webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

431

บทที่ 431 กลับมา

ตอนนี้เผยอี้อยากจะขับรถกลับไปที่กว่างโจวให้ได้ อยากจะไปจัดการกับสิ่งที่เฉินหมิ่นซูทำเอาไว้

เขาสูดหายใจเข้าลึก แล้วโยนมือถือที่อยู่ในมือลงบนเบาะข้างๆ มือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นลูบใบหน้า และคิดว่าทำไมเฝิงจงเหลียงถึงได้โทรมาหาเขา

นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เฝิงจงเหลียงพูดถึง ‘เจียงจื้อหยวน’ ขึ้นมา เฝิงจงเหลียงมีประสบการณ์อยู่ในสนามรบมาตั้งหลายปี ไม่มีทางที่จะเสียศูนย์ง่ายๆ แบบนี้แน่

แต่ทว่าสายนั้น เขากลับมาน้ำเสียงที่ตื่นเต้นและสั่นเครือ เหมือนกับว่ามีเรื่องอะไรบางอย่าง

“เจียงจื้อหยวน เจียงจื้อหยวน” เขาพึมพำชื่อนี้ไปมาอยู่สองรอบ และพยายามที่จะหาความเกี่ยวข้องกับตระกูลเฝิง

ตระกูลเฝิงมีญาติสนิทที่ไหนบ้าง ในใจของเผยอี้รู้ดี เขาไล่ตามเฝิงหนานมาตั้งหลายปี ในครอบครัวเธอมีคนแบบไหนบ้าง เขาก็ล้วนแล้วสืบหาและรู้จักทั้งหมด

กับคนที่ตระกูลเฝิงติดต่อด้วย เขาไม่เห็นจะเคยจำได้ว่ามีคนที่ชื่อ ‘เจียงจื้อหยวน’อยู่ด้วย ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ญาติสนิทของตระกูบเฝิงเสียแล้ว

รถแท็กซี่วิ่งไปบนท้องถนนอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าทำไมเผยอี้ ถึงได้นึกถึงเมื่อหลายเดือนก่อน ที่ครั้งหนึ่งเจียงเซ่อโทรมาหาเขา และพูดถึงเรื่องที่ถูกลักพาตัวขึ้นมา

มีไม่กี่ครั้งที่เจียงเซ่อจะเป็นฝ่ายโทรมาหาเขา เธอเป็นคนที่ชอบเก็บอะไรไว้คนเดียวเสมอ ไม่ค่อยระบายหรือกระตือรือร้นที่จะเล่าอะไรให้คนอื่นฟังเท่าไหร่ ตอนนั้นที่เธอโทรมาหาเขา ก็ทำเอาเผยอี้เซอร์ไพรส์มากด้วยซ้ำ โดยเฉพาะกับเรื่องที่เธอเล่าให้ฟังว่าในวัยเด็กตัวเองเคยถูกลักพาตัวไป ก็ยิ่งทำให้เผยอี้ลืมเรื่องนี้ได้ยากกว่าเดิม

จากปากของเธอ มันทำให้เผยอี้ได้รู้ถึงสถานการณ์และความเป็นไปในตอนที่เธอถูกลักพาตัวมากขึ้น เขาเคยถามชื่อพวกคนร้ายที่ลักพาตัวเธอไป เขาจำได้ว่าเจียงเซ่อบอกว่า เพื่อเป็นการปกป้องเธอ เฝิงจงเหลียงจึงออกคำสั่งกับคนทั้งตระกูลเฝิงว่า ห้ามไม่ให้ใครหน้าไหนพูดถึงเรื่องที่เฝิงหนานถูกลักพาตัวขึ้นมาอีกเป็นอันขาด แต่หลังจากนั้นก็เหมือนจะจำได้ลางๆ ว่าหัวหน้ากลุ่มคนร้ายนั้นมีแซ่ว่าเจียง หลังจากที่ถูกจับไปแล้วก็ถูกส่งตัวไปรับโทษที่ฮ่องกง

ที่เฝิงจงเหลียงพูดถึง คนที่ชื่อว่าเจียงจื้อหยวนนั้นได้ ‘ออกจากคุก’ แล้ว และอาจเป็นไปได้ว่าหนึ่งในกลุ่มคนร้ายที่ลักพาตัวเจียงเซ่อไปก็พ้นโทษแล้วเหมือนกัน เฝิงจงเหลียงก็ยังพูดอีกว่า ‘เมื่อสองเดือนก่อน’ น่าเสียดายที่มือถือดันแบตหมดไปเสียก่อน และดับไปเสียดื้อๆ

ถ้าหากว่าเจียงจื้อหยวนคือคนที่เคยลักพาตัวเฝิงหนานไปจริงๆ ละก็ งั้นถ้าหากว่ามันออกจากคุกมาแล้ว มันก็อาจจะย้อนกลับมาที่ตี้ตู มันอาจจะเกิดความแค้นที่ครั้งนั้นมันไม่ลักพาตัวเรียกค่าไถ่ไม่สำเร็จก็ได้ มันคงอยากจะกลับมาตามหา ‘เฝิงหนาน’ คนนี้และจัดการแก้แค้น

เหตุผลที่เฝิงจงเหลียงติดต่อมาหาเขาทำให้เผยอี้ต้องขบคิดอย่างหนัก หรือว่าเป็นเพราะเฝิงจงเหลียงกำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของ ‘เฝิงหนาน’ และรู้ว่าเมื่อก่อนเขาเองก็ชอบและรักเฝิงหนานมากกว่าใคร ดังนั้นหลังจากที่รู้ว่าเจียงจื้อหยวนออกจากคุกแล้ว ก็รีบโทรหาเขาทันที และหวังว่าเขาจะสามารถจัดการอะไรได้บ้าง และให้คอยจับตามองเจียงจื้อหยวนเอาไว้งั้นเหรอ หรือว่าจะยังมีเหตุผลอื่นอีก?

ในตอนที่เฝิงจงเหลียงเกษียณออกจากกรมทหาร และไปทำธุรกิจต่อที่ฮ่องกง ทำให้อำนาจในตี้ตูมีไม่มากเท่าแต่ก่อน แต่ทว่าชื่อเสียงและฐานะยังคงอยู่ ทหารอาวุโสหลายนายที่เคยอยู่กับเขามาก็ยังมีการติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ

ถ้าหากว่าเป็นเพราะเป็นห่วงเฝิงหนานจริงๆ ยอมแบกหน้าไปเตือนเธอหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรมาก เรื่องแบบนี้จริงๆ แล้วก็ไม่น่าใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย

แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาก็ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องโทรหาเผยอี้เลยด้วยซ้ำ เพราะตัวเฝิงจงเหลียงเองก็สามารถจัดการเรื่องนี้ได้สบายๆ ยิ่งโดยเฉพาะหลายปีมานี้เขาเองก็มีแฟนสาวแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่าง ‘เฝิงหนาน’ ดูก็รู้ว่าไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แล้วคนนิสัยอย่างเฝิงจงเหลียง ไม่มีทางเลยที่จะทำอะไรแบบนี้

นอกจากว่าเรื่องนี้จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเจียงเซ่อ เขาถึงได้ตั้งใจที่จะโทรมาเตือนเขา!

เผยอี้เม้มปากแน่นและรี่ตาลง ถ้าหากว่ากว่าคาดเดาของเขามันถูกต้อง ว่าเจียงจื้อหยวนก็คือหนึ่งในกลุ่มคนร้ายที่เคยลักพาตัวเฝิงหนาน และตอนนี้ก็ได้ออกมาจากคุกแล้ว การที่เฝิงจงเหลียงโทรมาเตือนแบบนี้ ก็สามารถยืนยันได้สองเรื่องแล้ว

ถ้าไม่ใช่ว่าคนที่ชื่อเจียงจื้อหยวนมีความเกี่ยวข้องอะไรกับตัวเจียงเซ่อ ก็คงเป็นเพราะว่าเฝิงจงเหลียงรู้ความจริงที่ว่าเจียงเซ่อก็คือเฝิงหนานหลานสาวของตัวเองแล้ว

ความเป็นไปได้ทั้งสองเรื่องนี้มันสูงมาก อีกทั้งเจียงจื้อหยวนเองก็มีแซ่เจียงเหมือนกับเจียงเซ่อ ตามในข้อมูลที่ให้เนี่ยต้านไปสืบหามา โจวฮุ่ยแม่ของเจียงเซ่อตัวจริงนั้นได้แต่งงานใหม่กับตระกูลตู้ และเธอก็ไม่ได้มีญาติสนิทหรือคนรู้จักจากฝั่งพ่อเลยสักคนเดียว

ตอนแรกที่เผยอี้ต้องการข้อมูลของเธอ ก็แค่อยากจะแน่ใจว่าเธอก็คือเฝิงหนาน ทำให้ไม่ได้สนใจเรื่องของเจียงเซ่อจริงๆ เสียเท่าไหร่ และหลังจากที่พิสูจน์สิ่งที่ตัวเองอยากรู้ได้แล้ว ก็ไม่ได้ไปตามสืบเรื่องอื่นๆ อีกเลย ทำให้ต้องกลับมานั่งเสียดายขึ้นมาในตอนนี้

ความเป็นไปได้ของทั้งสองเรื่องนี้ยังมีอยู่ แต่แค่ต้องรอให้เขาได้ไปยืนยันด้วยตัวเองเท่านั้น

ตอนนี้เหลือแต่ต้องให้เขาไปถึงที่หมาย จะได้รีบชาร์ตแบต และติดต่อหาเฝิงจงเหลียงเพื่อให้เรื่องทุกอย่างมันกระจ่าง

ไม่ว่าสิ่งที่เขาคาดเดามันจะเป็นจริงหรือไม่ และไม่ว่าคนที่ชื่อเจียงจื้อหยวนจะเป็นคนร้ายที่เคยลักพาตัวเฝิงหนานไปหรือเปล่า เขาก็จะไม่มีวันให้คนๆ นี้ได้มีโอกาสมาทำร้ายเจียงเซ่อเป็นอันขาด

เขาถามขึ้นอีกครั้ง

“อีกนานเท่าไหร่ถึงจะถึงนครใหม่?”

รถแท็กซี่วิ่งมาแล้วกว่าครึ่งชั่วโมง ใบหน้าของคนขับรถที่นิ่งๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรนในทันที ก่อนจะตอบกลับไปอย่างระแวดระวัง

“อย่างมากก็อีกครึ่งชั่วโมงครับ”

ขึ้นทางด่วนมาแล้วรถก็จะไม่ค่อยติด อีกทั้งนครใหม่เองก็ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวอะไร คนไม่ได้มากมาย

แต่ทว่ายังไม่ทันถึงครึ่งชั่วโมง เผยอี้ก็ได้เห็นป้ายกำกับของนครใหม่แล้ว

ก่อนที่เขาจะมา เขาก็ได้ถามและจำชื่อเมืองที่เจียงเซ่อจะมาถ่ายทำหนังเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทันทีที่คนขับรถรู้ว่าจุดมุ่งหมายคือที่ไหนและขับมาถึง เวลาก็ยังไม่ถึงสิบโมงเช้าเลยด้วยซ้ำ

ในหมู่บ้านมีทีมงานกองถ่ายมาถึงแล้วกลุ่มหนึ่ง และได้ประกาศให้ได้รับรู้กันไปแล้วเมื่อสองวันก่อน ทำให้มีคนจากละแวกหมู่บ้านมาล้อมมุ่งดูกันเต็มไปหมด เพราะว่าได้ยินว่ามีดารามาด้วย

เผยอี้จ่ายเงินแล้วลงจากรถ ไม่รอให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ก็รีบเข้าไปถามถึงจุดที่เจียงเซ่ออยู่ทันที

ชาวบ้านหลายคนกำลังพากันรีบวิ่งขึ้นไปบนเขา เผยอี้เองก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย เดินขึ้นไปพลางฟังกลุ่มคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ด้วย เขายังไม่ได้มาสายจนเกินไป ทีมงานกองถ่ายเพิ่งจะมาถึงที่นี่กันได้แค่สองวันเท่านั้น วันนี้ต่างหากถึงจะเป็นวันที่เริ่มถ่ายจริงๆ

เผยอี้ต้องเสียเวลาไปอยู่นาน กว่าจะผ่านวงล้อมพวกบอดี้การ์ดเข้าไปในกองถ่ายได้ พอหาเจียงเซ่อเจอก็พบว่าเธอกำลังถ่ายหนังอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ฉากเนื้อเรื่องกำลังอยู่ในตอนที่พวกโจรลักพาตัวล้อมตัวเจียงเซ่ออยู่พอดี และกำลังพูดคุยปรึกษากันว่าจะเรียกเงินค่าไถ่จากตระกูลถังอย่างไรดี

เจียงเซ่อถูกมัดและนั่งอยู่กับพื้น กำลังดิ้นขยุกขยิกไปมาอย่างยากลำบาก ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิง ท่าทางดูจนตรอกและไร้หนทางสู้ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

จนมาถึงตอนนี้นี่เอง ที่จางจิ้งอานรู้ว่าทำไมก่อนหน้านี้เด็กสาวถึงได้กล้าบอกให้ช่างแต่งหน้าลบรองพื้นบนหน้าของตัวเองออก เธอมีความมั่นใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

ตอนนี้ใบหน้าของเธอไม่มีการเพิ่มแสงและยังไม่ได้ผ่านการตัดต่อแต่งเติมแต่อย่างใด แต่กลับสามารถเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่ใบหน้าขาวๆ ที่เป็นเพราะรองพื้นจนดูไม่สมจริงนั่นเหมือนอย่างในตอนแรกอีก ราวกับว่าเธอกำลังตกอยู่ในสภาวะของความหวาดกลัวจริงๆ ราวกับว่าได้เจอเหตุการณ์ที่ถูกลักพาตัวมาจริงๆ อย่างไรอย่างนั้น

การแสดงของเจียงเซ่อในฉากๆ นี้ทำเอาจางจิ้งอานไม่รู้สึกเลยว่าเธอกำลัง ‘แสดง’ อยู่ มือของเขาบีบหน้าขาตัวเองแน่น พยายามเก็บความพึงพอใจเอาไว้สุดๆ

แดเนียลและคนอื่นๆ ยังคงพูดบทของตัวเองไปเรื่อยๆ กับชายชาวต่างชาติที่มีรูปร่างสูงใหญ่ราวกับรูปปั้นและอายุราวๆ สามสิบเจ็ดสามสิบแปดแบบนี้ ผมยาวดัดลอนสีน้ำตาลถูกเซตไปด้านหลัง คิ้วหนาเข้มๆ ที่ขมวดกดอยู่เหนือดวงตา แววตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น แถมยังไว้หนวดไว้เคราอีก

รูปร่างที่สูงใหญ่ของเขา มันทำให้เจียงเซ่อหวนนึกถึงความทรงจำที่เคยถูกลักพาตัวขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย และทำให้เกิดความกดดันในใจเธออย่างใหญ่หลวง

รอบๆ กายมีแต่สายตาที่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจมองมา ชั่วขณะหนึ่งที่เธอแยกไม่ออกว่านี่คือหนังหรือเรื่องจริงกันแน่น จึงพยายามดิ้นไปยังมุมๆ หนึ่งเพื่อที่จะหลบ