นโปสเตอร์โปรโมตที่ทางทีงานได้เชิญคนมาทำให้เลยทีเดียว ว่ากันว่าเป็นนักวาดฝีมือดีระดับประเทศ ฉากพื้นหลังของมันมีสีน้ำเงินเป็นหลัก ไล่สีให้ดูเหมือนลึกลงไป ให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่ภายใต้เงามืดอย่างไรอย่างนั้น

การเซ็นชื่อของเจียงเซ่อที่เมื่อเทียบกับของดาราคนอื่นที่เซ็นลายเซ็นกันอย่างมีชีวิตชีวาและดูไม่เป็นทางการมากแล้วนั้น เธอกลับเลือกที่จะค่อยๆ บรรจงขีดมันทีละเส้นอย่างตั้งใจ

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดคุยและถ่ายรูปกับไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ โชคดีที่ตอนที่เถาเถากำลังต่อแถวก็ได้ถ่ายรูปเจียงเซ่อเอาไว้บ้างแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกแอบเสียดาย และเดินเข้าไปในห้องฉายหนังกับซูหมิ่น

เมื่อเทียบกับห้องฉายหนังในประเทศแล้ว ห้องฉายหนังของเทศกาลหนังภาพยนตร์ของฝรั่งเศสก็มีความโอ่โถงและยิ่งใหญ่อลังการกว่ามาก คนที่เขามาในห้องฉายหนังนั้นมีไม่มากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นที่ว่างเลยด้วยซ้ำ มีคนนั่งกระจัดกระจายคาประมาณยี่สิบกว่าคนเท่านั้น หลังจากที่เถาเถานั่งลงแล้ว ก็ก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ ยังเหลือเวลาอีกสิบนาทีกว่าหนังจะเริ่มฉาย